ไฉ่ตันจ้องเซียวหงเย่ตาแป๋ว
“แต่นางบอกว่าเป็นสตรีของท่านนี่นา ข้ากลัวนาง แต่อยากเข้าใกล้ท่าน ทำอย่างไรดีขอรับ”
“นางไม่ใช่สตรีของข้า เจ้าเข้าใกล้ข้าได้ตามสบาย”
เด็กน้อยดีใจมาก “จริงหรือขอรับ เย้! ดีใจยิ่งนัก”
ชายหนุ่มไม่อยากพูดถึงสตรีจิตใจคับแคบผู้นั้นอีก
เขาถือปลามาวางลงบนโต๊ะ หันไปทักทายผู้อาวุโส “ข้าเซียวหงเย่ วันนี้รบกวนท่านย่าของไฉ่ตันแล้ว”
จินอีต๋ายังมิทันเอ่ยวาจา กลับเป็นหลายชายแย่งพูด
“พี่ชายพาข้ากลับมาบ้าน ข้าหิวมากแต่ในบ้านไม่มีอะไรให้กินเลย พี่ชายจึงสอนข้าตกปลาขอรับ ข้ารู้ว่าท่านย่าเคยตกปลาแล้วตกน้ำจนป่วย ต่อไปข้ารู้จักหากินเองได้ ข้าจะช่วยแบ่งเบาภาระท่านย่าได้ด้วยขอรับ ออกไปตกปลาให้ท่านย่ากินได้แล้ว”
ไม่มีหรอกคำว่าเหนียมอาย เด็กชายมีนิสัยผ่าเผย ช่างจำนรรจามาแต่ไหนแต่ไร ท่าทางเด็กน้อยยังภูมิใจมาก กำปั้นเล็กๆ ยกขึ้นทำท่าขึงขังแข็งแรง คุยโวโอ้อวดอย่างยิ่ง
จินอีต๋าแก่แล้วเรี่ยวแรงไม่มาก การตกปลาจึงยากยิ่ง ใบหน้าวัยชราเผยแววรู้สึกผิด “ข้าหูตาฝ้าฟางเกินไปจริงๆ ขอบคุณท่านที่ช่วยหลานชายของข้าเจ้าค่ะ”
“ท่านอย่าได้เกรงใจ มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว” เซียวหงเย่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตามตรง “ไม่ขอปิดบัง ข้าเพิ่งได้ข่าวเรื่องพี่ใหญ่ไฉ่หวนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเยียนท่าน พวกเราเคยคบค้ากันที่จินโจว เขาเคยช่วยข้าไว้ด้วยขอรับ”
นี่คือความตั้งใจของร่างเก่าซึ่งอันที่จริงได้รับข่าวร้ายนานมากแล้ว แต่ปลีกตัวมาไม่ได้ง่ายๆ เขาจึงช่วยสานต่อให้
เผื่อว่าวิญญาณของเซียวหงเย่คนเก่าจะหมดห่วง ไม่มาทวงร่างคืน เขายังหาวิธีกลับโลกเดิมไม่ได้ ที่สำคัญ ลูกเมียก็ยังไม่มี ไม่อยากกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนทั้งอย่างนี้
“ข้าติดค้างน้ำใจพี่ใหญ่ไฉ่ ย่อมต้องตอบแทนขอรับ”
จินอีต๋าให้รู้สึกทั้งอึ้งทั้งดีใจและคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง “ที่แท้ก็เช่นนี้ ลำบากคุณชายแล้ว”
“อย่าเกรงใจ เรียกข้าว่าหงเย่เถิด ข้ากับพี่ใหญ่ไฉ่มิใช่คนอื่นไกล นับเป็นพี่น้องยังได้ ต่อไปข้าจะมาเป็นหลานชายอีกคนของท่าน ช่วยดูแลท่านแทนเขาขอรับ”
หญิงชราให้นึกขอบคุณฟ้าดินไม่หยุด วันนี้วันดีจริงๆ
จังหวะนั้น ไฉ่ตันพลันโวยวาย “ท่านย่าเป็นอะไรไป เหตุใดมีผ้าพันแผลเล่า?”
เซียวหงเย่เองก็สังเกตเห็นเช่นกัน ใต้แขนเสื้อยาวนั้นมีผ้าพันแผลโผล่ให้เห็นจากด้านในเล็กน้อย เมื่อเห็นจึงรีบเข้ามาประคองจินอีต๋าพานั่งลงที่เก้าอี้ริมผนังห้องครัว โดยมีไฉ่ตันวิ่งเข้ามาลูบคลำเพื่อสำรวจผิวเหี่ยวย่นอย่างลนลาน
หญิงชรานั่งลง ปลอบขวัญหลาน “ย่าไม่เป็นไรแล้ว แผลเล็กน้อย พรุ่งนี้ย่อมหายดี เจ้าอย่ากังวลเกินไป”
ไฉ่ตันเริ่มสะอื้นไห้ “ท่านย่า เกิดสิ่งใดขึ้นขอรับ?”
จินอีต๋าเล่าให้ฟังอย่างใจเย็น
“วันนี้ย่าเองก็เพิ่งได้รับความไม่เป็นธรรมมาเช่นกัน โชคดีที่ได้แม่นางจิตใจงดงามช่วยเอาไว้ นางเก่งกาจและเปี่ยมเมตตาเหมือนมารดาของเจ้าเลย”
ไฉ่ตันกะพริบตาอย่างสนใจ “จริงหรือขอรับ?”
ผู้เป็นย่าพยักหน้า
จากนั้นก็เล่าคุณงามความดีของสตรีผู้หนึ่งให้ฟัง อีกฝ่ายเปรียบดั่งพระโพธิสัตย์ลงมาโปรด ทั้งสะสวยและใจดี ต้าเจิ้งเรามีเทพธิดามาจุติโดยแท้
เซียวหงเย่สวมเสื้อลวกๆ เช็ดผมแผ่สยายที่เปียกชื้นพลางหรี่ตานิ่วหน้ารับฟังอย่างสนใจ
สตรีที่หญิงชราเล่ามาดีปานนั้นเชียว
ไม่น่าเชื่อ!
โรงเตี๊ยมยู๋อี้ราตรีวสันต์นี้ยังคงยาวนานสำหรับชายหญิงอีกคู่หนึ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาปลุกเร้ายังไม่หมดไปหรืออารมณ์กำหนัดส่วนตัวไม่สิ้นง่ายๆ กันแน่ ไป๋ซั่วลูบไล้เคล้นคลึงเนื้อตัวของหญิงสาวใต้ร่างอย่างต้องการกลืนกินตามอารมณ์ปรารถนาแห่งบุรุษเพศเพราะแน่ใจแล้วว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นมิใช่ความฝัน สตรีใต้ร่างหาใช่เพียงมายาหรือภาพลวงตาไม่ แม้เขาไม่รู้ถึงที่มาที่ไปหรือเหตุผลกลใด ไฉนบนเตียงถึงมีสตรีนอนทอดกายระทดระทวยคล้ายรอคอยอยู่เช่นนั้น แต่ในเมื่อเขาล้มตัวลงนอนและบังเอิญทาบทับนางแล้ว รับรู้กลิ่นอายจากกายสาวแล้ว ธรรมชาติของคนล้วนสรรสร้างและดำเนินไปตามทำนองคลองธรรมเขามิใช่นักบวชที่ละทิ้งซึ่งกิเลสตัณหา ยิ่งมินำพาความเป็นสุภาพชนอันใดทั้งนั้น คำว่าวิญญูชนยิ่งห่างไกล ศีลธรรมจรรยาที่เพียรระลึกไว้ยังมีนรกในใจกางกั้น ในเมื่อเนื้อเข้าปากแล้วเช่นนี้มีหรือเสือร้ายจะไม่ขย้ำให้หนำใจ เสร็จกิจรอบที่สิบก่อนค่อยถามความเอาก็ย่อมได้“อ่า...สาวน้อย ผิวเจ้าหอมละมุนนุ่มลิ้นเหลือเกิน ข้าขอทำอีกได้หรือไม่? เนื้อตัวเจ้าช่างหวานนัก”แม้ผ่านมรสุมคลื่นลมอันหนักหน่วงไปแล้ว หากแต่รสสัมผัสแห่งสวาทเร่าร้อนม
ใต้ม่านบนเตียงนอนสองร่างบนนั้นยังคงทาบทับ แนบชิดสนิทสนม ฝ่ายหนึ่งเคลื่อนกายกำยำอยู่ด้านบนจังหวะรุกราน เปลื้องเสื้อผ้าให้นางออกจากตัวอย่างเร่งร้อน ส่วนฝ่ายหนึ่งทอดกายระหงอ่อนระทวยเบื้องล่าง ยินยอมให้เขาอย่างว่าง่ายอาจเป็นเพราะสัมผัสเร่าร้อนที่ลวงใจทำให้คนมึนเมา เขาว่าอย่างไรนางก็ว่าอย่างนั้น เขาสั่งให้นางแยกขาออก นางก็รีบทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่มีขัดขืนแม้แต่น้อยชายหญิงตระกองกอดกันแนบแน่นไม่คิดปล่อย ดวงตาปริ่มน้ำหยาดเยิ้มยั่วยวนชวนหลงใหลมองสบกับดวงตาลุ่มลึกเกินหยั่งแต่เร่าร้อนเย้ายวนชวนลุ่มหลงเกินต้านสองกายสอดประสานทันทีที่เนื้อตัวเปล่าเปลือย เสียงกระแทกกระทั้นดังผสานกับเสียงเตียงโยกโยน ทุกสิ่งบนฟูกนอนสั่นคลอนเป็นจังหวะหฤหรรษ์รัญจวนเนิ่นนานผ่านพ้น น้ำตาเทียนที่หยาดรินบนเชิงเทียน ยังมิอาจเทียบเท่าน้ำทิพย์พิสุทธิ์ที่หยาดหยดรินรดฟูกนอนสัมผัสอุ่นร้อน การเสพสมถึงขีดสุด ล่วงเลยไปแล้ว คงเหลือเพียงหยาดเหงื่อที่หลั่งรินชโลมอาบไล้เต็มเรือนกาย ร่างอรชรของหญิงสาวยิ่งพร่างพราวใต้แสงเทียนเซียวหงเย่ลูบไล้อย่างหลงใหลยากทำใจให้ผละจาก ผิวของนางเนียนมาก เรียบลื่น และขาวผ่องละเอียดละอออย่างสุ
ดียิ่งนักที่โรงเตี๊ยมยู๋อี้อยู่ใกล้โรงยาเจี้ยนคังเขายื่นข้อมืออันสั่นเทาให้นาง แล้วสั่ง “ลองจับดู” ติงยวี่ถิงกะพริบตาถี่ๆ ไม่ได้มาเพราะคิดถึงโหยหา แต่มาเพราะถูกวางยาเนี่ยนะ ฮึ! ดีใจเก้อเลยปะไร!กระนั้นนางรีบจับชีพจรให้แต่โดยดี พบว่าผิดปกติยิ่ง เห็นจะจริงดังเขาว่า เต้นแรงและสับสน เลือดลมพลุ่งพล่าน หญิงสาวเอื้อมนิ้วขึ้นไปเปิดเปลือกตา เห็นเส้นเลือดแดงก่ำ เอามืออังจมูก ลมหายใจหอบกระชั้น เอาใบหูแนบแผงอก ฟังเสียงหัวใจ ตึกตักๆๆๆ ดังกระหน่ำรัวถี่อย่างยิ่ง ครั้นเหลือบสายตาลงต่ำ พลันพบว่าส่วนนั้นตื่นผงาดแทบทะลุกางเกงผ้าโอว...ใหญ่มาก หญิงสาวเบิกตาโต ตกใจวิญญาณแทบหลุดจากร่าง นางเร่งทำใจดีสู้เสือ พยายามไล่สายตาสำรวจอย่างถ้วนถี่ หากปล่อยไว้นานคงไม่แคล้วหัวใจวายตาย เพราะเลือดไปกองรวมกันอยู่ตรงนั้นที่เดียว ชนิดที่ว่าไม่ยอมไปเลี้ยงหัวใจ อย่างที่คนยุคนี้เรียกว่าธาตุไฟแตกซ่านปะไรเอาอย่างไรดี? ปรุงยาแก้ตอนนี้ไม่ทันหรอกนะ หรือว่าให้กินไข่ขาวกินน้ำมัน จะช่วยล้างพิษได้ไหมนะ?ติงยวี่ถิงครุ่นคิดสะระตะ แต่ยังไม่กล้าเสี่ยงสักทาง“ตรวจสอบร่างกายพอหรือยัง?” บุรุษแค่นเสียงขุ่น เขาไม่ใช่หุ่นไม้เสีย
ร่างสูงเจ้าของนามนั้นพลิกตัวเข้ามาจึงเซเล็กน้อย กระนั้นกลับมิได้ล้มลงไป ครั้นพยายามหยัดยืนได้อย่างมั่นคง รีบมองหานางเจ้าของห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแล้ว เรียวขาแข็งแรงภายใต้เสื้อคลุมผ้าไหมสีเขียวครามคู่นั้นพลันขยับก้าวยาวๆ เพียงสองสามทีก็รั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมแขน“คิดถึง...”“หา!”กระแสเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ทว่าแหบพร่าผิดปกติกระซิบชิดริมหูหญิงสาวอีกครา“ยวี่ถิง ข้าคิดถึงเจ้าแทบบ้า” ไม่พูดเปล่ายังขบติ่งหูนางไปหนึ่งที“...” ตอนแรกคิดว่าหูฝาดแต่พอเขาขบย้ำเท่านั้นแหละ ชัดเลย! ติงยวี่ถิงพลันแก้มแดงซ่าน พบคนหื่นหนึ่งอัตรา นางรีบยกมือดันแผงอกหน้าอุ่นร้อนให้ออกห่าง“ทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยนะ!”นอกจากไม่ปล่อย วงแขนแกร่งยังรัดแน่นกว่าเดิม ซุกซบใบหน้าหล่อเหลาลงซอกคอขาว สูดดมอย่างโหยหา เหมือนรักใคร่ปานจะขาดใจตายเสียเดี๋ยวนี้“หงเย่!” ติงยวี่ถิงรู้สึกจักจี้นัก แม้ตกใจแต่เพราะเคยถูกกระทำมากกว่านี้มาแล้วไงจึงรู้สึกคุ้นเคยรสสัมผัสอยู่บ้าง อาการรังเกียจจึงไม่มี “อ๊ะ! อื้อ...” เสียวนะ!ภาพนั้นเสี่ยวจิงกับเจียวมิงให้รู้สึกตกใจอย่างมาก ทั้งสองพากันอ้าปากตาค้าง รีบก้มหน้างุด ทว่าพอใคร่ครวญให้ถ้วนถ
โรงยาเจี้ยนคังหลังจากปิดร้าน ติงยวี่ถิงจึงมีเวลาเป็นของตนเอง หญิงสาวนั่งจิบชาพักผ่อนคลายอารมณ์อยู่ในห้องส่วนตัว โดยมีเสี่ยวจิงกับเจียวมิ่งคอยปรนนิบัติรับใช้ไม่ห่างกาย“นายหญิง ข้าพูดจริงๆ เจ้าค่ะ นายท่านเซียวมิได้มากล่าวหาหรือว่าร้ายท่านแน่นอน เขาต้องการง้องอนต่างหาก ขอนายหญิงเปิดใจด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เจียวมิ่งยังคงทำหน้าที่ผสานรอยร้าวอดีตสามีภรรยาอย่างดีและเต็มที่ทุกคราที่เอ่ยปากเสี่ยวจิงก็เช่นกัน “ใช่เจ้าค่ะนายหญิง บุรุษก็เช่นนี้ เพิ่งรู้ตัวว่ารักก็ต่อเมื่อมีเหตุให้ต้องพลัดพรากแยกจากอย่างกะทันหัน พวกท่านสองคนย่อมเป็นเช่นนั้น นายท่านเซียวกำลังกระจ่างในข้อนี้ เพิ่งรู้ใจตัวเองเจ้าค่ะ”น้ำชาร้อนหอมกรุ่นมีฤทธิ์สงบใจถูกชงและรินใส่จอกส่งให้ถึงมือ ติงยวี่ถิงยื่นมือรับจากเจียวมิ่งนิ่งๆ นั่งรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวต่ออีกว่า “บ่าวว่า นายหญิงสมควรให้โอกาสนายท่านเซียวได้เข้าหา รับฟังปรับความเข้าใจกันเจ้าค่ะ”เจียวมิ่งเงียบชั่วครู่ แล้วตัดสินใจโน้มน้าวโดยเอ่ยถึงเรื่องวันก่อนอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น“นายหญิง เหตุการณ์ปีนกำแพงล้วนชัดแจ้งเจ้าค่ะ นายท่านเซียวผู้สุภาพสง่างามแลดูสูงส่งภูมิฐาน
นางเป็นใครกัน งดงามดุจภาพฝัน ภายใต้แสงเทียนสีนวลอ่อนจาง ส่องเพียงแสงสลัว บนเตียงนอนที่ควรว่างเปล่า บัดนี้มีเงาร่างของสตรีร่างระหงนอนทอดกายพริ้มตาด้วยท่วงท่าระทดระทวยเชิญชวนอารมณ์กำหนัดของเซียวหงเย่กำลังพุ่งขึ้นสูง ความรู้สึกปรารถนา อยากมีสัมพันธ์สวาทเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆหากได้อุ่นเตียงคงจะดีไม่น้อย...เซียวหงเย่ส่ายหน้าเบาๆเพียรระงับอารมณ์บางอย่างให้เข้าที่เข้าทางทว่าช่างยากเย็น ท้ายที่สุดเขานึกสงสัยว่าภาพตรงหน้าลวงตาหรือไม่ยามนี้ชายหนุ่มกำลังยืนมองสาวงามบนเตียงนอน พลางทอดถอนใจ พึมพำเสียงทุ้มต่ำแผ่วพร่า “หรือว่าอาจจะเป็นเพียงภาพมายา ข้ากำลังคิดถึงนางมากเกินไป...”นางในที่นี้ของเซียวหงเย่ย่อมเป็นติงยวี่ถิง สตรีผู้เป็นหัวข้อสนทนาตลอดการร่ำสุรากับไป๋ซั่วชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าพยายามเพ่งสายตาพร่ามัวมองสาวงามบนเตียงนอนอีกครั้งเห็นนางนอนเอนกายตะแคงข้างเผยส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายตั้งใจยั่วยวน ดวงตานางยังหลับพริ้มเหมือนรอคอยอย่างกระสันกระนั้นเขาเพียงคิดว่าตนเองแค่ตาฝาดไปเท่านั้นร่างสูงหันถามบุรุษอีกคนที่เดินตามเข้าห้องมาทีหลังแล้วยืนโงนเงนข้างกาย“เจ้าเห็นหรือไม่?”คนถูกถามคือไป๋ซั่ว ท