เมื่อเห็นว่าเขายอมตกลงแต่โดยดี ร่างบางจึงก้าวขาขึ้นเตียงพลางสลัดผ้าห่มออกจากเรือนร่าง ผิวขาวนวลปรากฏต่อสายตาชายหนุ่มอีกครั้ง เรียวขาสองข้างถูกแยกออกจากกันอย่างเชื่องช้า กุหลาบงามสีแดงสดเด่นหรายั่วยวนภมรหนุ่มจนตาพร่า
“ท่านพี่เข้ามาสิเจ้าคะ ข้าพร้อมแล้ว”
ลู่ชิงส่งสายตาเชิญชวนให้เขาไม่ปิดบัง นางลากปลายนิ้วจากเต้างามลงมาหยุดบริเวณกึ่งกลางกายพลางดึงศีรษะทุยที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้ดูดชิมน้ำหวาน
“ อ๊าาา ท่านพี่ อื้ออออ ข้าเสียว เสียวมาก อย่าเลียตรงนั้น” ร่างบางครวญครางเสียงแหบพร่า ใบหน้างามบิดเบี้ยวราวกับคนเจ็บปวดแสนสาหัส จื่อหานละเลงลิ้นลงบนกุหลาบงามด้วยความช่ำชอง เขาสนองลีลารักให้นางด้วยความเผ็ดร้อนจนต้องซูดปากครั้งแล้วครั้งเล่า
เตียงนอนชั้นดี ยวบยาบตามการเคลื่อนไหวของหนุ่มสาว ลู่ชิงอ้าขาให้ชายหนุ่มกลัดมันเช่นเขาได้เชยชมอย่างถึงอกถึงใจ ร่างสูงใหญ่คุกเข่าบนพื้นให้สเพื่อามารถดูดดึงกลางกายสาวของภรรยาได้ถนัดถนี่ ปลายลิ้นสากตวัดเลียด้วยความเร็ว จนร่างบางเผลอแอ่นกายเข้าหา ลู่ชิงรู้สึกเสียวซ่านเกินทนไหว ท้องน้อยของนางปั่นป่วนเสียจนร่างกายกระตุกเกร็งตั้งแต่หัวจรดเท้า น้ำหวานสีขาวขุ่นไหลทะลักออกมากับเขื่อนแตกก็มิปาน
“อื้มมมม หวาน หวานมาก” จื่อหานเงยหน้าออกจากหว่างขาสลักเสลา พร้อมกับแลบลิ้นเลียน้ำหวานตรงมุมปากด้วยความเสียดาย
เขาอ้าปากงับตุ่มไตสีน้ำตาลชูชันราวกับว่าเป็นอาหารเลิศรสต่อทันที ริมฝีปากหยักทั้งดูดทั้งเลีย เสียง ดังจ๊วบจ๊าบ น้ำลายอุ่นอาบไล้ไปทั่วเต้างาม คล้ายคลึงกับน้ำเชื่อมเหนียวหนืดที่เคลือบบนถังหูลู่นัก
“โอ๊ยยยย ทะ ท่านพี่ ข้าไม่ไหวแล้ว ท่าจะทำอะไรก็ทำเถอะ” ลู่ชิงร้องขอไร้ความกระดากอาย ลิ้นร้อนของเขาสร้างความหฤหรรษ์ไม่หยุดหย่อน จนนางแทบลืมหายใจ
“อืมมม เจ้าทำให้ข้าบ้างสิ” มังกรตัวเขื่องถูกรูดขึ้นรูดลงต่อหน้าร่างบาง นางเพ่งมองหัวหยักบานสีคล้ำด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนตัวโตแสยะยิ้มร้ายออกมาเมื่อแผนการที่วางไว้สำเร็จลง
“จะ เจ้าค่ะ” ร่างบางนั่งคุกเข่าบนเตียง ส่งผลให้ใบหน้าเรียวของนางจดจ่ออยู่บริเวณสะโพกแกร่ง ริมฝีปากอิ่มแดงอ้างับมังกรตัวเขื่องในชั่วพริบตา ลิ้นร้อนตวัดเลียไปมาบริเวณปลายหัวหยักช้าๆ ด้วยความตื่นตระหนก กลิ่นสาบชายชาตรีอบอวลไปทั่วโพรงปาก
“ซี๊ดดดด โอ้ววววว ลู่ชิง อืมมมมม” จื่อหานขบกรามแน่นเพื่อระบายความเสียวซ่าน ฝ่ามือใหญ่สองข้างวางลงบนศีรษะนางเพื่อควบคุมจังหวะให้ลื่นไหล
“อืมมมม เก่งมากชิงเออร์ โอ้ววววว พอก่อนที่รัก เดี๋ยวพวกเราจะอดสนุก” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยปราม พร้อมกับดึงตัวตนอันมโหฬารออกจากปากงามด้วยความเสียดาย
“เริ่มเลยไหมเจ้าคะ ข้าพร้อมแล้ว”
“เอนตัวลงอีกหน่อยสิ เจ้าจะได้ไม่เจ็บมาก”
ลู่ชิงเอนกายไปด้านหลังตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ฝ่ามือเรียวสองข้างค้ำยันหัวเตียงเอาไว้ ร่างกายของนางพรั่งพร้อมแล้วสำหรับการถูกรุกราน จื่อหานพามังกรตัวเขื่องเข้ามาถูไถช่องทางรักอันคับแคบสองสามครั้ง ก่อนพุ่งทะยานเข้าสู่โถงถ้ำแสนอ่อนหวาน
“อื้อ ท่านพี่ ข้าเจ็บ” ลู่ชิงโอดครวญน้ำตาเล็ด นางรู้สึกว่าร่างกายนี้กำลังจะปริแตกออกมา
“ชู่วววววว อดทนเอาไว้ อีกนิดเดียวก็หาย ข้าสิกำลังจะขาดใจ เพราะการบีบรัดของเจ้า” จื่อหานมีสีหน้าเหยเกอย่างเห็นได้ชัด ลู่ชิงตอดรัดเขาจนแทบขึ้นสวรรค์อยู่รำไร สะโพกสอบขยับกายเข้าออกเชื่องช้าเพื่อให้ช่องทางรักของหญิงสาวปรับตัวอีกครั้ง
“เจ็บไหม”
“อื้อออ ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยเจ้าค่ะ” น้ำหวานในกายสาวเริ่มไหลทะลักอีกครั้ง นำพาให้มังกรตัวเขื่องเข้าออกอย่างง่ายดาย ลู่ชิงไม่รู้เลยว่าความเสียวซ่านกำลังจะมาเยี่ยมเยือนนาง
“ข้าขอเอาแต่ใจเลยละกัน ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” จื่อหานขบกรามแน่น พลางเร่งจังหวะเข้าออกเป็นพัลวัน
“ท่าน ท่านพี่ อื้อออออ อ๊าาาาาา” ลู่ชิงนอนครวญครางเสียงสั่น นางรู้สึกว่าจื่อหานกำลังเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ความถี่ในการเข้าออกของเขา ทำเอานางหายใจแทบไม่ทัน
“โอ๊วววว ซี๊ดดดดด ชิงเออร์ เจ้ารัดข้าแน่นมาก”
“ทะ ท่านพี่ อื้ออออ ข้า ข้า เสียว ท่านกระแทกข้าไม่ยั้งเลย”
“อืมมม เจ็บหรือเปล่าชิงเออร์” คนตัวโตแสร้งถามราวกับว่าเป็นห่วงนักหนา แต่เอวสอบยังคงกระแทกกระทั้นนางไม่ลดละ ผิดกับคำพูดแสนอ่อนโยนนั่น
“มะ ไม่เจ้าค่ะ หากข้าเจ็บ ท่านพี่ยินยอมจะหยุดหรือไม่”
“ไม่มีทางเสียหล่ะ” จื่อหานเอ่ยตอบเยี่ยงคนเอาแต่ใจ เขาเร่งเร้าจังหวะให้หนักหน่วงขึ้น ริมฝีปากหยักรีบเข้าไปประกบริมฝีปากอวบอิ่มทันที เมื่อเห็นว่านางกำลังจะกรีดร้องออกมา
“อื้อออออ อี๊ดดดดด อี๊ดดดดดดด” ลู่ชิงแผดเสียงดังลั่นในลำคอ ร่างบางกระตุกเกร็งถี่ๆ เป็นจังหวะ เมื่อคนตัวโตพาเดินทางไปถึงจุดหมาย นางอ้าปากสูดลมหายใจเข้าปอดยืดยาว ในหัวมีเพียงความว่างเปล่าเงียบงัน
“ซี๊ดดดดด โอ๊ววววว ลู่ชิง จะ เจ้ารัดแน่นเกินไป ขะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว ” จื่อหานกระแทกสะโพกสอบเข้าหากุหลาบงามรัวเร็ว ยิ่งนางตอดรัดเขาเท่าไหร่ตัวตนความเป็นชายก็ยิ่งทรมานมากขึ้นเท่านั้น ร่างแกร่งเร่งกระแทกกระทั้นนางสุดชีวิต ก่อนสายธารอุ่นจะไหลทะลักออกมา
"โอ๊ยยยย ซี๊ดดดดด เสียวโว้ย" คำอุทานแสนน่าอายถูกสบถพึมพำ ขณะจื่อหานกำลังเสร็จสมแทบขาดใจ เขากระตุกกายเป็นจังหวะอีกสองสามครั้ง ก่อนทิ้งตัวซวบซบร่างบางอย่างคนหมดแรง
ร่างแกร่งซวบซบลงบนหน้าอกคู่งามพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบแทบหายใจไม่ทัน จื่อหานพลิกกายลงมานอนข้างๆ ลู่ชิงพลางเอ่ยถามนาง
“ลีลารักของข้าเด็ดดวงใช่หรือไม่”
“ห๊าาาาา อะไรนะเจ้าคะ” ร่างบางทวนถามเสียงดัง นางอ้าปากค้างตาโตนิ่งงันไปชั่วขณะ มีผู้ชายเช่นนี้ในโลกด้วยหรือ เพิ่งเสร็จกิจกามก็มั่นหน้ามาถามคู่นอนว่าตนเองเด็ดดวงไหม จะบ้าตาย จื่อหานอยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ
“ข้าได้ยินเจ้าครางเสียงดังไม่หยุด ลีลารักอันเร่าร้อนของข้าถึงอกถึงใจเจ้าใช่หรือไม่”
“ไม่รู้เจ้าค่ะ”
“ไม่รู้ได้ยังไง เจ้าครวญครางเสียงดังลั่น ชื่นชอบก็พูดออกมา” คนตัวโตคาดคั้นเอาคำตอบจากร่างบางไม่ยอมลดละ
“ท่านพี่เลิกคิดไปเองได้หรือไม่ ข้าพึ่งเคยมีประสบการณ์หลับนอนกับท่านครั้งแรก ไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าเด็ดดวงไหม หากท่านพี่ต้องการคำตอบนักหนา ไว้ข้าลองนอนกับชายอื่นดูสักสองสามคน แล้วค่อยนำมาเปรียบเทียบกัน เช่นนั้นถึงจะบอกได้ว่าใครลีลาเด็ดกว่า”
“ไร้ยางอาย เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้เยี่ยงไร” จื่อหานโมโหจนตัวสั่น ลู่ชิงพึ่งนอนกับเขาไปหมาดๆ นางกล้าเอ่ยปากว่าจะนอนกับชายอื่นต่อหน้าเขาได้ยังไง
“ท่านพี่ดุด่าข้าทำไมเจ้าคะ ข้าเพียงตอบคำถามตามความจริง หากไม่เปรียบเทียบจะรู้ได้เยี่ยงไร ข้าไม่ตัดสินผู้ใดขณะตนเองมีความรู้เพียงหยิบมือหรอกนะ” ร่างบางโต้กลับทันควัน เขาเป็นคนเริ่มบทสนทนาไร้ยางอายนี้เองแท้ๆ แต่กลับมาตะคอกด่าทอนาง
“ฮึ่มมม เถียงคำไม่ตกฟากเสียจริง ข้าจะทำให้เจ้ารู้เองว่าลีลารักโคตรเด็ดเป็นยังไง” จื่อหานเคลื่อนกายขึ้นคร่อมร่างบางอีกครั้ง เขาพลิกกายนางให้นอนคว่ำหน้าลงบนเตียง เสร็จแล้วจึงยกสะโพกผายขึ้นมา ทำให้เรียวขาสวยต้องคุกเข่า ฝ่ามือเรียวยันพื้นเอาไว้เพื่อประคองตนเองไม่ให้เสียสมดุล กุหลาบงามสีแดงสดเด่นหราทิ่มแทงสายตาคนมองนัก ชายหนุ่มกลัดมันไม่รอช้าก้มลงดูดเลียหาน้ำหวานทันที
“ทะ ท่าน พี่ ข้า อื้อ”
“อย่าพึ่งครวญครางจนเสียงแหบแห้งไปก่อนเสียหล่ะ คืนนี้ยาวไกลนักฮูหยิน” จื่อหานเอ่ยเตือนพร้อมรอยยิ้มมาดร้าย คืนนี้เขาจะทรมานลู่ชิงให้สาสมใจด้วยกระบวนท่าเผด็จศึกทั้งหมดที่มี ดูซิว่านางจะทนรับความเสียวซ่านได้มากแค่ไหน
“โอ๊ยยยยย จะ เจ็บบบบบ” ลู่ชิงโอดครวญเสียงดัง นางกำลังประคองตนเองให้ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความยากลำบาก กลางกายสาวบอบช้ำมากเนื่องจากถูกคนตัวโตรุกรานไม่หยุดหย่อน พอฝืนก้าวเท้าลงจากเตียงก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง เรียวขาสวยสองข้างเกิดอาการกระตุกสั่นจนแทบยืนไม่ไหว
“ข้าพึ่งผ่านสมรภูมิรบมาหรือยังไง เหตุใดถึงได้ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเช่นนี้” ร่างบางบ่นอุบ นางพยุงตนเองเข้าไปชำระร่างกายด้วยความระมัดระวัง ขณะถอดเสื้อผ้าลงอ่างอาบน้ำ ก็ได้กับพบรอยฟกช้ำบนเนื้อตัวมากมาย
“มารดามันเถอะ ขนาดรับปากไว้แล้วว่าจะไม่ลงมือรุนแรงกับข้า ยังมิวายทิ้งร่องรอยเขียวช้ำให้เห็นเต็มสองตา จื่อหานมีหัวไว้คั่นหูอย่างเดียวจริงๆ สินะ” ลู่ชิงก่นด่าเสียงดัง แม้ว่าเมื่อคืนนางกับเขาจะเข้ากันได้ดีก็ตาม แต่เขาควรรู้จักยั้งมือบ้าง นางเอือมระอากับพฤติกรรมชอบใช้กำลังของจื่อหานเต็มทน ยิ่งพูดคุยด้วยยิ่งเปลืองน้ำลาย เอาเวลาไปสั่งสอนลูกสุนัขแรกเกิดยังจะมีประโยชน์เสียกว่า
เมื่อชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลู่ชิงจึงออกมาแต่งตัวหน้ากระจก วันนี้นางเลือกปล่อยผมยาวสยายแทนการเกล้ามวยเช่นทุกวัน เพื่อปกปิดร่องรอยฟกช้ำบริเวณลำคอเอาไว้ โชคดีว่าสมัยจีนโบราณชอบสวมใส่ชุดกระโปรงยาวรุ่มร่าม จึงไม่ต้องกังวลกับร่องรอยบนเนื้อตัวมากนัก
“เปลี่ยนชุดซะ ข้าต้องการให้เจ้าสวมชุดนี้”
“ท่านพี่ป่วยหรือเจ้าคะ” ลู่ชิงขมวดคิ้วถาม นางไม่เข้าใจว่าจื่อหานเป็นบ้าอะไร ถึงได้มีกะจิตกะใจไปเสาะหาชุดสตรีมาให้นาง
“เจ็บป่วยอันใด ข้าสบายดี สวมชุดนี้ซะ อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำอีกครั้ง”
“เจ้าค่ะ” ลู่ชิงรับคำพลางกลอกตาบนไปมา นางขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับบุรุษหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่เช้าตรู่ของวัน
เมื่อร่างสูงเดินจากไป ลู่ชิงก็จัดการหยิบชุดเจ้าปัญหามาสวมใส่ นางวุ่นวายจัดการชุดให้เรียบร้อยอยู่นาน พอเงยหน้าขึ้นเพ่งมองกระจกอีกครั้งเท่านั้นแหละ ร่างบางตกใจตาโตจนแทบถลนออกมา
“โอ้โหหหหห เอามีดมาเชือดคอข้าเถอะ” ลู่ชิงแทบไม่เชื่อสายตา ความขุ่นเคืองแล่นพาดผ่านเข้ามาเต็มหัวใจ จื่อหานต้องการกลั่นแกล้งนางให้อับอายต่อหน้าผู้คนใช่หรือไม่
เมื่ออายุครรภ์ของลู่ชิงครบห้าเดือน อาการแพ้ต่างๆ จึงเลือนหายไป จื่อหานสามารถเข้าใกล้นางได้แล้ว แถมอารมณ์ฉุนเฉียวก่อนหน้านี้ก็จืดจางลงไปมาก หลังจากอดทนอดกลั้นมานาน ช่วงเวลานาทีทองของจื่อหานก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ร่างสูงวางแผนจับฮูหยินสุดที่รักกินไว้เสียดิบดี ก่อนหน้านี้ทำได้เพียงแอบลูบ แอบคลำ มีโอกาสแล้วจะสำเร็จโทษให้สาสมใจภายในห้องน้อนอันกว้างใหญ่ แมวน้อยลู่ชิงกำลังเพลินเพลินใจกับฝีมือบีบนวดของสามี จื่อหาน ทุ่มเทปรนิตินางอย่างดีตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์“ท่านพี่ ข้าไม่ปวดแล้วเจ้าค่ะ” ร่างบางก้มหน้าบอกสามีที่กำลังนวดฝ่าเท้า นางแตะหลังมือเขาแผ่วเบาเป็นเชิงบอกว่าเลิกบีบนวดได้“ฝ่าเท้าเจ้าบวมขึ้นหรือไม่” จื่อหานพิจารณาอยู่พักใหญ่ก่อนเอ่ยถาม นอกจากอาการปวดที่นางชอบบ่นให้ฟังยังมีเนื้อหนังที่เต่งตึงขึ้นมา“นิดหน่อยเจ้าค่ะ ช่วงนี้ข้าขยันเดินจนลืมระมัดระวัง”“อ๊ะ ท่านพี่ ตีก้นข้าทำไม” ลู่ชิงโอดครวญเสียงใสเมื่อฝ่ามือใหญ่ฟาดลงบั้นท้ายงอนงามเต็มแรง“สั่งสอนเด็กดื้อให้หลาบจำ” จื่อหานย้ำเตือนความผิดนาง“เหอะ ท่านหลอกกินเต้าหู้ข้าต่างหาก เอามือข้างขวาออกจากหน้าอกข้าเดี๋ยวนี้” ร่างบางจ้องมองชายหนุ่มตา
ความสงบสุขในชีวิตจื่อหานผ่านไปรวดเร็วมากหลังจากภรรยาผู้แสนดีเริ่มมีปากมีเสียง ทุกอย่างในจวนแปรเปลี่ยนฉับพลัน หากจะบอกว่าหน้ามือกลายเป็นฝ่าเท้าคงไม่แปลกนัก ลู่ชิงอาละวาดด่าทอสามีไม่เว้นวัน นางหาเรื่องมากลั่นแกล้งจื่อหานสารพัดจนเขาแทบร้องไห้ ทำอะไรไม่พอใจนิดหน่อยก็ชี้หน้าด่ากราด ชายหนุ่มไม่อาจปริปากโต้เถียงได้เลยนอกจากนี้ร่างบางยังเกียจคร้านขึ้นมาก นางจิกหัวใช้สามีก่อนนอนทุกคืน จื่อหานจึงต้องรับหน้าที่เป็นหมอนวดไปโดยปริยาย ลู่ชิงเอาแต่ใจเหลือเกิน ไม่รู้ว่านางเกิดความผิดปกติอันใด“ท่านพี่ ข้าอยากกินถังหูลู่เจ้าค่ะ” ลู่ชิงขมวดคิ้วออกคำสั่ง นางกำลังรู้สึกเคร่งเครียดมากๆ ใบหน้าคมของจื่อหานรกหูรกตาชะมัด“เดี๋ยวข้าใช้เจียวเหมยไปซื้อให้”“ข้าอยากกินลูกท้อด้วยเจ้าค่ะ”“องครักษ์เว่ยไปซื้อลูกท้อมาให้ฮูหยิน”“ข้าอยากกินหม้อไฟจากเหลาอาหารหย่งเหอ”“เจ้าอยากกินอะไรนักหนาลู่ชิง” จื่อหานนิ่วหน้าถามอีกครั้ง น้ำเสียงห้วนๆ กระตุ้นต่อมเกรี้ยวกราดของร่างบางได้เป็นอย่างดี นางต่อว่าสามีเสียงดังลั่น“ท่านพี่เสียงดังใส่ข้าทำไม!! ไม่พอใจหรือเจ้าคะ”“เฮ้อ ข้าหมายถึงเจ้ากินเยอะเกินไป” ชายหนุ่มแก้ตัวด้วยความเหน็ดเ
การทำซิ่วท้อของลู่ชิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก นางเสาะหาวัตถุดิบหลักอย่างมันม่วงไม่ได้เลย แม้ว่าอยากลองใช้วัตถุดิบอื่นเช่น มันเทศ ถั่วแดง หรืองาดำ ทำไส้มากแค่ไหน แต่นางต้องทำซิ่วท้อไส้มันม่วงให้สำเร็จเสียก่อน เนื่องจากขนมชนิดนี้ล่ำลือกันว่าเป็นสูตรลับ หากทำสำเร็จอาจเพิ่มฐานลูกค้าได้ จากนั้นจึงค่อยประยุกต์ใส่ไส้อื่นเข้าไป เหลาอาหารหย่งเหอต้องขายดีอีกเท่าตัว“เฮ้อ ข้าจะทำยังไงดี ทำไมมันม่วงหายากหาเย็นนัก” ลู่ชิงโอดครวญออกมาขณะเกลือกกลิ้งอยู่บนศาลาริมน้ำ“ฮูหยินกลุ้มใจมากหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ร่างท้วมเอ่ยถาม พักนี้ฮูหยินชอบขมวดคิ้วทุกวัน นางจึงเกิดอาการเป็นห่วงเจ้านายขึ้นมา“ใช่ ข้ากลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว อยากได้มันสีม่วงมาทำอาหาร”“หากตลาดในเมืองไม่มี พวกเราออกไปดูตลาดชานเมืองกันไหมเจ้าคะ แถวนั้นชาวบ้านมักเก็บของป่ามาขาย” ซูเจียวเสนอแนะหนทางแก้ไขปัญหา“จริงหรือซูเจียว ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้” ลู่ชิงตื่นเต้นมาก นางไม่เคยออกไปรอบชานเมือง มาก่อน จึงไม่รู้ว่ามีตลาดขายของป่า“อะ เอ่อ พอดีระยะทางค่อนข้างไกลนิดหน่อยเจ้าค่ะ ฮูหยินต้องขออนุญาตนายท่านก่อน” สาวใช้ร่างท้วมติดอ่างกะทันหัน เหตุใดนางจึ
เหลาอาหารหย่งเหอขายดิบขายดีมาก ลู่ชิงจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลไปโดยปริยาย เนื่องจากพักนี้จื่อหานทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปดูแลเหลาสุรา ยาดองเหล้าสูตรใหม่ของลู่ชิงขายดีมาก ทั้งสูตรม้ากระทืบโรง นารีรำพึง โด่ไม่รู้ล้ม หรือกำลังช้างสาร ต่างมีสรรพคุณบำรุงร่างกายบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือชาวบ้านทั่วไป ล้วนเดินทางมาใช้บริการจำนวนมาก จื่อหานพึ่งตระหนักได้ว่าปัญหานี้ใหญ่หลวงนัก เกินกว่าจะคาดเดาได้กิจการทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ลู่ชิงยังมีปัญหาคาใจเรื่องสูตรลับของตระกูลอยู่บ้าง นางคิดยังไงก็คิดไม่ออกเสียที ผู้คนรอบตัวต่างบอกว่าขนมที่นางทำยากจะลอกเลียนแบบได้ แต่กลับไม่มีผู้ใดอธิบายวิธีการทำหรือรูปลักษณ์ออกมาอย่างชัดเจน ในหัวนางเองก็ไม่มีความทรงจำของร่างเดิมหลงเหลืออยู่สักนิด คิดไม่ออกเลยว่าสูตรลับที่ผู้คนต้องการนักหนาคืออะไร รู้เพียงว่ามันคือขนมชนิดหนึ่งเท่านั้น“ซูเจียว วันนี้ท่านพี่ไปเหลาสุราใช่หรือไม่” ลู่ชิงเอ่ยถามสาวใช้ขณะนั่งเล่นในสวน นางมีเรื่องราวคับข้องใจหลายอย่างอยากสอบถามเขา“เจ้าค่ะฮูหยิน”“อืม เตรียมรถม้าให้ข้าหน่อยสิ ข้าจะไปเหลาสุรา”“ตะ แต่ นายท่านไม่ต้องการให้ฮูหยินไปที่นั่นน
ความสงบสุขกลับมาเยือนลู่ชิงอีกครั้ง ชีวิตประจำวันของนางวุ่นวายอยู่กับการดูแลเหลาอาหารหย่งเหอเป็นหลัก ทุกอย่างรอบตัวกำลังดำเนินไปด้วยความราบรื่น จื่อหานเองก็ทำตัวดีขึ้นไม่น้อยเช่นกัน เขาเชื่อใจนางมากกว่าเดิมหลายเท่า ส่วนลู่เองชิงก็เอาอกเอาใจสามีไม่ขาด ความสัมพันธ์ของทั้งคู่หวานหยดย้อยราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า ไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหน จื่อหานต้องคอยรายงานลู่ชิงเพื่อให้นางสบายใจทุกครั้ง“ฮูหยินเจ้าคะ รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว” ซูเจียวเอ่ยเตือนพลางขบขัน พักนี้ฮูหยินของนางชอบเหม่อลอยคิดถึงนายท่านอยู่เสมอ“อืม รีบไปกันเถอะ เย็นนี้ข้าอยากลองทำอาหารหลายอย่าง” ลู่ชิงตอบรับสาวใช้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางชื่นชอบการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ พอได้ออกไปซื้อวัตถุดิบทีไรเป็นต้องมีความสุขจนหน้าบานทุกที“เจ้าค่ะ”“อ้อ ท่านพี่จะกลับจากเหลาสุราเมื่อไหร่” ร่างบางสอบถามอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ จื่อหานเร่งรีบออกไปก่อนนางตื่นเสียอีก คาดว่าคงมีปัญหาใหญ่โตที่ต้องแก้ไข“ประมาณยามเว่ยเจ้าค่ะ นายท่านอยากกลับมารอกินอาหารเย็นพร้อมฮูหยิน”“เยี่ยมเลย ท่านพี่จะได้ลองชิมอาหารชนิดใหม่ด้วยกัน” ลู่ชิงอุทานออกมาอย่างมีความสุข ในหัวเล็กๆ เต็มไ
สถานการณ์ระหว่างลู่ชิงกับมู่เฉินตึงเครียดขึ้นมาก ร่างบางตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนนับร้อย สาวน้อยฝืนยิ้มจืดเจื่อนออกมา คาดหวังว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะผ่อนคลายลงบ้าง แต่นางกลับคิดผิดถนัด ความเงียบงันเริ่มปกคลุมทั่วบริเวณอีกครั้ง“อะ เอ่อ ข้าขอตัวกลับก่อนนะ” ลู่ชิงเอ่ยลาไม่ปิดบัง นางต้องการหลีกหนีความอึดอัดที่กำลังเผชิญอยู่โดยไว“เดี๋ยวสิ ข้ามีเรื่องอยากปรับความเข้าใจกับเจ้า” มู่เฉินรั้งแขนนางไว้ สายตาวิงวอนถูกส่งมาให้ลู่ชิงเป็นระยะ หากร่างบางปฏิเสธขึ้นมา เรื่องนี้อาจไม่จบลงอย่างง่ายดาย“งะ งั้นหรือ คุยกันตรงนี้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เจ้าอยากดื่มชาสักถ้วยไหม” ลู่ชิงหาวิธีหลบเลี่ยงสายตาผู้คนทั้งหลาย“ได้สิ เจ้านำทางไป”“ข้าต้องการใช้ห้องรับรองส่วนตัว” เมื่อเดินทางมาถึงร้านขายน้ำชา มู่เฉินก็แจ้งความประสงค์ต่อเสี่ยวเอ้อก่อนเดินขึ้นบันไดไป“ห๊าาา มะ ไม่ได้ๆ ข้าแต่งงานแล้ว ส่วนเจ้าเองก็มีคู่หมั้น พวกเราไม่ควรทำตัวเกินงาม” ลู่ชิงคัดค้านเสียงหลง นางโบกไม้โบกมือไม่เห็นด้วยยกใหญ่ การกระทำเช่นนี้สมควรตายนัก มู่เฉินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกับเจ้า” ชายหนุ่มเบาเสียงลงเมื่อเห็นนางลำบา