Share

บทที่ 5

เช้าวันรุ่งขึ้นคณะการเดินทางของครอบครัวหยูก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงศาลาเอ้อเทียน ยงเผยกับศิษย์เอกทั้งสองรวมถึงหยูเจียงก็มองเห็นเพียงความรกร้างว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยใด ๆ ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายใดขึ้น

ย้อนกลับไปกลางดึกของเมื่อคืน หลังจากพระอาทิตย์ลาลับแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาแทนที่ คนของทางการร่วมกับคนคุ้มกันของคนสกุลติงกลุ่มหนึ่งต่างโอบล้อมจัดการกลุ่มโจรร่วมร้อย

โดยที่ไม่ให้พวกมันทันได้รู้ตัว เสียงฟาดฟันประหัต ประหารกันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของราตรีกาล ครั้นแล้วโจรกลุ่มใหญ่ก็ตกเป็นผู้แพ้ให้กับคนของทางการและกลุ่มคนคุ้มกัน

แม้ทางฝ่ายผู้บุกรุกจะมีบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่เหมือนกับเหล่าโจรโฉดที่เหล่าพี่น้องของมันตกตายกันหลายคน หลังจากจัดการกับกลุ่มคนชั่วเรียบร้อยหัวหน้าคนของทางการก็จัดการเก็บกวาดจนไม่มีผู้ใดคิดว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายขึ้น

กลับมายังปัจจุบัน หลังครอบครัวหยูเดินทางผ่านศาลาเอ้อเทียนจุดนี้มาแล้ว พวกเขากำลังจอดรถม้าตรงบริเวณหน้าทางแยกแห่งหนึ่ง

“ท่านแม่ บ้านเดิมของท่านพ่อไปทางไหนล่ะขอรับ” หยูเจียงเอ่ยถามมารดาออกมาอย่างจนใจ เนื่องจากแม้พวกเขาจะรู้ว่าไปเมืองอะไรแต่เหตุใดจู่ ๆ ทำไมถึงมีทางแยกโผล่มาจากไหนอีกหนึ่งทาง

หนิงอันผู้ไม่รู้ว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้นางก็ถึงกับเอามือกุมขมับ ‘เวรแล้วยัยอันอัน ซวยของแท้ในนิยายของฉันไม่มีเรื่องแบบนี้ซะด้วย ทำยังไงดี’ เด็กหญิงคิดอย่างว้าวุ่นใจ

“แม่ก็จำไม่ได้เสียด้วยสิ ว่าแต่ท่านยงรู้หรือไม่ว่าเมืองซานไห่ไปทางไหน” หญิงชรากล่าวเสียงเนิบน้ำเสียงแสดงความวิตก ดังนั้นนางจึงได้ตัดสินใจหันมาถามชายหนุ่มผู้บังคับรถม้า

“ข้าจำได้ว่าเป็นทางซ้าย แต่ที่ไม่รู้ก็คือจะเป็นทางไปหมู่บ้านเดิมของพวกท่านหรือไม่” ยงเผยตอบตามจริงเพราะหมู่บ้านของครอบครัวหยูเขาเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

เมื่อสองผู้นำของครอบครัวหยูได้ยินคำตอบเช่นนี้ต่างก็พากันหันไปมองบุตร/หลานสาวตัวน้อยที่กำลังนั่งก้มหัวคอตก อันอันผู้ตกอยู่ในสภาวะสติแตกกำลังคิดรวบรวมสมาธิของตนเพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่เช่นกัน

“ท่านยงพวกเราขอปรึกษากันสักครู่ได้หรือไม่ว่าควรจะไปทางไหน” หยูเจียงคิดว่าจะลองถามบุตรีจึงได้กล่าวออกมาเช่นนี้กับคนนอก

ยงเผยทำเพียงพยักหน้า จากนั้นเขาก็เดินนำศิษย์ทั้งสองของตนเข้าป่าเพื่อหวังจะล่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยติดมือกลับมาทำเป็นมื้อเย็น

“ลูกรัก ท่านปู่ได้บอกเส้นทางแก่เจ้าหรือไม่” หยูเจียงเอ่ยถามบุตรสาวเข้าประเด็น

หนิงอันผู้กำลังมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้าได้แต่ก้มหน้าใช้ความคิดอย่างหนัก ‘นี่แหละตรงตามคำกล่าวที่ว่าการโกหกหนึ่งครั้งจำต้องโกหกตลอดไป ท่านปู่ที่ว่ามีจริงซะที่ไหนกัน เฮ้อ!’ อันอันได้แต่ถอนใจคิดอย่างกลัดกลุ้ม

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเอาแบบนี้แหละ “นึกออกแล้ว!” เด็กหญิงโพล่งออกมาเสียงดัง

“นึกอะไรออกหรือเจ้า” หยวนฟานเอ่ยถามบุตรสาวพลางเอามือลูบอกของตนป้อย ๆ

เด็กหญิงตัวน้อยส่งสายตาลุแก่โทษไปยังมารดาที่ตัวเองเผลอส่งเสียงดังจนทำให้นางตกใจ

“แม่ไม่เป็นอันใดหรอกเจ้ารีบพูดออกมาเถอะ” มารดาของเจ้าตัวน้อยยกมือลูบหัวเล็กของบุตรสาวเอ่ยอย่างอ่อนโยน

“ข้าขอถามได้หรือไม่พวกเราไม่ได้กลับมายังบ้านเดิมของท่านปู่นานเท่าไหร่แล้วเจ้าคะ” เจ้าตัวน้อยพูดขึ้นทั้งน้ำเสียงและสีหน้าแสดงความจริงจังเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้

“นับตั้งแต่วันที่ข้าถูกขับไล่ออกมาจากบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ปู่ของเจ้าเสียไปก็น่าจะยี่สิบกว่าปีได้แล้วมั้ง ข้าจำได้ว่าในตอนนั้นพาพ่อของเจ้าเร่ร่อนไปทั่ว รับจ้างทำงานสารพัดโชคดีที่เขาได้อาจารย์ดีช่วยสั่งสอนวิชาให้ แต่ว่าท่านผู้นั้นก็เดินทางหายตัวไปอย่างลึกลับ

หลังจากที่พ่อของเจ้าได้เข้าสำนักศึกษา นานป่านนี้ไม่รู้ว่าท่านจะเป็นหรือตาย” หญิงชราเล่าความหลังออกมาด้วยดวงตาเปียกชื้น

“ทะ...ท่านย่าว่าอะไรนะเจ้าคะ ถูกไล่ออกมาอย่างนั้นเหรอ” หนิงอันเอ่ยขึ้นอย่างตกใจในขณะที่ย่าของตนกำลังยกชายเสื้อซับน้ำตา

หญิงชราพยักหน้ารับสีหน้าหม่นเศร้า หนิงอันมองไปยังใบหน้าของบิดาก็เห็นว่าดวงตาของเขาก็แดงเรื่อเช่นเดียวกัน จากนั้นเธอก็มีสีหน้าราวไก่ต้มสุก

“หากเป็นอย่างที่ท่านว่า ข้าคิดว่าที่ท่านปู่ให้เรากลับมายังชนบทอาจจะไม่ได้ต้องการให้เรากลับไปอยู่ร่วมกับคนพวกนั้น ดังนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่บ้านเดิมของท่านก็ได้ถูกไหมเจ้าคะ” หนิงอันแสดงความคิดเห็นหลังจากไตร่ตรองดีแล้ว

“หลานรักเจ้าหมายความว่ายังไงกันแน่ เดี๋ยวบอกว่าปู่ของเจ้าให้กลับไปบ้านเดิม สรุปปู่เจ้าเลอะเลือนอย่างนั้นเหรอ” หญิงชราเอ่ยถามหลานสาวสีหน้าไม่เข้าใจ

“ข้าคิดว่าบางทีท่านปู่อาจจะไม่รู้เรื่องว่าท่านย่ากับท่านพ่อโดนไล่ออกมาจึงได้บอกเช่นนั้น แต่ในตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วเราก็มาเลือกทางเดินกันเองเถอะเจ้าค่ะ” หนิงอันแอบยกมือปาดเหงื่อ (แถค่ะงานนี้ต้องแถอย่างเดียวได้โปรดเชื่อข้าเถอะ)

แม่ชรากับลูกชายมองหน้ากันอยู่สักพักทั้งสองจึงได้พยักหน้า “พ่อกับย่าเห็นด้วยกับความคิดของเจ้า” หยูเจียงพยักหน้ากล่าวตอบ

อันอันลอบถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อปัญหาคลี่คลายคนในครอบครัวต่างก็พากันหุงหาอาหาร ในขณะที่กลิ่นของข้าวลอยหอมอยู่ในอากาศกลุ่มของยงเผยก็กลับมา

“โอ้ ท่านอาได้กระต่ายกลับมาด้วยมีไก่ป่าอีก ฝีมือของท่านช่างเยี่ยมยอดยิ่ง” หยูอันมองสัตว์ที่ไร้ลมหายใจในมือของชายหนุ่มหนวดรกยกนิ้วกล่าวประจบ

“เจ้าไม่กลัว” ยงเผยย้อนถามเด็กหญิงสีหน้าแสดงความแปลกใจ

“เหตุใดข้าต้องกลัวล่ะเจ้าคะ” หนิงอันย้อนสีหน้าฉงนมองกระต่ายที่เลือดสีแดงฉานสลับกับใบหน้าของคนถามไปมา

จู่ ๆ ชายหนุ่มเจ้าของกระต่ายก็เปลี่ยนเรื่องทำให้หนิงอันเบิกตากว้างมองเขาคล้ายเห็นผี “เจ้าตัวเล็กอยากฝึกวรยุทธไหม”

ยงเผยมองใบหน้าเล็กของเด็กน้อยคนนี้แล้วนึกอยากจะเขกหัวนางเสียจริง “ว่ายังไง เหตุใดเจ้าถึงตกใจเช่นนี้” เขาข่มกลั้นอารมณ์ถามเสียงห้วน

“ท่านอา ท่านคงไม่ได้ล้อข้าเล่นหรอกใช่ไหม” หนิงอันถามชายหนุ่มพลางกลืนน้ำลายลงคอไปด้วย

เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะในนิยายต้นฉบับของตนนั้นยงเผยผู้นี้เป็นเพียงคนต่อรถม้าธรรมดาแล้วทำไมตอนนี้ถึงได้

“เด็กน้อยเจ้าช่างไม่รู้อะไรเสียแล้ว อาจารย์ของพวกเราเป็นผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่งในยุทธภพเชียวนะ วิชาของข้าเป็นเขาสอนให้ แม้จะยังไม่เก่งกาจก็เถอะ” จือฉีได้ทีคุยโว

‘เรื่องนี้ข้าก็รู้อยู่หรอกแต่ไม่ใช่ว่าอาจารย์ของท่านเป็นจอมยุทธเดียวดายหรอกหรือ แต่เอ๊ะ...เหตุใดท่านก็ไม่เหมือนที่ข้าบรรยายไว้ด้วยล่ะ หมดกันจอมยุทธสุดคูลมาดนิ่ง’ หนิงอันโอดครวญแต่ไร้ซึ่งน้ำตา

“เจ้าเก็บไปคิดก่อนก็ได้ เพราะข้าเห็นว่าเจ้ามีความกล้า ฉลาดเฉลียวผิดกับเด็กทั่วไปก็เลยกล่าวชวน อีกอย่างตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้เป็นลูกของขุนนางแล้วอย่างน้อยการมีวรยุทธติดตัวหากถึงเวลาคับขันเจ้าก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้” ยงเผยกล่าวแสดงความจริงใจออกมายืดยาว

หนิงอันคิดตามคำพูดของเขานางก็เริ่มไขว้เขวมาบ้างแล้วเหมือนกัน ‘จะฝึกหรือไม่ฝึกดีนะ’ นางถามตัวเองในใจ

ดังนั้นหลังจากมื้อเย็นจบลงเจ้าตัวเล็กก็มีสีหน้าครุ่นคิดจนกระทั่งเข้านอน ภายในฝันของเจ้าตัว หนิงอันตัวน้อยกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนซึ่งนางไม่รู้ว่าคือที่ไหน

เสียงข่มขู่ของสัตว์ชนิดหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง เด็กหญิงหันกลับไปมองก็เห็นหมาป่าตัวเขื่องสีดำดวงตาแดงก่ำ มันกำลังแยกเขี้ยวขาววาววับน้ำลายไหลราวกับทำนบแตก

“เจ้าหมาบ้าไปนะข้าไม่ใช่อาหารของเจ้าสักหน่อย อย่านะ! อย่ามากินข้า มะ....ไม่” ในฝันนั้นหนิงอันตะโกนพร้อมกับวิ่งหนี แต่แล้วนางก็หกล้มทำให้หมาป่าตัวร้ายกระโจนเข้ามาหาตน

เฮือก!! หนิงอันสะดุ้งตกใจตื่นก็พบว่าในตอนนี้มีนางอยู่คนเดียว ก่อนที่จะมีเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดดังอยู่นอกรถม้า

“ลูกรักหนีไป” เสียงของผู้เป็นแม่ตะโกนก้องพร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดตามมาทำให้หนิงอันหวาดกลัวจนตัวสั่น

“ข้าบอกแล้วให้เจ้าฝึกวรยุทธก็ไม่เชื่อ หากเจ้ามีฝีมือคนในครอบครัวคงไม่ตกตายแบบนี้หรอก ฮ่า ๆ” เสียงนั้นเหมือนเสียงของปีศาจตามมาหลอกหลอนนาง

เด็กหญิงจึงได้แต่ยกมือปิดหูของตนแน่นกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง “ลูกรัก! ลืมตาสิเจ้าเป็นอะไร” หยวนฟานพยายามปลุกลูกน้อยให้ลืมตาตื่นด้วยใจอันร้อนรุ่ม

“หลานย่าตื่นเร็วเข้า พวกเราอยู่กับเจ้าที่นี่ย่อมไม่มีใครทำอันตรายเจ้าได้ลืมตาเถอะ” หญิงชรานำผ้าเช็ดหน้าเช็ดไปยังหน้าผากของหลานสาวกล่าวอย่างเป็นทุกข์

“เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ” หยูเจียงได้แต่ส่งเสียงกระวนกระวายใจอยู่ภายนอกตัวรถม้าถามไถ่ด้วยความกังวล

ในความฝันซ้อนฝันของเจ้าตัวเด็กหญิงได้ยินกระแสเสียงอันอบอุ่นความเป็นห่วงอันคุ้นเคย ในที่สุดคนตัวเล็กก็ลืมตา

“ท่านแม่ ท่านย่า” หนิงอันโอบกอดแม่ของตนแน่นร้องไห้โฮเสียงดัง “ลูกรักเจ้าเพียงฝันร้ายอย่าร้องเลย ใจแม่จะขาด” หยวนฟานกอดตอบลูกสาวในขณะเดียวกันก็กล่าวปลอบลูกน้อยไปด้วย เช่นเดียวกับผู้เป็นย่าที่ยกมือลูบหลังของหลานตัวเล็กอย่างเป็นห่วง

หยูเจียงผู้อยากจะขึ้นไปโอบกอดลูกสาวใจแทบขาดได้แต่ยืนรอด้วยความอดทน จนเมื่อเขาได้ยินเสียงของบุตรสาวอันเป็นที่รักชายหนุ่มจึงได้วางใจของตนลงในที่สุด

เช้าวันต่อมา หนิงอันผู้มีดวงตาคล้ายมีแพนด้าจึงได้เดินโงนเงนซ้ายขวามาหาผู้ที่ตนนึกชังที่เป็นต้นเหตุทำให้นางฝันร้าย

“ท่านอา ข้าตกลงจะฝึกวรยุทธ์กับท่าน แต่ท่านต้องรับปากข้าว่าข้าคนนี้จะต้องเก่งจนสามารถปกป้องคนในครอบครัวได้ ไม่เช่นนั้นท่านอย่าหวังจะได้อยู่อย่างสงบ” เด็กหญิงวัยสี่ขวบกล่าวอย่างโอหัง

“จะ....เจ้ากล้าสบประมาทข้าอย่างนั้นเหรอ ได้! ข้าคนนี้รับปากหากเจ้าไม่เก่งข้ายินดีเป็นวัวเป็นม้าให้เจ้าเลย แต่เจ้าอย่ามาร้องขอความเมตตาทีหลังก็แล้วกันหึหึ” ยงเผยหัวเราะในลำคอ สีหน้าแฝงความเจ้าเล่ห์

หากหนิงอันรู้ว่าคำพูดของตนทำให้นางเข้าสู่ภาวะลำบากในภายหลังนางคงจะไม่กล่าววาจาเช่นนั้นออกไปอย่างแน่นอน

ท่าทางของชายหนุ่มหนวดรกได้ทำให้หนิงอันรวมถึงศิษย์ทั้งสองของเขามีสีหน้าหวาดหวั่นขนอ่อนตั้งชัน

หลังกินมื้อเช้าเรียบร้อยการเดินทางของครอบครัวหยูกับการเริ่มชีวิตใหม่จึงได้เริ่มขึ้น ยงเผยพาพวกเขามายังเมืองซานไห่ แม้เมืองนี้จะไม่ใหญ่โตเหมือนเมืองหลวงแต่ก็ไม่เล็ก

“ท่านจะอยู่ในเมืองหรือจะไปอยู่นอกเมืองดี” ยงเผยเอ่ยถามหยูเจียงในระหว่างที่รอทหารตรวจคนเข้าเมือง

หยูเจียงรู้สึกลังเล แม้ในเมืองจะค่อนข้างสะดวกแต่สำหรับครอบครัวของตนที่ต้องเริ่มตั้งถิ่นฐานใหม่ อีกทั้งคนก็ยังเยอะไม่เหมาะที่จะอาศัยอยู่เนื่องจากค่าใช้จ่ายน่าจะสูง

“ท่านเผยทราบหรือไม่ว่าหมู่บ้านใดอยู่ใกล้เมืองมากที่สุดพวกเราก็ไปอยู่ที่นั่นกันเถอะ” หยูเจียงตัดสินใจซึ่งหนิงอันเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของบิดา

“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบแต่ข้าคิดว่าทหารหรือชาวบ้านน่าจะทราบ ท่านลองไปถามเขาดูดีหรือไม่” ยงเผยกล่าวตรงไปตรงมา

“นายท่านเรื่องนี้ให้บ่าวจัดการเองขอรับ” พ่อบ้านรุ่ยเป็นผู้กล่าวอาสาหลังจากได้ยินบทสนทนานี้

ครั้นแล้วชายวัยกลางคนก็เดินกลับมาหลังจากเดินไปไม่นาน “หมู่บ้านไหลชุนขอรับอยู่ห่างจากตัวเมืองไปเพียงสิบห้าลี้”

“ท่านเผย ข้าคิดว่าพวกเราลองไปหมู่บ้านไหลชุนกันดูเถอะ” หยูเจียงตัดสินใจ

ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาทำการบันทึกชื่อแซ่ผ่านประตูเมืองแห่งนี้เรียบร้อย ยงเผยก็พาพวกเขาเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านไหลชุนตามคำบอกของชาวบ้านทันที

หนิงอันได้แต่ครุ่นคิดในระหว่างการเดินทางเพราะในบทของตัวประกอบที่ตนเขียนนั้นมีบรรยายถึงเมืองซานไห่เอาไว้แค่ไม่กี่หน้า เนื่องจากเธอได้ให้ยงเผยพาพระเอกมาที่เมืองแห่งนี้

และได้เขียนเอาไว้ว่าให้คนผู้นี้พบกับบุคคลสำคัญที่ตามหา ดังนั้นจึงทำให้พระเอกได้ช่วยเหลือเขาไว้อย่างไม่ตั้งใจ

มาบัดนี้เมืองซานไห่ได้อยู่ต่อหน้าของนางแล้ว ‘ไม่คิดว่าเมืองแห่งนี้จะดูยิ่งใหญ่และสวยงามมากขนาดนี้’ หนิงอันพึมพำเหตุที่ในตอนนั้นนางไม่ได้บอกเรื่องเมืองแห่งนี้ออกไปก็เพราะนางอยู่ในร่างเด็ก

อีกทั้งยังอยู่แต่ในจวน และนางไม่อยากจะแอบอ้างท่านปู่กำมะลออีกหากไม่จำเป็น ส่วนเรื่องของท่านย่านั้นเป็นเหตุสุดวิสัยเพราะนางไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

‘สรุปในตอนนี้ข้ายังอยู่ในนิยายของตนไหม หรือว่าไม่กัน’ หนิงอันคิดอย่างสับสน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 56

    เช่นเดียวกับฉงซานในตอนนี้ก็ได้หายจากอาการบาดเจ็บแล้วเช่นกัน ส่วนผึ้งตัวน้อยผู้มีฤทธิ์มากนะหรือ ตอนนี้พวกมันต่างอยู่ในสภาวะเซื่องซึมท่ามกลางความเงียบจู่ ๆ เสียงของกุยเฮยก็ดังขึ้นในหัวของอันอัน ‘ยินดีด้วยเด็กน้อยต่อไปนี้เจ้าได้มีผึ้งฝูงใหญ่เป็นสหายเพิ่ม’ คำพูดของเต่าตัวน้อยทำให้หนิงอันหันหลังกลับไปมอ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 55

    “พี่สาม พี่สี่ พี่มู่ตานพวกท่านจะไปกับข้าหรือไม่” หลังคุยกับกุยเฮยเรียบร้อยอันอันจึงได้หันหลังกลับไปถามพี่ทั้งสามที่กำลังดูหลุมดักปลาอย่างสนใจ “ไปไหนอย่างนั้นหรือ” ยงฮ่าวเอ่ยถามสีหน้าแสดงความสงสัย“ฉงซานจะพาเราไปหาของดีเจ้าค่ะ” อันอันตอบจากนั้นจึงเห็นผู้เป็นพี่ทั้งสามพยักหน้าตกลงครั้นแล้วการเดินทา

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 54

    มู่ตานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เป็นนายรวมถึงเด็กทั้งสองใจดีกับตนไม่คิดว่านางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ หลังจากการฝึกของครึ่งวันจบลง เด็กหญิงก็ชวนบรรดา พี่ ๆ เดินขึ้นเขาเพื่อไปดูโรงงานผลิตเกลือที่ตอนนี้มีชาวบ้านบางส่วนได้ขึ้นมาทำงานบ้างแล้ว “สวัสดีท่านอาทั้งหลาย” เด็กทั้งสี่กล

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 53

    ยามเหม่าของวันต่อมา อันอันผู้กำลังนอนหลับสบายก็ถูกให้ปลุกด้วยเสียงของคู่หูเต่าตัวน้อยตามเดิม ‘เด็กน้อยตื่น หากไม่ตื่นข้าจะกัดหูของเจ้านะ’ เสียงเล็กคล้ายเด็กของกุยเฮยข่มขู่ ‘อย่านะ! ข้าตื่นแล้ว กุยเฮยนับวันเจ้ายิ่งโหดร้ายกับข้ายิ่ง’ อันอันสะดุ้งตื่นรีบยกมือปิดหูกล่าวตัดพ้อ ‘ข้

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 52

    “หากเป็นแบบนี้ทั้งเจ้าและท่านเจ้าเมืองคนใหม่คงจะลำบากไม่น้อยทีเดียว” แม่ผู้ชราของชายหนุ่มกล่าวออกมาสีหน้าแสดงความกังวล “ท่านแม่อย่าได้ห่วง แม้ว่างานจะหนักเพียงใด หากว่าผู้คนร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันย่อมผ่านไปได้ เท่าที่ข้ากับท่านเจ้าเมืองได้พูดคุยกับชาวเมืองในวันนี้ทุกคนก็พร้อมยินดีให้ความ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 51

    ตกเย็นภายในวันเดียวกัน เมื่ออันอันได้กลับมาถึงเรือนของอานไท่เด็กหญิงก็รีบก้าวขาสั้น ๆ ของตนไปยังหลังบ้านทันที หนิงอันมองซ้ายแลขวาเพื่อหาอะไรบางอย่างแต่แล้ว“เด็กน้อยเจ้ามองหาอะไร” กุยเฮยเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “หากุ้งนะสิ ข้ามัวแต่ยุ่ง ๆ เลยลืมของอร่อยไปเลย” อันอันพึมพำโดยไม่ได้สื่อสารทางความคิดออกไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status