Part ทานตะวัน
11 ปีผ่านไป[ฮาโหล เจ้]
[ใครเจ้แก ฉันไม่ได้มีเชื้อจีน ต้องเรียกฉันว่าพี่สิยะ]
[เอาน่า ติดปากแล้ว ขอนะ]
ผมมักเรียกพี่ดาวเรืองว่า ‘เจ้’ จนติดปาก ถึงแม้ว่าตัวจริงของนางจะโคตรแมนก็ตามที
สวัสดีครับ ผมชื่อทานตะวัน จะเรียกว่าตะวันเฉย ๆ ก็ได้ครับ ผมเพิ่งพบกับพ่อแม่และเจ้ดาวเรืองล่าสุดเมื่อ 5 วันก่อน ที่จริงมันเป็นวันที่พิเศษสุดของผมวันหนึ่ง
วันอะไรเหรอ?
วันรับพระราชทานปริญญาบัตรไงครับ ผมเรียนจบปริญญาตรีเรียบร้อยแล้ว ตามที่ได้คุยกับทางบ้านไว้ว่า เมื่อเรียบจบผมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
แต่ที่วันนี้ยังเอ้อระเหยโทรศัพท์คุยกับเจ้ดาวเรืองอยู่นี่ ก็เพราะเพื่อน ๆ ที่คณะขอให้อยู่ต่ออย่าเพิ่งกลับ ผมจึงขอพ่ออยู่ต่ออีก 5 วัน
ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะครับ บ้านที่กรุงเทพฯ ผมก็ยังไป ๆ มา ๆ ได้อยู่ คุณลุงใจดีกับผมมาก ท่านรักผมเหมือนลูก เพราะลุงไม่มีลูกเนอะ
ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ กับลุงตั้งแต่เริ่มชั้นมัธยมต้น ในทีแรกก็มีเหงาบ้าง แต่ลุงมักชวนผมทำกิจกรรมมากมายทั้งที่ชอบและไม่ชอบ จนเราสนิทกัน คุณน้าหลินก็ใจดีมากจนแทบจะเป็นแม่ผมอีกคนแล้ว
หลังจากร่ำลากับเพื่อนในคณะ และบอกพวกมันว่าสามารถแวะไปเที่ยวที่ไร่ได้หากมีโอกาส ซึ่งผมคิดว่าแรก ๆ คงไม่มีใครไปหาผมหรอก เพราะว่ามันค่อนข้างไปยาก แม้จะไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ ระดับ 500-600 กิโลเมตร แต่จังหวัดที่ผมอยู่ก็ยังถือว่าเป็นจังหวัดที่ไกลจากกรุงเทพฯ หลักเกือบ 200 กิโลเมตร ไม่ได้อยู่อำเภอเมือ จะไปแต่ละทีต้องนั่งรถสองแถวเข้าไป แถมรถสองแถวที่ว่ายังมีแค่วันละไม่กี่เที่ยวเอง กันดารบ้านนอกก็ยอมรับว่าจริงครับ
ผมกลับมาถึงบ้านในช่วงบ่าย กระเป๋าถูกแพ็กไว้เรียบร้อยแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ของผมยังอยู่ที่นี่ส่วนหนึ่ง น้ากับน้าหลินบังคับให้ผมลงมาหาที่กรุงเทพฯ ฯ 2 - 3 เดือนครั้ง ซึ่งผมยินดีรับปาก แต่มีข้อแม้ว่า หากผมงานยุ่ง ลุงกับป้าก็ต้องเป็นฝ่ายขึ้นไปหาผมบ้าง ทั้ง 2 ท่านยินดี
ป้าร้องไห้เมื่อผมเข้าไปกราบลาที่ตัก ส่วนลุงใจแข็ง ก็ผู้ชายนี่นะ
“ไปก่อนนะครับ รักป้านะ จุ๊บ จุ๊บ” ผมโผเข้ากอดและหอมแก้มป้าลุงหัวเราะกับความอ้อนของผม
“ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวถึงทางโน้นไม่ปาไปตีหนึ่งตีสองเหรอ บอกให้ไปเช้าก็ไม่เอา” น้าแสร้งบ่นขณะที่ช่วยลากกระเป๋าเดินทางของผมไปใส่ท้ายรถให้
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะค้างที่บ้านย่าในเมืองก่อน”
ใช่แล้วครับ ผมกะจะแวะพักที่บ้านในเมือง บ้านอีกหลังของผม ก็บ้านย่านั่นแหละ
“เอาเลย พ่อคนบ้านเยอะ” น้าแซวก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านเพื่อเตรียมนำรถออก
“ฝากปิดประตูด้วยนะคุณ” น้าส่งเสียงบอกน้าหลิน
“จ้า ไปกันเถอะ เดี๋ยวแม่ปิดประตูเอง” น้าหลินรับคำ พร้อมโบกมือส่งท้ายก่อนที่รถจะเลี้ยวออกจากบ้านไป
ผมมาถึงหมอชิตในเวลาเฉียดฉิว อันที่จริงนั้น รถทัวร์สายที่ผ่านบ้านผมมีเยอะแยะมาก แทบไม่ต้องจองตั๋วด้วยซ้ำหากไม่เลือกลักษณะรถที่จะนั่ง แต่ผมขอเลือกที่นอนหลับสบาย ๆ อย่างน้อยการเดินทางสองชั่วโมงกว่า ๆ ของผม ก็ควรให้ผมได้งีบสักหน่อยนะครับ
งีบอะไรล่ะ รถยังไม่ทันออก โทรศัพท์มือถือก็สั่นพรืดขึ้นมา!
[ฮาโหล]
[กลับวันนี้ใช่ไหม]
[ใช่แล้ว]
[แล้วจะมายังไงที่บ้านเนี่ยะ]
[พรุ่งนี้เช้าเจ้มารับที่บ้านย่าหน่อยดิ]
[ว่าละ เออ ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ขับรถเข้าไปรับ]
ไงล่ะ มีพี่สาวเก่งแบบนี้ก็ดีไปอย่างครับ ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่เลย นางสปอยผมมาตั้งแต่เด็กยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ น่ารักที่สุด
รถทัวร์ออกจากขนส่งสายเหนือไม่นานผมก็หลับ!...
มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็คือเหลืออยู่ในรถแค่ไม่ถึงหกคน ใช่แล้ว ผมเดินทางมาถึงสถานีขนส่งปลายทางโดยสวัสดิภาพ ผมลงไปรับสัมภาระอันมีกระเป๋าลากสองใบ ส่วนเป้สะพายผมนำขึ้นไปด้วยบนรถตั้งแต่แรก
อยากจะบอกว่าอากาศที่บ้านผมตอนนี้
‘โคตรร้อน’ แถมตอนนี้หิวน้ำอีกต่างหาก ผมมองซ้ายมองขวา แลไปเป็นร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกลจากจุดที่ผมอยู่ หิวแล้วทำไม รออะไรล่ะครับ คนเดียวกระเป๋าสามใบฝากใครไม่ได้ ก็ลากมันไปแบบนี้ล่ะครับ
“ลำบากเนอะ”
ผมหันขวับไปตามเสียงที่คุ้นเคย
“เจ้ดาวเรือง!”
“ย่ะ ฉันเอง”
ผมโผเข้าไปกอดพี่สาวด้วยความดีใจ เธอหัวเราะด้วยความตลกของผม หรืออาจจะเขินที่มีชายหนุ่มรูปหล่อ (มาก) โผเข้ากอด ใช่ไหม
“แกก็เว่อร์ละ เพิ่งเจอกันได้ห้าวันป่ะล่ะ” พี่สาวทวนความจำให้ผม
“เออจริง” นึกขึ้นได้
“แล้วมาไง ก็บอกว่าจะไปนอนบ้านย่าไง”
ผมปากเบ้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยบอกเรื่องที่จะมานอนค้างบ้านย่าก่อนแล้วเช้าค่อยเข้าไปที่ไร่
<<<Z>>> <<<Z>>> <<<Z>>>/สวัสดีครับ//เฮ้ย ตะวัน จำเราได้รึเปล่า?//หึ ใคร?//ฟังนะ กู ชื่อ นิค//หยาบคาย ไอ้นิค//เอ๊า ผมชื่อนิคครับคุณทานตะวัน//เออ ค่อยดูมีการศึกษาหน่อย//ปากเหมือนเดิมนะมึง//เออ... มีอะไร//กูจะไปเที่ยวบ้านมึง//ตอนไหน อีก 2 ชั่วโมง//ห่ะ!?//เออ ๆ มาถูกเหรอ//ไร่มันดึง จีพีเอส. พามาได้ เดี๋ยวเจอกัน/นิค และเพื่อนสมัยเรียนกำลังเดินทางมาหาผมแบบเซอร์ไพรส์ ไม่ให้ผมได้ตั้งตัวตามนิสัยของนิคที่เป็นมาตั้งแต่เรียนแล้ว ผมต้องไปบอกแม่เฟื่องฟ้าก่อน เพราะพวกนี้มาคือยังไงก็คงค้างคืน แต่จะกี่คืนก็ไม่รู้พวกมัน“แม่ครับเพื่อนผมจะมาจากกรุงเทพฯ สามถึงสี่คน” ผมบอกแม่ที่ตอนนี้กำลังนั่งเคลียร์บิลอยู่ในห้องทำงาน“ค้างคืนไหมลูก” แม่ถาม“ค้างแหละแม่ แต่พวกอาหารอะไรนี่ เตรียมทันไหมครับ” ผมถามแม่เรื่องอาหาร เพราะปกติพวกเราก็กินอะไรไม่เยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าพวกนี้มา ส
ไร่กรุณาธร ตั้งขึ้นโดยคุณปู่ของดาวเรืองและทานตะวัน ในยุคแรก หลังจากเรื่องการหาที่ดินเสร็จสิ้นลง เขากับเพื่อน (ปู่ของออโต้) เริ่มดำเนินการด้วยเงินของตัวเองที่ได้มาจากมรดกและการสนับสนุนจากพ่อแม่บางส่วน มาดำเนินการ เริ่มแรกมีบ้านเล็ก ๆ สำหรับเขาและเริ่มจ้างผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการขุดสระน้ำด้านหลังพร้อมติดตั้งระบบจ่ายน้ำเดินท่อเข้ามาที่บริเวณที่จะก่อสร้างแปลงปลูกต้นองุ่น ใช้พื้นที่กว้างถึง 1 ไร่ในช่วงแรก เพราะในพื้นที่ 1 ไร่ จะสามารถปลูกต้นองุ่นได้ราว ๆ 130-140 ต้น เป็นองุ่นสายพันธุ์ที่สามารถปลูกในประเทศไทย ทนร้อนได้ดี และจำหน่ายได้ราคาเขาวางแผนว่าจะจำหน่ายองุ่นออกไปให้เกิดรายได้ก่อน ขณะที่โครงการผลิตไวน์ของเขา เกิดปัญหาที่เขาคาดเดาไว้แล้ว นั่นคือเขาไม่ชำนาญในเรื่องนี้มากพอ ต้องมีอะไรอีกหลายอย่าง รวมถึงอุปสรรคมากมายก่อนจะทำให้เกิดโรงผลิตไวน์ได้ดังนั้นในช่วงแรก ๆ ไร่กรุณาธร ยังคงเป็นไร่ที่ปลูกองุ่นขายเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวเขาเองก็ยังคงศึกษาการทำไวน์ เดินทางเข้าไปที่มหาวิทยาลัยบ่อยเพื่อหาอาจารย์ที่สอนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายสุดก็ยังมิอาจสานฝัน
บ้านไร่จินตราเป็นหนึ่งในไม่กี่ไร่ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งปี มีพืชผลมากมายที่ผลัดกันออกผลตามฤดูกาลและนอกฤดูกาลอัน เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์พืชใหม่ ๆ ที่ได้รับจากต่างประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่มีอยู่ ในเรื่องของทำเลที่ตั้ง บ้านไร่จินตรา มีลักษณะที่ตั้งที่ดี ด้านหลังเป็นภูเขา มีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน น้ำมาจากป่าบนเขา ด้านหน้าของไร่มีคลองชลประทานจากภาครัฐ มีถนนลาดยางอย่างดีจากอำเภอผ่านเข้าสู่ตัวหมู่บ้านที่อยู่ถัดไป ด้านข้างเป็นภูเขาที่ยาวต่อมาจากด้านหลังขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นไร่กัลยาณมิตรกันมีชื่อว่า “ไร่กรุณาธร” ที่ทำไร่ลักษณะคล้ายกันแต่มี พัฒนาการพันธุ์พืชที่เป็นของตัวเองและเน้นองุ่นเป็นหลัก เพราะมี โรงงานบ่มไวน์องุ่นเป็นของตัวเอง ขณะที่บ้านไร่จินตราจะเน้นพืชผลที่ส่งขายได้ตลอดทั้งปีปัจจุบันบ้านไร่จินตราอยู่ภายใต้การดูแลของคุณสมชายหรือที่ชาว หมู่บ้านเรียกว่า ‘น้าชาย’มีภรรยาชื่อหลิน และลูกชายชื่อคชา หรือน้องออโต้ เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่ช่วยกันบริหารไร่ มีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ และบ้านไร่จินตราแห่งนี้ เป็นแหล่งอาชีพเล็ก ๆ ให้กับชาวหมู่บ้านแถบนั้นอีกด้วย
เรื่องราวของออโต้กับทานตะวัน ในทีแรกก็มีคนงานในไร่ทั้งสอง เอามาพูดคุยกันเรื่องที่ว่าผู้ชายรักผู้ชาย โดยเฉพาะไร่กรุณาธร แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นอันเงียบหายไปเพราะมีคนงานอีกกลุ่มที่เปิดตัวเป็น LGBTQIA+ อยู่แล้วสามคนช่วยจัดการ‘แก๊งนารีผล’แก๊งนี้เปิดตัวขึ้นหลังจากทราบข่าวว่าออโต้กับทานตะวันคบหากันจริง ๆ แถมสุดท้าย ดาวเรืองดึง ‘แก๊งนารีผล’ มาเป็นทีมงาน คิว.ซี. และทีมเลขาให้กับตัวเองด้วย“พวกนี้เก่ง แถมยังปลื้มพวกเธอทั้งสองคนด้วยนะจ๊ะ” เจ้ดาวเรืองบอกกับทานตะวันและออโต้“สงสัยต้องนัดพวกน้อง ๆ มากินมื้อพิเศษแล้วล่ะ” ออโต้ทำพูดเล่น แต่ดาวเรืองกลับจริงจังขึ้นมา“จะดีเหรอเจ้” ทานตะวันไม่แน่ใจ“ดีสิ พวกนี้กลายเป็นสมุนเจ้ไปเรียบร้อยแล้ว” ดาวเรืองกอดอกอวดให้พวกเขาฟัง ดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับดาวเรืองที่จะมีลูกน้องคอยช่วยดูแลงานในไร่ และเป็นเพื่อนสายวายเหมือนกับเธอ“แล้วแต่เจ้เลย” ทานตะวันส่ายหน้าระอากับพี่สาวตัวเอง“พวกนางฝากถามมาถึงด้วยนะ” ดาวเรืองพูดพลางยกหลักฐานในมือถืออวดทา
Part ทานตะวันหลังจากที่ตกลงกับออโต้เป็นแฟนกัน ชีวิตไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมมากนอกจากตัวติดกันมากขึ้นกว่าเดิม ในทีแรกผมก็มีความกังวลอยู่นิดหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา ภูเก็ต ที่จะมีผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือกันได้อย่างไม่ต้องเกรงสายตาใคร ซึ่งผมกับออโต้ก็ไม่มีโมเมนต์นั้นอยู่แล้ว‘ไม่ได้แคร์ แต่เกรงใจพ่อแม่ครับ’ดังนั้นการไปไหนมาไหนของเรา ก็ดูออกแหละว่าไม่ใช่เพื่อน แต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร จริงนะหลัง ๆ มาออโต้แทบไม่ได้กลับบ้านเลย! นอกจากผมจะไปค้างที่บ้านเขา ในภายหลังจึงต้องตกลงกันว่าเราจะสลับวัน จันทร์ - อังคารอยู่บ้านผม พุธ - พฤหัสบดี อยู่บ้านออโต้ ศุกร์-เสาร์อยู่บ้าน ส่วนวันอาทิตย์ ก็ดูความเหมาะสมกันครับแม้จะตกลงกันอย่างนี้ แต่สุดท้าย ออโต้ก็มักจะนอนที่ห้องผมซะส่วนมากสืบจากลูกน้องของเจ้ดาวเรือง ‘แก๊งนารีผล’ ตูน แองจี้ และแจ๋ม ซึ่งเป็นคนงานวัยรุ่นในหมู่บ้านที่ถัดจากไร่ไป ได้ขอรูปผมกับออโต้ไปลงในเพจหมู่บ้าน ปร
แต่แล้วคนที่พูดกลับกลายเป็นน้าชายซะงั้น“น้าคิดว่าน้าไม่โอเค หากออโต้จะชอบผู้ชาย...คนอื่นนะ” น้าชายตัดจบง่าย ๆ“สำหรับน้า ก็คงเหมือนกับน้าชาย แต่น้ามีข้อแม้นะ เดี๋ยวจะบอกให้ ขอฟังความเห็นของเพื่อนบ้านก่อน” น้าหลินขยิบตามาให้ลูกชายตัวเอง ผมรับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องดีแหละผมหันไปมองพ่อแม่ของผมเอง นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจหมับ!!ผมสะดุ้งจนแม้แต่เจ้ดาวเรืองหันต้องหันมามองออโต้คว้ามือผมมาจับไว้ผมมองหน้าออโต้ เขานิ่งมาก กลายเป็นผมซะเองที่เสียอาการ“ออโต้ น้าถามหน่อย คิดยังไงกับเจ้าทานตะวันลูกของน้า” พ่อมงคลของผมเอาแล้วไงครับ สไตล์การถามที่ลูกได้รับการถ่ายทอดมาอย่างเต็ม ๆ นี่แหละพ่อมงคล ไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็ตรง ๆ แบบนี้เลยออโต้กำมือผมแน่นขึ้น เออ! ลืมไปเลยว่าเรานั่งจับมือกันอยู่ ฉิบ... ชักมือออกตอนนี้คงไม่ดีแน่ ปล่อยไว้ก่อน“ผม... ผมชอบทานตะวันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ”“...”เงียบ“กรี๊ดดดดด อุ๊บ อุ๊บ หนูบอกแล้ว” เจ้ดาวเรืองเผลอกรี๊ด