LOGINซูเหยาใช้เวลาตลอดคืนในการตรวจสอบสมุดบัญชีที่เหลาสือส่งมาให้ เพียงชั่วข้ามคืน โต๊ะทำงานของนางก็เต็มไปด้วยแผนภูมิและตารางเปรียบเทียบที่วาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
นางพบความผิดปกติทันที การเบิกจ่ายวัตถุดิบ รังไหมเกรดดี มีปริมาณสูงกว่าผลผลิตผ้าไหมที่ได้มากเกินจริง นี่เป็นสัญญาณชัดเจนของการยักยอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเหยาเรียกประชุมผู้ดูแลโรงงานทั้งหมดในห้องโถงเล็ก ๆ ข้างร้านค้า มีเพียงผู้ดูแลระดับอาวุโสเจ็ดแปดคน และแน่นอนว่ามีเหลาสือรวมอยู่ด้วย ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดและกังวล
"ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมประชุมในยามเช้านี้" ซูเหยาเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หากแต่ทรงพลัง "ข้าใช้เวลาเพียงคืนเดียวในการวิเคราะห์กิจการของฉื่อเยว่ และผลลัพธ์ที่ได้นั้น... น่าผิดหวังยิ่งนัก"
นางไม่ได้ใช้อารมณ์โกรธ แต่นางเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างเฉียบขาด นางชี้ไปที่แผนภูมิที่แสดงความไม่สมดุลของวัตถุดิบ "ในหกเดือนที่ผ่านมา ฉื่อเยว่ได้เบิกจ่ายรังไหมเกรดเอไปจำนวน 2,500 ชั่ง แต่ผลผลิตผ้าไหมชั้นดีที่เรามีอยู่ในคลังสินค้ามีเพียง 600 ม้วน เท่านั้น ท่านผู้ดูแลทุกท่าน ลองคำนวณดูเถิดว่า ส่วนต่างของวัตถุดิบจำนวนมหาศาลนี้... หายไปอยู่ที่ใด"
สีหน้าของเหลาสือซีดเผือดลงทันที เหงื่อกาฬไหลซึมตามไรผม
"นายหญิง! นั่น... นั่นอาจเป็นเพราะความผิดพลาดในการบันทึก หรือไม่ก็อาจจะเป็นความเสียหายจากการย้อมสีที่ไม่สมบูรณ์ขอรับ" เหลาสือรีบแก้ตัวอย่างตะกุกตะกัก
ซูเหยาส่ายหน้าอย่างเยือกเย็น นางไม่ได้ให้โอกาสเขาแก้ตัวด้วยคำโกหกที่ไร้ตรรกะ
"ความเสียหายจากการย้อมสีตามปกติไม่ควรเกินหนึ่งในแปดส่วน แต่ส่วนต่างที่พบนั้นสูงถึงสามในแปดส่วน นี่ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่คือ การยักยอก ที่มีเจตนาทำลายกิจการของตระกูลซู"
"เหลาสือ" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุด
"ท่านไม่สามารถทำงานให้ฉื่อเยว่ได้อีกต่อไป ท่านมีเวลาจนถึงเย็นนี้ในการส่งมอบบัญชีทั้งหมดให้ข้า แล้วกลับไปที่เมืองหลวง ข้าจะไม่แจ้งเรื่องนี้ต่อทางการเพื่อรักษาชื่อเสียงของตระกูล หากท่านทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด"
เหลาสือทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง การตัดสินใจที่รวดเร็วของนางทำให้เขาไม่มีโอกาสโต้แย้งหรือติดสินบนใด ๆ ผู้ดูแลคนอื่น ๆ ต่างก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว แต่ก็มีความโล่งใจที่เรื่องนี้ไม่บานปลายไปถึงราชการ
เมื่อจัดการปัญหาภายในเสร็จสิ้น ซูเหยาหันไปหาผู้ดูแลที่เหลือ นางปรับน้ำเสียงให้ดูผ่อนคลายลง
"สำหรับท่านที่เหลือ ข้าทราบว่าบางท่านซื่อสัตย์ แต่ขาดความรู้ ข้าจะให้โอกาสท่านทุกคนในการฝึกฝนภายใต้ระบบใหม่ของข้า ผู้ที่พิสูจน์ได้ว่ามีความตั้งใจและซื่อสัตย์ ข้าจะเพิ่มค่าตอบแทนให้ถึงสองเท่า"
นางประกาศเรียกคนงานทั้งหมดให้มารวมตัวกัน
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉื่อเยว่จะไม่ใช่กิจการที่พึ่งพาบารมีของตระกูลซูในเมืองหลวงอีกต่อไป" ซูเหยาเงยหน้าขึ้นอย่างสง่างาม
"ฉื่อเยว่จะยิ่งใหญ่ได้ ด้วยฝีมือของพวกท่านทุกคน ข้าจะนำความรู้ใหม่ ๆ มาให้ท่านเพื่อยกระดับคุณภาพผ้าไหมของเราให้เหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมด เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การขายผ้าไหมให้ราชสำนัก แต่คือการขายผ้าไหมของเราให้ทั่วทั้งแคว้นและดินแดนโพ้นทะเล"
คำพูดที่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ของนางสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนงานเหล่านั้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขายืนนิ่งราวต้องมนตร์
ซูเหยาปิดท้ายด้วยการจัดโครงสร้างฉื่อเยว่ใหม่
นางเลือกสตรีวัยกลางคนคนหนึ่ง นามว่า เจียอิง ซึ่งเป็นผู้ดูแลการย้อมสีที่ซื่อสัตย์แต่พูดน้อย ให้มาเป็นผู้ดูแลหลัก เนื่องจากเป็นคนที่มีความรู้ความชำนาญและได้รับการยอมรับจากคนงาน
"เจียอิง ท่านจะเป็นผู้ดูแลใหญ่ของโรงงานแห่งนี้ ข้าต้องการให้ท่านรายงานทุกเรื่องต่อข้าโดยตรง และเราจะใช้ระบบบันทึกบัญชีแบบใหม่ที่ข้าจะสอนให้ท่าน"
หลังจากการจัดระเบียบองค์กรและไล่ผู้ดูแลที่ไม่ซื่อสัตย์ออกไปแล้ว ซูเหยาไม่รอช้าที่จะเริ่มแผนการขั้นต่อไป ในช่วงบ่าย นางสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้มที่ดูเรียบง่ายที่สุด พรางตัวเป็นบุตรีพ่อค้าที่เดินทางมาพร้อมกับจางซื่อและชิงหลิง เพื่อออกสำรวจตลาดสินค้าผ้าไหมของเมืองตงไห่
นางเดินเข้าไปในร้านผ้าหลายแห่ง ทั้งร้านเล็กข้างทางและร้านใหญ่ที่ตกแต่งหรูหรา ซูเหยาไม่ได้สนใจราคาขายหรือรูปแบบการบริการ แต่สายตาของนางจดจ่ออยู่กับการวิเคราะห์ 'รสนิยม' และ 'ความต้องการ' ที่ขาดหายไปของตลาด
‘ผ้าไหมส่วนใหญ่มีสีสันหม่นหมอง หรือไม่ก็เป็นสีสดที่ดูฉูดฉาดและซีดจางง่าย เพราะใช้การย้อมร้อนแบบเก่า และผ้าไหมที่ใช้ในเมืองท่าแห่งนี้ขาดคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด นั่นคือความทนทานต่อความชื้นและการระบายอากาศที่ดี’
ซูเหยาพบว่าตลาดส่วนใหญ่เน้นไปที่การผลิตผ้าไหมหนักสำหรับตัดชุดทางการ ซึ่งใช้ได้ดีในเมืองหลวงที่อากาศหนาวเย็น แต่ไม่เหมาะกับเมืองตงไห่ที่เป็นเมืองท่าที่มีความชื้นสูงและอากาศร้อนอบอ้าว
ช่องว่างทางการตลาดคือ 'ผ้าไหมที่บางเบา ระบายอากาศได้ดี ย้อมสีได้สดใสแต่ทนทาน และเหมาะสำหรับการเดินทางและการทำงานของชนชั้นกลาง'
นี่คือผลิตภัณฑ์ที่ 'ฉื่อเยว่' จะต้องผลิต! ไม่ใช่เพื่อชนชั้นสูง แต่เพื่อพ่อค้า ชาวบ้าน และสตรีที่ต้องการความคล่องตัว
ซูเหยาใช้พู่กันวาดแบบแผนการผลิตลงบนกระดาษหยาบ ๆ ทันทีที่กลับถึงโรงงาน
นางเรียกเจียอิง และคนงานย้อมสีที่ซื่อสัตย์ที่สุดสามคนเข้ามาในห้องทำงาน
"สิ่งแรกที่เราจะทำคือ ผ้าไหมย้อมเย็นสีมงคล" นางกล่าวอย่างหนักแน่น
"นายหญิง... เหตุใดต้องเป็นย้อมเย็น การย้อมร้อนนั้นรวดเร็วกว่า และสีสันก็ดูเข้มกว่านะขอรับ"
"การย้อมเย็นจะช่วยรักษาเส้นใยไหมให้คงทนต่อความชื้นได้ดีกว่า และสีที่ได้จะมีความสม่ำเสมอและไม่ซีดจางง่าย เมื่อเราผสมสีที่เหมาะสม เราจะได้ สีแดงมงคล ที่สดใสและทนทานที่สุดในตงไห่ และ สีน้ำเงินคราม ที่เหมาะกับการเดินทาง" ซูเหยาโต้แย้งอย่างฉะฉาน
"เราจะเน้นขายสินค้าเหล่านี้ในตลาดท้องถิ่นก่อน เพื่อสร้าง กระแสเงินสด ให้รวดเร็วที่สุด และสร้างชื่อเสียงด้าน คุณภาพและความทนทาน ไม่ใช่บารมีของตระกูล เมื่อเรามีฐานลูกค้าที่มั่นคงแล้ว เราจึงจะขยายไปยังผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนกว่านี้"
แม้จะงงกับคำศัพท์แปลกประหลาด แต่ทุกคนในห้องทำงานก็พอเข้าใจและต่างมองนางด้วยความทึ่ง
หลังจากสั่งการเสร็จสิ้นและเห็นทุกคนเริ่มแยกย้ายกันไปวางแผนตามคำสั่ง
นางใช้มือสัมผัสกับสายลมที่พัดมาจากทะเล มีกลิ่นอายของอิสระและโอกาสที่แตกต่างจากกลิ่นหอมของกำยานในวังหลวงที่นางเคยใช้ชีวิตอยู่ นางนึกถึงชีวิตในอดีตที่นางต้องนั่งปักผ้าอย่างไม่มีจุดหมาย รอคอยความรักที่ไม่เคยมาถึงขององค์ชายหานเย่ว์
‘ตอนนั้น ข้าวิ่งตามความสุขที่ถูกคนอื่นกำหนดให้’
‘แต่ตอนนี้ข้ากำลังสร้างความสุขด้วยมือของข้าเอง’
เขาเริ่มเห็น 'เสน่ห์' ที่มาจากอำนาจและความสามารถของนาง เป็นเสน่ห์ที่แข็งแกร่งและดึงดูดใจอย่างร้ายกาจ มันแตกต่างจากความงามที่อ่อนหวานอย่างสิ้นเชิงหลังจากจัดการกับพ่อค้าเฉินได้แล้ว ซูเหยาเดินกลับไปที่เรือนรับรองของโรงงานทันที นางนัดหมายประชุมกับ ท่านหลิว พ่อค้าส่งรายใหญ่ที่ได้สั่งซื้อผ้าไหมของฉื่อเยว่ไปในปริมาณมหาศาล เพื่อหารือเรื่องการขยายตลาดไปยังแคว้นทางใต้องค์ชายหานเย่ว์ ในนามพ่อค้าแซ่หาน ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ จึงพยายามหาช่องทางเข้าถึงและแสดงความสามารถ เขารีบตามเข้าไปในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จางซื่อจะทันขวางไว้"เรียนนายหญิงซู ในฐานะพ่อค้าที่สนใจลงทุนในธุรกิจผ้าไหม ข้าขออนุญาตเข้าร่วมรับฟังการประชุมเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมงานได้หรือไม่" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเป็นมืออาชีพที่สุดซูเหยาปรายตามองเขาเล็กน้อย นางรู้ว่าพ่อค้าแซ่หานผู้นี้ไม่ได้มาเพื่อลงทุน แต่มาเพื่อตามติดนาง นางไม่ได้ปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง "เชิญท่านพ่อค้าแซ่หาน" นางจัดให้เขานั่งที่มุมห้องในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้นซูเหยาเริ่มนำเสนอแผนการขยายตลาดอย่างเป็นระบบ นางกางแผนที่ขนาดใหญ่ออกมา และชี้ไปยั
"พ่อค้าแซ่หาน ทางเรามีห้องพักที่สะอาดและปลอดภัยที่สุดรอท่านอยู่เจ้าค่ะ กรุณาชำระค่าห้องพักเป็นรายสัปดาห์ ท่านจะได้รับกุญแจสำหรับล็อคห้องพักและตู้นิรภัยส่วนตัวทันที" ชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรตามที่ถูกฝึกฝนมา"อืม ข้าเป็นพ่อค้าที่เดินทางมาไกล ข้าหวังว่าการมาเยือนตงไห่ครั้งนี้จะได้พบปะกับพ่อค้าท้องถิ่นที่น่าสนใจ" เขาพยายามพูดให้ดูเหมือนพ่อค้าทั่วไปชิงหลิงเพียงโค้งคำนับ "แน่นอนเจ้าค่ะ ที่โรงเตี๊ยมซูแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของพ่อค้าจากหลายแคว้น หวังว่าท่านจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะเจ้าคะ" นางไม่แสดงความสนใจในตัวเขาเกินความจำเป็นองค์ชายเดินตามชิงหลิงไปยังห้องพัก เขาสำรวจทุกตารางนิ้วด้วยสายตาที่เฉียบคม ห้องพักที่ไม่หรูหรานั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียด เตียงนอนสะอาดสะอ้าน ผ้าห่มอบอุ่น ไม่มีกลิ่นอับชื้น และมีตู้เก็บของที่มีกุญแจโลหะแข็งแรงติดอยู่จริงเขาต้องยอมรับอย่างเงียบ ๆ ว่า โรงเตี๊ยมซู แห่งนี้ มีระบบจัดการที่เฉลียวฉลาดอย่างน่าตกตะลึงองค์ชายหานเย่ว์ไม่ได้พักผ่อน แต่รีบลงมายังห้องโถงหลักอย่างรวดเร็ว เขาสั่งชาสมุนไพรมาจิบ แล้วเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้กับโต๊ะทำงานของซูเหยามากที
เขาเรียกประชุมเจ้ากรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดน"ช่วงนี้มีรายงานเรื่องเส้นทางการค้าบริเวณเมืองตงไห่ล่าช้าและมีการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายมากนัก" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาตามปกติ "ข้าจะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อจัดระเบียบการค้าและหาช่องทางในการจัดหาวัตถุดิบคุณภาพดีเข้าสู่โรงงานหลวง"ทุกคนยอมรับคำสั่งขององค์ชายอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะดูสมเหตุสมผลและเหมาะสมกับตำแหน่งของเขา แต่ในใจขององค์ชาย เขารู้ดีว่า เขาไปเพื่อดูซูเหยา ไปดูว่าสตรีที่เคยหลงรักเขาจนโง่เง่าผู้นั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ที่เฉลียวฉลาดได้อย่างไรองค์ชายตัดสินใจที่จะไม่เดินทางไปในฐานะรัชทายาทผู้สูงศักดิ์"หลี่กงกง เตรียมชุดเดินทางให้ข้า ข้าต้องการชุดผ้าฝ้ายธรรมดาที่ดูเหมือนพ่อค้าหรือนักเดินทาง ไม่ใช่ชุดปักไหมทองของวัง"หลี่กงกงชะงักไปเล็กน้อย "ทูลองค์ชาย ท่านจะปลอมตัวไปในฐานะพ่อค้าหรือพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่า... ออร่าและรูปโฉมของท่านอาจจะทำให้การปลอมตัวไม่สำเร็จนะพ่ะย่ะค่ะ"องค์ชายปรายตามองอย่างเย็นชา ทำให้หลี่กงกงรีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว องค์ชายเลือกชุดที่เรียบง่ายที่สุด แต่แม้จะเรียบง่ายเพียงใด ผ้าที่ทอก็ย
ตำหนักบูรพาของ องค์ชายหานเย่ว์ ในเมืองหลวงยังคงโอ่อ่าสง่างามตามปกติ องค์ชายผู้เป็นรัชทายาทในอนาคตกำลังนั่งพิจารณาฎีกาการเก็บภาษีฤดูใบไม้ผลิด้วยท่าทีเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาเต็มไปด้วยเอกสารสำคัญ ไม่มีสิ่งของไร้สาระใด ๆ วางอยู่เขาใช้ชีวิตอย่างปกติ... ทว่าความปกติที่แสนจะสมบูรณ์แบบนี้กลับมี ความรู้สึก 'ขาดอะไรบางอย่าง' ไปอย่างประหลาด ปกติแล้ว ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็น โต๊ะทำงานของเขาจะต้องมีจดหมายรักที่เขียนด้วยลายมือบรรจง หรือของว่างที่ถูกส่งมาจาก ซูเหยา ‘ไร้สาระ’ องค์ชายคิดอย่างหงุดหงิด เขามักจะคิดว่าคำอ้อนวอนและของขวัญเหล่านั้นเป็นเรื่องไร้แก่นสารที่รบกวนสมาธิ แต่ตอนนี้... เมื่อความวุ่นวายนั้นหายไป ความสงบที่ได้รับกลับไม่เป็นที่พึงพอใจเลยแม้แต่น้อยองค์ชายหานเย่ว์ตระหนักว่าเขาไม่ได้เห็นหรือได้ยินเรื่องของซูเหยามาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่ที่นางปฏิเสธคำเชิญร่วมงานเลี้ยงบุปผา"หลี่กงกง" องค์ชายเรียกขันทีคนสนิทด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงความหงุดหงิดที่ไม่สามารถซ่อนได้ "เหตุใดเจ้ากรมซูจึงยังไม่กลับจากเมืองตงไห่ และเหตุใด... ข้าถึงไม่ได้รับรายงานการเตรียมตัวอภิเษกของสตรีผู้นั้นเลย"
"หากทรัพย์สินของท่านหายไปในขณะที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมซู ทางเราจะรับผิดชอบชดใช้เต็มจำนวน" ข้อเสนอนี้ดึงดูดพ่อค้าที่ต้องเดินทางพร้อมเงินจำนวนมากได้ทันทีหนึ่งเดือนถัดมา โรงเตี๊ยมซู ก็กลายเป็นชื่อที่ถูกกล่าวถึงอย่างหนาหูในหมู่พ่อค้าและนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกเมืองตงไห่ ทุกเย็น ซูเหยาจะมานั่งในห้องโถงโรงเตี๊ยมเพื่อตรวจบัญชี และสิ่งที่นางได้รับไม่ได้มีเพียงเงินทอง แต่คือ ข้อมูลข่าวสารที่มีค่า นางได้ยินเรื่องเส้นทางการค้าใหม่ ๆ การเก็บภาษีที่เข้มงวดของแคว้นใกล้เคียง และแม้กระทั่งข่าวลือเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองที่อาจกระทบต่อกิจการของนางกิจการผ้าไหม ฉื่อเยว่ และ โรงเตี๊ยมซู ต่างทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง รายได้รวมของกิจการทะลุเป้าหมายที่นางวางไว้ในช่วงสามเดือนแรก ความมั่นคงทางการเงินนี้มอบอิสรภาพที่นางปรารถนาซูเหยานั่งคำนวณตัวเลข ทรัพย์สินที่นางสร้างขึ้นด้วยตนเองในเมืองตงไห่ มีมูลค่าเกินกว่าสินเดิมที่นางเคยมีเมื่อครั้งอยู่ในเมืองหลวง ทว่า ความสงบสุขก็ไม่ได้อยู่ยืนยาวตลอดไปจดหมายที่ส่งมาจากมารดาของนางที่เมืองหลวง เริ่มมีน้ำเสียงที่แสดงความกังวลมากขึ้น"เหยาเอ๋อร์... เจ้าควรกลับมาเยี่ยมพ่
ท่านผู้เฒ่าหลิวมองซูเหยาด้วยความแปลกใจ นางเป็นสตรีที่งดงามเกินกว่าจะเป็นพ่อค้าทั่วไป และท่วงท่าก็สง่างามเกินกว่าจะมาขายของในตลาด"นายหญิงซู... ท่านมาถึงที่นี่มีธุระอันใดกับหลิวผู้เฒ่าหรือ"ซูเหยาไม่ได้กล่าวคำทักทายที่ยืดยาว นางเปิดหีบผ้าไหมออกอย่างช้า ๆ ผ้าไหมย้อมเย็นสีแดงมงคลสะท้อนแสงไฟในห้องอย่างสวยงาม สีสันที่สดใสและเนื้อผ้าที่นุ่มนวลอย่างประหลาด ทำให้ท่านผู้เฒ่าหลิวต้องลูบผ้าอย่างพิถีพิถัน"ท่านหลิว ข้าทราบว่าสินค้าผ้าไหมในตลาดตอนนี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้แก่ท่านเลยแม้แต่น้อย แต่ผ้าไหม ฉื่อเยว่ ชุดใหม่นี้แตกต่างกัน" ซูเหยาเริ่มการเจรจา"ผ้าไหมทั่วไปมีสีที่ซีดจางง่ายและไม่ทนทานต่อความชื้น แต่ผ้าไหมย้อมเย็นของข้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ข้ากล้าให้ 'การรับประกัน' แก่ท่าน หากผ้าไหมของข้ามีปัญหาเรื่องสีตกหรือความคงทนภายในหนึ่งปี ข้าจะยินดีรับคืนสินค้าทั้งหมดและชดเชยค่าเสียหายเต็มจำนวน"ข้อเสนอการรับประกัน ในธุรกิจผ้าไหมยุคโบราณเป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าทำ "คุณภาพดีเยี่ยมจริง ๆ นายหญิงซู แต่... ราคาขายส่งของท่านสูงกว่าราคาตลาดถึงหนึ่งในสิบส่วน""ราคาที่สูงกว่าของข้า แต่แลกกับการที







