น้ำอบชอบอากาศตอนเช้าที่นี่จังเลย เงียบ มีแต่เสียงนก สายลมเย็นพัดผ่านปะทะตัว หอมดอกการเวกลอยมาจากซุ้มหน้าบ้าน ห้องนอนของน้ำอบอยู่ฝั่งติดประตูหน้าบ้าน เปิดหน้าต่างปุ๊ป ได้กลิ่นหอมชื่นใจมาก ทำให้เช้านี้สดชื่น ตื่นตัวดีจัง บ่ายนี้คาดว่าฝนตกอีกแน่ๆ
หญิงสาวลุกตั้งแต่ตีห้า ปู่กับย่าน่าจะยังไม่ตื่น เธอรีบหุงข้าว ทำกับข้าว แบ่งไว้ให้ปู่กับย่า สำหรับมื้อเช้า และกลางวัน เธอตั้งใจว่าหลังจากเสร็จจากถวายข้าวพระเสร็จแล้วจะกวาดลานวัด และล้างห้องน้ำต่อ กว่าจะกลับก็คงบ่ายๆ วันนี้น้ำอบทำกับข้าวสามอย่าง แบ่งไปวัด ข้าวสวย แกง ขนมหวาน น้ำเปล่า ธูป เทียน ดอกไม้ จัดเตรียมลงตะกร้าหวายใบย่อมขนาดกำลังดี
หลังจากเตรียมของเสร็จ หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอเลือกใส่ผ้าถุงปาเต๊ะที่ตัดเป็นผ้าถุงสำเร็จ ยาวถึงตาตุ่ม ใส่เสื้อลูกไม้สีครีม แบบเรียบแต่ไม่เชย เข้ารูปแขนสั้น ที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อวาน ปล่อยผมยาวตามธรรมชาติ น้ำอบสูง 175 สำหรับผู้หญิงไทยคือสูง ผอม แต่หุ่นดี มีหน้าอก มีเอว สะโพกผาย เธอรู้ว่าตัวเอง รูปร่างหน้าตาดี เลยไม่ค่อยชอบแต่งตัวเท่าไร ปล่อยตามธรรมชาติ จะแต่งหน้าแต่งตัว ก็เฉพาะงานสำคัญเท่านั้น น้ำอบรู้ตัวว่า ตัวเองมีหน้าตา และรูปร่างที่เด่นและสะดุดตาผู้คนมาก พยายามแต่งตัวมิดชิด อยู่ในบ้านเธอชอบใส่ผ้าถุงเป็นประจำ กางเกงขาสั้นเสื้อกล้ามคือใส่เวลานอน หรือบางทีก็เป็นเสื้อคอกระเช้า กางเกงเจเจ คือชุดนอนของเธอ ที่โป๊สุดคือชุดว่ายน้ำ เวลาไปว่ายน้ำเธอก็เลือกที่จะว่ายน้ำ ช่วงเวลาที่ไม่มีค่อยมีคน จะไปว่ายช่วงที่มีเหล่าป้าๆ มาเท่านั้น เพราะช่วงนั้นก็จะมีแต่ป้าๆ และเหล่าคุณยาย ที่มาว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกาย
“น้ำอบจะไปแล้วใช่ไหมลูก” ปู่เปลวขึ้นจากสวนพอดี
“ค่ะปู่ น้ำอบตั้งสำรับเช้า ไว้ให้แล้วนะคะ สำหรับมื้อกลางวัน ก็เตรียมไว้ให้แล้วค่ะ ย่ายังไม่ตื่น น้ำอบจะรีบไปรีบกลับนะคะปู่”
“ไปๆ ลูก เดินทางปลอดภัยนะ “ชายชราบอกหลานสาว เขามองตามร่างสูงของหลานสาว ที่ปั่นจักรยานออกจากรั้วบ้านไป สมถะจริงๆ ไม่เรียกร้องอะไร พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ไม่อยากได้อยากดีเหมือนคนอื่นเขา ยิ่งหลานสาวเขามีนิสัยแบบนี้ เขายิ่งเวทนาสงสารมากขึ้นกว่าเดิม
เขาจำได้เมื่อหลานสาวคนโตรับปริญญา ลูกชายกับลูกสะไภ้เขา จัดงานฉลองเสียใหญ่โต แต่พอลูกสาวคนกลางรับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ลูกชายกับลูกสะไภ้ของเขา พาไปกินข้าวกลางวันที่ห้างแค่นั้น นั่นก็พิเศษมากแล้ว สำหรับน้ำอบ ส่วนหลานชายคนเล็กสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐได้ เหมือนเดิม มีงานฉลองใหญ่โตให้ ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
เขากับภรรยาดีใจมากที่น้ำอบมาอยู่เสียที่นี่ด้วยกัน สงสารใจของหลานสาว ยิ่งน้ำอบเป็นคนไม่เรื่องมาก ก็ยิ่งเอ็นดู
เขาก็มีลูก 3 คน แต่ก็รักเท่าๆ กัน สมบัติก็แบ่งให้เท่าๆ กัน เขาแปลกใจมากที่ลูกชายกับลูกสะไภ้ของ รักลูกลำเอียง
กรรณญาวีร์ปั่นจักยานมาเรื่อยๆ ชมบรรยากาศข้างทางไปด้วย วันนี้อากาศดีจังเลย วัดไม่ไกลจากบ้านมากนัก เกือบสองกิโลเมตร เส้นทางเดียวกันกับทางไปตลาด แต่เลี้ยวขวา ก่อนถึงร้านกาแฟ ปั่นต่อไปอีกเกือบ 500 เมตรก็ถึงวัด คนเริ่มมาบ้างแล้ว วัดตามต่างจังหวัดแบบนี้ ประมาณเกือบเจ็ดโมงครึ่งถึงเริ่มพิธีทางศาสนา
น้ำอบรู้สึกได้ว่าพอผ่านลอดประตูวัดเข้ามา ลมอะไร พัดมาปะทะร่างกายของเธอ แรงมาก แทนที่เวลาลมพัดจะเป็นฝุ่น กลับกลายเป็นที่ลมหอม หอมมาก หอมจริงๆ เธอนึกไม่ออกว่าหอมเหมือนอะไรกันแน่
น่าจะมีคนรู้จักอยู่บ้างหรอก ถ้าเธอจำได้นะ นานมากแล้วที่น้ำอบไม่ได้มาทำบุญที่วัดนี้ แต่ถึงไม่มีคนรู้จักก็ไม่เป็นไร น้ำอบก็ไม่ค่อยชอบคนเยอะสักเท่าไร หญิงสาวถอดรองเท้าเก็บไว้ในชั้น ทางขึ้นศาลา คนยังไม่ค่อยเยอะ หญิงสาวหาที่นั่งเกือบด้านหน้า ถ้าเป็นแถวคงนับเป็นแถวที่สอง ที่เธอเลือกนั่งด้านหน้า ก็มีเหตุผล เพราะไม่ต้องเจอใครมากนัก ต้องสำรวม เพราะอยู่ต่อหน้าพระ เหตุผลก็คือไม่อยากคุยกับใครนั่นเอง นี่คือนิสัยจริงๆ ของเธอ
หญิงสาวนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปกราบองค์พระ เสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับมาถ่ายกับข้าวที่เตรียมมาใส่สำรับ สำหรับถวายพระ ชาวบ้านเริ่มเดินทางมากันมาบ้างแล้ว น้ำอบนำขวดน้ำไปตั้งบนที่สำรับพระนั่ง และเอาไว้กรวดน้ำเอง 1 ขวด หญิงสาวนั่งนิ่งๆ เตรียมฟังพระสวดมนต์ ไม่ได้สนใจใคร ทำไมจะไม่รู้ว่ามีคนอยากพูดอยากคุย แต่นิ่งเสียดีกว่า เธอเห็นแล้วมีเหล่าชายฉกรรจ์หลายคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังสุด ที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ สำหรับคนสูงอายุที่นั่งกับพื้นลำบาก ในกลุ่มนั้นมีเหล่าผู้ชาย นั่งเรียงรายเกือบเต็มเก้าอี้ ทางที่ดีนั่งห่างๆ ไว้ดีกว่า เธอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนขี้เหร่ ถ้าอยู่ที่กรุงเทพฯ จะไม่มีใครสนใจใคร แต่ที่นี่เป็นต่างจังหวัด ใครไปมาใครมาก็จะรู้กันไปหมด เป็นที่สังเกตได้ง่าย
เด็กสาวคนนี้กิริยาท่าทางเรียบร้อยดีจังเลย หน้าตาก็สวยงาม วางตัวดี ลูกเต้าเหล่าใครกันนะ ดูท่าทางจะคุ้นเคยกับที่วัด ดูรู้ความ น้อยคนนักที่เวลาไปวัด จะเข้าไปกราบองค์พระประธานก่อน ส่วนมากก็จะมานั่งรอฟังพระสวดให้พรแค่นั้น
แต่แม่เด็กสาวคนนี้ผิดแผกจากคนอื่น ดูท่าว่าอายุอานามน่าจะเท่ากับลูกสาวคนเล็กของนาง หน้าตาสวยงามหมดจดดีแท้ ผิวขาวอมชมพูผ่องมาก
ดูจากการที่เลือกมานั่งแถวหน้า ก็รู้ว่า เป็นคนที่วางตัว ไม่ค่อยยุ่งสุงสิงกับใครง่ายๆ แต่ไม่แข็งกระด้าง ดูเรียบร้อยดีจังเลย แต่ก็คล่องแคล่ว ไม่เขินอายหรือประหม่า ทำไมดูๆ แล้วหน้าคุ้นจังเลย ยิ่งมองก็ยิ่งชวนดู เด็กสาวคนนี้มีพลังงานบางอย่าง นางรับรู้ได้ ขนาดแค่นั่นอยู่เฉยๆ ยังชวนมอง คงจะรู้สึกตัวว่ามีคนแอบมองอยู่ เด็กสาวหันมายิ้มบางๆ ให้นาง สวย คุ้นหน้าเหลือเกิน
“หนูเป็นลูกใครกันจ๊ะ ป้าคุ้นหน้ามากเลย” ขอโทษนะที่ถาม นางอรพิณเอ่ยปากถามออกไป
“เป็นหลานปู่เปลวกับย่าปรางค่ะ พอดีย่าไม่ค่อยสบาย หนูเลยมาวัดแทนค่ะ” กรรณญาวีร์ตอบหญิงสูงอายุแล้วยิ้มให้ ยิ้มเต็มหน้า คุณป้าคนนี้ดูดีจังเลย สมัยเป็นสาวคงสวยมากแน่ๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ เลย สร้อยที่คอนั่น ถึงน้ำอบจะไม่เคยมี แต่ก็พอมองออกว่า เพชรแบบไหนแท้ แบบไหนปลอม
“อ้าว หลานลุงเปลวกับป้าปรางเองหรอกหรือนี่ มิน่าล่ะป้าคุ้นหน้าจังเลย “นางอรพิณเอ่ยขึ้นมา
“กรรณญาวีร์ยกมือไหว้ หนูชื่อน้ำอบค่ะคุณป้า พอดีเพิ่งมาจากรุงเทพฯค่ะ มาดูแลปู่กับย่า”
“ป้าปรางไม่สบายหรอกรึ ถึงว่าไม่เจอหลายวันพระแล้ว ไม่สบายเป็นอะไรล่ะลูก ว่าจะแวะไปหาที่บ้านก็ไม่ได้ว่างไปสักที”
“ย่าล้มในห้องน้ำค่ะ นอนโรงพยาบาลหลายวัน แต่ตอนนี้มาพักฟื้นที่บ้านแล้วค่ะ” ยังเดินลำบากอยู่ เวลาเดินต้องมีคนคอยพยุง อาการอย่างอื่นก็ปกติดีแล้ว เหลือฝึกเดินอย่างเดียวค่ะ” น้ำอบตอบคำถามนางอรพิณ หญิงสาวรู้สึกว่า คุณป้าคนนี้ มีความโอบอ้อมอารีทีเดียว ไม่หยิ่ง น่าจะเป็นคนที่มีฐานะดีมาก แต่ไม่แสดงว่ารวยข่มคนอื่น ดูจากลักษณะก็รู้
ไม่เหมือนบางคนที่ไม่รวยแต่ชอบอวดรวย ใช้กระเป๋าแบร์ดเนม ใส่ทองทั้งตัว ประกาศให้คนรู้กันทั่วว่ารวย แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้รวยจริงอย่างที่แสดงให้คนเห็น น้ำอบเบื่อคนแบบนี้ ไม่อยากยุ่งสุงสิงด้วย รำคาญคำคุยข่ม สมัยทำงานมีเพื่อนพนักงาน ที่เป็นแบบนี้หลายคน เธอเบื่อมาก
ตัวเธอเอง มีเพียงนาฬิกาเงินแท้ สร้อย แหวน ต่างหู กำไล ที่เป็นเงินแท้ทั้งหมด เธอชอบแบบนี้ และเธอก็ใส่สวยมาก ยิ่งใส่ยิ่งขาววาววับ ปลอดภัยด้วย ใส่ไปไหนมาไหนก็สบายใจหายห่วง
“เดี๋ยววันหลังป้าจะไปเยี่ยมย่าของหนูที่บ้านนะลูก ฝากความคิดถึงไปด้วยนะจ๊ะหนูน้ำอบ “
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณป้า น้ำอบจะบอกย่าให้นะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณนางอรพิณอีกครั้ง
พระขึ้นศาลามาพอดีเลย กรรณญาวียกมือไหว้ก้มหน้าลง เมื่อพระเดินผ่าน หญิงสาวนั่งนิ่งอย่างสำรวม
กราบหลวงพ่อเจ้าค่ะ นางอรพิณส่งเสียงออกมาเบาๆ นางก็ติดเรียกหลวงพ่อ ถึงแม้จะเป็นพี่ชายของสามี แต่ก็เรียกติดปากมานาน
เจริญพรโยมพิณ นี่มาคนเดียวรึ หลานชาย หลานสาวไปไหนเสียล่ะ หลวงพ่อท่านทักทายนางอรพิณ แต่สายตาท่านชำเลืองมายังกรรณญาวีร์ และมองหญิงสาวนิ่งนาน ใบหน้าท่านครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ทำให้กรรณญาวีร์ ขยับร่าง กราบท่านแบบเบญจางค์ประดิษฐ์ เหมือนกับที่เธอนั่งกราบองค์พระประธาน ก่อนหน้านี้ น้ำอบเงยหน้าขึ้นมองหลวงพ่อ และแว๊บนั้น เธอจำได้แน่นอน หญิงสาวตาลุกวาว หัวใจเต้นแรง แววตามีคำถามมากมาย หลวงพ่อในโบสถ์ ที่อยู่ในฝันของเธอคืนนั้นแน่ๆ
“เจริญพรโยม สบายดีไหม เจอกันอีกแล้วนะ โยมปู่กับโยมย่า ไม่มาด้วยหรอกรึ”
กรรณญาวีร์ ขนลุกซู่ อ้าปากค้างอีกครั้ง นี่เรื่องจริงใช่ไหม หูเธอไม่ได้แว่วไปใช่ไหม หญิงสาวตั้งสติ แล้วตอบหลวงพ่อไปเบาๆ “วันนี้ปู่กับย่าไม่ได้มา หนูมาคนเดียวเจ้าค่ะ หลวงพ่อ”
“ดีแล้ว มีสตินะโยม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มา อย่าใจร้อน อย่าวู่วาม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สุดท้ายร้ายจะกลายเป็นดี เสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับนะ อาตมามีเรื่องจะคุยด้วย “
“เจ้าค่ะหลวงพ่อ “หญิงสาวตอบหลวงพ่อ ไม่รู้เลยว่ามันเป็นความฝันอีกหรือเปล่า
หลวงพ่อยังคงมองหญิงสาวนิ่งสักพัก ไม่ผิดหรอก สายตาเธอยังดี ท่านพึมพำอะไรสักอย่างแล้วเป่ามาทางที่เธอนั่ง กรรณญาวีร์ ผงะไปข้างหลังเล็กน้อย ลมหอม ลมเหมือนตอนที่เธอขี่จักรยานลอดใต้ซุ้มประตูวัดเลย เย็นไปทั้งร่าง รู้สึกปลาบปลื้ม และอบอุ่น ปลอดภัย ขึ้นมาทันที เธอไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอาการของอะไร แต่รู้สึกได้ว่าเป็นสิ่งที่ดี น้ำอบยกมือไหว้ท่วมหัวอีกครั้ง
แน่นอนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของนางอรพิณ นางตาไม่ฝาดหรอก แสงเรืองๆ ที่นางเห็นอยู่รอบตัวของเด็กสาวคนนี้ มีจริงๆ ทีแรกนางก็ไม่แน่ใจ แต่พอมานั่งใกล้ๆ ยิ่งเห็นชัดมาก อาจมีเพียงไม่กี่คนที่เห็น และรับรู้ได้ แน่นอน ต้องมีอะไรบ้างอย่าง ไม่งั้นหลวงพ่อท่านไม่ทักเด็กคนนี้หรอก หรือเด็กคนนี้จะมีของดีคุ้มครองจริงๆ นางหันไปหาหลวงพ่อ
“กรรมใคร กรรมมันนะโยม มาเร็วก็ไปเร็ว มาช้าก็ไปช้า “
นางอรพิณยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว และกล่าวคำว่า “สาธุ”
“โยม ขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ กันหน่อย “
“เจ้าค่ะหลวงพ่อ “
“หนูน้ำอบ มานั่งใกล้ๆ ป้านี่มาลูก “
หญิงสาวขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ นางอรพิณ ตามที่หลวงพ่อบอก ไม่รู้หรอกว่าทำไม หรือเพราะอะไรหลวงพ่อท่าน ถึงเรียกให้เข้าไปนั่งใกล้ๆ กับนางอรพิณ
“น้ำอบๆๆ” เสียงพุดกรองนี่นา หญิงสาวหันหน้าไปทางเจ้าของเสียง พุดกรองกับคุณป้าอรพิณ น่าจะเพิ่งกลับจากวัด น้ำอบยังร้องไห้และสะอื้นอยู่ สภาพเธอตอนนี้คงน่าสงสารมาก“น้ำอบเป็นอะไร” พุดกรองกางร่มลงมาจากรถ “น้ำอบนี่เลือดนี่ โอ้ยตายแล้ว” พุดกรองร้องเสียงดังแข่งกับฝน เมื่อเห็นเลือดที่แขนของน้ำอบ ที่ขาก็มี ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ” ขึ้นรถๆ เร็วตายแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้” พุดกรองประคองน้ำอบไปขึ้นรถ ดีที่วันนี้เธอใช้รถกระบะ 4 ประตู“เดี๋ยวก่อนพุดกรอง อบช่วย”“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวพุดทำเอง” พุดกรองเปิดกระบะท้าย แล้วยกรถจักรยานของน้ำอบขึ้นน้ำอบ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก นางอรพิณจับมือของน้ำอบมากุมไว้ ลูบหลังลูบไหล่ของน้ำอบ เมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้และสะอื้นไม่หยุด นางดึงตัวของน้ำอบเข้ามากอดไว้ นั่งยิ่งทำให้ หญิงสาวสะอื้นจนตัวโยนพุดกรอง เลือดไหลใหญ่แล้วลูก แวะอนามัยก่อนเลย โรงพยาบาลไกลเกินไป นางสั่งลูกสาว“ได้ค่ะแม่ อดทนนิดนะน้ำอบ เลี้ยวข้างหน้านี่ก็ถึงแล้วล่ะ” พุดกรองพยายามบังคับรถท่ามกลา
เขาไม่พอใจหลวงลุง แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ยุคสมัยนี้แล้ว ยังงมงายอยู่ได้ เขาไม่อยากโวยวายให้แม่กับหลวงลุงเสียหน้าเฉยๆ เพราะยังไงชาวบ้านแถวนี้ก็นับถือหลวงพ่อกันทั้งนั้น หลวงพ่อที่เป็นลุงของเขา มีชื่อเสียงในเรื่องของการหยั่งรู้ เรื่องราวในอดีต อภินิหาร อะไรประมาณนั้นแต่หลวงลุงไม่ได้แสดง หรืออวดอุตริอะไร มีคนดังมีชื่อเสียงหลายคนที่มาหาหลวงลุง ให้ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตให้ ไม่ใช่ว่าจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ทันทีทันใด หลวงลุงจะคอยแนะนำให้สวดมนต์ นั่งสมาธิ คิดดีทำดี คนส่วนมากที่ทำตามที่หลวงพ่อบอก ประสบผลสำเร็จ แล้วกลับมาสร้างและบูรณะวัด มากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาลาหลังใหม่ เมรุ กุฎิ ห้องน้ำ เงินที่ลูกศิษย์ลูกหาถวายมา ท่านก็ปรับปรุงวัดแต่ถามว่าเขาเชื่อไหม เขารู้สึกเฉยๆ แต่ก็เกรงใจท่านอยู่บ้าง หลายครั้งที่สมัยเขาเป็นหนุ่มน้อย ดวยนิสัยของเขาไม่เคยยอมและลงให้ใคร มีเรื่องตีรันฟันแทง กับคู่อริเป็นประจำ ครั้งนั้น เขาไปต่างถิ่นคนเดียว โดนคู่อริยกพวกไล่ล่า เขาขับรถหนี ด้วยความเร็ว ทำให้รถคว่ำ เขาสลบคาที่ คราวนั้นครอบครัวเขาคิดว่าเขาไม่รอด เขาสลบไปเกือบเดือนมันเหมือนความฝัน เขาเดินเข้าป่าลึก
“ไปหนูน้ำอบ ไปใส่บาตรกันลูก” นางอรพิณ แตะที่แขนของกรรณญาวีร์ ให้ลุกไปใส่บาตร“ค่ะคุณป้า “หญิงสาวลุกขึ้น ถือขันข้าวสวยเพื่อไปใส่บาตร น้ำอบเตินตามนางอรพิณไป และต่อหลังเพื่อรอใส่บาตร น้ำอบเพิ่งสังเกตว่าคนเยอะมาก เธอนั่งข้างหน้า และไม่ได้หันมามองข้างหลังเลย ระหว่างที่ยืนรอใส่บาตรนั้นเอง เสียงผู้หญิงเรียกชื่อน้ำอบ“น้ำอบ น้ำอบใช่ไหม มาวัดด้วยเหรอ ดีจริง “กรรณญาวีร์ หันไปตามเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ผู้หญิงคนที่เธอเหยียบเท้าอยู่ในเซเว่นนี่นา จำได้ล่ะ ชื่อพุดกรอง สวยจัง พุดกรองใส่ๆๆชุดคล้ายของน้ำอบเลย แต่เสื้อคนละสี “สวัสดีจ๊ะ พุดกรองมาวัดด้วยเหรอ น้ำอบไม่เห็นเลย ““กรองมารอบสองจ๊ะ เมื่อเช้ามาส่งแม่ แล้วก็กลับไปเปิดร้าน แล้วก็รีบมานี่แหละ”ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ“อ้าว สองสาว รู้จักกันแล้วเหรอลูก” เสียงนางอรพิณ ดังขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ“ค่ะแม่ เมื่อวานกรองเจอน้ำอบที่เซเว่นค่ะ บังเอิญมาก น้ำอบเหยียบเท้ากรอง เลยได้รู้จักกันค่ะ”“ดีๆ แล้วลูก รู้จักกันไว้ดีแล้ว มาๆ เตรียมใส่บาตรรกันเถอะลูก”ๆๆๆๆ“กรองใส่บาตรกับน้ำอบก็ได้นะ ข้าวน้ำอบเต็มขันเยอะมากเลย”“ได้เลย ขอบใจนะน้ำอบ “สองสาวใส่บาตรข้าวสวยด้วยกัน เสร็จแล้วก็
น้ำอบชอบอากาศตอนเช้าที่นี่จังเลย เงียบ มีแต่เสียงนก สายลมเย็นพัดผ่านปะทะตัว หอมดอกการเวกลอยมาจากซุ้มหน้าบ้าน ห้องนอนของน้ำอบอยู่ฝั่งติดประตูหน้าบ้าน เปิดหน้าต่างปุ๊ป ได้กลิ่นหอมชื่นใจมาก ทำให้เช้านี้สดชื่น ตื่นตัวดีจัง บ่ายนี้คาดว่าฝนตกอีกแน่ๆหญิงสาวลุกตั้งแต่ตีห้า ปู่กับย่าน่าจะยังไม่ตื่น เธอรีบหุงข้าว ทำกับข้าว แบ่งไว้ให้ปู่กับย่า สำหรับมื้อเช้า และกลางวัน เธอตั้งใจว่าหลังจากเสร็จจากถวายข้าวพระเสร็จแล้วจะกวาดลานวัด และล้างห้องน้ำต่อ กว่าจะกลับก็คงบ่ายๆ วันนี้น้ำอบทำกับข้าวสามอย่าง แบ่งไปวัด ข้าวสวย แกง ขนมหวาน น้ำเปล่า ธูป เทียน ดอกไม้ จัดเตรียมลงตะกร้าหวายใบย่อมขนาดกำลังดีหลังจากเตรียมของเสร็จ หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอเลือกใส่ผ้าถุงปาเต๊ะที่ตัดเป็นผ้าถุงสำเร็จ ยาวถึงตาตุ่ม ใส่เสื้อลูกไม้สีครีม แบบเรียบแต่ไม่เชย เข้ารูปแขนสั้น ที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อวาน ปล่อยผมยาวตามธรรมชาติ น้ำอบสูง 175 สำหรับผู้หญิงไทยคือสูง ผอม แต่หุ่นดี มีหน้าอก มีเอว สะโพกผาย เธอรู้ว่าตัวเอง รูปร่างหน้าตาดี เลยไม่ค่อยชอบแต่งตัวเท่าไร ปล่อยตามธรรมชาติ จะแต่งหน้าแต่งตัว ก็เฉพาะงานสำคัญเท่า
เหมือนฝนจะตกเลย อากาศที่นี่ไม่น่าไว้ใจเหมือนที่ย่าว่าไว้ เมฆสีดำลอยอยู่ข้างหน้า น้ำอบกะว่าไม่น่าจะรอดแน่ๆ เธอปั่นจักรยานออกจากตลาดมาเรื่อยๆ อีกไม่เกิน 2 กิโลเมตรก็ถึงบ้าน หาที่หลบฝนดีกว่า น้ำอบแวะร้านกาแฟข้างทาง เมื่อตอนที่เธอปั่นจักรยานไปตลาด ร้านกาแฟจะอยู่ขวามือ กินกาแฟเวลานี้ก็คงไม่เป็นไรหรอก เพิ่งจากบ่ายโมงกว่าๆ เธอหลับง่ายอยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร ได้หลบฝนด้วยดีที่เธอแวะไปที่ร้านซ่อมรถ ตามที่ปู่สั่ง มัวแต่ซื้อของเพลิน เกือบลืมไปเลย วันหลังต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ ถ้าอีก 1 ชัวโมงฝนยังไม่ซา เธอคิดว่าจะใส่เสื้อกันฝน ปั่นจักรยานฝ่าฝนไป“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ เชิญเข้ามาก่อนครับ ฝนจะตกแล้ว เอาจักรยานเข้ามาจอดใต้หลังคาได้นะครับ เดี๋ยวจะเปียก”เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มทีเดียว เปิดประตูให้เธอ“จอดได้เหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ น้ำอบออกไปเข็นจักรยานขึ้นมาจอดใต้หลังคา ตามคำเชิญของคนในร้าน เดาเอาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน”“นั่งตามสบายนะครับ วันนี้ฝนมาเร็ว แต่ตกไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวก็หยุด”“ขอเอสเปรสโซ่เย็นแก้วนึงค่ะ &l
“ใครเหรอคะ พี่การันต์ รู้จักเหรอคะ พุดเห็นพี่มองเขาตั้งแต่เขาเข้ามาในร้านแล้ว มีอะไรหรือเปล่าคะ” พุดกรอง ถามพี่ชาย เมื่อเห็นเขาจ้องมองผู้หญิงชุดยีนใส่รองเท้าแตะหูหนีบนันยาง รูปร่างสูง ผมยาว หน้าสวย เสียแต่ดูหน้านิ่งไปหน่อย อาการที่ไม่สนใจใครเลย ทำให้ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่ค่อยยุ่งกับใคร ผู้หญิงคนนี้รูปร่างดี มือเท้าเรียวสวย ไม่แต่งหน้าเลย จะว่าไม่แต่งก็ไม่ได้ เธอทาลิปสติกสีน้ำตาล สวยมาก แต่ถ้าที่ครุ่นคิด จ้องโทรศัพท์นั่น ดูครุ่นคิดกังวลจัง“เปล่า ไม่รู้จัก” เสียงห้วนๆ ตอบกลับมา“อ้าว เหรอคะ เห็นจ้องเอาๆ นึกว่ารู้จัก” พุดกรอง บ่นเบาๆ แล้วก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวของเธอต่อไป เธอตามอารมณ์พี่ชายไม่ค่อยทัน เขาอารมณ์ร้อน ใจร้อน เอาแต่ใจ แต่เขาก็เป็นพี่ที่ดี ปกป้องเธอ และทุกคนที่บ้านได้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทีแรกเธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้น เป็นคนของพี่ชายเธอเสียอีก ดูหน้าตาน่าจะรุ่นเดียวกับเธอ พี่น้องกันคงไม่เกิน 2 ปี ลูกบ้านไหนนะ ไม่น่าจะใช่คนแถวนี้ ดูจากลักษณะ ผิวพรรณ ท่าทางสบายๆ ช้าๆ เนิบๆ สะดุดตาทีเดียวดูจากท่าทางพี่การันต์แล้วเหมือนไม่ค่อยชอบผ