บทที่ 6
เปลี่ยนแปลง
“เมื่อวานคุณโอนเงินมาผิดหรือเปล่าคะ” จรัสรักใช้จังหวะที่จิณณ์กำลังแต่งตัวหลังอาบน้ำเสร็จเอ่ยถามเรื่องที่ยังเป็นปริศนา เขาเมินข้อความที่เธอส่งไปถามในห้องแชต มิหนำซ้ำตอนมาถึงโรงแรมเขาก็ไม่เว้นช่องว่างให้เธอได้พูดอะไร สั่งให้เธอเข้าไปอาบน้ำ จากนั้นเขาก็เข้าไปอาบต่อ พออาบเสร็จเขาก็ส่งสัญญาณให้เธอขึ้นเตียงทันที
กระทั่งพายุสวาทรอบสุดท้ายจบลง จิณณ์ผละออกไปจัดการตัวเองในห้องน้ำทันทีเหมือนอย่างเคย จรัสรักค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ใช้มือสางผมที่ชี้ฟู กว่าอัตราการหายใจจะกลับมาเต้นคงที่ เจ้าของร่างสูงโปร่งก็อาบน้ำรอบที่สองเสร็จพอดี เธอจึงรีบเอ่ยถามก่อนที่เขาจะกลับไป
“อะไร”
“เมื่อวานคุณโอนเงินมาเกินที่เราตกลงกันไว้ โอนผิดหรือเปล่าคะ”
“ไม่ผิด ผมให้คุณเดือนละหนึ่งแสน ส่วนอีกห้าหมื่นผมให้เป็นค่าเดินทาง หรือถ้ามันเหลือ คุณจะใช้ทำอะไรก็เรื่องของคุณ” ชายหนุ่มแจกแจงอย่างละเอียด เขาไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน จึงไม่รู้ว่านอกจากเงินรายเดือนแล้วเขาต้องจ่ายค่าอะไรให้ ‘เด็ก’ อีกบ้าง บางคนอาจจะเรียกร้องค่านั่นค่านี่ตามมาอีกแบบจุกจิก เขาเลยตัดปัญหาด้วยการรวบจ่ายทีเดียว
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นจรัสรักก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณ หัวใจลิงโลดเมื่อรู้ว่าเงินก้อนที่เหลืออยู่ในบัญชีนั้นเป็นของตน หากเธอนำไปรวมกับเงินที่จะได้จากเขาอีกในเดือนหน้า ก็คงพอที่จะต้องจ่ายหนี้เฮียชาง
สองแสนเธอมีพอแน่ ๆ หากจะขาดก็แต่ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทุกสัปดาห์
แต่ไม่เป็นไร ยอดนั้นเธอพอจะถูไถได้อยู่
เจ้าของร่างสูงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก้มมองนาฬิกาข้อมือก็พลันรู้สึกเหนื่อยใจกับตัวเอง วันนี้เขาเลิกงานเร็ว และตั้งใจว่าจะใช้เวลาตรงนี้ไม่เกินเที่ยงคืน ทว่าตอนนี้เข็มนาฬิกาล่วงเข้าสู่วันใหม่มาแล้วกว่าสองชั่วโมง
จิณณ์ถอนหายใจเบา ๆ หยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจรถขึ้นมาถือ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปก็มิวายย้ำอีกเรื่องสำคัญกับร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียง
“อย่าลืมเรื่องคุมกำเนิด ไปจัดการให้เรียบร้อยซะ”
“ค่ะ”
จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปเลยทันที เหลือทิ้งไว้เพียงเจ้าของนัยน์ตาโศกซึ่งมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา
เมื่อประตูห้องปิดสนิท ความเงียบงันก็มาเยือน ความรู้สึกบางอย่างคืบคลานเกาะกินหัวใจ จรัสรักหันออกไปมองนอกกระจกซึ่งข้างนอกมืดมิด ทว่าแสงสว่างจากในห้องทำให้เธอมองเห็นเงาสะท้อนของผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวนั่งมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเวทนาอยู่สักพัก ปลอบใจตัวเองว่ามันก็แค่ช่วงชีวิตหนึ่ง อีกไม่นานมันจะผ่านไปกลายเป็นเพียงแค่อดีต และความรู้สึกนี้ก็คงจะเลือนรางหายไปตามกาลเวลา
ร่างบอบบางปัดทุกความคิดออกจากหัว ก้าวลงจากเตียงด้วยขาที่ยังสั่น หญิงสาวเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ จากนั้นก็กลับขึ้นมานอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว ด้วยร่ายกายที่เหนื่อยล้า หัวถึงหมอนเพียงไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไป
ชีวิตประจำวันของจิณณ์ค่อนข้างเป็นรูทีน เรียบง่าย และมีแบบแผนที่ชัดเจน ทุกเช้าเขามักตื่นนอนตอนตีห้า ออกกำลังกาย กินมื้อเช้าง่าย ๆ และออกไปทำงานตอนหกโมงครึ่ง ไม่ว่าจะต้องอยู่เวรดึกต่อหรือไม่ เมื่อถึงเวลาเลิกงานหากไม่มีนัดที่ไหน เขาก็จะตรงกลับที่พักเลยทันที
จิณณ์เป็นคนชอบเก็บตัว เขาไม่ชอบเข้าสังคม กับเพื่อนร่วมงานก็คุยกันแทบนับคำได้ ถ้าหัวข้อนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน เขาก็แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใคร
กับเพื่อนสนิททั้งสี่คนเขาก็ไม่ค่อยออกไปเจอใคร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบางวันเขาต้องทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง พอเสร็จจากงานสมองก็ล้าจนแทบไม่อยากทำอะไร หลายครั้งหลายคราที่จิณณ์เลือกนอนมากกว่าออกไปพบปะเพื่อนฝูง
กระทั่งเผลอตัวกดรับสายจากกฤษณ์เมื่อสองเดือนก่อน ตั้งแต่นั้นมาชีวิตประจำวันหลังเลิกงานของเขาเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด...
ในวันที่ไม่ต้องอยู่เวรดึก จากที่เคยตรงดิ่งกลับคอนโดมิเนียมเลยทันที แต่เดี๋ยวนี้เขากลับหมุนพวงมาลัยรถไปอีกทาง ขับฝ่าการจราจรที่ติดขัดเพื่อไปยังโรงแรมที่นัด ‘เด็ก’ เอาไว้ ซึ่งกว่าเขาจะขับรถกลับถึงที่พักและได้เข้านอน เข็มนาฬิกาก็เลยเที่ยงคืนไปไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง ทำให้เขาเหลือเวลานอนเพียงน้อยนิด
แรก ๆ ก็เป็นอะไร ทว่าพอพักผ่อนน้อยติด ๆ กันหลายสัปดาห์ ร่างกายเขาก็เริ่มประท้วง รู้สึกง่วงระหว่างวันบ่อยขึ้น กาแฟดำที่ซัดไปวันละสามแก้วก็ไม่ช่วยอะไร ชายหนุ่มจึงคิดว่าต้องปรับเปลี่ยนอะไรสักอย่าง
จิณณ์เคาะปากกากับโต๊ะเบา ๆ ขณะสมองกำลังขบคิดหาวิธีบาลานซ์ชีวิตกับความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งช่วงนี้เหมือนมีเพิ่มมากขึ้นทุกที
มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวหลายครั้งหลายครา ด้วยเป็นวิธีที่ง่ายต่อตัวเขามากที่สุด ก็แค่เปลี่ยนสถานที่จากโรงแรมแห่งนั้นมาเป็นเพนต์เฮาส์ของเขาเอง เพียงเท่านี้เขาก็จะมีเวลานอนมากขึ้น
เรื่องการเดินทางสำหรับเธอคงไม่มีปัญหา เพราะเขาเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนั้นอยู่แล้ว เธอสามารถเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันหรือนั่งแท็กซี่ไปกลับได้อย่างสบาย ๆ
ทว่า...ที่จิณณ์ยังไม่ตัดสินใจเลือกใช้วิธีนี้ก็เพราะเขาหวงความเป็นส่วนตัว ชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครเข้ามาในพื้นที่ของตน แม้แต่แม่บ้านที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขายังสั่งให้เข้ามาทำความสะอาด รวมถึงเติมเสบียงเพียงแค่สัปดาห์ละครั้ง และจะต้องมาตอนที่เขาออกไปทำงานแล้วเท่านั้น
อีกทั้งยังไม่รู้ว่าหากเขาอนุญาตให้ ‘เด็ก’ ในความดูแลเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว จะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกหรือเปล่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่ได้รู้จักเธอดีขนาดนั้น
จิณณ์ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็น ‘เสี่ยเลี้ยงเด็ก’ แต่หากจะนิยามความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอในตอนนี้ สามคำนี้เห็นจะใกล้เคียงมากที่สุด ระยะเวลาสองเดือนกว่า ๆ ที่เขากับเธออยู่ในสถานะนั้น เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย นอกจากชื่อเล่นที่เธอแทนตัวเองว่า ‘ลีฟ’ และกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน
“หมอจิณณ์ยังไม่กลับบ้านเหรอคะ” เสียงทักทายจากเพื่อนร่วมอาชีพดึงความคิดของแพทย์หนุ่มออกจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองเจ้าของคำถาม สีหน้าของอีกฝ่ายฉายความฉงนคล้ายกำลังรอคำตอบ เขาจึงตอบไปเพียงสั้น ๆ ว่า “ครับ”
ทว่าคำตอบของเขาไม่ได้ทำให้คุณหมอสาวเกิดความกระจ่าง ขวัญข้าวจึงถามย้ำไปอีกรอบ พร้อมเดินเข้าไปหาหมายจะชวนคุยเพื่อสร้างความสนิทสนม
“งานยังไม่เสร็จเหรอคะ”
“กำลังจะกลับครับ” จิณณ์ออกเวรสักพักแล้ว แต่เขามีเอกสารที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จ ก็เลยมานั่งทำที่ห้องพักแพทย์ซึ่งใช้เป็นส่วนรวม หลังเคลียร์งานเสร็จ เขาตั้งใจจะกลับคอนโดมิเนียมเลยทันที ทว่าดันมีความคิดที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานแทรกเข้ามาในหัว
“ข้าวก็กำลังจะกลับเหมือนกัน คุณหมอกลับทางไหนคะ วันนี้ข้าวไม่ได้ขับรถมา ว่าจะขอรบกวนขอติดรถคุณหมอไปลงที่สถานี...” แพทย์หญิงขวัญข้าวบอกชื่อสถานีรถไฟฟ้าซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อไปอีกสายหนึ่ง อันที่จริงหน้าโรงพยาบาลก็มีสถานีรถไฟฟ้าให้บริการ ทว่าเธอก็ต้องนั่งไปเปลี่ยนขบวนที่จุดเชื่อมต่ออยู่ดี อีกทั้งทางเชื่อมที่ว่ายังต้องเดินไกลเป็นกิโลฯ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลัก เพราะความจริงคือเธออยากใกล้ชิดจิณณ์ แค่ได้นั่งรถด้วยกันไม่กี่นาทีก็ยังดี “ได้ไหมคะ เวลานี้คนเยอะแน่ ๆ ข้าวไม่อยากไปขึ้นไปเบียด”
แพทย์หนุ่มเกิดความอึดอัดใจ เขารู้ว่าหญิงสาวมีเจตนาอื่นแอบแฝง เขาจะปฏิเสธเธอไปทันทีเลยก็ยังได้ ด้วยคอนโดมิเนียมของเขาไปคนละทางกับสถานีรถไฟฟ้าที่เธอขอติดรถไปลง ทว่าที่เขายังเงียบเป็นเพราะมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว พร้อมกับใบหน้าของเจ้าของเรือนร่างนุ่มนิ่มที่ไม่ได้เจอมาสามวันแล้ว
จิณณ์ครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดี เพราะพรุ่งนี้เขาต้องมาทำงานแต่เช้า ถ้าเขาไปทางนั้นก็คงเกินเวลาอีกเช่นเคย
ทว่าเพียงครู่เดียวชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อถูกคุณหมอสาวมองมาคล้ายกับเร่งให้เขาต้องตัดสินใจ
“สรุปหมอผ่านทางนั้นไหมคะ”
“ครับ”
ตอนพิเศษ 3“เกรซซี่!”เจ้าของชื่อซึ่งกำลังนอนคว่ำกระดิกปลายเท้าระบายสีอยู่กลางห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เงยหน้าขึ้นไปมองน้าสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน ในมือมีกระดาษอะไรสักอย่างติดมาด้วยฟังจากน้ำเสียงที่เรียกเมื่อกี้เกรซซี่รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ เพราะปกติเวลาน้ากิ๊ฟต์กลับบ้าน น้ากิ๊ฟต์จะเรียกหาเกรซซี่ด้วยเสียงที่นุ่มนวลหรือไม่ก็ร่าเริงกว่านี้ แต่วันนี้แค่เรียกเสียงเข้มไม่พอ ยังทำสีหน้ายุ่งใส่กันอีกเกรซซี่ไปทำอะไรของน้ากิ๊ฟต์พังหรือเปล่านะ...ก็ไม่นี่นา ไม่ได้เข้าไปในห้องของน้ากิ๊ฟต์เลยด้วยซ้ำใจจริงอยากวิ่งเข้าไปรับอย่างที่เคยทำ ทว่าวันนี้เกรซซี่สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังขานรับน้าสาวเสียงหวาน “...ขาน้ากิ๊ฟต์”จารวีหันหน้าไปไหว้แม่และยายของตนที่นั่งเอนกายบนตั่งไม้อีกฝั่งของบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง จากนั้นก็ยื่นเอกสารรายงานผลการเรียนชั้นอนุบาลไปตรงหน้าหลานสาวสุดที่รัก “อันนี้คืออะไรเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้”กนกนุชขยับนั่งขัดสมาธิ มองน้ากิ๊ฟต์กับกระดาษเอสี่ที่ถูกยื่นออกมาตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นแม่ซึ่งเดินตามหลังน้องสาวตัวเองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ตอนพิเศษ 2โชคดีที่จิณณ์ฝึกลูกให้นอนคนเดียวตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงแรกที่ยังไม่เปิดเทอมอาจจะมีร้องไห้โยเยบ้าง เพราะตื่นมาแล้วไม่เจอใครอยู่ในระยะสายตา แต่พอค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอนว่าตื่นแล้วไปหาพ่อหรือหายายกับทวดได้ที่ไหน แกก็เริ่มเรียนรู้และเข้าใจ จากนั้นมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้ตอนเช้าอีกเลยฉะนั้นหลังเล่านิทานส่งลูกเข้านอนเสร็จ คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงได้มีเวลาสวีตหวานในห้องส่วนตัวกันบ้าง“เรียนทำขนมวันนี้เป็นไงบ้าง” จิณณ์เอ่ยถามภรรยาที่กำลังใช้สำลีลบเครื่องสำอางซึ่งแต่งแต้มเพียงบางเบา เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองเพื่อจะเข้าไปอาบพร้อมกันจรัสรักมองเรือนร่างของสามีผ่านกระจก ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวพร้อมกับหัวใจที่จู่ ๆ ก็สั่นรัวขึ้นมา หญิงสาวรีบเลื่อนสายตาไปโฟกัสจุดอื่น แม้จะเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าเธอก็ไม่เคยทำใจให้ชินได้เสียที“กะ...ก็ดีค่ะ พี่ฟางใจเย็นและสอนดีมาก” เธอตอบเสียงกะตุกกะตัก เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ จิณณ์ดึงชุดคลุมอาบน้ำช่วงไหล่ของภรรยาลง ก่อนจะประทับจูบร้อน ๆ ลงบนไหล่เปลือย จากนั้นก็พูดต่อ“คุณอยากได้สูตรไหนหรือ
ตอนพิเศษ 1หลังจากงานแต่งงานและทำบุญขึ้นบ้านใหม่ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นเสร็จสิ้นไป จิณณ์ก็ขอให้ทุกคนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด หญิงมากวัยทั้งสองคนมีอาการงอแงเล็กน้อย ด้วยไม่อยากละทิ้งบ้านของตนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายจรัสรักพยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมทั้งอธิบายให้แม่และยายของตนเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้จะทิ้งบ้านหลังนั้น แต่ด้วยสภาพที่เก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีข้าวของเก็บไว้มากมาย ซึ่งบางอย่างก็เป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้ว หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้เคลียร์ของและจะทำการรีโนเวตบ้านใหม่ จากนั้นจะยกให้เป็นชื่อของจารวีจิณณ์ถามน้องสาวภรรยาว่าอยากรื้อแล้วสร้างใหม่เลยหรือไม่ จะได้บ้านในแบบที่ต้องการ ทว่าจารวีปฏิเสธพร้อมบอกว่าเอาไว้ก่อน เพราะล่าสุดพี่เขยก็เพิ่งจะถอยรถมินิคูเปอร์คันละสามล้านให้เป็นของขวัญเรียนจบแบบสด ๆ ร้อน ๆ โดยให้เหตุผลว่าระบบเซฟตีมันดีมากกว่ารถอีโคคาร์ทั่วไป ยังไม่นับคอนโดมิเนียมที่กำลังเลือกดูเพื่อจะซื้อให้พักอาศัยระหว่างที่เรียนต่อเนื่องจากสองพี่น้องมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอ แต่ขาดแรงสนับสนุนจึงไม่ได้ไปต่อ ทำให้ต้องเลือกเดินในเส้นทางอ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)“แต่งงานกับผมนะครับ”ในเมื่อเขาดีและทำเพื่อเธอขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องปฏิเสธ ถึงจะเป็นการขอครั้งที่สอง แต่เธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จรัสรักพยักหน้า ตอบรับคำขอของเขาด้วยรอยยิ้มยินดี“ค่ะ รักจะแต่งงานกับคุณ”จบประโยคนั้นร่างบางก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อไฟที่ประดับประดาอยู่รอบ ๆ ตัวบ้านสว่างขึ้นพร้อมกันทุกดวง พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายดังขึ้นด้วยความยินดีใบหน้าสวยมองไปตามเสียงก็เจอกับเด็กหญิงกนกนุชในชุดสวยถือช่อดอกไม้วิ่งเข้ามาหา เลื่อนสายตาไปข้างหลังอีกก็เจอแม่และยายที่นั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีปรานกับกฤษณ์เข็นให้ พร้อมทั้งพีรัช ภริตา จารวี และคุณหญิงพรรษา ยืนอยู่ข้าง ๆ กันทุกคนกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจรัสรักรู้ว่าวันนี้มีนัดรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของเธอก่อน พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงรถเลย“ป้อจิน เอาให้แม่” เสียงของลูกสาวดึงสายตาเธอให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหญิงกนกนุชยื่นช่อดอกทานตะวันให้คุณพ่อตามที่พ่อปรานบอก“ขอบคุณครับ” จิณณ์รับดอกไม้มาถือ ก่อนจะคว้าตัวลูกสาวเข้ามากอดและกดจมูกหอมแก้มแ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)หลังจากหมูกระทะมื้อค่ำสิ้นสุดลง ทุกคนก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและทำความสะอาดสถานที่ จิณณ์รับหน้าที่พาเด็กหญิงกนกนุชไปอาบน้ำ เนื่องจากหนูน้อยเริ่มตาปรือเพราะใกล้ถึงเวลาเข้านอนเมื่อบรรยากาศภายในบ้านเริ่มเงียบสงบ จารวีนั่งเล่นกับหลาน พูดคุยกับแม่และยายสักพักก็เข้าห้องส่วนตัวของตัวเอง ส่วนอ้อมใจก็จัดที่นอนเตรียมพักผ่อน หน้าที่พยาบาลพิเศษในบ้านหลังนี้ไม่ได้หนัก และคนป่วยก็ไม่ได้จู้จี้จุกจิก พอทำหน้าที่หลักเสร็จก็สามารถนอนพักผ่อนได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีห้องนอนส่วนตัวให้ ต้องนอนรวมกันที่ห้องโถงจรัสรักเดินมาเช็กความเรียบร้อยที่ครัวหลังร้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านขายของตามปกติหลังจากหยุดไปทำธุระหนึ่งวัน“อุ๊ย!” ทว่ายังไม่ทันได้หยิบจับสิ่งใด ร่างบางก็ถูกสวมกอดจากคนที่เดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวยิ้มและเอ่ยถามกลั้วขำ “อะไรคะเนี่ย”“อยากกอด” จิณณ์คลายวงแขนแล้วหมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “เมื่อไหร่บ้านจะเสร็จ”จรัสรักหลุดขำ นึกเอ็นดูคนตัวโตที่เริ่มงอแง นับวันก็ยิ่งเหมือนลูกมากขึ้นทุกที “คงอีกนานค่ะ ยังไม่ได้ลงเสาเลย”“รู้งี้ผมให้
บทที่ 31 คนพิเศษ“แม่แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้ดุ”“ดุ” ใบหน้าน้อย ๆ เอียงซบไหล่แกร่ง พยายามหลบสายตาแม่ แต่กระนั้นก็ยังแอบเหล่มอง“รับปากแม่ได้ไหมว่าครั้งหน้าเกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนออกบ้านทุกครั้ง” จรัสรักยังคงเสียงแข็งแต่ก็ยังฟังดูอ่อนโยนอยู่ในที เธอไม่ได้อยากเป็นแม่ใจร้ายหรอก แต่บางทีก็ต้องบอกต้องสอนกันบ้าง“รับปากแม่เร็ว คนเก่งของพ่อทำได้อยู่แล้ว” จิณณ์ให้กำลังใจ พร้อมเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันไปหาคนเป็นแม่“ต่อไปนี้เกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนทุกครั้งค่ะ” หนูน้อยยอมพูดแต่โดยดี ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ส่งยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะอย่างชื่นชม“เก่งมากค่ะ”กลายเป็นคุณพ่อที่ทวนความจำให้ลูกแทน “จำได้ไหมครับ ที่คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ใส่รองเท้าจะเกิดอะไรขึ้น”“จะเหยียบปะตู เลือดไหล ต้องไปหาหมอ แล้วก็ร้องไห้แง ๆ” จิณณ์ไม่แก้ไขที่ลูกพูดผิด รู้ดีว่าความเข้าใจของแกก็คือตะปูนั่นแหละ“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เกรซซี่ต้องใส่รองเท้าทุกครั้งนะ โอเคไหม”“โอเคค่า” เมื่อเคลียร์กันลงตัว หนูน้อยก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใส“หาแม่ไหม พ่อจะขนของลงรถ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งลูกให้คนเป็นแม่อุ้ม ซึ่งมือเล็ก ๆ