โรงยาเจี้ยนคังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวงแคว้นต้าเจิ้ง
มิใช่มีดีเพียงยารักษาโรค แต่กลับมีสิ่งที่ล้ำเลิศเป็นที่นิยมยิ่งกว่า นั่นก็คือยาบำรุงความงาม
สตรีทั่วเมืองไม่ว่าจะเป็นคุณหนูในห้องหอทั่วไปหรือองค์หญิงในวังล้วนเป็นลูกค้าของที่นี่ทั้งสิ้น
นอกเหนือจากยาบำรุงความงามแล้ว สิ่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน คือเจ้าของโรงยาเจี้ยนคัง
สตรีผู้เลอโฉมและเฉิดฉาย ความสามารถโดดเด่น นางมีนามว่าติงยวี่ถิง
หากจัดอันดับความงามของนาง แน่นอนว่าสามารถติดหนึ่งในห้าหญิงงามแห่งต้าเจิ้ง
ทว่าน่าเสียดาย ต่อให้นางมีดีหรือต่อให้ถึงขั้นงามเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวงก็ตาม แต่ติงยวี่ถิงผู้นี้กลับเป็นเพียงสตรีที่ผ่านการหย่าร้าง
เป็นหญิงหม้ายที่ถูกสามีทิ้งขว้าง
สตรีต่อให้งามล้ำเลิศทว่าตำหนินี้ช่างด่างพร้อยยิ่ง สิ้นความบริสุทธิ์ของพรหมจรรย์ ยังมีดีอันใดคู่ควรให้เอ่ยถึง
“นายหญิง”
“หืม?”
“บ่าวได้ยินผู้คนล่ำลือถึงท่านเช่นนี้ก็แทบทนไม่ไหว ให้รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจเหลือเกิน”
สาวใช้นามว่าเสี่ยวจิงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด คิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายหญิงถึงทนได้
แม้นายหญิงของนางจะดีเลิศ แต่ยังคงมีคนครหา คอยสบประมาทดูหมิ่นเหยียดหยามไม่เว้นวัน
ทำเอาสตรีผู้หนึ่งแทบไม่มีที่ยืนแล้วรู้หรือไม่?
“ท่านทนให้ผู้คนดูแคลนได้อย่างไรเจ้าคะ ถึงขนาดยกมาอ้างเพื่อกดราคาสินค้า บ้าที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
ติงยวี่ถิงเองก็เอือมระอาไม่แพ้กัน ยังไม่ทันมีแฟนกลับเป็นหม้ายเสียอย่างนั้น เฮ้อ!
แม้ทดท้อแต่ไม่เผยออกมา หญิงสาวเงยหน้าจากตะกร้าสมุนไพรเอ่ยยิ้มๆ “ข้าคือผู้หญิงที่สวย รวย โสด สันโดษแบบมีความสุขสุดๆ สามารถใช้ชีวิตเชิดๆ ไม่สะดุดอย่างไรเล่า?”
เสี่ยวจิงกะพริบตาปริบๆ หมายความว่าอันใด?
ติงยวี่ถิงเห็นอาการบื้อใบ้เช่นนั้นจึงกระแอมไอ “ข้าหมายถึงแค่เคยเสียตัวมิได้ขาขาดแขนขาดสติฟั่นเฟือน ยังคงทำสิ่งที่ชอบได้มากมายเท่าที่อยากจะทำ และที่สำคัญ ข้านั้นงดงาม ร่ำรวย เปี่ยมอิสระเสรี อยากไปไหนก็ได้ไป ติดปีกโบยบินได้ไกลแสนไกล ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาสามีอย่างไรเล่า”
“อ้อ...” เสี่ยวจิงพยักหน้าหงึกหงัก
นายหญิงช่างมีคำพูดแปลกประหลาดบ่อยเหลือเกิน
ติงยวี่ถิงนั่งคัดใบยาและชาสมุนไพรอย่างสงบนิ่ง เพื่อไว้อาลัยให้กับคำนินทาที่มีมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่ามิติที่จากมาหรือมิติโบราณที่นี่ล้วนหนีไม่พ้นคำพูดคนได้ทั้งนั้น
โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ทำชีวิตตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ใครจะพร่ำวาจาเพ้อเจ้อไร้สาระหาประโยชน์มิได้ก็ปล่อยไป
และที่สำคัญ ราคาสินค้าที่ตั้งไว้ก็สูงมากพอที่จะทำให้เหลือกำไรแม้จะถูกกดไว้ด้วยคำตำหนิด้อยค่า
ช่วยมิได้ ในเมื่อสมุนไพรของนางหายากมากๆ นี่นา ไม่มีใครรู้ราคาแท้จริงเสียหน่อย หึหึ!
ทำงานที่ตนรักอย่างสงบมีความสุขต่ออีกสักพัก เจียวมิ่ง สาวใช้อีกคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเอ่ยว่า
“นายหญิงเจ้าคะ รู้หรือไม่ว่าบ่าวไปเจอใครมา”
ผู้เป็นนายมุ่นคิ้วสงสัยใคร่รู้ ทว่าเพียงครู่กลับนิ่วหน้ามองเจียวมิ่งที่ทำสีหน้าเหมือนนางร้ายในละครอย่างนึกขัน
“ดูทำหน้าเข้า แล้วเจ้าไปเจอใครล่ะ ทำตัวมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าเนี่ย”
เจียวมิ่งเหยียดปากรายงานเสียงหยัน “บ่าวไปเจอชายหญิงคู่หนึ่งมาเจ้าค่ะ ท่านลองทายสิเจ้าคะ ว่าเป็นใคร”
ติงยวี่ถิงถอนหายใจ เข้าเรื่องเสียทีได้หรือไม่?
เสี่ยวจิงย่อมเข้าใจนายหญิงยิ่งกว่าใคร นางเข้ามา ตีไหล่เจียวมิ่งดังเพียะ “เจ้ารีบพูดเร็วเถอะ เจอใครอย่างไร หาไม่ ข้าจะฉีกปากเจ้าซะ!”
ว่าพลางกางเล็บออกทำท่าจะฉีกทึ้งเนื้อหนังกันจริงๆ
สาวใช้ทั้งสองนี่นางร้ายชัดๆ ติงยวี่ถิงกะพริบตามอง “พวกเจ้าใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าก็ได้ ข้ารอฟังตรงนี้ไม่ไปไหน”
“เจ้าค่ะนายหญิง”
เจียวมิ่งพยักหน้าขึงขังก่อนเล่าอย่างออกรสออกชาติด้วยกิริยาเหยียดปากถลึงตา “บ่าวไปเจอคุณชายเซียวกับคุณหนูเหวินในตลาดเจ้าค่ะ”
ติงยวี่ถิงรับฟังนิ่งๆ
กลับเป็นเสี่ยวจิงที่ดวงตาวาวโรจน์ เผยริ้วรอยชิงชัง นางตบโต๊ะดังปัง “หญิงชั่วชายเลว ในที่สุดก็เปิดตัวคบหาอย่างสง่าผ่าเผยเลยสินะ!”
“ใช่!” เจียวมิ่งตะเบ็งลั่น “ไร้ยางอายเป็นที่สุด!”
เสี่ยวจิงตวาดถาม “พวกมันตามมาถึงที่นี่เชียวรึ”
“น่าจะใช่ เฮอะ! ข้าเกลียดนัก ตามมาทำไมนะ?”
“หรือว่าจะมาเยาะเย้ยนายหญิงของพวกเรา”
“ลักลอบสานสัมพันธ์กัน ใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานาจนนายหญิงต้องหย่า ตอนนี้ยังจะตามมารังควานอีกรึ? ช่างต่ำช้ายิ่งนัก”
“หน้าด้านปานนั้น สัตว์เดรัจฉานชัดๆ”
“พวกเราต้องหาวิธีจัดการเสียแล้ว”
“ข้าเห็นด้วย คนเลวพวกนั้น ปล่อยไว้ไม่ได้”
“ใช่! ชั่วช้าสามานย์ยิ่งนัก”
เจียวมิ่งกับเสี่ยวจิงผุดคำผรุสวาทสาดกันไปมา ในขณะที่ติงยวี่ถิงเพียงเลิกคิ้วมองเงียบงัน
เถียงกันเข้าไป น้ำลายพวกเจ้ากระเด็นไปทั่วแล้ว ส่วนใบชาพวกนี้สงสัยต้องเอาไปทิ้ง ทางผ่านน้ำลายพอดี!
ครั้นหันไปจะด่าสักหลายประโยคกลับเห็นบุรุษผู้นั้น จัดการถอดเสื้อผ้าเอง แก้ผ้าอวดโฉมอันงดงามต่อสายตา เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั้งตัวอย่างไม่ปิดบัง ผิวพรรณขาวเนียนเรียบตึงเปล่งประกายนั้น เผยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเฉพาะตัวออกมา เซียวหงเย่ยามนี้เปลือยกายล่อนจ้อนเผยมัดกล้ามเป็นลอนๆ สัดส่วนน่าดูชมมากล้น ทำเอาใครบางคนเลือดลมพลุ่งพล่านทันควัน เลือดกำเดาแทบพุ่งแบบยั้งไม่ทันติงยวี่ถิงรีบหันหน้ากลับ เสมองไปนอกหน้าต่าง ระบายลมหายใจยาว ผู้ชายคนนี้เปล่งประกายมากเกินไป ไม่เหมือนขุนนางราชสำนักหรือคุณชายสูงศักดิ์ที่นางเคยเจอ หากเผลอมองนานอีกนิดเดียวอาจเสียหัวใจโดยง่าย หน้าไม่อาย อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ! ไม่สนแล้ว...ห้องของติงยวี่ถิงค่อนข้างเล็กและคับแคบ ดังนั้น ห้องอาบน้ำจึงมีเพียงฉากเตี้ยกางกั้นระหว่างห้องนอนควันอุ่นลอยเอื่อย ม้วนตัวในอากาศ ในอ่างอาบน้ำมีชายหนุ่มรูปโฉมโดดเด่นนั่งแช่ตัวอยู่ในนั้นอย่างผ่อนคลาย วงหน้าหล่อเหลาของเขาราวหยกที่สลักได้อย่างเกลี้ยงเกลา เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนของบุรุษเพศมากล้นริมฝีปากแดงสด เรียวตาคมคาย สันจมูกเหยียดตรง เรียวแขนแข็งแรงที่รับกับบ่ากว้างอันทรงพลังนั้นกางออกพาดไว้บนขอบอ่า
วันเวลาเหมือนติดปีกโบยบินเซียวหงเย่เดินทางไปทำการค้ากับเมืองต่างๆ ในขณะที่ติงยวี่ถิงยุ่งกับงานที่โรงยาเจี้ยนคัง กิจการค้าขายที่ยุ่งเหยิงแทบไม่มีเวลาว่างนั้น ทำให้ยามกลางวันเช้าจดเย็น หญิงสาวมิได้รู้สึกว่ามีอะไรขาดหาย ทว่าในยามราตรีกลับต่างไปริมหน้าต่างในห้องนอน ติงยวี่ถิงยังคงนั่งเท้าคาง นึกถึงแต่ใครบางคนภาพลึกซึ้งติดตรึงยังคงไหลวนให้ภวังค์มิคลาย หญิงสาวคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วซ้ำไปซ้ำมาอย่างต้องการตกผลึกทางความคิด ซึ่งกำลังสวนทางกับจิตใจนางควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดีเล่า เขาก็ดีนะ หล่อด้วย แต่ดันมีสาวสวยเคียงกายเสียแล้วเนี่ยสิ! เฮ้อ...ชีวิตคนโสด อยากได้สามีสักคน เหตุใดถึงยากเย็นเช่นนี้พรึ่บ!เสียงสะบัดชายเสื้อตามด้วยบุรุษรูปงามร่างสูง ซึ่งเขาเพิ่งปีนขอบหน้าต่างเข้ามาโดยที่ท่าทางมิได้ทุลักทุเลเหมือนคืนก่อนแม้แต่น้อยชอบเหลือเกินนะปีนหน้าต่างเนี่ย ประเดี๋ยวต้องให้คนเอาบันไดไปวางพาดไว้เสียแล้ว ติงยวี่ถิงหรี่ตาถามเสียงเย็นชา “คล่องแคล่วเชียวนะ มิใช่ว่าถูกยาปลุกกำหนัดมาอีกล่ะ?”เซียวหงเย่เอ่ยยิ้มๆ “วันนี้ไม่มียา มีแค่หน้าที่สามี”หน้าที่สามี? คนฟังกะพริบตา ครั้นคิดได้แล้วก็ตว
จากนั้นนางก็อาศัยต้มยาในห้องครัวเล็กด้านหลังด้วยตัวเองอย่างยากลำบากเพราะร่างเก่าไม่เคยทำ จึงค่อนข้างเงอะงะพอควร อะไรที่ต้องการก็หาไม่ค่อยเจอ บ่าวไพร่ก็หนีหน้าไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างนี้นางยังปรนนิบัติดูแลเขาอย่างเอาใจใส่ คอยเช็ดตัวให้ ป้อนข้าวป้อนยา ไม่นาน เขาก็ค่อยๆ หายดี ช่วงเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสามีเริ่มต้นในทิศทางที่ดี กระทั่งมีราตรีวสันต์ด้วยกันจนรุ่งสางบนเตียงนอนหลังม่านพลิ้วไหวบนเตียงนอนวันนั้น มีสองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทแน่นต่างคลอเคลียลูบไล้เสมือนไม่เคยผลักไส ดวงตาหญิงสาวปริ่มน้ำหยาดเยิ้มยั่วยวนใจ ดวงตาชายหนุ่มร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟ สันกรามที่ขบแน่นทรงเสน่ห์ลวงใจใบหน้าเนียนที่แดงก่ำและชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดเหงื่อเกาะพราวมีดวงตาสั่นไหวที่ทอดมองชายหนุ่มเหนือร่างอย่างหลงใหล ชั่วขณะหนึ่ง นางมองเขาอย่างแปลกใจ สมองเลอะเลือน เขาเป็นใคร? อ้อ...สามี หากแต่จากความทรงจำของร่างเก่า เขาคือบุรุษที่รังเกียจและผลักไสนางทุกวันนี่นาแต่บัดนี้ การแนบชิดที่สนิทแน่นปานนั้น โดยเฉพาะตอนใกล้เสร็จและหลังเสร็จภารกิจสัมพันธ์ เขาก็ยังกอดนางเอาไว้ใต้ร่าง ทาบทับนางทั้งตัว ซุกซ
หลินซิงเยียนให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและใบหู จนต้องยกพัดกลมโบกกระพือใส่ใบหน้าอย่างมิอาจควบคุม ขนนกสีฟ้าปลิ่วว่อนเนื่องจากนางไม่เคยมีเรื่องราวอันลึกซึ้งกับบุรุษคนใด แต่กลับ ‘เคยเกือบจะทำเรื่องแบบนั้นมาแล้ว’ จึงพอเข้าใจ แต่รู้สึกกระดากอายจนทำตัวไม่ถูกอย่างยิ่ง เพราะภาพที่นึกออกมันค่อนข้างสมจริงเกินไป...“เจ้ากับอดีตสามีนี่เป็นมาอย่างไรกันแน่ ถิงถิง เจ้าคิดกับเขาเช่นใด บอกมาเถอะ เผื่อข้ามีสิ่งใดช่วยเจ้าได้”“ข้าไม่รู้ต้องคิดยังไงกับเขา”“อ้าว?”ติงยวี่ถิงถอนหายใจ ค่อยๆ เปรยด้วยคำถาม “หากเจ้าต้องมาแทนที่ใครสักคนนึง ในตำแหน่งภรรยา เจ้าจะรักผู้ชายคนนั้นไหม?”หลินซิงเยียนทำท่าครุ่นคิด “เหมือนข้าหรือเปล่าที่มาสลับตัวกับพี่สาว แต่ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวของข้านั้น ทั้งเจ้าชู้มากตัณหา ข้ารักไม่ลงหรอก แต่คิดอีกที ต่อให้ข้ารักแต่คนๆนั้นเป็นของพี่สาว ข้าก็ไม่อาจจะแย่งได้หรอก” นางเงียบไปพักหนึ่งก่อนตัดสินใจถามสหายตามตรงอีกว่า “แต่เจ้าไม่เหมือนข้า ถึงอย่างไรอดีตสามีก็เป็นคนของเจ้า”ติงยวี่ถิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ท้ายที่สุดก็บอก “ช่างเถอะ เรื่องของข้ามันซับซ้อน”หลินซิงเยียนจึงเงียบไป นางไม่เข้าใจส
โรงยาเจี้ยนคังวันนี้มีสหายรักมาเยี่ยมเยียนถึงเรือน อีกฝ่ายพร่ำบ่นไม่หยุดถึงบุรุษที่เห็นแก่ตัวผู้หนึ่ง“เห็นได้ชัดว่าเขาแค่ทำไปเพราะต้องการเอาชนะข้า ช่างเป็นบุรุษที่เอาแต่ใจอย่างยิ่ง” ติงยวี่ถิงที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพยักหน้าเออออ “ใช่! เขาทั้งสุภาพและดูดี ข้ายอมรับว่าหวั่นไหวจึงเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว”“หือ...” วาจายาวเหยียดทำคิ้วงามขมวด “ถิงถิง เจ้ากำลังพูดถึงใคร?” นึกไปนึกมาพลันร้องห๊ะ! “ถิงถิง! อดีตสามีเจ้า เขาหาตัวเจ้าเจอแล้วหรือ? เขาทำร้ายเจ้าหรือไม่ ทวงเงินหรือเปล่า” เหตุที่หลินซิงเยียนถามเช่นนี้เพราะวันที่ถิงถิงออกมา ลักลอบหอบเงินของสามีมาเยอะเลยทีเดียวติงยวี่ถิงร้องเฮอะ “เขาร่ำรวยปานนั้นไม่มีทวงเงิน” พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งยังตบโต๊ะดังปัง “อ่อนโยนกับผู้อื่น แต่กับข้า ชอบทำตัวหยาบคาย เล่นท่ายาก แซ่บตลอด บ้าที่สุด”“หือ...” หลินซิงเยียนหรี่ตา ให้รู้สึกปวดหัวแล้วนะ “เจ้ากำลังพูดอันใด? แสบตรงไหน? บาดแผลรึ? ตกลงเขาทำอะไรเจ้า บอกมา ข้าจะไปจัดการเขาเอง”ติงยวี่ถิงพลันมีสติกลับคืนรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน“ไม่ๆ ไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ทำร้ายทุบตีข้าหรอก” ติงยวี่ถิงนัยน์ตาเศ
จังหวะนั้นซูหลินพลันเดินเข้ามา นางจ้องมองน้องสาวในอ่างไม้ด้วยสองตาเปล่งประกาย “ฟางเอ๋อร์...” เพราะที่นี่เป็นจวนสกุลซูและนางก็เป็นเจ้าของเรือนที่ญาติผู้น้องมาพำนัก การเข้านอกออกในย่อมสะดวกยิ่งนัก แม้แต่สาวใช้ที่ยืนเฝ้าหน้าห้องยังไม่กล้าขัด ซูหลินจึงเดินเข้ามาได้จนถึงห้องอาบน้ำเลยทีเดียว ซูหลินใช้ดวงตาสมหวังจดจ้องน้องสาวอย่างลิงโลด “ฟางเอ๋อร์ พี่ได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่? สำเร็จแล้วสินะ!”เหวินฟางชะงักกึก นางให้รู้สึกอยากมุดน้ำแล้วจมดิ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่สมควรเล่าให้ใครฟังแน่นอน“พี่หลิน ข้า...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก ในขณะที่อีกคนรีบหันไปหยิบเสื้อคลุมมายื่นให้น้องสาว ดวงตาที่พร่างพราวไล่สำรวจเนื้อตัวขาวจัดที่บัดนี้มีรอยจ้ำเหล่านั้นเต็มไปหมด นางรู้ดีเชียวล่ะ ว่าพวกมันคือรอยที่เกิดจากอะไร “มาเถิด รีบเช็ดตัวก่อน ค่อยพูดคุยกัน พวกเรายังต้องวางแผนกันต่อ อ้อ...หาฤกษ์งามยามดีรอไว้เลยดีหรือไม่?”“ไม่!”“...”เห็นน้องสาวตะเบ็งเสียงปฏิเสธดังลั่นปานนั้น ซูหลินให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก “ฟางเอ๋อร์ หมายความว่าอย่างไร?”เหวินฟางอึกอัก “เอ่อ...ข้า...” นางรีบลุกจากถังไม้ เผ