แชร์

บทที่ 7/1 อ้อมกอดที่แสนสับสน

ผู้เขียน: เลี่ยงจิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-16 15:18:38

บทที่ 7

อ้อมกอดที่แสนสับสน

อย่าจากไปไหน

“อาการของพี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเล่าฉานเอ๋อร์”

          แววตาอ่อนโยนทอดอ่อนมองบุตรสาวบุญธรรมด้วยความรัก ก่อนจะหันไปมองบุตรชายที่ไม่ยอมฟื้นคืนสติเสียที ทั้งที่อาการภายนอกโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วแท้ๆ

ซึ่งอาการหลับใหลไม่ได้สติเช่นนี้ นางได้เรียกให้หมอชราผู้เป็นอาจารย์ของเหล่าหมอเก่งกาจทั้งหลายมาตรวจดูอาการอีกรอบ แต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากสภาวะทางจิตใจ ซึ่งต้องรอคอยจนกว่าเจ้าตัวจะลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยตนเอง

          “วันนี้สีหน้าของท่านพี่ดีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ”

          ยุ่นฉานเอ่ยพลางปราดเข้าไปประคองฮูหยินหวงให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างเอาอกเอาใจ ส่วนโจวจื่อลู่นั้นรีบวางผ้าเช็ดตัวในมือแล้วลุกขึ้นทำความเคารพว่าที่มารดาสามีอย่างอ่อนน้อม

          “คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ”

          “เกรงใจเจ้าแล้วจื่อเอ๋อร์ ป้าอยากให้เสี่ยวหยางรู้เสียจริงว่าเจ้าเป็นห่วงเป็นใยเขามากถึงเพียงนี้”

          “ข้าไม่ได้หวังสิ่งใดจากท่านพี่หรอกเจ้าค่ะท่านป้า แค่ได้ดูแลท่านพี่ข้าก็มีความสุขมากแล้ว”

          จื่อลู่เอ่ยอย่างถ่อมตน ห่อไหล่เข้าหากันน้อยๆ กอปรกับใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักเมื่อทำกิริยาเช่นนี้จึงมักได้รับความเอ็นดูจากผู้สูงวัยกว่าเสมอ

          ฮูหยินหวงอมยิ้มกับกิริยาน่าเอ็นดูของโจวจื่อลู่ เด็กสาวผู้นี้นางเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะมักตามมารดาไปเที่ยวเล่นยังงานเลี้ยงน้ำชาเสมอๆ

          เคยปรึกษากับสามีว่าอยากจะได้จื่อลู่มาเป็นสะใภ้หลายครั้ง แต่ติดที่ตระกูลหลี่และตระกูลหวงมีสัญญาใจต่อกัน อีกทั้งจะยกจื่อลู่ซึ่งเป็นเพียงบุตรบุญธรรมข้ามหน้าบุตรสาวแท้ๆ ไม่ได้เพราะเกรงจะเกิดคำครหา

          ทว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้นางจะทำทุกอย่างเพื่อให้บุตรชายได้อิสระหย่าขาดจากภรรยาอัปมงคลให้จงได้ ในเมื่อแต่งงานตามสัญญาแล้ว จะหย่าขาดหลังจากนี้ก็ไม่นับว่าผิดสัญญา อีกทั้งจะยกจื่อลู่ขึ้นเป็นภรรยาแทนที่ก็ไม่นับว่าเสียหายอะไร ในเมื่อหลี่เสี่ยซีขาดคุณสมบัติไม่เหมาะแก่การเป็นภรรยาของบุรุษใดทั้งสิ้น

“เจ้านี่ช่างเป็นเด็กที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลายเสียจริง”

          พูดพลางยื่นมือไปลูบศีรษะโจวจื่อลู่อย่างเอ็นดู แน่นอนว่าทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตาของสะใภ้ไร้ตัวตน

          หลี่เสี่ยซีเผลอยกมือขึ้นสัมผัสศีรษะของตนเอง

        ‘นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ข้าไม่เคยได้รับสัมผัสอย่างอ่อนโยนเช่นนั้นเลย’

        ก่อนนี้นางเคยดีใจที่ ‘ท่านป้า’ เข้ามาเป็นมารดาเลี้ยง  เพราะท่านป้าใจดีและมักจะกอดนางต่อหน้าผู้คนอยู่เสมอๆ แต่ก็แค่ช่วงสองสามปีแรกเท่านั้น พอนางย่างเข้าอายุแปดปีนางก็ไม่เคยได้รับอ้อมกอดหรือแม้แต่ฝ่ามือที่ลูบลงมาบนศีรษะอีกเลย มีเพียงวาจาอ่อนหวานที่หลายๆ ครั้งนางกลับรู้สึกว่ามันเจือไปด้วยพิษร้ายที่กัดกินชีวิตของนางให้ยิ่งหมองหม่นมืดมัว

          แน่นอนว่าบิดาของนางนั้นยิ่งแล้วใหญ่ แค่จะพูดกับนางดีๆ สักครึ่งคำยังไม่มี จึงไม่ต้องคาดฝันถึงอ้อมกอดหรือสัมผัสอบอุ่นใด

          “ท่านพี่! ท่านพี่ฟื้นแล้ว”

          “พี่หยางหมิงฟื้นแล้ว”

          “เสี่ยวหยางเจ้าฟื้นแล้ว ไปตามท่านหมอมาเร็วเข้า!”

          เสียงเอะอะที่ดังขึ้นปลุกให้หลี่เสี่ยซีหลุดออกจากภวังค์แห่งความเศร้า นางมองไปยังร่างสูงที่กำลังกะพริบตาปริบๆ ดั่งปรับสายตาให้คุ้นชินกับความสว่าง

          เรียวปากของนางหยักยิ้มน้อยๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

        ‘ในเมื่อท่านฟื้นแล้ว ข้าก็ไม่มีสิ่งใดที่รู้สึกติดค้างอีก ลาก่อนเจ้าค่ะ...สามี ขอท่านโปรดรักษาสุขภาพด้วย’

          หญิงสาวเอ่ยลาในใจ ขอบตาร้อนผ่าวคล้ายหยดน้ำใสจะหลั่งริน ทว่าจังหวะที่นางหมุนกายกำลังเดินออกจากห้อง นางกลับไปยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก

          “ซีเอ๋อร์...”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 7/2 อ้อมกอดที่แสนสับสน

    ปลายเท้าหยุดชะงักด้วยความงุนงง ‘ข้าคงหูฝาดไปเอง แม้จะฟังดูคล้ายเสียงท่านพี่ แต่เขาไม่เคยเรียกข้าด้วยสรรพนามคุ้นเคยเช่นนี้มาก่อน’ สลัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะก้าวขาข้างหนึ่งพ้นออกจากธรณีประตูทว่า… “ซีเอ๋อร์อย่าไป...” น้ำเสียงอ่อนแรงชัดขึ้นทำให้เจ้าของร่างบอบบางหมุนกายกลับไปด้วยความงุนงง “ทะ...ท่านโหว” เสี่ยซีเอ่ยเรียกเขาด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นว่าเขาพยายามยกมือยื่นออกมาราวกับต้องการไขว่คว้านางเอาไว้ก็ยิ่งรู้สึกสับสน แน่นอนว่าภายในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงหลี่เสี่ยซีที่งุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฮูหยินหวงหยาเฟย หวงยุ่นฉาน โจวจื่อลู่ และพ่อบ้านที่เพิ่งก้าวเข้ามาต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน “มา...หา...ข้า ได้โปรด” น้ำเสียงอ้อนวอนทำให้เสี่ยซีเผลอไผลก้าวเท้ากลับเข้าไปหาคนเจ็บราวกับต้องมนตร์สะกด ‘เขาต้องการอะไรกันแน่ รั้งข้าไว้ ทำราวกับมีใจห่วงหา จากนั้นก็จะผลักไส หัวเราะเยาะเย้ยข้าที่แสนโง่งมทีหลังงั้นหรือ’ ในหัวสมองของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลี่เต็มไปด้วยคำถามและความคลางแคลงใจ นางขยับกายไปยืนข้า

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 7/1 อ้อมกอดที่แสนสับสน

    บทที่ 7อ้อมกอดที่แสนสับสนอย่าจากไปไหน“อาการของพี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเล่าฉานเอ๋อร์” แววตาอ่อนโยนทอดอ่อนมองบุตรสาวบุญธรรมด้วยความรัก ก่อนจะหันไปมองบุตรชายที่ไม่ยอมฟื้นคืนสติเสียที ทั้งที่อาการภายนอกโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วแท้ๆซึ่งอาการหลับใหลไม่ได้สติเช่นนี้ นางได้เรียกให้หมอชราผู้เป็นอาจารย์ของเหล่าหมอเก่งกาจทั้งหลายมาตรวจดูอาการอีกรอบ แต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากสภาวะทางจิตใจ ซึ่งต้องรอคอยจนกว่าเจ้าตัวจะลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยตนเอง “วันนี้สีหน้าของท่านพี่ดีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ” ยุ่นฉานเอ่ยพลางปราดเข้าไปประคองฮูหยินหวงให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างเอาอกเอาใจ ส่วนโจวจื่อลู่นั้นรีบวางผ้าเช็ดตัวในมือแล้วลุกขึ้นทำความเคารพว่าที่มารดาสามีอย่างอ่อนน้อม “คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ” “เกรงใจเจ้าแล้วจื่อเอ๋อร์ ป้าอยากให้เสี่ยวหยางรู้เสียจริงว่าเจ้าเป็นห่วงเป็นใยเขามากถึงเพียงนี้” “ข้าไม่ได้หวังสิ่งใดจากท่านพี่หรอกเจ้าค่ะท่านป้า แค่ได้ดูแลท่านพี่ข้าก็มีความสุขมากแล้ว” จื่อลู่เอ่ยอย่างถ่อมตน ห่อไหล่เข้าหากั

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 6/2 สตรีหน้าหนาไร้ยางอาย

    สามวันแล้วที่โหวหวงหยางหมิงยังคงไม่ฟื้นคืนสติ ใบหน้าซีดขาวจากการเสียเลือดเริ่มมีสีสันฉายชัดว่าการรักษาจากหมอมากความสามารถได้ผลไม่น้อย แต่แล้วทำไมโหวหนุ่มยังไม่ฟื้นเล่า... ภายในสามวันนี้เองที่ ‘โจวจื่อลู่’ เดินทางมาเยี่ยมเยียนปรนนิบัติคนป่วยอย่างขยันขันแข็ง โดยมีหวงยุ่นฉานคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างจื่อลู่นำโสมสกัดราคาแพงมามอบให้แก่ฮูหยินหวงเพื่อบำรุงไม่ให้ล้มเจ็บจากการเป็นห่วงบุตรชาย อีกทั้งยังอาสาคอยเช็ดตัวพยาบาลโหวหนุ่มอย่างใกล้ชิดดั่งว่าตนเองเป็นสะใภ้ของตระกูลหวงก็ไม่ปาน ทว่า... ในสามวันนี้หลี่เสี่ยซีเองก็มาที่เรือนนอนของโหวหนุ่มเช่นกัน แต่เป็นการมายืนเงียบๆ อยู่ภายในห้องนอนของโหวหนุ่มโดยไม่ยอมปริปากอันใดออกมาแม้ครึ่งคำ ดวงตาของนางจ้องมองไปยังสามีด้วยความห่วงใย กระนั้นกลับไม่เข้าไปวุ่นวายหรืออ้างสิทธิ์การเป็นภรรยาเพื่อจะดูแลเขา นั่นเพราะนางรู้ดีว่าสามีเกลียดนางมากเพียงใด หากเขาฟื้นคืนสติแล้วเห็นนางอยู่ข้างๆ กาย อาการของเขาอาจทรุดลงเพราะความชิงชังก็เป็นได้ และที่สำคัญกว่านั้นมารดาสามีและน้องสามีคงกีดกันไม่ให้นางเข้าใกล้

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 6/1 สตรีหน้าหนาไร้ยางอาย

    บทที่ 6สตรีหน้าหนาไร้ยางอายช่างน่าอาย“ท่านหมอ! ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”ทันทีที่หมอชราเปิดประตูก้าวออกมาฮูหยินหวงซึ่งยืนรอด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งตรงไปหาเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บของบุตรชายทันที“ฮูหยินหวงโปรดวางใจ เวลานี้ท่านโหวปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่ดาบแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ อีกทั้งทหารยังทำการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีท่านโหวจึงไม่เสียเลือดมาก ข้าได้ทำการเย็บปิดบาดแผลและจัดยาเอาไว้ให้ดื่มเช้าเย็น ด้วยร่างกายของท่านโหวแข็งแรงเป็นทุนเดิม นอนพักฟื้นไม่นานก็น่าจะหายเป็นปกติขอรับ”ฮูหยินหวงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซถอยหลังน้อยๆ จนบุตรสาวต้องปราดเข้ามาประคองหวงหยาเฟยมีบุตรยาก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว ซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อบุตรชายต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ“ขอบใจมากนะท่านหมอ ฉานเอ๋อร์ไปส่งท่านหมอด้วย”“เจ้าค่ะท่านแม่”ยุ่นฉานรับคำอย่างว่าง่าย นางคอยเอาอกเอาใจฮูหยินหวงประหนึ่งมารดาแท้ๆ นั่นก็เพราะว่ามารดาของนางซึ่งเป็นอนุภรรยาลำดับท้ายๆ ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่คลอดนางออกมา ใครๆ ต่างก็สงสารท

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 5/2 ภรรยาอัปมงคล

    ทางด้านหลี่เสี่ยซีนั้นมีใบหน้าเรียบเฉย แม้จะได้ยินถ้อยคำแสลงหูจากปากของมารดาสามี แต่นางก็ยังคงหยัดยืนหลังตรงราวกับรูปปั้นที่ไร้ความรู้สึก‘ช่างหน้าหนาเสียจริง จะถูกสามีหย่าอยู่แล้วยังจะมายืนเสนอหน้าอยู่อีก’‘ทนหน่อยเถอะ อีกไม่นานนางก็คงถูกไล่ออกจากจวนแล้ว’ สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังจงใจกระซิบกระซาบให้ผู้ที่มีตำแหน่งนายหญิงน้อยได้ยินอย่างไม่กลัวเกรง สามวันแล้วที่โหวหวงหยางหมิงยังคงไม่ฟื้นคืนสติ ใบหน้าซีดขาวจากการเสียเลือดเริ่มมีสีสันฉายชัดว่าการรักษาจากหมอมากความสามารถได้ผลไม่น้อย แต่แล้วทำไมโหวหนุ่มยังไม่ฟื้นเล่า... ภายในสามวันนี้เองที่ ‘โจวจื่อลู่’ เดินทางมาเยี่ยมเยียนปรนนิบัติคนป่วยอย่างขยันขันแข็ง โดยมีหวงยุ่นฉานคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างจื่อลู่นำโสมสกัดราคาแพงมามอบให้แก่ฮูหยินหวงเพื่อบำรุงไม่ให้ล้มเจ็บจากการเป็นห่วงบุตรชาย อีกทั้งยังอาสาคอยเช็ดตัวพยาบาลโหวหนุ่มอย่างใกล้ชิดดั่งว่าตนเองเป็นสะใภ้ของตระกูลหวงก็ไม่ปาน ทว่า... ในสามวันนี้หลี่เสี่ยซีเองก็มาที่เรือนนอนของโหวหนุ่มเช่นกัน แต่เป็นการมายืนเงียบๆ อยู่ภายในห้อง

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 5/1 ภรรยาอัปมงคล

    บทที่ 6สตรีหน้าหนาไร้ยางอายช่างน่าอาย“ท่านหมอ! ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”ทันทีที่หมอชราเปิดประตูก้าวออกมาฮูหยินหวงซึ่งยืนรอด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งตรงไปหาเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บของบุตรชายทันที“ฮูหยินหวงโปรดวางใจ เวลานี้ท่านโหวปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่ดาบแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ อีกทั้งทหารยังทำการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีท่านโหวจึงไม่เสียเลือดมาก ข้าได้ทำการเย็บปิดบาดแผลและจัดยาเอาไว้ให้ดื่มเช้าเย็น ด้วยร่างกายของท่านโหวแข็งแรงเป็นทุนเดิม นอนพักฟื้นไม่นานก็น่าจะหายเป็นปกติขอรับ”ฮูหยินหวงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซถอยหลังน้อยๆ จนบุตรสาวต้องปราดเข้ามาประคองหวงหยาเฟยมีบุตรยาก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว ซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อบุตรชายต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ“ขอบใจมากนะท่านหมอ ฉานเอ๋อร์ไปส่งท่านหมอด้วย”“เจ้าค่ะท่านแม่”ยุ่นฉานรับคำอย่างว่าง่าย นางคอยเอาอกเอาใจฮูหยินหวงประหนึ่งมารดาแท้ๆ นั่นก็เพราะว่ามารดาของนางซึ่งเป็นอนุภรรยาลำดับท้ายๆ ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่คลอดนางออกมา ใครๆ ต่างก็สงสารที

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 4 สตรีจิตใจหยาบช้า

    บทที่ 4สตรีจิตใจหยาบช้าเสแสร้ง“ทะ...ท่านโหวจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ” สองเท้าก้าวยาวๆ จนปลายกระโปรงสีเขียวหยกไหวลู่ไปตามแรงขยับเขยื้อนกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซ่านไปด้วยเลือดฝาดจนแก้มอวบอิ่มผุดผาด นัยน์ตากลมโตหวานซึ้งจ้องมองแผ่นหลังกว้างของบุรุษที่กำลังเดินหนีหายไกลออกไป...ไกลออกไป ราวกับไม่ต้องการรับรู้การมีอยู่ของสตรีที่วิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง “หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ข้าอยากเชิญท่านโหวร่วมดื่มชาชมดอกบุปผางามที่กำลังบานสะพรั่งในสวนเจ้าค่ะ” เอ่ยชวนออกไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย เสี่ยซีเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า“ถึงอย่างไรข้ากับท่านโหวก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์เป็นสามีภรรยา หากเราได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอร่วมกันคงดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ” “ข้าไม่ว่าง และไม่สะดวกใจที่จะดื่มชาร่วมกับเจ้า” ถ้อยคำตัดรอนทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าม่าน เก้อกระดากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาออกไป “ทะ...ท่านรังเกียจข้า ระ...หรือว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามออกไปแล้วก

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 3 ดอกไม้ในใจไม่อาจผลิบาน

    บทที่ 3ดอกไม้ในใจไม่อาจผลิบานตัดใจเรือนร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนนิ่งราวกับตุ๊กตางดงามที่ไร้ชีวิต ใบหน้าของนางซีดขาวไร้เลือดฝาด ดวงตาเหม่อลอยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ยังคงรินไหลออกมาเป็นสายราวกับไม่มีวันแห้งเหือดไหล่บางงองุ้ม ก่อนที่ริมฝีปากสีชาดจะค่อยๆ เบะเบี้ยวเหยเก จากนั้นเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นจึงพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลายลง“ฮือ...”เหมือนหัวใจกำลังจะถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆสัมผัสกักขฬะหยาบคาย การอุ่นเตียงที่ไม่มีการกอดจูบโอนอ่อนอย่างคนเป็นสามีภรรยา มันคือการเสพสมราคะเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ที่เจือไปด้วยความเกลียดชังขยะแขยง‘ดอกไม้ในหัวใจข้า เพียงแค่แย้มกลีบตูม แต่มิอาจแบ่งบาน ด้วยถูกรดด้วยหยาดน้ำตาจึงได้แห้งเฉา...สลายไป พอแล้ว... ข้าเจ็บปวดมามากพอแล้ว ข้าไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ข้าจะไม่รักท่านอีกแล้ว’หลี่เสี่ยซีสะอื้นฮักคู้กายงอตัวราวกับเด็กทารกน้อยในครรภ์มารดา ดวงตาแดงก่ำค่อยๆ พริ้มหลับลงช้าๆ‘หากท่านแม่ยังมีชีวิต ข้าคงไม่รู้สึกราวกับกำลังเดินหลงทางอยู่ในเขาวงกตอันแสนทุกข์ตรมเช่นนี้ ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน’แม้จะหลับตาลง ทว่าหยาดน้ำตายังคงไหลซึมผ่านแพขนตาหนาออกมาจนเปียกปอ

  • ข้าหมดใจแต่โหวใจร้ายกลับคลั่งรัก   บทที่ 2 พรหมจรรย์ไร้ค่า

    บทที่ 2พรหมจรรย์ไร้ค่าเจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ“ท่านโหว! ดะ...ได้โปรด ยะ...หยุด!”หลี่เสี่ยซีหวีดร้องเสียงหลง สัมผัสกักขฬะจากมือสากกระด้างตระกรุมตระกรามบีบเฟ้นเต้าหวานทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับสั่นกลัวด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่าภายในเศษเสี้ยวหัวใจกลับหวามระทวยด้วยเขาคือบุรุษที่นางหลงรักมาเนิ่นนานแม้เขาจะสัมผัสนางด้วยความเกลียด ทว่าลึกลงไปในหัวใจกลับเจือความสุขที่แสนเจ็บปวด‘ความรู้สึกนี้...ทำให้ข้ายิ่งเป็นสตรีชั่วช้าตามคำที่ท่านโหวปรามาสไม่ผิดเพี้ยน ข้าคือเจ้าสาวแพศยาที่ไม่สมควรได้รับความรักงั้นหรือ...’คำถามมากมายผุดพรายขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนจะกระเจิดกระเจิงหนีหายเมื่อมือหนาหนักกระชากกางเกงของเสี่ยซีจนฉีกขาดแควก!หัวใจกระตุกแรงพรั่นพรึง หัวสมองขาวโพลนหมุนคว้างเมื่อเรือนกายท่อนล่างเปล่าเปลือยเผยให้เห็นโหนกนูนแห่งอิสตรีเพศอวบอูมดั่งดอกบัวแรกแย้มแล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวเรียวขาทั้งสองข้างก็ถูกจับให้ยกชี้แบะอ้าก่อนที่เรือนกายสูงจะแทรกเบียดเข้ามา ท่อนเอ็นแข็งขึงเบียดชิดลงมายังโหนกนูน ส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นรำส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้“อื้อ...”เสี่ยซีครางเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status