จินอีต๋ายังเล่าความประทับใจไม่หมดไม่สิ้น
“หลานย่า ต่อไปเจ้าจะมีข้าวกินทุกมื้อ มีขนมกินเหมือนเมื่อก่อน นายหญิงรับย่าเข้าทำงาน ทั้งให้ย่าพาเจ้าไปที่ร้านด้วยได้ นางยังรับปากว่าจะหาเวลาสอนหนังสือเจ้า ดีหรือไม่?”
ไฉ่ตันพยักหน้าถี่รัว “ดีเหลือเกินขอรับท่านย่า ข้าอยากกลับไปเรียนแทบแย่แล้วขอรับ” เด็กน้อยหันมาทางชายหนุ่มที่ยืนกอดอกอิงแผ่นหลังกับผนังโรงครัว
“พี่ชาย ข้าอยากทำความรู้จักผู้มีพระคุณของท่านย่า เราออกไปหานางกันเถิดขอรับ”
จินอีต๋าเหมือนหลานชาย พอได้พูดนางก็พูดไม่หยุดจนลืมมารยาท ครั้นนึกได้ก็รีบเชิญ “ข้าพูดมากเกินไปแล้ว ไปเถิด หงเย่ ไปนั่งจิบชาก่อนเถอะ”
นางหันไปทางหลานตัวน้อย “ตันเอ๋อร์ เจ้าพาพี่ชายไปนั่งกินขนมจิบชารอในโถง เดี๋ยวย่าทำปลานึ่งตามออกไป”
“ขอรับท่านย่า แต่เดี๋ยวข้าขอเข้าไปหยิบขนมที่เก็บเอาไว้ก่อนขอรับ อยากนำไปมอบให้ผู้มีพระคุณของท่านย่า” สำหรับเด็ก สิ่งล้ำค่าที่เก็บรักษาไว้อย่างดีย่อมเป็นสิ่งนี้ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ล้วงออกจากหีบมามอบให้ใครสักคน
“พาพี่เซียวไปห้องโถงก่อน”
“แต่ว่า...” เด็กชายลังเล
เซียวหงเย่ลูบหัวเล็กทุยอย่างเอ็นดู “ห้องโถงอยู่แค่นี้ ตันเอ๋อร์ไปหยิบขนมเถอะ พี่เซียวเดินไปเองได้”
ทั้งบ้านมีโถงนั่งจิบชาอยู่ห้องเดียว ยังจะเป็นห้องอื่นได้อย่างไร
ติงยวี่ถิงกำลังจิบชาพลางนึกถึงบุรุษหนุ่มที่ตกปลาตรงริมน้ำผู้นั้นอย่างรื่นรมย์
เฮ้อ...แม้มิได้เชยชม แต่ได้ชื่นชมในใจก็พอแล้วน๊า
‘ถิงถิง แกมันบ้าผู้ชาย’
นั่นคือคำด่าของเพื่อนสนิทที่มักพูดตำหนิกรอกหู และถิงถิงในตอนนั้นน้อมรับอย่างยินดี
‘ใช่! ฉันบ้าผู้ชาย แต่ไม่ได้เจ้าชู้มากรักซะหน่อย ผู้ชายร้อยคนในลิสต์ แกคิดว่าฉันจะเอาหมดรึไง ใครไหวไปก่อนเลย ฉันไม่ไหวจ้า’
‘แต่แกมัวบ้าผู้ชายในซีรีย์ไง ในชีวิตจริงชวนไปปาร์ตี้ในดงผู้เยอะๆ เผื่อเก็บเข้าสต็อกก่อนค่อยคัดออกก็ไม่ยอมไป เฮ้ย! ปิดแล็ปท็อปซะทีเหอะ ต้องถนอมสายตาเอาไว้มองผู้ชาย ป่ะ ไปหาผัวกัน’
‘ใครบ้าผู้ชายกว่ากันแน่หะ ฉันต้องหาเงินก่อนไงแก ทำงานหนักเก็บเงินเอาไว้เยอะๆ สักวันจะได้เป็นสายเปย์คลั่งรักผู้ชายของตัวเองยังไงล่ะ’
หญิงสาวครุ่นคิดอย่างทอดถอนใจ เฮ้อ! ตอนนั้น ถ้าไปกับเพื่อนซะก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายชีวิตตอนนี้
อยากคลั่งรักใครสักคนเหลือเกิน ปรารถนาถึงราตรีวสันต์ดีๆ กับสามีของตัวเองทุกค่ำคืน
ใครจะรู้ จู่ๆ ย้ายร่างข้ามภพมาได้สามีแล้วแท้ๆ แต่กลับถูกหย่าซะอย่างนั้น เพิ่งมีค่ำคืนเร่าร้อนแค่ครั้งเดียว น่าเสียดายเป็นที่สุด
หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้ามืดมัว เมฆลอยต่ำ ครึ้มเข้มอึมครึมปานนั้น เป็นอันบ่งบอกว่าฝนใกล้จะตกเต็มที ทั้งที่เมื่อครู่ฟ้ายังสว่างเจิดจ้าอยู่แท้ๆ
นางรีบลุกขึ้นไปที่ประตูชะเง้อคอมองทางกลางทุ่งอย่างนึกห่วงใยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่พวกเขาไม่อยู่แล้ว...
ไม่เป็นไร คนไม่อยู่ก็จินตนาการได้
ติงยวี่ถิงเพียงกลับมานั่งจิบชาต่อ แล้วก็กลายร่างเป็นสาวน้อยผู้เฝ้าคิดถึงชายหนุ่มปริศนาในห้วงฝันต่อไป จินตนาการของนางมีแค่สัดส่วนอันสมบูรณ์แบบของเขา
หญิงสาวมิได้มองหน้าอีกฝ่ายให้เสียเวลาด้วยซ้ำ นางมองแค่รูปร่างอันสง่างาม
เขาหุ่นดีเหลือเกิน ใครกันนะ?
และเมื่อเซียวหงเย่ปรากฏกายพร้อมแผงอกผึ่งผาย เส้นผมเปียกชื้นยาวสยายแผ่รอบใบหน้าหล่อเหลาคมคาย กางเกงผ้าสีดำแนบกาย
ใครบางคนที่นั่งอยู่ก่อนพลันสำลักน้ำชาทันที
“แค่กๆ”
เซียวหงเย่!
โรงเตี๊ยมยู๋อี้ราตรีวสันต์นี้ยังคงยาวนานสำหรับชายหญิงอีกคู่หนึ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาปลุกเร้ายังไม่หมดไปหรืออารมณ์กำหนัดส่วนตัวไม่สิ้นง่ายๆ กันแน่ ไป๋ซั่วลูบไล้เคล้นคลึงเนื้อตัวของหญิงสาวใต้ร่างอย่างต้องการกลืนกินตามอารมณ์ปรารถนาแห่งบุรุษเพศเพราะแน่ใจแล้วว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นมิใช่ความฝัน สตรีใต้ร่างหาใช่เพียงมายาหรือภาพลวงตาไม่ แม้เขาไม่รู้ถึงที่มาที่ไปหรือเหตุผลกลใด ไฉนบนเตียงถึงมีสตรีนอนทอดกายระทดระทวยคล้ายรอคอยอยู่เช่นนั้น แต่ในเมื่อเขาล้มตัวลงนอนและบังเอิญทาบทับนางแล้ว รับรู้กลิ่นอายจากกายสาวแล้ว ธรรมชาติของคนล้วนสรรสร้างและดำเนินไปตามทำนองคลองธรรมเขามิใช่นักบวชที่ละทิ้งซึ่งกิเลสตัณหา ยิ่งมินำพาความเป็นสุภาพชนอันใดทั้งนั้น คำว่าวิญญูชนยิ่งห่างไกล ศีลธรรมจรรยาที่เพียรระลึกไว้ยังมีนรกในใจกางกั้น ในเมื่อเนื้อเข้าปากแล้วเช่นนี้มีหรือเสือร้ายจะไม่ขย้ำให้หนำใจ เสร็จกิจรอบที่สิบก่อนค่อยถามความเอาก็ย่อมได้“อ่า...สาวน้อย ผิวเจ้าหอมละมุนนุ่มลิ้นเหลือเกิน ข้าขอทำอีกได้หรือไม่? เนื้อตัวเจ้าช่างหวานนัก”แม้ผ่านมรสุมคลื่นลมอันหนักหน่วงไปแล้ว หากแต่รสสัมผัสแห่งสวาทเร่าร้อนม
ใต้ม่านบนเตียงนอนสองร่างบนนั้นยังคงทาบทับ แนบชิดสนิทสนม ฝ่ายหนึ่งเคลื่อนกายกำยำอยู่ด้านบนจังหวะรุกราน เปลื้องเสื้อผ้าให้นางออกจากตัวอย่างเร่งร้อน ส่วนฝ่ายหนึ่งทอดกายระหงอ่อนระทวยเบื้องล่าง ยินยอมให้เขาอย่างว่าง่ายอาจเป็นเพราะสัมผัสเร่าร้อนที่ลวงใจทำให้คนมึนเมา เขาว่าอย่างไรนางก็ว่าอย่างนั้น เขาสั่งให้นางแยกขาออก นางก็รีบทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่มีขัดขืนแม้แต่น้อยชายหญิงตระกองกอดกันแนบแน่นไม่คิดปล่อย ดวงตาปริ่มน้ำหยาดเยิ้มยั่วยวนชวนหลงใหลมองสบกับดวงตาลุ่มลึกเกินหยั่งแต่เร่าร้อนเย้ายวนชวนลุ่มหลงเกินต้านสองกายสอดประสานทันทีที่เนื้อตัวเปล่าเปลือย เสียงกระแทกกระทั้นดังผสานกับเสียงเตียงโยกโยน ทุกสิ่งบนฟูกนอนสั่นคลอนเป็นจังหวะหฤหรรษ์รัญจวนเนิ่นนานผ่านพ้น น้ำตาเทียนที่หยาดรินบนเชิงเทียน ยังมิอาจเทียบเท่าน้ำทิพย์พิสุทธิ์ที่หยาดหยดรินรดฟูกนอนสัมผัสอุ่นร้อน การเสพสมถึงขีดสุด ล่วงเลยไปแล้ว คงเหลือเพียงหยาดเหงื่อที่หลั่งรินชโลมอาบไล้เต็มเรือนกาย ร่างอรชรของหญิงสาวยิ่งพร่างพราวใต้แสงเทียนเซียวหงเย่ลูบไล้อย่างหลงใหลยากทำใจให้ผละจาก ผิวของนางเนียนมาก เรียบลื่น และขาวผ่องละเอียดละอออย่างสุ
ดียิ่งนักที่โรงเตี๊ยมยู๋อี้อยู่ใกล้โรงยาเจี้ยนคังเขายื่นข้อมืออันสั่นเทาให้นาง แล้วสั่ง “ลองจับดู” ติงยวี่ถิงกะพริบตาถี่ๆ ไม่ได้มาเพราะคิดถึงโหยหา แต่มาเพราะถูกวางยาเนี่ยนะ ฮึ! ดีใจเก้อเลยปะไร!กระนั้นนางรีบจับชีพจรให้แต่โดยดี พบว่าผิดปกติยิ่ง เห็นจะจริงดังเขาว่า เต้นแรงและสับสน เลือดลมพลุ่งพล่าน หญิงสาวเอื้อมนิ้วขึ้นไปเปิดเปลือกตา เห็นเส้นเลือดแดงก่ำ เอามืออังจมูก ลมหายใจหอบกระชั้น เอาใบหูแนบแผงอก ฟังเสียงหัวใจ ตึกตักๆๆๆ ดังกระหน่ำรัวถี่อย่างยิ่ง ครั้นเหลือบสายตาลงต่ำ พลันพบว่าส่วนนั้นตื่นผงาดแทบทะลุกางเกงผ้าโอว...ใหญ่มาก หญิงสาวเบิกตาโต ตกใจวิญญาณแทบหลุดจากร่าง นางเร่งทำใจดีสู้เสือ พยายามไล่สายตาสำรวจอย่างถ้วนถี่ หากปล่อยไว้นานคงไม่แคล้วหัวใจวายตาย เพราะเลือดไปกองรวมกันอยู่ตรงนั้นที่เดียว ชนิดที่ว่าไม่ยอมไปเลี้ยงหัวใจ อย่างที่คนยุคนี้เรียกว่าธาตุไฟแตกซ่านปะไรเอาอย่างไรดี? ปรุงยาแก้ตอนนี้ไม่ทันหรอกนะ หรือว่าให้กินไข่ขาวกินน้ำมัน จะช่วยล้างพิษได้ไหมนะ?ติงยวี่ถิงครุ่นคิดสะระตะ แต่ยังไม่กล้าเสี่ยงสักทาง“ตรวจสอบร่างกายพอหรือยัง?” บุรุษแค่นเสียงขุ่น เขาไม่ใช่หุ่นไม้เสีย
ร่างสูงเจ้าของนามนั้นพลิกตัวเข้ามาจึงเซเล็กน้อย กระนั้นกลับมิได้ล้มลงไป ครั้นพยายามหยัดยืนได้อย่างมั่นคง รีบมองหานางเจ้าของห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแล้ว เรียวขาแข็งแรงภายใต้เสื้อคลุมผ้าไหมสีเขียวครามคู่นั้นพลันขยับก้าวยาวๆ เพียงสองสามทีก็รั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมแขน“คิดถึง...”“หา!”กระแสเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ทว่าแหบพร่าผิดปกติกระซิบชิดริมหูหญิงสาวอีกครา“ยวี่ถิง ข้าคิดถึงเจ้าแทบบ้า” ไม่พูดเปล่ายังขบติ่งหูนางไปหนึ่งที“...” ตอนแรกคิดว่าหูฝาดแต่พอเขาขบย้ำเท่านั้นแหละ ชัดเลย! ติงยวี่ถิงพลันแก้มแดงซ่าน พบคนหื่นหนึ่งอัตรา นางรีบยกมือดันแผงอกหน้าอุ่นร้อนให้ออกห่าง“ทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยนะ!”นอกจากไม่ปล่อย วงแขนแกร่งยังรัดแน่นกว่าเดิม ซุกซบใบหน้าหล่อเหลาลงซอกคอขาว สูดดมอย่างโหยหา เหมือนรักใคร่ปานจะขาดใจตายเสียเดี๋ยวนี้“หงเย่!” ติงยวี่ถิงรู้สึกจักจี้นัก แม้ตกใจแต่เพราะเคยถูกกระทำมากกว่านี้มาแล้วไงจึงรู้สึกคุ้นเคยรสสัมผัสอยู่บ้าง อาการรังเกียจจึงไม่มี “อ๊ะ! อื้อ...” เสียวนะ!ภาพนั้นเสี่ยวจิงกับเจียวมิงให้รู้สึกตกใจอย่างมาก ทั้งสองพากันอ้าปากตาค้าง รีบก้มหน้างุด ทว่าพอใคร่ครวญให้ถ้วนถ
โรงยาเจี้ยนคังหลังจากปิดร้าน ติงยวี่ถิงจึงมีเวลาเป็นของตนเอง หญิงสาวนั่งจิบชาพักผ่อนคลายอารมณ์อยู่ในห้องส่วนตัว โดยมีเสี่ยวจิงกับเจียวมิ่งคอยปรนนิบัติรับใช้ไม่ห่างกาย“นายหญิง ข้าพูดจริงๆ เจ้าค่ะ นายท่านเซียวมิได้มากล่าวหาหรือว่าร้ายท่านแน่นอน เขาต้องการง้องอนต่างหาก ขอนายหญิงเปิดใจด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เจียวมิ่งยังคงทำหน้าที่ผสานรอยร้าวอดีตสามีภรรยาอย่างดีและเต็มที่ทุกคราที่เอ่ยปากเสี่ยวจิงก็เช่นกัน “ใช่เจ้าค่ะนายหญิง บุรุษก็เช่นนี้ เพิ่งรู้ตัวว่ารักก็ต่อเมื่อมีเหตุให้ต้องพลัดพรากแยกจากอย่างกะทันหัน พวกท่านสองคนย่อมเป็นเช่นนั้น นายท่านเซียวกำลังกระจ่างในข้อนี้ เพิ่งรู้ใจตัวเองเจ้าค่ะ”น้ำชาร้อนหอมกรุ่นมีฤทธิ์สงบใจถูกชงและรินใส่จอกส่งให้ถึงมือ ติงยวี่ถิงยื่นมือรับจากเจียวมิ่งนิ่งๆ นั่งรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวต่ออีกว่า “บ่าวว่า นายหญิงสมควรให้โอกาสนายท่านเซียวได้เข้าหา รับฟังปรับความเข้าใจกันเจ้าค่ะ”เจียวมิ่งเงียบชั่วครู่ แล้วตัดสินใจโน้มน้าวโดยเอ่ยถึงเรื่องวันก่อนอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น“นายหญิง เหตุการณ์ปีนกำแพงล้วนชัดแจ้งเจ้าค่ะ นายท่านเซียวผู้สุภาพสง่างามแลดูสูงส่งภูมิฐาน
นางเป็นใครกัน งดงามดุจภาพฝัน ภายใต้แสงเทียนสีนวลอ่อนจาง ส่องเพียงแสงสลัว บนเตียงนอนที่ควรว่างเปล่า บัดนี้มีเงาร่างของสตรีร่างระหงนอนทอดกายพริ้มตาด้วยท่วงท่าระทดระทวยเชิญชวนอารมณ์กำหนัดของเซียวหงเย่กำลังพุ่งขึ้นสูง ความรู้สึกปรารถนา อยากมีสัมพันธ์สวาทเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆหากได้อุ่นเตียงคงจะดีไม่น้อย...เซียวหงเย่ส่ายหน้าเบาๆเพียรระงับอารมณ์บางอย่างให้เข้าที่เข้าทางทว่าช่างยากเย็น ท้ายที่สุดเขานึกสงสัยว่าภาพตรงหน้าลวงตาหรือไม่ยามนี้ชายหนุ่มกำลังยืนมองสาวงามบนเตียงนอน พลางทอดถอนใจ พึมพำเสียงทุ้มต่ำแผ่วพร่า “หรือว่าอาจจะเป็นเพียงภาพมายา ข้ากำลังคิดถึงนางมากเกินไป...”นางในที่นี้ของเซียวหงเย่ย่อมเป็นติงยวี่ถิง สตรีผู้เป็นหัวข้อสนทนาตลอดการร่ำสุรากับไป๋ซั่วชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าพยายามเพ่งสายตาพร่ามัวมองสาวงามบนเตียงนอนอีกครั้งเห็นนางนอนเอนกายตะแคงข้างเผยส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายตั้งใจยั่วยวน ดวงตานางยังหลับพริ้มเหมือนรอคอยอย่างกระสันกระนั้นเขาเพียงคิดว่าตนเองแค่ตาฝาดไปเท่านั้นร่างสูงหันถามบุรุษอีกคนที่เดินตามเข้าห้องมาทีหลังแล้วยืนโงนเงนข้างกาย“เจ้าเห็นหรือไม่?”คนถูกถามคือไป๋ซั่ว ท