Masukวาจาของเจียวเหอที่ต่อว่านางต่อหน้าบัณฑิต และชาวบ้านที่หน้าสำนักศึกษา สร้างความอับอายให้เฟยเถา จนนางไม่กล้าเข้าเมืองอีกเลย ฟางเฟยเถายังจำสายตาของบัณฑิตและชาวบ้านที่มองนางอย่างดูแคลนได้ดี
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้นางจะแค้นใจทุกครั้ง จึงได้วางแผนการชั่วช้าเรื่องยากำหนัดกับเจียวเหอ ในเมื่อรังเกียจนางมากนัก ก็ตกเป็นของนางไปเลยก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด วิญญาณของฟางเฟยเถาจึงได้ออกจากร่างในวันที่แผนการของนางจะสำเร็จด้วย
เฟยเถาลืมเรื่องความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไปเสียสนิท นางต้องการที่จะเข้าเมืองเพื่อขายโสมเพียงอย่างเดียว เลยไม่สนใจสายตาของหูเจี้ยนที่มองมาทางนางอย่างกังวล
“ไปเถิด หากช้าจะไม่ทันเกวียนวัวรอบเช้า” นางดันตัวหูเจี้ยนให้ออกเดิน
“ได้”
พอมาถึงเกวียนวัวหน้าหมู่บ้าน เฟยเถานางไม่ยอมให้หูเจี้ยนจ่ายค่าเกวียนให้นาง
“ข้ามีเงิน” นางเขย่าถุงเงินตรงหน้าหูเจี้ยนด้วยรอยยิ้มสดใส เพราะอีกไม่นานในถุงเงินใบน้อยของนางจะต้องมีเงินอยู่เต็มถุงแน่นอน แม้ตอนนี้ในจะมีเพียงแค่พอจ่ายค่าเกวียนได้ก็ตาม
“แม่นางฟาง เจ้าตัดใจจากอาเหอได้แล้วหรือ” สตรีใบหน้าอวบอิ่มมองนางอย่างเยาะเย้ย
“อืม...ข้าต้องบอกท่านด้วยหรือป้าเถียน” เฟยเถาทำหน้าใสซื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เพ้ย!!! สตรีปากร้ายเช่นนี้ ข้าเป็นอาเหอก็ไม่ปรายตามองเจ้าเช่นกัน”
“ป้าเถียน ท่านจะว่าเถาเถานางเพื่ออันใด นางยังไม่ได้ทำอันใดให้ท่านเสียหน่อย” หูเจี้ยนดึงเฟยเถาไปหลบด้านหลัง
“อาเจี้ยนข้าจะเตือนเจ้าด้วยความหวังดี เจ้าคิดว่าบิดามารดาเจ้าจะยอมรับสตรีเช่นนางหรือ หึ ยากจน กำพร้าบิดามารดายังไม่เท่าใด แต่ชื่อเสียงของนางจะมีบุรุษใดกล้าแต่งเข้าเรือน”
“ป้า!!! พอได้แล้ว ข้ากำพร้าไร้บิดามารดา หรือยากจน มันใช่เรื่องที่ท่านต้องดูถูกข้าหรือ ในหมู่บ้านที่เรือนใดที่ร่ำรวยจนดูแคลนผู้อื่นได้เล่า ท่านเองก็ยังต้องหาผักป่าไปขายเลี้ยงครอบครัว จะต้องมาถากถางข้าเพื่ออันใด” เฟยเถาเท้าเอวต่อว่าอย่างไม่ยอม
“อาเหอ เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ สตรีเช่นนี้เจ้าอยู่ให้ห่างที่สุดได้ยิ่งดี” ป้าเถียนหันไปเห็นเจียวเหอเดินมาขึ้นเกวียนวัวกับเฉียนตงก็เอ่ยเยาะเย้ยเฟยเถาขึ้นมาทันที
“เกวียนวัวมีกี่รอบกัน” นางหันไปกระซิบถามหูเจี้ยน ดูท่าฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว
“หากเจ้าไม่ไปรอบนี้ก็ต้องรอรอบเย็นเลย หากไปรอบเย็นเจ้าก็ต้องนอนในเมือง หรือเจ้าจะเดินไป”
“เดินไกลหรือไม่”
“สองชั่วยาม”
“ข้าทนเอาหน่อยก็ได้” นางเอ่ยพูดเสียงเบา ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งด้านในสุด โดยไม่หันไปสนใจสายตาของผู้ใดที่มองมาทางนางเลย
หูเจี้ยนเองก็ตามขึ้นมานั่งด้านข้างของนาง พร้อมทั้งบังเฟยเถาให้หลบหายไปจากสายตาของผู้อื่น
ป้าเถียนปากของนางพูดถากถางเฟยเถาไม่ยอมเลิก ทั้งยังชวนชาวบ้านที่ร่วมอยู่ในเกวียนนินทานางอีกด้วย
เกวียนวัวที่วิ่งโคลงเคลงไปตลอดทางบวกกับเสียงแหลมของป้าเถียนทำให้เฟยเถาอยากจะอาเจียนออกมา
“ป้า!!! หุบปากหน่อยเถิด ข้าจะอ้วก” นางตะโกนออกมาอย่างเหลืออด
“เถาเถา เจ้าไหวหรือไม่” หูเจี้ยนหันมามองใบหน้าที่ซีดขาวของนางอย่างตกใจ
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นว่าเฟยเถานางจะมีอาการเมาเกวียนให้เห็นมาก่อน
“ไม่ไหว หยุดเกวียนก่อนได้หรือไม่” นางปิดปากตัวเองไว้แน่น หากพูดออกมาอีกคำ อ้วกคงได้พุ่งตามออกมาแน่
“ลุงไห่ หยุดเกวียนประเดี๋ยวเถิด” หูเจี้ยนตะโกนร้องบอกคนขับเกวียน
ลุงไห่รีบเอาเกวียนจอดข้างทาง ด้วยไม่ต้องการให้เกวียนของตนเปื้อนของเสียที่จะออกมาจากเฟยเถา
เฟยเถาเองก็รีบวิ่งลงไปโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ด้านหลังยังมีหูเจี้ยนที่ค่อยลูบหลังอยู่ไม่ห่าง การกระทำของทั้งคู่ช่างขัดตาเจียวเหอยิ่งนัก แต่ประโยคต่อมาของป้าเถียนก็ทำให้ใบหน้าของเจียวเหอดำคล้ำทันที
“หรือว่านางจะท้อง”
“ท้องกับผีสิป้า!!! ท่านเห็นข้ามีสามีหรือไง” เฟยเถาหันมาเถียงอย่างไม่ยอม สายตาของนางสบเข้ากับสายตาที่ดุดันของเจียวเหอเข้าพอดี
เร็วเกินไป ไม่ใช่แน่นอน เพียงอาทิตย์เดียว จะรู้ว่าท้องเลยก็ประหลาดไป ในหัวของเฟยเถามีแต่ประโยคพวกนี้วนเวียนไปมา
“ลุงไห่ ข้าขอนั่งกับท่านได้หรือไม่ ข้าอยากนั่งรับลม”
“เอาเถิด เจ้าคงเมาเกวียน มานั่งกับข้าก็ได้ หากเจ้าอยากอาเจียนอีก จะได้ไม่ต้องหยุดเกวียน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หูเจี้ยนช่วยประคองเฟยเถาขึ้นไปนั่งอยู่ด้านข้างของลุงไห่
ด้านหน้าเกวียนไม่ค่อยได้ยินเสียงของป้าเถียน ทั้งยังมีลมเย็นๆ ตีเข้าหน้าตลอด ทำให้เฟยเถาไม่มีอาการอยากอาเจียนอีกเลยตลอดการเดินทาง
“เถาเถา เจ้าจะไปร้านผ้าเลยหรือไม่”
“พี่เจี้ยนข้าอยากไปร้านขายยาก่อน ท่านพอจะรู้จักร้านที่ให้ราคายุติธรรมหรือไม่”
“ข้าเข้าเมืองมาขายสมุนไพรอยู่บ่อย จะพาเจ้าไปเอง เจ้าไม่สหายมากหรือ ถึงต้องมาซื้อยาเอง”
“ไม่มากเจ้าค่ะ” นางยิ้มแห้งให้เขา มีคนอยู่มากที่หน้าประตูเมือง เฟยเถาจึงไม่กล้าบอกหูเจี้ยนว่านางจะไปขายสมุนไพร
“หรือว่านางจะท้องกับอาเจี้ยน” เฉียนตงมองตามแผ่นหลังของทั้งสองไปแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย “อาเหอเจ้าจะไปที่ใด ไม่เข้าเรียนหรือ”
“ข้ามีเรื่องต้องจัดการเจ้าเข้าเรียนได้เลย ลาท่านอาจารย์ให้ข้าด้วย ข้าจะเข้าไปสายหน่อย” เขาเดินเข้าเมืองไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเฉียนตง
เฟยเถาจิตใจของนางจดจ่ออยู่ที่ร้านขายยา จึงไม่รู้ว่าด้านหลังเจียวเหอเดินตามนางมาห่างๆ
“อาเจี้ยน วันนี้เจ้ามีอันใดมาขาย” เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาหาหูเจี้ยนอย่างยินดี
“เอ่อ...วันนี้ข้าจะมาซื้อ...”
“พี่ชาย ข้ามีของดีมาขาย แต่ว่าจะหยิบขึ้นมาให้ท่านดูไม่ได้ ท่านพาข้าเข้าไปด้านในได้หรือไม่”
“เจ้าไม่ได้จะซื้อยาหรือ”
“เปล่า เข้าไปด้านในก่อน ข้าไม่อยากให้ผู้อื่นรู้”
เจียวเหออยู่ใกล้จนไม่ได้ยินว่าทั้งสามพูดคุยอันใดกัน เห็นเพียงสีหน้าที่เคร่งเครียดของหูเจี้ยนและท่าทางที่หลบซ่อนของเฟยเถา ยิ่งทำให้เขาร้อนใจอยากจะรู้เรื่องราวโดยเร็ว
เสี่ยวเอ้อพาทั้งสองเข้าไปหาหลงจู๊ด้านใน เฟยเถานางหยิบโสมต้นเล็กที่สุดในความคิดนางออกมาให้เขาดู
“ตามข้ามา” ในตอนแรกหลงจู๊ก็ดูท่าไม่อยากจะต้อนรับทั้งสอง แต่ตอนนี้เขารีบร้อนนำทางไปห้องรับรองด้านใน พร้อมทั้งสั่งให้เสี่ยวเอ้อหาน้ำชาของว่างมารับรองทั้งสองด้วย
โสมที่เฟยเถานางนำมาขายมีอายุนับพันปี ทางร้านยายอมซื้อนางในราคาหัวละ ห้าพันตำลึงทอง นางจึงนำออกมาขายทั้งสองหัวเลย พอเห็นโสมหัวที่สอง ที่มีขนาดใหญ่กว่าหัวเล็ก ทางร้านก็ให้ราคายุติธรรมมอบให้นางเพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึงทอง
เฟยเถามีเงินในมือมากถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตำลึงทอง หูเจี้ยนที่นั่งเงียบตลอดการเจรจา สติของเขาเหมือนจะหลุดรอดออกไปแล้ว เฟยเถารับเงินเสร็จแล้ว สะกิดเรียกเขาสติของเขาก็ยังไม่กลับมาเลย
“พี่เจี้ยน ข้าให้” นางมอบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงทองให้เขาอย่างใจกว้าง
“มะ ไม่ ไม่ได้ ข้ารับไว้ไม่ได้”
“หากท่านไม่รับไว้ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องมาพบข้าอีก” เฟยเถาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เขามีอันใดก็แอบนำมาให้เจ้าของร่างตลอด ในเมื่อนางมีเงินมากมาย จะแบ่งให้เขาเพียงเล็กน้อยไม่ได้หรือ เล็กน้อยมาก หนึ่งพันตำลึงทอง
“ดะ ได้”
“ท่านเก็บให้ดี แล้วทำหน้าให้ดีด้วย ไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะสงสัยเอาได้” เมื่อเห็นหูเจี้ยนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เฟยเถาก็บอกลาท่านหมอและหลงจู๊เพื่อไปร้านผ้าต่อ
หรูหลิงไม่คิดว่าเพียงแช่น้ำในบ่อมรกตจะทรมานเช่นนี้ นางเคยแช่ตัวในลำธารวิเศษของเฟยเถา แต่ไม่เห็นจะทรมานเช่นที่เป็นอยู่ นางกรีดร้องอยู่สองชั่วยามจึงได้สิ้นความเจ็บปวด“ชอบหรือไม่” ทั้งสองออกมาจากมิติแล้ว หรูหลิงกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของนาง“ผู้อื่นจะไม่สงสัยหรือ”“ยังมองออกว่าเป็นเจ้าเช่นเดิม เพียงแค่งามขึ้นมากกว่าเดิมก็เท่านั้น”“ขอบใจเจ้ามากเถาเถา”“ข้าต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ เข้ามาอยู่กับเจ้าตามลำพังนานเพียงนี้ ผู้อื่นที่มาเติมสินเดิมให้เจ้าจะตำหนิข้าได้”“ได้ ข้าไปส่ง”ยามที่หรูหลิงเดินออกมาจากเรือนพร้อมกับเฟยเถา บ่าวไพร่ในจวนก็มองนางอย่างตกตะลึง แม้แต่ราชครูสุ่ยและฮูหยินสุ่ยเองก็อดจะสงสัยไม่ได้ เมื่อเฟยเถากลับไปจึงได้เรียกบุตรสาวเข้ามาถาม“เถาเถา นางช่วยให้ข้ากลายเป็นผู้ฝึกตนเจ้าค่ะ”ทั้งสองเข้าใจได้ทันทีว่าผู้ฝึกตนคือสิ่งใด ด้วยซิงเหยี่ยน เจียวเหอและอาซือ คือผู้ฝึกตนที่รบกับแคว้นต้าซ่ง โดยที่ทหารแคว้นต้าฉีไม่ได้ล้มตายเลยสักคนเดียว ผู้คนจึงเริ่มหวั่นเกรงในความสามารถของทั้งสองวันงานมงคล เจียวเหอไปที่ตำหนักขององค์ชายสาม เพื่อมารับเจ้าสาวพร้อมเขา ส
จินเซียน ราวกับว่าวิญญาณของนางกำลังจะถูกดึงออกจากร่างของเฟยเถา นางดิ้นรนอย่างทรมาน เพื่อยื้อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง“ขะ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านเทพชะตา ท่านต้องให้โอกาสข้า ข้ายังไม่ได้ทำอันใดเลย”“เจ้าทำผิดต่อคำสาบานของเจ้า ข้ายอมให้เจ้าได้แก้ตัว ด้วยเห็นว่าวิญญาณของเจ้าไม่สงบ ในเมื่อนางเข้ามาทำให้โชคชะตาของเจ้าเปลี่ยน ข้าจึงให้เจ้าได้ลองเป็นนาง ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เจ้าคิดหรือไม่ แต่เจ้ากล้าทำให้เด็กบาดเจ็บ...”“ยัง เด็กยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ท่านต้องจะพาข้าไปไม่ได้”บุรุษทั้งสามหรี่ตามองนาง เหมือนว่านางกำลังพูดกับสิ่งใดอยู่ แต่พวกเขามองไม่เห็น“จินเซียน ครั้งนี้เด็กไม่บาดเจ็บ แต่ความแค้นในใจเจ้ารุนแรงเกินไป เจ้าคิดจะกำจัดเด็กทั้งสองตั้งแต่แรก ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเด็กทั้งสองเจ้าแตะต้องไม่ได้”“ข้าอยากแตะต้องเสียที่ไหน หากมิใช่ฮูหยินสุ่ยสงสัยในตัวข้า”“เป็นเจ้าที่ทำพลาดไป อย่างไรเจียวเหอก็ไม่มีทางสนใจเจ้า ยอมรับเสีย หมดเวลาของเจ้าแล้ว”“หากข้าอยู่ต่อ เชื่อว่าเขาต้องรักข้ามากกว่านางเป็นแน่”“ไม่ ข้าไม่มีทางรักเจ้า ถังอี้เหนียงไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเจ้าในร่างนาง ข้าก็ไม่เคยนึกสนใจเ
ไป๋ไป๋ นำม้าในมิติออกมาเปลี่ยนให้ทั้งสามใช้แทน สัตว์เทพทั้งสามตัว วิ่งได้เร็วราวกับลม ทั้งยังไม่ต้องหยุดพักเพื่อกินอาหาร เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน พวกเขาก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงเจียวเหอมุ่งหน้ากลับไปที่จวนทันที ซิงเหยี่ยนไปหาหรูหลิงที่จวนสุ่ยเพื่อสอบถามเรื่องราวจากนางเสียก่อน ซิงเหยี่ยนยังต้องเข้าวังหลวงเพื่อไปรายงานเรื่องที่ชายแดนให้เสด็จพ่อฟัง จึงไม่ได้พาหรูหลิงไปที่จวนตระกูลจางในทันที“ท่านพี่ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” จินเซียนในร่างของเฟยเถายิ้มหวานมองเจียวเหอ ที่เข้ามาหานางในห้องอยู่ไฟเจียวเหอ ดินเข้าไปหานางอย่างใจเย็น แม้ใบหน้าจะเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าวิญญาณของนางไม่ใช่เฟยเถา“เป็นเช่นใดบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา“ดีแล้วเจ้าค่ะ ร่างกายข้าฟื้นตัวได้เร็วนัก บ่าวไพร่ก็ไม่ยอมให้ข้าเลี้ยงบุตรชายทั้งสองเลย ท่านพี่ ท่านพาลูกมาหาข้าได้หรือไม่”“ยังไม่ต้อง เจ้าควรจะพักต่อ ข้าจะไปดูลูกเสียก่อน”“แต่ว่า...ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก” นางเดินเข้ามาจะสวมกอดเขา“ร่างกายข้าเปื้อนไปทั้งตัว อย่าเพิ่งเข้าใกล้ข้า”“เจ้าค่ะ เช่นนั้น ข้าจะสั่งให้บ่าวเตรียมน้ำให้ท่านนะเจ้าคะ” นางยิ
เฟยเถาราวกับตัวนางล่องลอยหลุดออกมาจากร่าง นางมองทุกสิ่งในห้องด้วยความตกใจ แม้จะเอ่ยเรียกหรือพูดสิ่งใดก็ไม่มีคนได้ยิน เด็กทารกทั้งสองราวกับรับรู้ความเป็นตายของผู้เป็นมารดา ต่างก็ส่งเสียงร้องแข่งกันราวกับจะขาดใจเจียวเหอก็กอดร่างของเฟยเถาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาพร่ำเอ่ยเรียกชื่อของนางหวังให้นางลืมตาขึ้นมามองเขาสักครั้ง“ฟางซื่อ เจ้าแย่งโชคชะตาของข้าไป จะเป็นเช่นใดหากเจ้าได้มองข้าใช้ชีวิตในร่างของเจ้า”“จินเซียน!!!”เฟยเถาหันไปมองด้านข้างของนางอย่างรวดเร็ว ก็เห็นวิญญาณของจินเซียนจ้องมองมาที่นางอย่างโกรธแค้น“อย่าได้คิด” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา“อืม...เจ้าทนดูเถิดว่าข้า...จะจัดการกับบุตรเจ้าและสามีของเจ้าเช่นใด”“อย่า!!!” เฟยเถากรีดร้องออกมาสุดเสียงดวงตาของนางเบิกกว้างไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นวิญญาณของจินเซียนค่อยๆ ลอยเข้าไปแทนที่อยู่ในร่างของนาง“นายท่าน!!! ปล่อยมือเร็วเข้า ท่านต้องกลับไปแล้ว” ไป๋ไป๋เองก็เห็นเช่นกัน มันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดดึงร่างของเจียวเหอให้หลุดออกมาจากร่างของเฟยเถาที่นอนอยู่“แม่นางสุ่ย ฝากท่านดูคุณชายน้อยทั้งสองด้วย ในร่างของนายหญิงตอนนี้ไม่ใช่วิญญาณของนาง แต่เป็นจ
ซิงเหยี่ยนฟังเรื่องราวทั้งหมดจากหรูหลิง เขาก็ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง“หลิงหลิง ข้าไม่คิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ ข้าจะช่วยพี่ใหญ่ให้เขารอดจากเคราะห์ครั้งนี้ เจ้ารอข้าได้หรือไม่ เมื่อกลับมาเมืองหลวง ค่อยเข้าพิธีแต่งงาน” เขากุมมือของนางเอาไว้“ได้ ข้าจะรอท่าน” นางยิ้มออกมาอย่างยินดี นางเองก็ไม่อยากถูกขังอยู่ภายในตำหนักทองคำเช่นกันซิงเหยี่ยนและเจียวเหอ หารือเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดนเหนือร่วมกัน พวกขาที่ยังไม่ทันจะคิดว่าจะออกเดินทางเมื่อใด ชายแดนเหนือก็ส่งข่าวมาแล้วว่า แคว้นต้าซ่งเริ่มมีการเคลื่อนไหว คาดว่าอีกไม่นานจะเกิดสงครามทั้งสองรีบเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันที ซิงเหยี่ยนบอกฮ่องเต้เรื่องที่เขาและเจียวเหอกลายเป็นผู้ฝึกตน ในตอนแรกฮ่องเต้ก็ยังไม่เชื่อ จนเมื่อเห็นพลังปราณที่ซิงเหยี่ยนปล่อยออกมา“เจ้าจะเดินทางไปชายแดนเหนือเช่นนั้นหรือ”“เสด็จพ่อ ลูกเป็นห่วงพี่ใหญ่ ให้ลูกไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากมีลูกและจางจอหงวน แคว้นต้าฉีจะไม่มีทางแพ้ให้แคว้นต้าซ่งอย่างแน่นอน”“แล้วงานมงคลของเจ้า” อีกเพียงเดือนเดียวก็จะถึงงานมงคลของซิงเหยี่ยนแล้ว“ลูกเชื่อว่าคุณหนูสุ่ยนางจะเข้าใจ”“ได้ จางจอหงวนถือว่าเป็นงานแรก
จินเซียนที่กำลังเลือกเครื่องประดับ ที่ร้านในอันดับหนึ่งในเมืองส่งมาให้นางเลือกอยู่ เห็นองค์ชายรองเข้ามา นางก็ยิ้มอย่างยินดี เดินไปหาเขา คิดว่าเขาจะมาช่วยนางเลือกเสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าของจินเซียนดังออกไปถึงด้านนอก พวกบ่าวต่างก็พากันถอยห่างไปไกลด้วยความหวาดกลัว“หญิงชั่ว!!! เจ้ารู้เรื่องที่บิดาของเจ้าถูกจับโทษฐานลอบค้าเกลือหรือไม่”“...” จินเซียนจ้องมองเขาอย่างโกรธแค้น นางดูไม่ตกใจในคำถามของเขา และยกยิ้มที่มุมปากอย่างเยาะเย้ย“แล้วพระองค์คิดว่า เจ้าเมืองเล็กๆ เช่นบิดาหม่อมฉัน จะหาเงินมากเพียงนั้นมาให้พระองค์ได้อย่างไรเล่าเพคะ”“เจ้ารู้อยู่แล้วหรือ” ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ มือทั้งสองข้างบีบที่ต้นแขนของจินเซียนเอาไว้แน่น“เพคะ พระองค์ก็พูดเองว่าเข้าหาหม่อมฉันเพื่อหวังสมบัติ ในเมื่อได้มาแล้วมิยินดีหรือเพ....โอ๊ยยยย” นางถูกตบไปอีกสองที จนฟุบไปอยู่บนพื้น“สมควรตาย!!! การรับเจ้าเข้าตำหนัก เป็นความคิดโง่เขลาที่สุดสำหรับข้า” เขาเดินไปเตะเข้าที่ท้องนางหนึ่งทีก่อนจะออกไปด้านนอก เพื่อไปจัดการสมบัติทั้งหมดที่ได้มาโดยเร็วจินเซียนนอนงอตัวหัวเราะอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่านางพลาดที่ใด ตั้งแต่เรื่อ







