ติงยวี่ถิงเองอยากมีสามีก็จริง ปรารถนามีลูกๆ มีครอบครัวเหมือนคนทั่วไปก็ใช่
ทั้งโลกเก่าและโลกนี้ที่ทะลุมิติมาอาศัย นางได้ใช้ชีวิตอย่างที่เห็น ทำงาน ค้าขาย เรียกได้ว่ามีอิสระมากมาย อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทำอะไรก็ได้ทำ เงินก็พอมีแล้วไง จึงมีความคิดว่าอยากแต่งงานเหมือนคนอื่นบ้าง
อยากเป็นแค่เพียงภรรยาตัวน้อยที่เชื่อฟังสามีและดูแลลูกๆ อย่างดี เป็นคุณแม่ยังสาวที่ไร้ที่ติคนหนึ่ง
แต่ไม่ได้อยากทำตัวชั่วร้ายเหมือนร่างเก่าแล้วไง ยิ่งไม่อยากแย่งชิงกับใครแล้วด้วย
แค่คิดก็เหนื่อยยิ่ง...
ดังนั้น ในเมื่อหลงยุคมาเป็นหม้ายแต่งงานไม่ได้ง่ายๆ เอาสมองมาคิดเรื่องหาเงินดีกว่านะตัวเรา
วันนี้โรงยายังคงมีงานที่ยุ่งวุ่นวายเช่นเดิม
ติงยวี่ถิงเองก็ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้นางเป็นเถ้าแก่เนี้ยแต่หยิบจับทุกอย่างเหมือนคนงานอื่นๆจนมือเป็นระวิง
พอว่างจากงานในลานสมุนไพร นางก็หาอย่างอื่นทำ
หญิงสาวกำลังฝึกฝนการใช้ลูกคิดอย่างขะมักเขม้น ฟังเสียงลูกคิดให้รู้สึกว่าช่างไพเราะยิ่งนัก ยังคิดว่าหากลองประดิษฐ์ลูกคิดจากลูกแก้วจะไพเราะขนาดไหน หรือว่าจะทำจากหยกดี แต่ว่า มันจะทนมือเหมือนทำจากไม้หรือไม่นะ ตอนกระทบกันมันเพราะก็จริงแต่มันจะแตกร้าวหรือเปล่า
ที่นี่ทุกสิ่งคือเรื่องใหม่เพราะยุคที่จากมาไม่ได้ใช้ แม้ว่าเคยขายยาจีนในยุคนั้นก็จริง แต่ใช้วิธีกดเครื่องคิดเลข ไม่เคยดีดลูกคิดเลยจึงได้แต่สงสัยในใจ
หญิงสาวครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย รัวนิ้วดีดดังปึกปักถี่รัว นางเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองชอบลูกคิด ยิ่งทำบัญชียิ่งถนัดมือ เพียงแต่การคำนวณบัญชีด้วยลูกคิดค่อนข้างยากมากๆ แต่อาจเพราะว่าโรงยาเจี้ยนคังเป็นแค่การค้าเล็กๆ ร้านเดียว ไม่ได้มีหลายสาขา แม้ไม่เก่งแต่ก็พอเรียนรู้ได้ดี
ในขณะที่เสี่ยวจิงได้แต่มองอย่างสงสัย เหตุใดคนที่ไม่เคยชอบงานบัญชียิ่งไม่จับลูกคิดถึงได้กระตือรือร้นขึ้นมา เมื่อก่อนนายหญิงมิใช่สตรีใฝ่รู้เลยนี่นา แม้หนึ่งในกิจการของสกุลติงจะมีโรงยาแต่นายหญิงก็ไม่เคยสนใจลงมือทำเอง เอาแต่เที่ยวเล่นและตามตื้อนายท่านเซียวอย่างเดียว
แต่จะว่าไป เมื่อใดกันนะที่นายหญิงเก่งกาจเฉลียวฉลาดเรื่องยา?
เสี่ยวจิงมุ่นคิ้วมองจนหน้าย่นในขณะที่คนถูกมองยังคงดีดลูกคิดอย่างอารมณ์ดี บัญชีที่มีตัวเลขรายรับสูงลิ่ว คือสวรรค์โดยแท้
นอกจากงานหลังร้านยังมีงานหน้าร้านที่เยอะยิ่ง ติงยวี่ถิงคิดบัญชีเสร็จก็ออกไปต้อนรับลูกค้าด้วยตัวเอง
ลูกค้าของเจี้ยนคังมีทั้งคุณหนูและท่านหญิงสูงศักดิ์รวมถึงหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป
ติงยวี่ถิงไม่เคยแบ่งแยกชนชั้น ยิ่งไม่แบ่งแยกระหว่างสาวสะพรั่งหรือสาวมีอายุเข้าสู่วัยกลางคนไปจนถึงวัยชรา ทุกคนควรได้รับการดูแลบำรุงความงาม นางยังคงออกมาต้อนรับด้วยตัวเองทั้งสิ้น เพราะต้องแนะนำสินค้าอย่างถูกต้อง ตัวใดใช้สำหรับดื่มกินเพื่อบำรุงร่างกาย ตัวใดใช้สำหรับทานวดบำรุงจากภายนอก
เรื่องเหล่านี้สำคัญอย่างมากที่สุด
“ฮูหยินซู ท่านจะนำยาทาหน้าไปกินไม่ได้เจ้าค่ะ!” หญิงสาวบอกแก่ลูกค้าคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงห่วงใยกึ่งตกใจอีกฝ่ายบอกว่า “ยาตัวนี้น่ากินเหลือเกิน ข้าอยากซื้อเพราะมันเหมือนลูกท้อเชื่อม ต้องอร่อยแน่ๆ” นางหัวเราะ “เจ้าทำยาออกมาได้งดงามยิ่งนัก น่ากินทั้งหมดเลย”ติวยวี่ถิงยิ้มในหน้าแต่กลุ้มใจหนัก สหายรักออกแบบกล่องบรรจุ ส่วนนางขึ้นรูปไว้เป็นก้อนกลมกลึงเกลี้ยงเกลา เคลือบสีสันสวยงามเป็นมันวาว ยานี่น่ากินเกินไปแล้วจริงๆ หญิงสาวรีบอธิบาย “ตัวนี้กินไม่ได้เจ้าค่ะ เวลาจะใช้ต้องบีบเม็ดยาออก นำเอาน้ำมันด้านในมาลูบไล้บนผิวหน้าให้ทั่วอย่างเบามือ ตัวนี้ทาตอนเช้า ตัวนี้ทาผิวก่อนนอน ส่วนด้านนอกที่ใช้ห่อตัวยาก่อนหน้า ข้าผสมสมุนไพรลงในเนื้อแป้ง สามารถนำไปละลายน้ำ ใช้แช่ตัวในน้ำและอาบ ช่วยบำรุงผิวกายเจ้าค่ะ”สรรพคุณดีล้ำจริงๆ แต่ฮูหยินซูยังทำสีหน้าเสียดาย “กินไม่ได้หรือ?”“เจ้าค่ะ” ติงยวี่ถิงพยักหน้า หันไปหยิบยาอีกตัวมา ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบบรรจุอยู่ในกล่องประณีตลายเมฆ ค่อยๆ อธิบายต่ออย่างใจเย็น “แต่ตัวนี้กินได้เจ้าค่ะ กินง่าย ย่อยง่าย บำรุงจากภายใน ร่างกายดูดซึมได้ดี รสชาติหวาน แต่กลมกล่อมกำลังดี ไม่ขมเฉกยาบำร
ติงยวี่ถิงเองอยากมีสามีก็จริง ปรารถนามีลูกๆ มีครอบครัวเหมือนคนทั่วไปก็ใช่ทั้งโลกเก่าและโลกนี้ที่ทะลุมิติมาอาศัย นางได้ใช้ชีวิตอย่างที่เห็น ทำงาน ค้าขาย เรียกได้ว่ามีอิสระมากมาย อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทำอะไรก็ได้ทำ เงินก็พอมีแล้วไง จึงมีความคิดว่าอยากแต่งงานเหมือนคนอื่นบ้าง อยากเป็นแค่เพียงภรรยาตัวน้อยที่เชื่อฟังสามีและดูแลลูกๆ อย่างดี เป็นคุณแม่ยังสาวที่ไร้ที่ติคนหนึ่งแต่ไม่ได้อยากทำตัวชั่วร้ายเหมือนร่างเก่าแล้วไง ยิ่งไม่อยากแย่งชิงกับใครแล้วด้วยแค่คิดก็เหนื่อยยิ่ง...ดังนั้น ในเมื่อหลงยุคมาเป็นหม้ายแต่งงานไม่ได้ง่ายๆ เอาสมองมาคิดเรื่องหาเงินดีกว่านะตัวเราวันนี้โรงยายังคงมีงานที่ยุ่งวุ่นวายเช่นเดิมติงยวี่ถิงเองก็ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้นางเป็นเถ้าแก่เนี้ยแต่หยิบจับทุกอย่างเหมือนคนงานอื่นๆจนมือเป็นระวิง พอว่างจากงานในลานสมุนไพร นางก็หาอย่างอื่นทำหญิงสาวกำลังฝึกฝนการใช้ลูกคิดอย่างขะมักเขม้น ฟังเสียงลูกคิดให้รู้สึกว่าช่างไพเราะยิ่งนัก ยังคิดว่าหากลองประดิษฐ์ลูกคิดจากลูกแก้วจะไพเราะขนาดไหน หรือว่าจะทำจากหยกดี แต่ว่า มันจะทนมือเหมือนทำจากไม้หรือไม่นะ ตอนกระทบกันมันเพราะก็จริงแต่มันจะแตกร้า
ทางฝั่งติงยวี่ถิงเว่ยหนิงยิ้มร่า จับมือติงยวี่ถิงเดินไปอย่างอารมณ์ดี “ข้าสบายใจแล้ว เรามาจิบชากันเถอะ เจ้านั่งตรงนี้รอก่อน ข้าจะไปสั่งคนนำขนมมาให้”“ข้าไม่หิว คุณหนูเว่ยอย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ”“ไม่ลำบากๆ ข้าต้องตอบแทนเจ้าให้มากหน่อย” จบคำก็เดินไปสั่งการสาวใช้ที่ยืนรอรับใช้อยู่อีกฝั่งทันทีจังหวะนั้น พลันมีเสียงสดใสของสตรีนางหนึ่งเอ่ยทักทายติงยวี่ถิง “ไอ่โยว! นี่มิใช่แม่นางติงหรอกหรือ?”เจ้าของเสียงจะเป็นใครไปได้ หากมิใช่คู่อริคนเก่า ติงยวี่ถิงหันมองขวับ เห็นเหวินฟางยืนตะหง่านตรงหน้า เหยียดปากว่าต่อ “ข้านึกว่าสตรีดีงามจากที่ใด แต่งกายโดดเด่นเกินหน้าเช่นนี้ ช่างไร้มารยาทเหลือเกิน ทำตัวแย่ยิ่งนัก คงลืมตัวกระมังว่าเป็นแค่หญิงหม้าย บุรุษใดจะชายตาแลถึงขั้นสู่ขอตบแต่งเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ย่อมได้เป็นแค่อนุชั้นต่ำเท่านั้น”ตรงจุดนี้มีพุ่มดอกไม้กั้นจากผู้คน จึงมีเพียงพวกนางแค่สองคนเท่านั้น จึงไม่แปลกที่สตรีผู้หนึ่งจะกล้าพูดเช่นนี้เหวินฟางเชิดคางมองนางด้วยสายตาเย้ยหยัน “อยากให้ข้าช่วยประกาศหรือไม่เล่า? ว่าเจ้าทำตัวต่ำทรามชั่วช้าปานใดถึงถูกบ้านสามีหย่าร้างและขับไล่เอาได้”ติงยวี่ถิงมีหรือจะกลัว
ทางฝั่งเว่ยเฉิงพวกเขารู้จักกันระดับหนึ่งจึงทักทายอย่างคุ้นเคย ยังมองเลยไปทางฝั่งสตรีอีกสองคน “นั่น น้องข้า เว่ยหนิง”ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นเช่นกันว่าไป๋ซั่วมิได้มองน้องสาวของตนแต่กลับมองอีกคน เขากระแอม “เอ่อ...คุณชายไป๋ หนิงเอ๋อร์ของข้าสวมชุดสีชมพู มิใช่สีแดง”ไป๋ซั่วชะงัก “อ้อ...คุณหนูเว่ยใส่ชุดสีชมพูนั่นเอง” หน้ากลมบวมแดง ลงแป้งแต้มชาดเยอะเหมือนงิ้วขนาดนั้น ยังดูออกว่าเป็นรอยผดผื่นขรุขระ อัปลักษณ์สิ้นดี“วันนี้คุณหนูเว่ยแลดูน่ารักสดใสเหลือเกินขอรับ” ปากเอ่ยวาจาเช่นนั้น ทว่าสายตาก็ยังมองเพียงสตรีชุดแดงอย่างเผลอไผลอยู่ดี ในเมื่อคนหนึ่งขี้ริ้วขี้เหร่ปานนั้น อีกคนยังงามบาดตาบาดใจปานนี้ ทำเขามิอาจถอนสายตาได้เลยเว่ยเฉิงนิ่วหน้าเล็กน้อย ค่อยๆ แนะนำอย่างเสียมิได้ “สตรีชุดแดงคือแม่นางติง เจ้าของโรงยาเจี้ยนคัง ยามนี้ชื่อเสียงโด่งดังมากในเมืองหลวงเชียว คุณชายไป๋เพิ่งมาจากเมืองซิวโจวใกล้ๆ นี่เอง คงเคยได้ยินบ้างกระมัง”“อ้อ...” ไป๋ซั่วพยักหน้า ดวงตาลุกวาวหากเอ่ยถึงเจี้ยนคังเขาย่อมเคยได้ยินมาบ้าง ข่าวว่านางเก่งกาจดูแลดูแลกิจการเองทุกขั้นตอน นับเป็นสตรีที่มีความสามารถอย่างยิ่ง ไม่น่าเชื่อว่า
เว่ยหนิงจึงมองชายหนุ่มชุดสีฟ้าครามอย่างพิจารณา พบว่าเป็นคุณชายไป๋ผู้นั้นคนตัวสูงผิวขาว ใบหน้าเรียวยาว ความหล่อเหลาให้ห้าในสิบเท่านั้น ผิดกับอีกคนที่ยืนด้วยกัน ช่างรูปงามเหลือเกิน คิ้วตาจมูกปากน่ามองไปหมดทุกจุด สัดส่วนสมบูรณ์แบบยิ่งมิใช่เพียงเว่ยหนิงแต่คุณหนูทุกคนที่มางานเลี้ยงวันนี้ล้วนมองบุรุษชุดขาวเป็นตาเดียวเช่นกันคนอะไร? ช่างดึงดูดสายตาเหลือเกินเห็นสายตาน้องสาวมิอาจถอนคืนเช่นนั้น เว่ยเฉิงจึงถอนใจเอ่ยอย่างรู้เท่าทัน “เจ้าอยากรู้จัก?”“อื้ม...” นางพยักหน้าถี่ๆ “คุณชายคนนั้นเป็นใคร ข้าไม่เคยเห็นเลยนะ รูปงามปานนี้หากเป็นคนเมืองหลวงต้องเคยเห็นสิ ไม่มีทางพลาดสายตาดุจเหยี่ยวของข้าหรอก”“เขาผู้นี้คือคุณชายที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในจินโจว เขามาที่นี่เพื่อเปิดเส้นทางการค้าใหม่ ขยายเส้นทางเดิม”ดวงตาที่เผยความชื่นชมอยู่แล้วยิ่งเปล่งประกาย “อา...ข้าอยากทำความรู้จักเหลือเกิน”“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว เขาไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ เย่อหยิ่งถือตัวเป็นที่สุด ขนาดฮูหยินที่ถูกบังคับแต่งให้เขา ยังไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ ถูกรังเกียจเสียจนต้องหย่า หากเจ้าเผลอทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา โอกาสที่สกุลเว่ยจะได้
“ข้าโดดเด่นกว่าเจ้าของงานหรือ? ไม่เหมาะกระมัง”เห็นสีหน้าติงยวี่ถิงย่ำแย่ปานนั้น เว่ยหนิงจึงตบบ่า เอ่ยอย่างจริงใจว่า “แม่นางติงอย่าคิดว่าเป็นการไร้มารยาทหรือเกรงคนจะครหาเลย ตัวเจ้าเดิมทีก็งดงามไร้ที่ติอยู่แล้ว”นางจ้องตาแน่วแน่ อธิบายด้วยเหตุผลไม่มีล้อเล่น “อีกอย่าง ใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าของโรงยาเจี้ยนคังนับเป็นโฉมงามติดอันดับหนึ่งในห้าแห่งต้าเจิ้ง หากเจ้าไม่ทำตัวเองให้สะสวยที่สุดในงานนั่นล่ะคือสิ่งที่ผิดพลาด ดังนั้น ความโดดเด่นของเจ้าวันนี้ ย่อมเป็นการประกาศให้รู้ว่าเจี้ยนคังเลิศล้ำปานใด”นับว่ามีเหตุผล คนถูกสั่งให้แต่งตัวแต้มชาดจัดเต็มจึงพยักหน้ารับคำเสียงเนือย “ท่านอย่าลืมจ่ายเงินข้าด้วยล่ะ”“ไม่ต้องห่วง หากวันนี้คุณชายไป๋ไม่อยากหมั้นกับข้า ข้ามอบเงินพิเศษให้เจ้าเพิ่มอีกสามเท่า”ดวงตาติงยวี่ถิงสว่างวาบงานเลี้ยงเริ่มขึ้นและดำเนินไป ผู้คนต่างหลั่งไหลเดินทางเข้าร่วมอย่างคับคั่ง สกุลเว่ยยิ่งใหญ่ใช่ย่อยทีเดียวเจ้าของงานที่อย่างเว่ยหนิงที่วันนี้แต่งหน้าแล้วแต่ก็ยังไม่งดงามเท่าที่ควรเดินต้อนรับแขกเหรื่ออย่างสง่าผ่าเผย โดยพาติงยวี่ถิงติดตามด้วย เพื่อคอยดูแลเสื้อผ้าหน้าผม ตามคำสั่งเว่ยฮูหย