LOGINโรงย้อมสีผ้าไหมฉื่อเยว่ ที่เคยสกปรกและส่งกลิ่นเหม็นอับจากการสะสมของสีเก่า ๆ ได้ถูกทำความสะอาดจนพื้นหินดูสะอาดตา ภาชนะสำหรับย้อมสีถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบตามคำสั่งของ ซูเหยา ผู้ยืนอยู่กลางโรงงานในชุดผ้าฝ้ายสีอ่อนที่ดูทะมัดทะแมง
นางไม่ได้นั่งบัญชาการจากโต๊ะทำงาน แต่ลงมือคุมการย้อมสีชุดแรกด้วยตนเอง โดยมี เจียอิง ผู้ดูแลใหญ่คนใหม่และคนงานย้อมสีที่ซื่อสัตย์จับตาดูทุกขั้นตอนด้วยความสงสัย
"เจียอิง ท่านไม่ต้องใช้ความร้อนสูงในการย้อมครั้งนี้ น้ำในอ่างต้องมีอุณหภูมิคงที่ตามที่ข้ากำหนด และที่สำคัญที่สุด... สารคงสภาพสีที่เราผสมขึ้นใหม่นี้ จะต้องถูกเติมลงไปในสัดส่วนที่แม่นยำ"
ซูเหยาไม่เชื่อในการกะปริมาณด้วยสายตาเหมือนคนย้อมสีเก่า ๆ แต่นางใช้ถ้วยตวงและเกล็ดน้ำหนักอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าสีที่ได้จะมีความคงที่และไม่ผิดเพี้ยน
เมื่อถึงขั้นตอนการย้อมเส้นไหมลงในอ่าง ผ้าไหมย้อมเย็น ชุดแรกถูกยกขึ้นจากน้ำ สีแดงมงคลที่ปรากฏนั้น สวยสดใสราวกับโลหิตมังกร แต่ในขณะเดียวกันก็มีความนุ่มนวลและสม่ำเสมออย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อเทียบกับผ้าไหมย้อมร้อนแบบเก่าที่มักมีสีด่างและแห้งกระด้าง
"ดูสิ" คนงานคนหนึ่งอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น "สีนี้... สีติดทนอย่างมากเลยขอรับนายหญิง! และเส้นไหมก็ยังนุ่มนวลกว่าเดิมด้วย"
ซูเหยาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
"นี่คือความแตกต่างระหว่าง การทำตามใจ กับการทำตามหลักการ สีที่สวยสดและทนทาน จะกลายเป็นจุดขายสำคัญของเรา"
ทันทีที่การย้อมสีชุดแรกสำเร็จ นางก็เริ่มปรับ การจัดการแรงงาน ในส่วนของโรงทอผ้า นางแบ่งคนงานออกเป็นทีมย่อยตามความถนัด ทีมย้อมสี, ทีมทอละเอียด, และทีมตรวจสอบคุณภาพ
"ทีมใดที่สามารถผลิตผ้าไหมคุณภาพดีได้ตามเป้าหมายที่ข้ากำหนด จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นหนึ่งในห้าส่วนจากค่าแรงปกติ"
ระบบการจ่ายค่าแรงที่ยุติธรรมและตรงไปตรงมาเช่นนี้ทำเอาคนงานทั้งโรงงานตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาไม่เคยได้รับการกระตุ้นด้วยเงินรางวัลที่ชัดเจนเช่นนี้ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง ทุกคนต้องการเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ทำผลผลิตได้สูงสุด
ทว่า ความท้าทายก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
เส้นไหมที่ย้อมด้วยเทคนิคใหม่นั้นมีความบางเบาและนุ่มนวลกว่าเดิม ทำให้เครื่องทอผ้าเก่าแก่ของโรงงานที่ถูกออกแบบมาสำหรับเส้นไหมแบบหยาบเกิดปัญหาติดขัดบ่อยครั้ง
"แย่แล้วขอรับนายหญิง เครื่องทอที่สี่หยุดทำงานอีกแล้ว" จางซื่อรายงานด้วยความกังวล
ซูเหยาเดินไปที่เครื่องทอผ้าที่ติดขัด นางไม่ได้แสดงความหงุดหงิด แต่นางใช้มือลูบโครงสร้างไม้ที่เก่าแก่ของเครื่องทอ
‘ปัญหาอยู่ที่ความตึงของเส้นไหมและการเสียดสี’ นางวิเคราะห์ในใจ นางไม่สามารถสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ได้ในยุคนี้ แต่นางสามารถปรับปรุงได้
นางสั่งให้จางซื่อและคนงานช่างไม้มาช่วยนาง นางไม่ได้ใช้เครื่องมือที่ซับซ้อน แต่สั่งให้นำ ชิ้นส่วนไม้ที่ขัดผิวเรียบเนียนที่สุด มาติดเพิ่มเติมบริเวณที่เส้นไหมเกิดการเสียดสี และสั่งให้ปรับ น้ำหนักถ่วง ของด้ายยืนให้น้อยลงเล็กน้อย
"การใช้พื้นผิวที่เรียบลื่น จะช่วยลดแรงเสียดทาน ส่วนการลดน้ำหนักถ่วง จะช่วยให้เส้นไหมที่นุ่มนวลและบางเบาเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น" นางอธิบายหลักการพื้นฐานให้คนงานฟัง
เพียงชั่วครู่ เครื่องทอผ้าเก่าแก่ก็กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง คนงานต่างพากันยกย่องในความฉลาดและไหวพริบในการแก้ปัญหาของนายหญิง
สามวันถัดมา ผ้าไหมย้อมเย็นชุดแรกเสร็จสมบูรณ์และถูกตัดออกเป็นชิ้นตัวอย่างเล็ก ๆ ผ้าไหมฉื่อเยว่ ชุดใหม่มีคุณภาพเหนือกว่าสินค้าของคู่แข่งในเมืองตงไห่อย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านสีสัน ความทนทาน และความนุ่มนวลเมื่อสัมผัสผิว
ซูเหยาถือผ้าไหมตัวอย่างนั้นไว้ในมือ นางรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่แท้จริง ไม่ใช่ความภาคภูมิใจที่มาจากการได้รับคำชมจากองค์ชาย แต่ความภาคภูมิใจที่มาจากการพลิกฟื้นกิจการที่เกือบตายด้วยความรู้ความสามารถของตนเอง
"เจียอิง เตรียมตัวให้พร้อม วันนี้เราจะนำผ้าไหมตัวอย่างนี้ออกไปสร้างชื่อเสียง ให้กับฉื่อเยว่ เราจะทำลายความคิดที่ว่าสินค้าดีต้องมาจากเมืองหลวง ให้หมดสิ้นไป"
จุดแรกที่นางไปคือตลาดการค้าที่คึกคักที่สุดในตงไห่ นางไม่ได้เดินเข้าร้านค้าปลีกเล็ก ๆ แต่ตรงไปยัง สำนักงานของตระกูลหลิว ซึ่งเป็นพ่อค้าส่งรายใหญ่ที่มีเส้นทางการค้าไปถึงแคว้นทางใต้
เขาเริ่มเห็น 'เสน่ห์' ที่มาจากอำนาจและความสามารถของนาง เป็นเสน่ห์ที่แข็งแกร่งและดึงดูดใจอย่างร้ายกาจ มันแตกต่างจากความงามที่อ่อนหวานอย่างสิ้นเชิงหลังจากจัดการกับพ่อค้าเฉินได้แล้ว ซูเหยาเดินกลับไปที่เรือนรับรองของโรงงานทันที นางนัดหมายประชุมกับ ท่านหลิว พ่อค้าส่งรายใหญ่ที่ได้สั่งซื้อผ้าไหมของฉื่อเยว่ไปในปริมาณมหาศาล เพื่อหารือเรื่องการขยายตลาดไปยังแคว้นทางใต้องค์ชายหานเย่ว์ ในนามพ่อค้าแซ่หาน ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ จึงพยายามหาช่องทางเข้าถึงและแสดงความสามารถ เขารีบตามเข้าไปในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จางซื่อจะทันขวางไว้"เรียนนายหญิงซู ในฐานะพ่อค้าที่สนใจลงทุนในธุรกิจผ้าไหม ข้าขออนุญาตเข้าร่วมรับฟังการประชุมเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมงานได้หรือไม่" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเป็นมืออาชีพที่สุดซูเหยาปรายตามองเขาเล็กน้อย นางรู้ว่าพ่อค้าแซ่หานผู้นี้ไม่ได้มาเพื่อลงทุน แต่มาเพื่อตามติดนาง นางไม่ได้ปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง "เชิญท่านพ่อค้าแซ่หาน" นางจัดให้เขานั่งที่มุมห้องในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้นซูเหยาเริ่มนำเสนอแผนการขยายตลาดอย่างเป็นระบบ นางกางแผนที่ขนาดใหญ่ออกมา และชี้ไปยั
"พ่อค้าแซ่หาน ทางเรามีห้องพักที่สะอาดและปลอดภัยที่สุดรอท่านอยู่เจ้าค่ะ กรุณาชำระค่าห้องพักเป็นรายสัปดาห์ ท่านจะได้รับกุญแจสำหรับล็อคห้องพักและตู้นิรภัยส่วนตัวทันที" ชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรตามที่ถูกฝึกฝนมา"อืม ข้าเป็นพ่อค้าที่เดินทางมาไกล ข้าหวังว่าการมาเยือนตงไห่ครั้งนี้จะได้พบปะกับพ่อค้าท้องถิ่นที่น่าสนใจ" เขาพยายามพูดให้ดูเหมือนพ่อค้าทั่วไปชิงหลิงเพียงโค้งคำนับ "แน่นอนเจ้าค่ะ ที่โรงเตี๊ยมซูแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของพ่อค้าจากหลายแคว้น หวังว่าท่านจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะเจ้าคะ" นางไม่แสดงความสนใจในตัวเขาเกินความจำเป็นองค์ชายเดินตามชิงหลิงไปยังห้องพัก เขาสำรวจทุกตารางนิ้วด้วยสายตาที่เฉียบคม ห้องพักที่ไม่หรูหรานั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียด เตียงนอนสะอาดสะอ้าน ผ้าห่มอบอุ่น ไม่มีกลิ่นอับชื้น และมีตู้เก็บของที่มีกุญแจโลหะแข็งแรงติดอยู่จริงเขาต้องยอมรับอย่างเงียบ ๆ ว่า โรงเตี๊ยมซู แห่งนี้ มีระบบจัดการที่เฉลียวฉลาดอย่างน่าตกตะลึงองค์ชายหานเย่ว์ไม่ได้พักผ่อน แต่รีบลงมายังห้องโถงหลักอย่างรวดเร็ว เขาสั่งชาสมุนไพรมาจิบ แล้วเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้กับโต๊ะทำงานของซูเหยามากที
เขาเรียกประชุมเจ้ากรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดน"ช่วงนี้มีรายงานเรื่องเส้นทางการค้าบริเวณเมืองตงไห่ล่าช้าและมีการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายมากนัก" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาตามปกติ "ข้าจะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อจัดระเบียบการค้าและหาช่องทางในการจัดหาวัตถุดิบคุณภาพดีเข้าสู่โรงงานหลวง"ทุกคนยอมรับคำสั่งขององค์ชายอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะดูสมเหตุสมผลและเหมาะสมกับตำแหน่งของเขา แต่ในใจขององค์ชาย เขารู้ดีว่า เขาไปเพื่อดูซูเหยา ไปดูว่าสตรีที่เคยหลงรักเขาจนโง่เง่าผู้นั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ที่เฉลียวฉลาดได้อย่างไรองค์ชายตัดสินใจที่จะไม่เดินทางไปในฐานะรัชทายาทผู้สูงศักดิ์"หลี่กงกง เตรียมชุดเดินทางให้ข้า ข้าต้องการชุดผ้าฝ้ายธรรมดาที่ดูเหมือนพ่อค้าหรือนักเดินทาง ไม่ใช่ชุดปักไหมทองของวัง"หลี่กงกงชะงักไปเล็กน้อย "ทูลองค์ชาย ท่านจะปลอมตัวไปในฐานะพ่อค้าหรือพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่า... ออร่าและรูปโฉมของท่านอาจจะทำให้การปลอมตัวไม่สำเร็จนะพ่ะย่ะค่ะ"องค์ชายปรายตามองอย่างเย็นชา ทำให้หลี่กงกงรีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว องค์ชายเลือกชุดที่เรียบง่ายที่สุด แต่แม้จะเรียบง่ายเพียงใด ผ้าที่ทอก็ย
ตำหนักบูรพาของ องค์ชายหานเย่ว์ ในเมืองหลวงยังคงโอ่อ่าสง่างามตามปกติ องค์ชายผู้เป็นรัชทายาทในอนาคตกำลังนั่งพิจารณาฎีกาการเก็บภาษีฤดูใบไม้ผลิด้วยท่าทีเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาเต็มไปด้วยเอกสารสำคัญ ไม่มีสิ่งของไร้สาระใด ๆ วางอยู่เขาใช้ชีวิตอย่างปกติ... ทว่าความปกติที่แสนจะสมบูรณ์แบบนี้กลับมี ความรู้สึก 'ขาดอะไรบางอย่าง' ไปอย่างประหลาด ปกติแล้ว ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็น โต๊ะทำงานของเขาจะต้องมีจดหมายรักที่เขียนด้วยลายมือบรรจง หรือของว่างที่ถูกส่งมาจาก ซูเหยา ‘ไร้สาระ’ องค์ชายคิดอย่างหงุดหงิด เขามักจะคิดว่าคำอ้อนวอนและของขวัญเหล่านั้นเป็นเรื่องไร้แก่นสารที่รบกวนสมาธิ แต่ตอนนี้... เมื่อความวุ่นวายนั้นหายไป ความสงบที่ได้รับกลับไม่เป็นที่พึงพอใจเลยแม้แต่น้อยองค์ชายหานเย่ว์ตระหนักว่าเขาไม่ได้เห็นหรือได้ยินเรื่องของซูเหยามาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่ที่นางปฏิเสธคำเชิญร่วมงานเลี้ยงบุปผา"หลี่กงกง" องค์ชายเรียกขันทีคนสนิทด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงความหงุดหงิดที่ไม่สามารถซ่อนได้ "เหตุใดเจ้ากรมซูจึงยังไม่กลับจากเมืองตงไห่ และเหตุใด... ข้าถึงไม่ได้รับรายงานการเตรียมตัวอภิเษกของสตรีผู้นั้นเลย"
"หากทรัพย์สินของท่านหายไปในขณะที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมซู ทางเราจะรับผิดชอบชดใช้เต็มจำนวน" ข้อเสนอนี้ดึงดูดพ่อค้าที่ต้องเดินทางพร้อมเงินจำนวนมากได้ทันทีหนึ่งเดือนถัดมา โรงเตี๊ยมซู ก็กลายเป็นชื่อที่ถูกกล่าวถึงอย่างหนาหูในหมู่พ่อค้าและนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกเมืองตงไห่ ทุกเย็น ซูเหยาจะมานั่งในห้องโถงโรงเตี๊ยมเพื่อตรวจบัญชี และสิ่งที่นางได้รับไม่ได้มีเพียงเงินทอง แต่คือ ข้อมูลข่าวสารที่มีค่า นางได้ยินเรื่องเส้นทางการค้าใหม่ ๆ การเก็บภาษีที่เข้มงวดของแคว้นใกล้เคียง และแม้กระทั่งข่าวลือเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองที่อาจกระทบต่อกิจการของนางกิจการผ้าไหม ฉื่อเยว่ และ โรงเตี๊ยมซู ต่างทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง รายได้รวมของกิจการทะลุเป้าหมายที่นางวางไว้ในช่วงสามเดือนแรก ความมั่นคงทางการเงินนี้มอบอิสรภาพที่นางปรารถนาซูเหยานั่งคำนวณตัวเลข ทรัพย์สินที่นางสร้างขึ้นด้วยตนเองในเมืองตงไห่ มีมูลค่าเกินกว่าสินเดิมที่นางเคยมีเมื่อครั้งอยู่ในเมืองหลวง ทว่า ความสงบสุขก็ไม่ได้อยู่ยืนยาวตลอดไปจดหมายที่ส่งมาจากมารดาของนางที่เมืองหลวง เริ่มมีน้ำเสียงที่แสดงความกังวลมากขึ้น"เหยาเอ๋อร์... เจ้าควรกลับมาเยี่ยมพ่
ท่านผู้เฒ่าหลิวมองซูเหยาด้วยความแปลกใจ นางเป็นสตรีที่งดงามเกินกว่าจะเป็นพ่อค้าทั่วไป และท่วงท่าก็สง่างามเกินกว่าจะมาขายของในตลาด"นายหญิงซู... ท่านมาถึงที่นี่มีธุระอันใดกับหลิวผู้เฒ่าหรือ"ซูเหยาไม่ได้กล่าวคำทักทายที่ยืดยาว นางเปิดหีบผ้าไหมออกอย่างช้า ๆ ผ้าไหมย้อมเย็นสีแดงมงคลสะท้อนแสงไฟในห้องอย่างสวยงาม สีสันที่สดใสและเนื้อผ้าที่นุ่มนวลอย่างประหลาด ทำให้ท่านผู้เฒ่าหลิวต้องลูบผ้าอย่างพิถีพิถัน"ท่านหลิว ข้าทราบว่าสินค้าผ้าไหมในตลาดตอนนี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้แก่ท่านเลยแม้แต่น้อย แต่ผ้าไหม ฉื่อเยว่ ชุดใหม่นี้แตกต่างกัน" ซูเหยาเริ่มการเจรจา"ผ้าไหมทั่วไปมีสีที่ซีดจางง่ายและไม่ทนทานต่อความชื้น แต่ผ้าไหมย้อมเย็นของข้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ข้ากล้าให้ 'การรับประกัน' แก่ท่าน หากผ้าไหมของข้ามีปัญหาเรื่องสีตกหรือความคงทนภายในหนึ่งปี ข้าจะยินดีรับคืนสินค้าทั้งหมดและชดเชยค่าเสียหายเต็มจำนวน"ข้อเสนอการรับประกัน ในธุรกิจผ้าไหมยุคโบราณเป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าทำ "คุณภาพดีเยี่ยมจริง ๆ นายหญิงซู แต่... ราคาขายส่งของท่านสูงกว่าราคาตลาดถึงหนึ่งในสิบส่วน""ราคาที่สูงกว่าของข้า แต่แลกกับการที







