/ วาย / ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด / บทที่ 4 (1/3) : ไม่อยู่ในสายตา (1)

공유

บทที่ 4 (1/3) : ไม่อยู่ในสายตา (1)

last update 최신 업데이트: 2025-07-03 23:16:54

     “รอบนี้หายไปนานเลยนะเฟยหลง” จิงเสี่ยวเจี้ยนกล่าวทักจินเฟยหลงที่เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมของเขาพร้อมกับหนิงฮุ่ยหลิง

     จินเฟยหลงเมื่อเดินมาถึงโต๊ะเขาก็ทำเพียงพยักหน้าทักทายจิงเสี่ยวเจี้ยน ส่วนหนิงฮุ่ยหลิงก็ได้ก้มลงไปคำนับให้กับสหายของเขา

     “ข้าได้สั่งสำรับไว้รอพวกเจ้าแล้ว ดีนะที่เจ้าส่งคนมานัดเจอพวกข้าในวันนี้ เพราะพวกเราสี่คนไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันมานานแล้วนะ”

     จินเฟยหลงแปลกใจกับคำพูดของสหายแต่เขาก็ยังไม่ทันที่จะได้ถามเอาคำตอบจากอีกฝ่าย คำตอบที่เขาต้องการก็ได้เดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

     “มากันแล้วหรือ?” จิงเสี่ยวเจี้ยนหันไปทักแฝดผู้น้องของเขากับสหายที่ได้หายหน้าไป ตั้งแต่วันที่พวกเขาจบจากสำนักศึกษา

     “เหยียนชิง” จินเฟยหลงเอ่ยชื่อคนตรงหน้าพร้อมกับมองไปที่เจ้าตัว เหรินเหยียนชิงทำเพียงพยักหน้าทักทายเขา ก่อนจะละสายตากลับไปสนใจเด็กสาวและบุรุษที่เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าตัว ยามนี้เหรินเหยียนชิงดูสงบและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แล้วตอนนี้อีกฝ่ายก็ได้พกพัดเล่มเล็กติดมือแทนสมุดอย่างที่เจ้าตัวเคยพูดเอาไว้แล้ว

     “ข้าขอไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งดีกว่า พอดีข้ามีคนมาด้วยหากนั่งโต๊ะเดียวกันดูท่าจะอึดอัด” เหรินเหยียนชิงพูดกับจิงเสี่ยวเจี้ยน เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะเรียกคนเข้ามายกเก้าอี้เพิ่มให้กับคนของเขา ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่ ซึ่งก็ไม่ไกลจากโต๊ะของอีกฝ่ายมากนัก

     “อย่างนั้นข้าขอไปนั่งกับพวกเจ้าด้วยนะ” จิงเสี่ยวจางพูดพร้อมกับเดินตามเหรินเหยียนชิงไปที่โต๊ะ

     เหรินเหยียนชิงหันไปพยักหน้าตอบจิงเสี่ยวจาง ก่อนจะหันมาสนใจเด็กสาวที่กำลังกระตุกชายเสื้อของเขาอยู่ตอนนี้

     “พี่เหยียนชิงเจ้าคะ ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ”

     “อย่างนั้นพวกเราสั่งอาหารกันเลยดีหรือไม่?” เหรินเหยียนชิงหันกลับมาพูดกับผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น

     “เต็มที่เลยนะ มื้อนี้ข้าขอเลี้ยงเอง” จิงเสี่ยวจางกล่าวขึ้นอย่างใจกว้าง แต่ก็โดนเหรินเหยียนชิงเอ่ยขัดอย่างรู้ทัน

     “ที่นี่โรงเตี๊ยมของตระกูลเจ้าไม่ใช่หรือ?”

     “ก็ในเมื่อมื้อนี้ข้าจะไม่เก็บเงินพวกเจ้า ดังนั้นก็ถือว่าข้าเป็นผู้เลี้ยงพวกเจ้าอย่างไรล่ะ” จิงเสี่ยวจางตอบกลับคำพูดของสหายอย่างโอ้อวด

     เหรินเหยียนชิงทำได้เพียงส่ายหน้าให้กับคำพูดของสหายที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่ก็ดูเหมือนว่านิสัยของอีกฝ่ายจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย เพราะหลังจากที่พวกเขาเรียนจบจากสำนักศึกษา เขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปหาผู้ใดอีกเลย จนกระทั่งเขาบังเอิญเจอกับจิงเสี่ยวจาง ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางเข้ามาส่งของให้กับลูกค้าในเมืองหลวง

     และในระหว่างที่พวกเขาเดินทางร่วมกัน จิงเสี่ยวจางก็ได้เล่าความเคลื่อนไหวตลอดสี่ปีที่ผ่านมาของเจ้าตัวและแฝดผู้พี่ให้เขาฟัง จนเขาได้รู้ว่ายามนี้สหายทั้งสองคนของเขาได้รับช่วงดูแลโรงเตี๊ยมของตระกูลต่อจากผู้เป็นบิดาแล้ว ซึ่งจิงเสี่ยวเจี้ยนเป็นคนบริหารงานและดูแลงานด้านบัญชีทั้งหมดของโรงเตี๊ยมทุกสาขา ส่วนจิงเสี่ยวจางมีหน้าที่ไปตรวจดูงานและความเรียบร้อยตามโรงเตี๊ยมสาขาต่าง ๆ แล้วส่งรายงานกลับมาแจ้งให้กับแฝดผู้พี่ที่เมืองหลวง

     แล้วจิงเสี่ยวจางก็ยังได้เล่าเรื่องราวของจินเฟยหลงให้เหรินเหยียนชิงฟังด้วย ไม่ว่าจะเรื่องที่ยามนี้อีกฝ่ายได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นตง รวมไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของจินเฟยหลงเมื่อสองปีก่อน และในเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นก็ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องดีเกิดขึ้น เพราะยามนี้จินเฟยหลงได้พี่ชายคนสำคัญของเจ้าตัวกลับคืนมาแล้ว ซึ่งเขาก็เพิ่งได้เจอกับพี่ชายคนสำคัญของจินเฟยหลงมาแล้วด้วย และจิงเสี่ยวจางก็ได้แอบบอกกับเขามาด้วยว่า...อีกไม่นานจวนแม่ทัพก็น่าจะมีข่าวดี

     และถ้าหากจะให้เหรินเหยียนชิงเดา ข่าวดีที่จิงเสี่ยวจางแอบบอกกับเขา ก็คงจะไม่พ้นข่าวดีของจินเฟยหลงกับสตรีที่กำลังนั่งอยู่ข้างกายของอีกฝ่ายในยามนี้เป็นแน่

     “อาจางบังเอิญเจอกับเหยียนชิงระหว่างเดินทางกลับเข้ามาในเมืองหลวงน่ะ เห็นอาจางบอกว่าเหยียนชิงเพิ่งจะไปส่งของที่ค่ายทหารกับที่โรงหมอของพี่ชายเจ้า พวกเจ้าไม่ได้เจอกันที่นั่นหรอกหรือ?” จิงเสี่ยวเจี้ยนพูดขึ้นเมื่อเห็นจินเฟยหลงเอาแต่มองไปที่เหรินเหยียนชิง โดยไม่สนใจเขาหรือแม้แต่สตรีที่นั่งอยู่ข้างกาย

     “ไม่เจอ” จินเฟยหลงตอบกลับสหาย แต่สายตาของเขาก็ยังคงมองไปที่เหรินเหยียนชิง...ผู้ที่ยังคงติดอยู่ในความคิด และความทรงจำของเขาตลอดสี่ปีที่ผ่านมา

     “พี่เหยียนชิงน่ารักที่สุดเลยเจ้าค่ะ” เพ่ยหยีเอ่ยชมเหรินเหยียนชิง เมื่ออีกฝ่ายนำเนื้อปลาที่แกะเอาก้างออกเรียบร้อยแล้วมาวางไว้ที่ถ้วยข้าวของนาง

     “เหยียนชิงนี่เจ้ายังไม่เลิกดูแลผู้อื่นยามรับสำรับอีกหรือ?” จิงเสี่ยวจางเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสิ่งที่เหรินเหยียนชิงทำ

     “อะ...แบบนี้พอใจเจ้าหรือไม่?” เหรินเหยียนชิงตักเนื้อปลาที่แกะก้างปลาออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือไปใส่ในถ้วยข้าวของจิงเสี่ยวจาง

     “ครั้งนี้แกะก้างปลาออกให้ข้าด้วย แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าใช้ได้” จิงเสี่ยวจางเอ่ยชมสหาย

     “กินต่อได้แล้ว” เหรินเหยียนชิงเอ่ยตัดบท

     เพ่ยหยีมองสหายของเหรินเหยียนชิงด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ เพราะบุรุษผู้นี้กำลังจะมาแย่งความสนใจของคนตรงหน้าไปจากนาง

     “ข้าว่าจะทักเจ้าตั้งแต่เจอกันแล้ว พัดเล่มนี้...ใช่พัดเล่มที่ข้าเคยเลือกให้เจ้าหรือไม่?” จิงเสี่ยวจางถามขึ้นเมื่อเห็นพัดเล่มเล็ก ที่อีกฝ่ายมักจะหยิบติดมือไปไหนมาไหนด้วยตั้งแต่เจอกัน

     เหรินเหยียนชิงพยักหน้าตอบรับคำถามของสหาย ก่อนจะกลับมาสนใจอาหารบนโต๊ะต่อ

     “ข้าบอกแล้วว่าพัดเล่มนี้เหมาะกับเจ้า” จิงเสี่ยวจางพูดจบก็กลับมาสนใจอาหารบนโต๊ะต่อเช่นกัน

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 8 (2/2) : หาใช่โรงเตี๊ยม! (2)

    จิงเสี่ยวจางที่รับฟังเหรินเหยียนชิงเล่าเรื่องร้านฝากขายมาได้สักพัก ในระหว่างนั้นเขาก็สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายดูจะมีความสุขเมื่อได้พูดถึงเรื่องกิจการภายในครอบครัว จนเมื่อเขาเห็นว่าสหายน่าจะเล่าจบแล้ว เขาจึงคิดที่จะถามเรื่องครอบครัวของเจ้าตัวบ้าง เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงผู้เป็นบิดา แต่เมื่อวานเหรินเหยียนชิงบอกกับพวกเขาว่าเจ้าตัวอาศัยอยู่กับผู้เป็นตาในจวนตระกูลเหรินเพียงแค่สองคน แล้วก็ด้วยเพราะตอนที่อยู่ในสำนักศึกษาหลวง เจ้าตัวก็ไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของตนเองให้พวกเขาฟังเลยสักครั้ง “เหยียนชิงข้าขอถามได้หรือไม่? แล้วตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้า...” “ได้ ท่านพ่อของข้าได้จากข้าไปแล้ว ส่วนท่านแม่...เท่าที่ข้ารู้ ยามนี้นางก็ดูมีความสุขดี เดี๋ยวก่อนกลับจวนข้าพาเจ้าแวะไปชิมขนมร้านดังในเมืองซือโฉวดีกว่า ว่าแต่ช่วงบ่ายเจ้าจะไปตรวจโรงเตี๊ยมที่ไหน? หากข้าตรวจบัญชีร้านเสร็จทันข้าอาจจะไปกับเจ้าด้วยก็ได้” เหรินเหยียนชิงตอบคำถามของสหายเท่าที่เขาพอจะตอบได้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากพูดถึงเรื่

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 8 (1/2) : หาใช่โรงเตี๊ยม! (1)

    “เฟยหลงไม่ใช่ว่าเจ้าออกมาจากเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนหรอกหรือ? แล้วเหตุใดเจ้าเพิ่งจะมาถึงล่ะ?” ชิงหลวนคุนเอ่ยทักจินเฟยหลงทันที เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องสั่งการ ซงหยวนที่เห็นจินเฟยหลงเดินเข้ามาในห้อง เขาจึงก้มลงไปคำนับให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะถอยออกไปเฝ้าหน้าห้องพร้อมกับหยงหมิน “ข้าแวะไปพักที่จวนของสหายในเมืองซือโฉวก่อนมาที่นี่” จินเฟยหลงตอบกลับอีกฝ่ายพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ “เจ้าไปพักที่จวนสหาย!” ชิงหลวนคุนแปลกใจกับคำตอบของจินเฟยหลง เพราะตั้งแต่ที่เขารู้จักกับอีกฝ่ายมา หากไม่ใช่ค่ายทหารจินเฟยหลงก็จะกลับไปพักที่จวนของตัวเอง จะมีก็เพียงแค่ในวัยเยาว์ที่อีกฝ่ายได้เข้าไปพักที่สำนักศึกษาหลวง เพราะจินเฟยหลงจะไม่ยอมเข้าพักในที่ที่เจ้าตัวไม่วางใจ แม้แต่ในยามที่พวกเขาต้องออกไปทำงานนอกเมืองด้วยกัน อีกฝ่ายก็ยังเลือกนั่งร่ำสุราแทนการหาที่พักเลย นั่นก็ด้วยเพราะตำแหน่งและอำนาจในมือของจินเฟยหลง ยิ่งในยามนี้หากไม่ระวังตัว...ก็มีแต่จะต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้า

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 7 (2/2) : ต้องการอะไร (2)

    จินเฟยหลงเมื่อเดินเข้าไปในเรือนพักรับรอง เขาก็รีบเลือกห้องพักของตนเอง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะลอบออกมา...แล้วแอบสะกดรอยตามเหรินเหยียนชิงไปจนถึงหน้าเรือนพักของอีกฝ่าย จินเฟยหลงแปลกใจที่เหรินเหยียนชิงไม่ได้พักอยู่ที่เรือนใหญ่ แต่เจ้าตัวกลับพักอยู่ที่เรือนหลังเล็กท้ายจวน และหากเขาจำไม่ผิด...ตอนที่พวกเขามาถึงที่นี่ เหรินเหยียนชิงบอกกับพวกเขาว่าอีกฝ่ายอาศัยอยู่กับผู้เป็นตาในจวนแห่งนี้เพียงแค่สองคน แล้วคนอื่น ๆ ในครอบครัวของเหรินเหยียนชิงล่ะ? แล้วเหตุใด? ในเมื่อมีกันแค่สองคน อีกฝ่ายถึงเลือกมาพักอยู่ที่เรือนหลังนี้ผู้เดียว ยามนี้จินเฟยหลงเกิดคำถามเรื่องครอบครัวของเหรินเหยียนชิงขึ้นมาไม่น้อย เพราะตอนที่พวกเขาพักอยู่ด้วยกันที่เรือนพักในสำนักศึกษา อีกฝ่ายก็ไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของเจ้าตัวให้เขาฟังเลยสักครั้ง และก็คงจะด้วยเพราะตัวเขาเองที่เป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยชอบซักถาม สงสัย...หลังจากนี้เขาคงต้องให้คนไปสืบเรื่องของเหรินเหยียนชิงมาให้เขาเสียแล้ว

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 7 (1/2) : ต้องการอะไร (1)

    เช้าวันรุ่งขึ้นขบวนเดินทางขนาดย่อมที่นำโดยเหรินเหยียนชิงก็ได้เดินทางมาถึงจวนคหบดีเหริน... จินเฟยหลงมองไปที่จวนขนาดใหญ่ตรงหน้า สี่ปีที่ผ่านมายามใดที่เขาเดินทางผ่านมายังเมืองซือโฉว เขาก็มักจะคอยมองหาเหรินเหยียนชิงเพราะเขาไม่รู้ว่าจวนของอีกฝ่ายอยู่ที่ใด และที่จวนแห่งนี้เขาก็เคยมาแอบมองอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเลยสักครั้ง หากในตอนนั้นเขาไม่ทำเพียงแค่คอยมองหา ยามนี้พวกเขาก็คง... “เหยียนชิง ที่นี่คือจวนเจ้าหรือ?” จิงเสี่ยวจางถามขึ้นเมื่อพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้าจวนขนาดใหญ่หลังหนึ่ง “ใช่...ที่นี่คือจวนตระกูลเหริน ข้าอาศัยอยู่กับท่านตาที่นี่แค่สองคน พวกเราเข้าไปหาท่านตาของข้ากันเถิด” เหรินเหยียนชิงตอบรับคำพูดของสหายพร้อมกับชวนอีกฝ่ายเข้าไปในจวน “คุณชายเหรินขอรับ...พวกข้าคงต้องขอตัวกลับสำนักก่อนนะขอรับ” เพ่ยฉีพูดพร้อมกับก้มลงไปคำนับให้กับพวกเหรินเหยียนชิง

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 6 (2/2) : ขอเลือกใหม่อีกครั้ง (2)

    เช้าวันรุ่งขึ้นจินเฟยหลงต้องรีบออกไปทำข้อสอบอีกหนึ่งวิชาที่เหลืออยู่ แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากเรือน เขาได้แวะเข้าไปดูเหรินเหยียนชิงในห้องพักของเจ้าตัว แล้วเขาก็ได้เห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง สงสัยว่าเมื่อคืนคนตรงหน้าคงนอนไม่หลับเหมือนกันกับเขา เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจิงเสี่ยวจางจะเข้ามาเห็นในสิ่งที่เขาทำเมื่อคืน หลังจากที่จินเฟยหลงทำข้อสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ เขาก็รีบตรงไปยังบริเวณที่กลุ่มของพวกเขาได้นัดหมายเอาไว้ว่าจะมากล่าวลากัน ก่อนที่พวกเขาทั้งสี่คนจะต้องแยกย้ายกันไปในวันนี้ แล้วเมื่อจินเฟยหลงเดินมาถึงบริเวณที่นัดหมาย เขาก็เห็นเหรินเหยียนชิงกำลังถูกคู่แฝดสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ และก็ดูเหมือนว่าจิงเสี่ยวจางน่าจะเล่าเรื่องที่ได้เห็นให้กับแฝดผู้พี่ของเจ้าตัวฟังหมดแล้ว “เหยียนชิง เรื่องเมื่อคืน...” จิงเสี่ยวจางที่คิดจะถามเรื่องเมื่อคืนกับสหายตรงหน้า แต่เขาก็ยังไม่ทันได้เอ่ยคำถามจนจบประโยค อีกฝ่ายก็ชิงตอบคำถามของเขากลับมาเสียก่อน “ที่เจ้าเห็นมันไม่ใช่แบบที่พวกเจ้าคิด คือ...เมื่อคืนพวกเจ้าก็เห็นว่าเฟยหลงค่อนข้างที่จะเมาหนัก” “อืม...

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 6 (1/2) : ขอเลือกใหม่อีกครั้ง (1)

    “โอ้ย...ถึงสักที” เหรินเหยียนชิงเอ่ยออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขาแบกสหายตัวโตกลับมาถึงเรือนพักของพวกเขาได้สำเร็จ จินเฟยหลงไม่รู้ว่าด้วยเพราะฤทธิ์สุราที่เขากินเข้าไปหรือด้วยเพราะอะไร ยามนี้เขาถึงได้อยากกอดคนตรงหน้าเหลือเกิน และก็อาจจะเพราะความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันทำให้เขาคิดไปถึงความรู้สึกในคืนนั้น...คืนที่เขาพยายามจะลืม แต่ทำอย่างไรเขาก็ไม่สามารถลืมมันได้สักที ถึงแม้ว่าในยามนั้นจินเฟยหลงจะทำมันลงไปเพราะไม่สามารถคุมสติของตัวเองเอาไว้ได้ก็ตาม และหากในคืนนั้นเขาจะเรียกมันว่าความผิดพลาด เขาก็คงจะพลาด...ที่เลือกทำตามใจของตัวเอง แล้วก็เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น มันได้ทำให้เขารู้ว่าที่จริงแล้วเขารู้สึกกับคนตรงหน้าเช่นไร ตั้งแต่จำความได้คนที่จินเฟยหลงเคยกอดมีเพียงแค่สองคนเท่านั้น นั่นก็คือท่านแม่ใหญ่และพี่ใหญ่ของเขา นอกเหนือจากนั้นเขาไม่เคยคิดอยากจะกอดหรือไม่เคยคิดอยากจะสัมผัส แม้แต่กับสตรีที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาตอนนี้ก็ตาม และในยามนี้จินเฟยหลงได้รู้แล้วว่ากลิ่นที่เขาชื่นชอบก็คือกลิ่นกระดาษและกลิ่นน้ำหมึกที่มักจะติดมากับตัวของเหรินเหยียนชิง หาใช่กลิ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status