ปลายเท้าหยุดชะงักด้วยความงุนงง
‘ข้าคงหูฝาดไปเอง แม้จะฟังดูคล้ายเสียงท่านพี่ แต่เขาไม่เคยเรียกข้าด้วยสรรพนามคุ้นเคยเช่นนี้มาก่อน’
สลัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะก้าวขาข้างหนึ่งพ้นออกจากธรณีประตู
ทว่า…
“ซีเอ๋อร์อย่าไป...”
น้ำเสียงอ่อนแรงชัดขึ้นทำให้เจ้าของร่างบอบบางหมุนกายกลับไปด้วยความงุนงง
“ทะ...ท่านโหว”
เสี่ยซีเอ่ยเรียกเขาด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นว่าเขาพยายามยกมือยื่นออกมาราวกับต้องการไขว่คว้านางเอาไว้ก็ยิ่งรู้สึกสับสน
แน่นอนว่าภายในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงหลี่เสี่ยซีที่งุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฮูหยินหวงหยาเฟย หวงยุ่นฉาน โจวจื่อลู่ และพ่อบ้านที่เพิ่งก้าวเข้ามาต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน
“มา...หา...ข้า ได้โปรด”
น้ำเสียงอ้อนวอนทำให้เสี่ยซีเผลอไผลก้าวเท้ากลับเข้าไปหาคนเจ็บราวกับต้องมนตร์สะกด
‘เขาต้องการอะไรกันแน่ รั้งข้าไว้ ทำราวกับมีใจห่วงหา จากนั้นก็จะผลักไส หัวเราะเยาะเย้ยข้าที่แสนโง่งมทีหลังงั้นหรือ’
ในหัวสมองของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลี่เต็มไปด้วยคำถามและความคลางแคลงใจ นางขยับกายไปยืนข้างเตียงอย่างระแวดระวังซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่โหวหนุ่มพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งโดยมีน้องสาวและจื่อลู่ปราดเข้าไปประคองแล้วใช้หมอนดันหลังเขาเอาไว้
ทว่าดวงตาคมของชายหนุ่มกลับไม่สนใจสตรีทั้งสองที่กำลังประคองเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังภรรยาเพียงคนเดียวราวกับกลัวว่าหากเขาเบือนหน้าไปทางอื่นนางอาจหนีหายไปจากชีวิตเขาอีกครา
“ซีเอ๋อร์...”
เสียงทุ้มแหบแห้งเอ่ยเรียกอย่างเว้าวอนยังผลให้หัวใจของคนตัวเล็กอ่อนยวบ นางจึงตัดสินใจทรุดกายลงนั่งข้างเตียง และนั่นทำให้นางถึงกับตกใจเมื่อจู่ๆ สามีก็รั้งร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น
“ทะ...ท่านโหว”
คนตัวเล็กในอ้อมกอดถึงกับตัวแข็งพยายามขัดขืน ทว่าอ้อมกอดที่รัดแน่นอีกทั้งยังมีแรงสั่นสะท้านจากไหล่หนาให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังร่ำไห้อยู่ในอกแม้ว่าจะไม่มีหยาดน้ำตาหลั่งออกมา
“ภรรยาของข้า ภรรยาข้า...”
โหวหวงหยางหมิงพึมพำออกมาราวกับละเมอ เขากดปลายคางลงบนไหล่เล็กๆ ฝังปลายจมูกสูดดมกลิ่นกายของคนในอ้อมกอด ดั่งกำลังย้ำชัดว่านางมีตัวตนจริงๆ
‘กะ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่’
หลี่เสี่ยซีทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความงุนงง ทว่าหัวใจที่แห้งแล้งเหี่ยวเฉากลับอุ่นวาบราวกับมีไอร้อนเข้าไปปกคลุมเสียกระนั้น
ทว่าเพียงครู่เดียวสองแขนที่กอดรัดภรรยาเอาไว้ก็ค่อยๆ อ่อนแรงลง เนื้อตัวของชายหนุ่มอ่อนยวบเข้าสู่การหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียอีกครา
หลี่เสี่ยซีค่อยๆ ประคองสามีให้นอนลง ก่อนจะหันไปยอบกายทำความเคารพมารดาสามีที่ยังคงยืนอ้าปากค้าง นางเดินกลับออกมาโดยไม่พูดสิ่งใดเลย แน่นอนว่าทุกคนภายในห้องนั้นต่างก็นั่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น กว่าหลายอึดใจยุ่นฉานจึงทำลายความเงียบงันด้วยการสันนิษฐาน
“สงสัยว่าศีรษะของท่านพี่จะได้รับความกระทบกระเทือนยามเมื่อตกจากหลังม้าแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ จึงได้ดูสับสนไม่เป็นตัวเองเช่นนี้ เดี๋ยวพอหายดีแล้วก็คงกลับคืนมาเป็นดังเดิม”
“นะ...นั่นสินะ”
โจวจื่อลู่สำทับด้วยใบหน้าซีดขาว มือเล็กที่ผสานกันที่หน้าตักถึงกับกำแน่นพยายามระงับความกรุ่นโกรธริษยาที่ปะทุขึ้นในหัวใจอย่างสุดความสามารถ
ฮูหยินหวงไม่ได้เอื้อนเอ่ยอันใดเพราะจังหวะนั้นหมอได้เดินทางมาถึงพอดี กระนั้นหัวคิ้วกลับขมวดเข้าหากันจนแทบชิดด้วยไม่เข้าใจกิริยาที่บุตรชายแสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย
“ท่านป้าเจ้าขา... ในเมื่อท่านพี่ฟื้นแล้วเช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมท่านพี่อีก”
“เดินทางกลับดีๆ นะจื่อเอ๋อร์”
“เจ้าค่ะท่านป้า”
เมื่อโจวจื่อลู่ทำความเคารพหวงฮูหยินเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปบอกสหายสนิทว่าไม่ต้องไปส่งแต่ให้อยู่รอดูอาการของท่านโหว นั่นเพราะนางตั้งใจว่าจะแวะไปหาญาติผู้น้องก่อนเดินทางกลับนั่นเอง
ปลายเท้าหยุดชะงักด้วยความงุนงง ‘ข้าคงหูฝาดไปเอง แม้จะฟังดูคล้ายเสียงท่านพี่ แต่เขาไม่เคยเรียกข้าด้วยสรรพนามคุ้นเคยเช่นนี้มาก่อน’ สลัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะก้าวขาข้างหนึ่งพ้นออกจากธรณีประตูทว่า… “ซีเอ๋อร์อย่าไป...” น้ำเสียงอ่อนแรงชัดขึ้นทำให้เจ้าของร่างบอบบางหมุนกายกลับไปด้วยความงุนงง “ทะ...ท่านโหว” เสี่ยซีเอ่ยเรียกเขาด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นว่าเขาพยายามยกมือยื่นออกมาราวกับต้องการไขว่คว้านางเอาไว้ก็ยิ่งรู้สึกสับสน แน่นอนว่าภายในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงหลี่เสี่ยซีที่งุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฮูหยินหวงหยาเฟย หวงยุ่นฉาน โจวจื่อลู่ และพ่อบ้านที่เพิ่งก้าวเข้ามาต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน “มา...หา...ข้า ได้โปรด” น้ำเสียงอ้อนวอนทำให้เสี่ยซีเผลอไผลก้าวเท้ากลับเข้าไปหาคนเจ็บราวกับต้องมนตร์สะกด ‘เขาต้องการอะไรกันแน่ รั้งข้าไว้ ทำราวกับมีใจห่วงหา จากนั้นก็จะผลักไส หัวเราะเยาะเย้ยข้าที่แสนโง่งมทีหลังงั้นหรือ’ ในหัวสมองของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลี่เต็มไปด้วยคำถามและความคลางแคลงใจ นางขยับกายไปยืนข้า
บทที่ 7อ้อมกอดที่แสนสับสนอย่าจากไปไหน“อาการของพี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเล่าฉานเอ๋อร์” แววตาอ่อนโยนทอดอ่อนมองบุตรสาวบุญธรรมด้วยความรัก ก่อนจะหันไปมองบุตรชายที่ไม่ยอมฟื้นคืนสติเสียที ทั้งที่อาการภายนอกโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วแท้ๆซึ่งอาการหลับใหลไม่ได้สติเช่นนี้ นางได้เรียกให้หมอชราผู้เป็นอาจารย์ของเหล่าหมอเก่งกาจทั้งหลายมาตรวจดูอาการอีกรอบ แต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากสภาวะทางจิตใจ ซึ่งต้องรอคอยจนกว่าเจ้าตัวจะลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยตนเอง “วันนี้สีหน้าของท่านพี่ดีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ” ยุ่นฉานเอ่ยพลางปราดเข้าไปประคองฮูหยินหวงให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างเอาอกเอาใจ ส่วนโจวจื่อลู่นั้นรีบวางผ้าเช็ดตัวในมือแล้วลุกขึ้นทำความเคารพว่าที่มารดาสามีอย่างอ่อนน้อม “คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ” “เกรงใจเจ้าแล้วจื่อเอ๋อร์ ป้าอยากให้เสี่ยวหยางรู้เสียจริงว่าเจ้าเป็นห่วงเป็นใยเขามากถึงเพียงนี้” “ข้าไม่ได้หวังสิ่งใดจากท่านพี่หรอกเจ้าค่ะท่านป้า แค่ได้ดูแลท่านพี่ข้าก็มีความสุขมากแล้ว” จื่อลู่เอ่ยอย่างถ่อมตน ห่อไหล่เข้าหากั
สามวันแล้วที่โหวหวงหยางหมิงยังคงไม่ฟื้นคืนสติ ใบหน้าซีดขาวจากการเสียเลือดเริ่มมีสีสันฉายชัดว่าการรักษาจากหมอมากความสามารถได้ผลไม่น้อย แต่แล้วทำไมโหวหนุ่มยังไม่ฟื้นเล่า... ภายในสามวันนี้เองที่ ‘โจวจื่อลู่’ เดินทางมาเยี่ยมเยียนปรนนิบัติคนป่วยอย่างขยันขันแข็ง โดยมีหวงยุ่นฉานคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างจื่อลู่นำโสมสกัดราคาแพงมามอบให้แก่ฮูหยินหวงเพื่อบำรุงไม่ให้ล้มเจ็บจากการเป็นห่วงบุตรชาย อีกทั้งยังอาสาคอยเช็ดตัวพยาบาลโหวหนุ่มอย่างใกล้ชิดดั่งว่าตนเองเป็นสะใภ้ของตระกูลหวงก็ไม่ปาน ทว่า... ในสามวันนี้หลี่เสี่ยซีเองก็มาที่เรือนนอนของโหวหนุ่มเช่นกัน แต่เป็นการมายืนเงียบๆ อยู่ภายในห้องนอนของโหวหนุ่มโดยไม่ยอมปริปากอันใดออกมาแม้ครึ่งคำ ดวงตาของนางจ้องมองไปยังสามีด้วยความห่วงใย กระนั้นกลับไม่เข้าไปวุ่นวายหรืออ้างสิทธิ์การเป็นภรรยาเพื่อจะดูแลเขา นั่นเพราะนางรู้ดีว่าสามีเกลียดนางมากเพียงใด หากเขาฟื้นคืนสติแล้วเห็นนางอยู่ข้างๆ กาย อาการของเขาอาจทรุดลงเพราะความชิงชังก็เป็นได้ และที่สำคัญกว่านั้นมารดาสามีและน้องสามีคงกีดกันไม่ให้นางเข้าใกล้
บทที่ 6สตรีหน้าหนาไร้ยางอายช่างน่าอาย“ท่านหมอ! ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”ทันทีที่หมอชราเปิดประตูก้าวออกมาฮูหยินหวงซึ่งยืนรอด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งตรงไปหาเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บของบุตรชายทันที“ฮูหยินหวงโปรดวางใจ เวลานี้ท่านโหวปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่ดาบแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ อีกทั้งทหารยังทำการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีท่านโหวจึงไม่เสียเลือดมาก ข้าได้ทำการเย็บปิดบาดแผลและจัดยาเอาไว้ให้ดื่มเช้าเย็น ด้วยร่างกายของท่านโหวแข็งแรงเป็นทุนเดิม นอนพักฟื้นไม่นานก็น่าจะหายเป็นปกติขอรับ”ฮูหยินหวงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซถอยหลังน้อยๆ จนบุตรสาวต้องปราดเข้ามาประคองหวงหยาเฟยมีบุตรยาก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว ซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อบุตรชายต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ“ขอบใจมากนะท่านหมอ ฉานเอ๋อร์ไปส่งท่านหมอด้วย”“เจ้าค่ะท่านแม่”ยุ่นฉานรับคำอย่างว่าง่าย นางคอยเอาอกเอาใจฮูหยินหวงประหนึ่งมารดาแท้ๆ นั่นก็เพราะว่ามารดาของนางซึ่งเป็นอนุภรรยาลำดับท้ายๆ ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่คลอดนางออกมา ใครๆ ต่างก็สงสารท
ทางด้านหลี่เสี่ยซีนั้นมีใบหน้าเรียบเฉย แม้จะได้ยินถ้อยคำแสลงหูจากปากของมารดาสามี แต่นางก็ยังคงหยัดยืนหลังตรงราวกับรูปปั้นที่ไร้ความรู้สึก‘ช่างหน้าหนาเสียจริง จะถูกสามีหย่าอยู่แล้วยังจะมายืนเสนอหน้าอยู่อีก’‘ทนหน่อยเถอะ อีกไม่นานนางก็คงถูกไล่ออกจากจวนแล้ว’ สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังจงใจกระซิบกระซาบให้ผู้ที่มีตำแหน่งนายหญิงน้อยได้ยินอย่างไม่กลัวเกรง สามวันแล้วที่โหวหวงหยางหมิงยังคงไม่ฟื้นคืนสติ ใบหน้าซีดขาวจากการเสียเลือดเริ่มมีสีสันฉายชัดว่าการรักษาจากหมอมากความสามารถได้ผลไม่น้อย แต่แล้วทำไมโหวหนุ่มยังไม่ฟื้นเล่า... ภายในสามวันนี้เองที่ ‘โจวจื่อลู่’ เดินทางมาเยี่ยมเยียนปรนนิบัติคนป่วยอย่างขยันขันแข็ง โดยมีหวงยุ่นฉานคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างจื่อลู่นำโสมสกัดราคาแพงมามอบให้แก่ฮูหยินหวงเพื่อบำรุงไม่ให้ล้มเจ็บจากการเป็นห่วงบุตรชาย อีกทั้งยังอาสาคอยเช็ดตัวพยาบาลโหวหนุ่มอย่างใกล้ชิดดั่งว่าตนเองเป็นสะใภ้ของตระกูลหวงก็ไม่ปาน ทว่า... ในสามวันนี้หลี่เสี่ยซีเองก็มาที่เรือนนอนของโหวหนุ่มเช่นกัน แต่เป็นการมายืนเงียบๆ อยู่ภายในห้อง
บทที่ 6สตรีหน้าหนาไร้ยางอายช่างน่าอาย“ท่านหมอ! ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”ทันทีที่หมอชราเปิดประตูก้าวออกมาฮูหยินหวงซึ่งยืนรอด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งตรงไปหาเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บของบุตรชายทันที“ฮูหยินหวงโปรดวางใจ เวลานี้ท่านโหวปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่ดาบแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ อีกทั้งทหารยังทำการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีท่านโหวจึงไม่เสียเลือดมาก ข้าได้ทำการเย็บปิดบาดแผลและจัดยาเอาไว้ให้ดื่มเช้าเย็น ด้วยร่างกายของท่านโหวแข็งแรงเป็นทุนเดิม นอนพักฟื้นไม่นานก็น่าจะหายเป็นปกติขอรับ”ฮูหยินหวงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซถอยหลังน้อยๆ จนบุตรสาวต้องปราดเข้ามาประคองหวงหยาเฟยมีบุตรยาก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว ซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อบุตรชายต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ“ขอบใจมากนะท่านหมอ ฉานเอ๋อร์ไปส่งท่านหมอด้วย”“เจ้าค่ะท่านแม่”ยุ่นฉานรับคำอย่างว่าง่าย นางคอยเอาอกเอาใจฮูหยินหวงประหนึ่งมารดาแท้ๆ นั่นก็เพราะว่ามารดาของนางซึ่งเป็นอนุภรรยาลำดับท้ายๆ ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่คลอดนางออกมา ใครๆ ต่างก็สงสารที
บทที่ 4สตรีจิตใจหยาบช้าเสแสร้ง“ทะ...ท่านโหวจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ” สองเท้าก้าวยาวๆ จนปลายกระโปรงสีเขียวหยกไหวลู่ไปตามแรงขยับเขยื้อนกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซ่านไปด้วยเลือดฝาดจนแก้มอวบอิ่มผุดผาด นัยน์ตากลมโตหวานซึ้งจ้องมองแผ่นหลังกว้างของบุรุษที่กำลังเดินหนีหายไกลออกไป...ไกลออกไป ราวกับไม่ต้องการรับรู้การมีอยู่ของสตรีที่วิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง “หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ข้าอยากเชิญท่านโหวร่วมดื่มชาชมดอกบุปผางามที่กำลังบานสะพรั่งในสวนเจ้าค่ะ” เอ่ยชวนออกไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย เสี่ยซีเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า“ถึงอย่างไรข้ากับท่านโหวก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์เป็นสามีภรรยา หากเราได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอร่วมกันคงดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ” “ข้าไม่ว่าง และไม่สะดวกใจที่จะดื่มชาร่วมกับเจ้า” ถ้อยคำตัดรอนทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าม่าน เก้อกระดากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาออกไป “ทะ...ท่านรังเกียจข้า ระ...หรือว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามออกไปแล้วก
บทที่ 3ดอกไม้ในใจไม่อาจผลิบานตัดใจเรือนร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนนิ่งราวกับตุ๊กตางดงามที่ไร้ชีวิต ใบหน้าของนางซีดขาวไร้เลือดฝาด ดวงตาเหม่อลอยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ยังคงรินไหลออกมาเป็นสายราวกับไม่มีวันแห้งเหือดไหล่บางงองุ้ม ก่อนที่ริมฝีปากสีชาดจะค่อยๆ เบะเบี้ยวเหยเก จากนั้นเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นจึงพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลายลง“ฮือ...”เหมือนหัวใจกำลังจะถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆสัมผัสกักขฬะหยาบคาย การอุ่นเตียงที่ไม่มีการกอดจูบโอนอ่อนอย่างคนเป็นสามีภรรยา มันคือการเสพสมราคะเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ที่เจือไปด้วยความเกลียดชังขยะแขยง‘ดอกไม้ในหัวใจข้า เพียงแค่แย้มกลีบตูม แต่มิอาจแบ่งบาน ด้วยถูกรดด้วยหยาดน้ำตาจึงได้แห้งเฉา...สลายไป พอแล้ว... ข้าเจ็บปวดมามากพอแล้ว ข้าไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ข้าจะไม่รักท่านอีกแล้ว’หลี่เสี่ยซีสะอื้นฮักคู้กายงอตัวราวกับเด็กทารกน้อยในครรภ์มารดา ดวงตาแดงก่ำค่อยๆ พริ้มหลับลงช้าๆ‘หากท่านแม่ยังมีชีวิต ข้าคงไม่รู้สึกราวกับกำลังเดินหลงทางอยู่ในเขาวงกตอันแสนทุกข์ตรมเช่นนี้ ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน’แม้จะหลับตาลง ทว่าหยาดน้ำตายังคงไหลซึมผ่านแพขนตาหนาออกมาจนเปียกปอ
บทที่ 2พรหมจรรย์ไร้ค่าเจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ“ท่านโหว! ดะ...ได้โปรด ยะ...หยุด!”หลี่เสี่ยซีหวีดร้องเสียงหลง สัมผัสกักขฬะจากมือสากกระด้างตระกรุมตระกรามบีบเฟ้นเต้าหวานทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับสั่นกลัวด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่าภายในเศษเสี้ยวหัวใจกลับหวามระทวยด้วยเขาคือบุรุษที่นางหลงรักมาเนิ่นนานแม้เขาจะสัมผัสนางด้วยความเกลียด ทว่าลึกลงไปในหัวใจกลับเจือความสุขที่แสนเจ็บปวด‘ความรู้สึกนี้...ทำให้ข้ายิ่งเป็นสตรีชั่วช้าตามคำที่ท่านโหวปรามาสไม่ผิดเพี้ยน ข้าคือเจ้าสาวแพศยาที่ไม่สมควรได้รับความรักงั้นหรือ...’คำถามมากมายผุดพรายขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนจะกระเจิดกระเจิงหนีหายเมื่อมือหนาหนักกระชากกางเกงของเสี่ยซีจนฉีกขาดแควก!หัวใจกระตุกแรงพรั่นพรึง หัวสมองขาวโพลนหมุนคว้างเมื่อเรือนกายท่อนล่างเปล่าเปลือยเผยให้เห็นโหนกนูนแห่งอิสตรีเพศอวบอูมดั่งดอกบัวแรกแย้มแล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวเรียวขาทั้งสองข้างก็ถูกจับให้ยกชี้แบะอ้าก่อนที่เรือนกายสูงจะแทรกเบียดเข้ามา ท่อนเอ็นแข็งขึงเบียดชิดลงมายังโหนกนูน ส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นรำส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้“อื้อ...”เสี่ยซีครางเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขา