Masukพลั่ก!
“อะ โอ้ย”
ทั้งตัวของหนูถูกผลักจนกระแทกเข้ากับผนังที่เย็นชืดข้างหลัง เพื่อนๆ ของเดียร์กอดอกยืนอยู่ตรงหน้า หลังจากที่จบคลาสเรียนแล้วพวกเธอเรียกตัวหนูให้ตามมาข้างๆ ห้องน้ำหญิงที่หลังตึกคณะวิศวะ แล้วเริ่มลงมือรังแกหนูเหมือนเช่นเคย
“สะเออะดีนัก แกคิดว่าแกเป็นเพื่อนเดียร์แล้วจะเผยอจองหองพูดปรามอะไรกับนางฟ้าของพวกเราได้ทุกอย่างอย่างงั้นเหรอ”
“อะ... อ้ายบ่าได้ตั้งใจ” หนูพยายามจะหยัดตัวลุกขึ้นเพราะว่าตัวเลอะไปด้วยโคลน หลังจากฝนตกเมื่อตอนเช้า สนามหญ้าแถวนี้ก็เปียกชุ่มไปหมด พอโดนผลักล้มลงไป ก็เลยเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว
เมื่อกี้ก็โดนตบไปฉาดหนึ่งด้วย สะ... แสบหน้าจัง
“อย่าคิดว่าที่ตัวเองเกือบเป็นดาวคณะแซงเดียร์แล้วจะยโสโอหังยังไงก็ได้ แกก็เป็นแค่เพื่อนในห่วงโซ่อาหารชั้นที่ต่ำที่สุดของเดียร์ รู้เอาไว้ซะด้วย!”
“... อ้ายฮู้แล้วเจ้า”
“แล้วเวลาเดียร์จะทำอะไร ไม่ต้องสะเหล่อมาขัดขาเดียร์ นี่คือคำเตือน!”
“...”
“อีเด็กทรงโต น่ารังเกียจจริงๆ ทั้งโง่ทั้งอวดดี ถุย!” หนูหลับตาปี๋เมื่อหนึ่งในพวกเธอพ่นน้ำลายใส่จนกระเด็นมาโดนกระโปรงพลีทของตัวเองเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาเมื่อพวกเธอสะบัดหน้าเดินจากไป
ต้องบ่าร้องเน้อเอิ้นอ้าย คนอย่างเฮาน่ะโดนบูลลี่โดนรังแกจนชินแล้ว
หนูเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนที่จะค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น ปัดกระโปรงตัวเองที่เลอะโคลนเปียกๆ ไปมาด้วยความโง่เขลา แล้วมันก็เลอะเต็มทั้งสองมือ หนูเลยยิ่งอยากจะร้องไห้เข้าไปใหญ่
หนูค่อยๆ เดินออกมาจากซอกของห้องน้ำหญิงโดยพยายามบ่าให้เป็นจุดสังเกตของคนที่เดินผ่านไปมา (ซึ่งไม่ค่อยมีอยู่แล้วเน้อ) ในขณะที่จะเห็นผู้ชายตัวโตเหมือนยักษ์คนหนึ่งที่บังเอิญเดินออกมาจากห้องน้ำชายพร้อมกับสะบัดมือหนาที่เปียกไปมาเหมือนเพิ่งฉี่เสร็จ ก่อนที่เขาจะจุดยาเส้นขึ้นมาสูบอีกแล้ว
หนูทำท่าจะหลบฉากเพื่อไม่ให้เขานึกสงสัยกับสภาพที่สะบักสะบอมของตัวเอง แต่เขากลับหันมาแลเห็นหนูเข้าซะก่อน
“อ้าว” แล้วก็เป็นเปิ้นนั่นเอง เขาเอ่ยทักขึ้นมา แต่พอเห็นสภาพของหนูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เปิ้นก็คีบยาเส้นออกจากปาก ตอนที่ก้าวเท้าฉับๆ เข้ามาหาหนูทันที “เฮ้ย ไปโดนไรมา สภาพดูไม่จืดเลย”
“... เปล่าเน้อ” หนูตอบเสียงเบา ก่อนที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาที่จ้องมาที่เสื้อนักศึกษาสีขาวที่ตอนนี้เลอะไปด้วยโคลนเขม็ง “อ้ายสะดุดลื่น ว่าแต่เปิ้นมีเรียนต่อรึเปล่า”
“ไม่มี” เขาตอบกลับมาสั้นๆ ตอนที่ล้วงกระเป๋ากางเกงเก็บยาเส้นมวนนั้นเข้าที่ “โอเคใช่ปะ”
“อื้ม”
“แล้วจะกลับยังไง” เขาถามสั้นๆ ห้วนๆ เหมือนรู้อะไรมาเลย หนูเลยเม้มริมฝีปากตอนที่บ่ากล้าสบตาเปิ้นตรงๆ หนูกลัวว่าถ้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้ว หนูจะกลั้นน้ำตาไว้บ่าไหวจนต้องปล่อยโฮต่อหน้าเปิ้นอย่างหน้าไม่อาย
“อ้ายนั่งสองแถวกลับ”
“ไม่ต้อง” เขาแทรกขึ้นมาเสียงเข้มจนหนูสะดุ้ง ก่อนที่ข้อมือเล็กจะถูกคว้าด้วยมือใหญ่ๆ ของเขา “กลับกับกูละกัน”
“ตะ แต่...”
“สภาพมึงเละเทะขนาดนี้ ถ้ากูปล่อยมึงกลับสองแถวคนเดียว ตาแก่นั่นคงได้สาปส่งกูไปจนตายแน่” เปิ้นพูดแบบนั้นถึงป้อของหนู พร้อมกับออกแรงจูงมือให้หนูเดินหลบอยู่ที่แผ่นหลังกว้างๆ เรียบตึงของเขา หนูที่ถูกกระชากให้เดินตามไปถึงกับเม้มปาก ก่อนที่จะก้มหน้างุด
แล้วร้องไห้อยู่ด้านหลังของเปิ้นอย่างเงียบเชียบ
[พาร์ท : เพชฌฆาต]
ปึ่ด
“อะ... โอ้ย เจ็บเน้อ”
ไอ้เด็กเอ๋อที่สภาพไม่สู้ดีนักร้องเสียงอ่อนออกมาเมื่อทันทีที่ขับคาวาซากิพามันกลับมาบ้าน ผมที่สังเกตเห็นรอยแผลบนหน้ามันตั้งแต่ที่เจอมันหน้าห้องน้ำแวบแรกเลยเอาน้ำแข็งมาห่อผ้าแล้วประคบเย็นให้ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้ชาจนเจ็บน้อยลงล่ะนะ
มองครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นรอยตบจากฝีมือผู้หญิงด้วยกัน ไอ้เด็กนี่คงจะไปเผลอทำให้ใครเกลียดขี้หน้าเข้าจากความเอ๋อเหรอของมัน สุดท้ายถึงได้มาลงเอยที่การโดนตบหน้าแดงเป็นปื้นกลับบ้านแบบนี้
ถึงมันจะพยายามบอกผมสักเท่าไหร่ว่าเป็นรอยลื่นล้มกระแทกพื้นดิน แต่เผอิญว่ากูฉลาดกว่ามัน อย่าลืมดิ ว่าผมต่อยตีมาไม่รู้กี่ร้อยสนาม รอยตบแค่นี้มองออกอยู่แล้ว ช่วงไอ้หญิงมีท้าตบก็เจอรอยแนวๆ นี้ขึ้นมาบ่อยๆ
แต่ไม่พูดถึงแม่งดีกว่า เดี๋ยวเฮิร์ท
เอาจริงๆ ปะ ทันทีที่เห็นแผลบนหน้า กับสภาพของมัน ผมแม่งลืมความอายเมื่อเช้าไปเลย
“เจ็บมากเลยดิ” ผมถามไปแค่นั้น แล้วไอ้ตัวเล็กก็ก้มหน้างุด
“เล็กน้อยเจ้า” ผมนั่งขัดสมาธิแล้วท้าวค้างมองมันใกล้ๆ ปากบอกเล็กน้อย แต่แก้มเป็นรอยแดงแถมบวมขนาดนี้เลยอ่ะนะ ไม่เจ็บก็ไม่รู้จะว่ายังไง “เสื้ออ้ายเปื้อนโคลน อ้ายต้องซักจะใดเหรอ”
แต่พอมันโพล่งถามคำถามสิ้นคิดนี้ออกมา ผมถึงได้รู้ว่าตาแก่นั่นแม่งสปอยลูกขนาดไหน
“ไม่ต้องอ่ะ เดี๋ยวกูซักให้” ผมจงใจปัดประเด็น อยากจะด่าแม่งอยู่เหมือนกันที่ทำห่าอะไรไม่เป็นเลยทั้งที่ก็โตเป็นควายแล้ว นมก็ใหญ่ตั้งเต้าจนแทบจะสะบัดตบหน้าผมเลือดกำเดาแตกได้ แต่จะว่าไปก็ไม่ได้ เพราะมันอยู่ที่คนสอน
แต่เอาจริงๆ ตอนนี้สงสัยมากกว่าว่าใครที่ตบมัน
ดูทรงถ้าถาม แม่งไม่ตอบหรอก เพราะงั้นผมคงต้องหาข้อมูลเอาเอง
ก็ไม่ได้เป็นห่วงหรอกว่ะ แต่มันเป็นน้องจะให้ทำไง น้องโดนรังแกมาจะให้นั่งดูเฉยๆ อย่างงั้นเหรอวะ แบบนั้นมันก็ไม่ใช่กูอีก
คิดได้แบบนั้นก็หมั่นไส้ที่มันเสือกเป็นคนปากแข็งกับเรื่องสำคัญแบบนี้ จนต้องเอื้อมมือหนาไปหยิกแก้มข้างที่ไม่โดนตบของมันแรงๆ จนไอ้ตัวดีหน้ายับยุ่ง
“ง๊า เจ็บนะ!”
“สมน้ำหน้ามึง” ผมสบถออกมา แล้วมันก็จ้องหน้าผมนิ่งงัน จนผมที่นั่งท้าวคางอยู่ต้องเลิกคิ้วถาม “มองไรไอ้เอ๋อ?”
“... เมื่อคืน” อยู่ดีๆ ไม่รู้ว่ามันนึกอุตริหรือเหี้ยอะไร ไอ้อ้ายโพล่งคำต้องห้ามระหว่างเราออกมา แล้วเมื่อผมได้ยินแบบนั้น หน้าก็เผลอร้อนวูบวาบขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ “เปิ้นจำได้ก่อ?”
“...”
“เปิ้นเมามากเลยนะเจ้า เมาจน...” มันเม้มริมฝีปากแน่น แก้มกลมๆ ของไอ้เด็กเอ๋อขึ้นสีชมพูแปร้ดจนผมที่มองกลับไปต้องเขินไปด้วย อดไม่ได้ที่จะหลุบตาลงมองหน้าอกหน้าใจที่แทบปริล้นออกมาจากเสื้อเด็กดอยของมันที่เพิ่งเปลี่ยนมา
“กูจำเหี้ยไรไม่ได้ทั้งนั้นอ่ะ” พอคืนสติผมก็รีบกลบเกลื่อนทันที ตอนแรกผมคิดอยู่ทั้งวันว่าจะขอโทษมันเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนที่เผลอใจดีมั้ย แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับไม่กล้าขึ้นมาซะเฉยๆ
“...”
“ก็กูเมานี่หว่า”
หลังจากจบการสนทนานั้น ไอ้เอ๋อนั่นก็ขอตัวเข้าไปนั่งเล่นเกมต่อในห้อง โดยที่มีผมแอบแง้มประตูเข้าไปสอดส่องปฏิกิริยาหลังโดนตบของมันอย่างเงียบๆ แบบที่ไม่ให้แม่งรู้ตัว
แต่เพราะเห็นแค่หลังเล็กๆ ของมัน ผมเลยดูไม่ออก จนกระทั่งไอ้อ้ายเริ่มตัวสั่น ทั้งหัวเราะและร้องไห้ออกมาพร้อมๆ กันนั่นแหละว่ะ
ผมก็ผละออกไปจากช่องประตูที่แง้มไว้ แล้วปิดให้มันลงเงียบๆ
ถึงกับไม่ยอมร้องไห้ต่อหน้าผม แต่เก็บมาร้องไห้คนเดียวตอนที่ไม่มีใครมองเนี่ย
ก็ใช้ได้เหมือนกัน
ผมเดินไปที่ตะกร้าที่ซักที่มีเสื้อเปื้อนโคลนของมันอยู่ ก่อนที่จะหยิบขึ้นมาดมกลิ่นดู เพราะรู้สึกว่าจะได้กลิ่นที่ไม่เหมือนกับดินโคลนอยู่ตรงส่วนจีบกระโปรง
แม่งเป็นดวงๆ เหมือนกับรอยน้ำลาย
“เหอะ” ผมแค่นหัวเราะออกมาทันที ก่อนที่จะกำชุดนักศึกษาที่เปื้อนโคลนของยัยนั่นแน่นจนยับยู่ยี่
สงสัยต้องทิ้งซะแล้ว
ติ๊ง
ผมชะงักไปเมื่อระหว่างที่ยืนคิดแบบปีศาจโหมดสังหารในหัว ก็ได้ยินเสียงไลน์เข้าจากมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง เลยคีบมวนบุหรี่ภายในซองตรงบริเวณโต๊ะหน้าเคาน์เตอร์ในครัว แล้วจุดไฟแช็คดูดควันปุ๋ยๆ ภายในห้องตอนที่กดเข้าดูข้อความอย่างชิวๆ
ใครอีกล่ะ ไอ้หญิงทักมาง้อขอคืนดีเหรอไง?
Dear You : พี่หน้าโฉด เดียร์เองนะคะ
บุหรี่ที่อยู่คาบอยู่แทบหลุดออกมาทันทีที่เห็นรูปโปรไฟล์ในไลน์เป็นน้องเดียร์ดาวคณะที่โคตรจะน่ารัก ที่ทักผมมาตามที่บอกจริงๆ (ตอนแรกนึกว่าเข้ามาล้อเล่นกับหัวใจชายโสดเฉยๆ) ขนาดรูปโปรยังตรงปกเลยว่ะ จะเพอร์เฟ็คเกิร์ลอะไรขนาดนั้น
ติ๊ง
Dear You : อ่ะ อ่านแล้วไม่ตอบ เดี๋ยวเดียร์จะงอนแล้วนะ
ฟิลผู้หญิงสวยๆ ตามตื้ออ่ะ พวกมึงคงไม่เคยเจอกันอ่ะดิ
เพชร ชื่อเพชรเฉยๆ : ว่า
มาดเข้มเข้าไว้ไอ้เวร เคยได้ยินมาว่าผู้ชายมาดเข้มจะเอาชนะใจสาวได้เป็นส่วนมาก แต่เอาง่ายๆ ก็คือผมแค่ทำตัวไม่ถูกเฉยๆ พอได้คุยกับผู้หญิงเป็นครั้งแรกในรอบปี หลังจากมีแต่ผู้หญิงกลัวผมมานาน (ส่วนไอ้อ้ายไม่นับ)
ติ๊ง
Dear You : ทำไรอยู่อ่ะคะ
เพชร ชื่อเพชรเฉยๆ : ดูดบุหรี่
Dear You : งื้อ สูบบุหรี่ด้วยอ่ะ อย่างเท่เลยคนอะไร
คิๆ
เด็กมันบอกว่ากูเท่ว่ะ คิดไงอ่ะ มีใจให้ผมแน่ๆ ทรงอย่างงี้
เพชร ชื่อเพชรเฉยๆ : ไม่เท่ เฉยๆ
Dear You : นี่ ถ้าพรุ่งนี้ให้มารับเดียร์ไปส่งที่มหาลัยได้ป่าวอ่ะคะ
และพอเห็นว่าชักเข้มมากไป น้องเดียร์ดาวคณะก็เลยรุกฆาตผมทันทีด้วยประโยคที่ว่า ‘มารับเดียร์หน่อยได้ป่าวอ่ะคะ’ จนทำให้ผมที่กำลังพ่นควันบุหรี่เป็นวงอยู่แทบจะลมจับแม่งตรงนั้น
เพชร ชื่อเพชรเฉยๆ : ได้ โลมาเลย
ติ๊ง
Dear You : (ส่งโลเคชั่น)
Dear You : จะรอนะคะ
อ้าก!
กูตายอย่างสงบศพสีชมพู
แกรก
แต่ผมก็สะดุ้งโหยงเหมือนแม่มาจับได้ตอนแอบดูหนังโป๊ครั้งแรก เมื่ออยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องของไอ้เด็กอ้ายนั่นแบบกะทันหันโคตรๆ ในระหว่างที่กำลังยืนฟินกับการได้โลของดาวคณะคนงาม มันแง้มประตูออกมา แล้วมองซ้ายมองขวา แต่ตอนนั้นผมก็หลบฉากอยู่ใต้เคาน์เตอร์เรียบร้อย
แล้วทำไมกูต้องแอบด้วยวะ
“เปิ้น?” ไอ้เอ๋อนั่นเรียกชื่อผม เหมือนจะตามหากูนะ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบห้อง ผมที่นั่งซ่อนอยู่เลยกลบเกลื่อนด้วยการทำเป็นหาของข้างใต้เคาน์เตอร์
“เอ้อ บุหรี่แม่งอยู่ไหนวะ” แต่โคตรไม่เนียนเลยไอ้ชิบหาย
จนไอ้ตัวเล็กมันเดินมาที่หลังง่ามตูดผมที่กำลังโก้งโค้งหาของ (ที่ไม่มีอยู่จริง) มันก็ใช้นิ้วจิ้มแก้มก้นผมเบาๆ
“เปิ้น”
“เชี่ย มีอะไร!” แล้วดันจิ้มถูกที่ซะด้วย ผมสะดุ้งโหยงเลยตอนที่หยัดกายลุกขึ้นหันไปประจันหน้ากับมันที่เตี้ยกว่าเป็นโยชน์อย่างเร็ว แล้วไอ้ตัวเล็กก็เม้มริมฝีปากตอนที่จ้องหน้าผมนิ่งงัน “ว่าไง เรียกแล้วไม่ตอบ ท่าจะอยากมีปัญหานะไอ้เด็ก...”
หมับ
แต่ยังหาเรื่องมันไม่ทันจบ ไอ้นี่มันก็เอื้อมมือเล็กๆ มากระตุกชายเสื้อนักศึกษาที่หลุดออกมาจากกางเกงของผมเบาๆ
“เปิ้น” มันเรียกอยู่นั่นแหละ จนผมเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติของมัน ว่าเหมือนมีอะไรที่อัดอั้นตันใจอยากจะพูดออกมาสักอย่าง
“เป็นอะไร พูดออกมา” ผมยืนให้มันกุมชายเสื้ออยู่แบบนั้น จนคนตัวเล็กค่อยๆ น้ำตาร่วงลงมา ผมเลยเงียบไป
“เปิ้น” เรียกอีกแล้วว่ะ จะนึกถึงแต่คำนี้อะไรขนาดนั้น “อ้ายโง่แล้วก็อวดดีมากเลยก่อ?”
“ห้ะ?”
“มีเพื่อนบอกว่าอ้ายทั้งโง่แล้วก็อวดดี... อ้ายบ่าเข้าใจเลย” ไอ้เด็กแสบสะอื้นฮักออกมา แล้วผมก็นิ่งไป ก่อนที่จะเห็นว่ามันเริ่มเอาหลังมือมาซับน้ำตาของตัวเอง “อ้ายเป๋นอย่างนั้นจริงๆ เหรอ เปิ้นกึ้ดแบบนั้นรึเปล่า”
“...”
“แล้วสุดท้ายเปิ้นจะทิ้งอ้ายรึเปล่า?”
ผมชะงักไป เมื่อเห็นว่ามันโพล่งออกมาทั้งน้ำตาตอนที่ยืนกุมชายเสื้อผมสะอื้นไห้อยู่แบบนั้น มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวของผมกำหมัดแน่น ก่อนที่จะค่อยๆ เอื้อมมือไปดึงข้อมือมันออกจากชายเสื้อตัวเอง
แล้วดึงชายเสื้อนั่นแหละมาเช็ดน้ำตาให้มัน
“... ฮึก”
“ไม่ต้องร้อง ไอ้เด็กโง่” ผมพูดแล้วดึงมันมากอดในแบบที่ถ้าเป็นผู้หญิงปกติผมคงไม่กล้าทำแบบนี้แน่ๆ แต่เพราะว่ามันเป็นไอ้เอ๋อนี่ เพราะว่ามันเป็นน้องที่ผมเคยรู้จักมาตั้งแต่สมัยเด็ก แล้วรู้ว่าคนอย่างมันเหมาะจะเป็นเป้าให้โดนบูลลี่โดนรังแกมากขนาดไหน
แม่งคงจะเจ็บมากเลยงั้นดิ
“...”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ ก็ไม่มีใครมาทำไรมึงได้อีกแล้วว่ะ”
ก็คงต้องเป็นงั้นแหละ ก็แม่งเป็นน้องของกูเหมือนกันนี่หว่า
[จบพาร์ท : เพชฌฆาต]
ตึกตัก ตึกตักหนูใจเต้นน้อยๆ จนรู้สึกได้นิดหน่อย หลังจากที่โดนรวบศีรษะเข้ามาซบที่หน้าอกหนาๆ ของเปิ้น เป๋นครั้งแรกที่เปิ้นกอดหนู (ที่บ่าใจ้เพราะเมาเหมือนตอนนั้น) และพอได้แนบชิดกับแผงอกที่แข็งแกร่งของเปิ้น หนูก็รู้สึกดีรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับเปิ้นมากๆ“... ขอบคุณนะเจ้า” หนูไม่ได้เก็บอาการที่ว่าอยากจะกอดเขากลับ เพราะพอคิดได้แบบนั้นหนูก็รีบโอบรอบเอวสอบที่ทั้งมือของหนูโอบบ่าได้เต็มตัวของเขาทันที หนูเห็นว่าเปิ้นสะดุ้งนิดๆ แต่ต่อมาเขาก็ลูบผมหนูกลับแปลกจัง ปกติเปิ้นจะหวงตัวจะตายนี่เน้อ แต่คราวนี้เขายอมให้หนูกอด แถมยังลูบหัวหนูด้วย“อ้ายฮักเปิ้นนะ”หนูเลยสารภาพออกไปอย่างซื่อๆ แบบนั้นอย่างซาบซึ้งใจ เพราะเขาน่ะเหมือนกับเป็นพี่ชายคนหนึ่งในชีวิตหนูที่สำคัญที่สุดเลย เขาคอยช่วยเหลือหนูตั้งแต่เด็กแล้ว แม้ว่าทุกครั้งเปิ้นจะชอบแสดงท่าทีว่าเบื่อและรำคาญหนูมากก็ตามแต่พอได้ยินหนูโพล่งคำนี้ออกมา มือเขาที่วางอยู่บนหัวหนูก็แทบจะผละออกเหมือนต้องของฮ้อนในทันทีทันใด“นี่มึงรู้ความหมายของคำที่มึงพูดออกมาปะ” เสียงเขาสั่นด้วย จนหนูที่กอดแล้วเอาหัวที่ผมยาวยุ่งเหยิงซุกซบกับอกแกร่งเขาอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเ
พลั่ก!“อะ โอ้ย”ทั้งตัวของหนูถูกผลักจนกระแทกเข้ากับผนังที่เย็นชืดข้างหลัง เพื่อนๆ ของเดียร์กอดอกยืนอยู่ตรงหน้า หลังจากที่จบคลาสเรียนแล้วพวกเธอเรียกตัวหนูให้ตามมาข้างๆ ห้องน้ำหญิงที่หลังตึกคณะวิศวะ แล้วเริ่มลงมือรังแกหนูเหมือนเช่นเคย“สะเออะดีนัก แกคิดว่าแกเป็นเพื่อนเดียร์แล้วจะเผยอจองหองพูดปรามอะไรกับนางฟ้าของพวกเราได้ทุกอย่างอย่างงั้นเหรอ”“อะ... อ้ายบ่าได้ตั้งใจ” หนูพยายามจะหยัดตัวลุกขึ้นเพราะว่าตัวเลอะไปด้วยโคลน หลังจากฝนตกเมื่อตอนเช้า สนามหญ้าแถวนี้ก็เปียกชุ่มไปหมด พอโดนผลักล้มลงไป ก็เลยเปรอะเปื้อนไปทั้งตัวเมื่อกี้ก็โดนตบไปฉาดหนึ่งด้วย สะ... แสบหน้าจัง“อย่าคิดว่าที่ตัวเองเกือบเป็นดาวคณะแซงเดียร์แล้วจะยโสโอหังยังไงก็ได้ แกก็เป็นแค่เพื่อนในห่วงโซ่อาหารชั้นที่ต่ำที่สุดของเดียร์ รู้เอาไว้ซะด้วย!”“... อ้ายฮู้แล้วเจ้า”“แล้วเวลาเดียร์จะทำอะไร ไม่ต้องสะเหล่อมาขัดขาเดียร์ นี่คือคำเตือน!”“...”“อีเด็กทรงโต น่ารังเกียจจริงๆ ทั้งโง่ทั้งอวดดี ถุย!” หนูหลับตาปี๋เมื่อหนึ่งในพวกเธอพ่นน้ำลายใส่จนกระเด็นมาโดนกระโปรงพลีทของตัวเองเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาเมื่อพวกเธอสะบัดหน้าเดินจากไปต้องบ่าร
[พาร์ท : เพชฌฆาต]แสงแดดมันจ้าเข้าตาตอนที่กำลังจะตื่น จนผมต้องปรือตาขึ้นมาพร้อมๆ กับความปวดจี๊ดที่สมองจากอาการเมาค้าง ค่อยๆ ผุดลุกขึ้นมา แล้วก็พบว่าตัวเองนอนปวดเอวอยู่ที่พื้น เงยหน้ามองบนโซฟาหนังก็เห็นว่ามีผ้าห่มผืนนึงกองอยู่คงจะมีคนเดียวแหละว่ะที่เอามาให้ ถ้าเป็นกุมารที่เลี้ยงไว้ ก็ทำได้แค่เปิดปิดไฟสร้างอภินิหารอย่างเดียว กับพูดคุยด้วยเวลามันเหงาเออ ฟังไม่ผิดหรอก ผมเลี้ยงกุมารทองอย่างที่บอกว่าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญอะไรนั่น แต่ถ้าของขลังหรือพวกไสยศาสตร์กับภูตผีปีศาจหรือพรายนี่โคตรจะเชื่อ ผมเลยสักยันต์เสือคู่ไว้ที่กลางหลังไง ว่ากันว่าคนสักยันต์นี้ จะมีฤทธิ์แคล้วคลาดจากศัตรู ใครๆ เห็นก็ยำเกรง เลยไม่แปลกที่จะมีแต่คนเห็นผมเป็นสัตว์ประหลาด ที่เกือบทำคนตายได้ด้วยหมัดๆ เดียวแล้วก็ไม่แปลกที่จะถือว่าหัวเป็นของสูงด้วยแกรกผมเดินเซไปที่หน้าประตูห้องตัวเองที่ล็อกไว้จากด้านใน ล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกง แล้วไขประตูเข้าไปภายใน ห้องของผมนั้นมีหิ้งบูชาของขลังที่ดูน่ากลัว อธิบายไปก็ไม่น่าจะเข้าใจ แต่จะเป็นการบูชาภูตผีปีศาจ รวมถึงกุมารทอง และของขลังต่างๆ เอาไว้ช่วยให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวงมากกว่
หนูนอนตีขาเล่นเกมคุ้กกี้รันอยู่บนเตียงที่ปูเองเป็นครั้งแรกปกติจะให้แม่บ้านปูให้ตลอดเน้อ อีกอย่างตอนที่ปูก็เอาแต่เล่นเกมไปด้วย เพราะถ้าผละมือออกมาเมื่อไหร่เกมจะโอเวอร์ทันที ก็เลยปูได้แบบครึ่งๆ กลางๆ สักพักก็ขี้เกียจแล้ว เลยล้มตัวลงนอนเล่นเกมต่อไม่ยอมหยุดจนตกดึกหนูบ่าได้สนใจว่าเปิ้นหายออกไปไหน เพราะทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาหลังจากยืนซักกางเกงในกับชุดบนอ่างล้างหน้าแล้วตากมันไว้ในห้องน้ำ เปิ้นก็อันตรธานหายไปแล้วเปิ้นบ่าอยู่ก็ดีแหละ เจอเรื่องตอนนั้นไป... หนูก็บ่ารู้ว่าจะสู้หน้าเขาจะใดดีเหมือนกันไม่ได้อายที่เขาเห็นนมหนูหรอก ยังไงก็พี่น้องกันแต่ไอ้งูพิษของเปิ้นนี่สิทำยังไงก็สลัดออกจากหัวบ่าได้สักทีพอนึกถึงภาพๆ นั้น หนูก็หน้าร้อนขึ้นมาในขณะที่ยังกดเกมอย่างขมักเขม้น นึกถึงร่างกายที่ใหญ่โตของเปิ้น กล้ามแขนที่มีเส้นเลือดสวยๆ กับตรงลำท่อนที่ใหญ่ยาวแถมยังมีเส้นเลือดผุดประปรายอีกโอ้ยๆๆๆ บ้าจริงๆ เล่นเกมบ่าฮู้เรื่องแล้วเน้อหนูบ่นกระปอดกระแปดในใจแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยากหรือจะกึ้ดผิดกันนะที่เลือกมาอยู่กับเปิ้น?ติ๊ง ต่องหนูสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเ
“เชี่ย มึงใจเย็นก่อนดิ!”ไอ้แมนที่รับหมัดทุกหมัดเข้ากับเป้าชกที่มันตั้งศอกไว้ถึงกับเซแล้วผงะถอยหลังไป เพราะเมื่อทันทีที่ผมมาถึงร้านอาเจ๊กแล้วขึ้นเวทีมวยกับมันอย่างที่ฝึกกันเป็นประจำ ผมก็ทั้งฮุกหมัดซ้ายหมัดขวาใส่เป้าชกจนทอมที่ขึ้นชื่อว่าพละกำลังเกินหญิง เป็นกอริลล่าในร่างผู้หญิงเพราะกล้ามบึกบึนของมันต้องเซไปอีกทางและพอมันเปิดช่องให้แบบนั้น ผมเลยพุ่งตัวใหญ่ๆ เข้ามาแล้วจะซัดเข้าหน้ามันแบบจังๆ โดยที่ไม่สนว่าแม่งจะไม่ได้ใส่อะไรกันหน้าไว้หรือไม่“ไอ้เหี้ยเพชร ใจเย็นๆ!!”พลั่ก!!“อั่ก!”จนสุดท้าย เมื่อเพื่อนเห็นว่าวิธีชกดีๆ คงจะคุมคนที่สติแตกอย่างผมไม่อยู่ มันเลยใช้ตีนถีบอัดที่กลางเป้าของผมซึ่งเป็นจุดตายสำหรับผู้ชายทุกคน จนผมต้องหยุดทุกการกระทำทุกอย่างลงแล้วล้มลงไปนอนกุมเป้ากับพื้นอย่างเจ็บปวดไอ้เหี้ยแมนเอาส้นตีนมาขยี้หัวที่ตัดสกินเฮดของผมแล้วบี้ไปมา“มึงเป็นห่าไร มึงคิดจะชกกูเหรอไอ้เหี้ยเพชร มึงจะฆ่าตัดตอนเพื่อนที่เลี้ยงดูมึงตลอดมาเหรอวะ”“... อีกอริลล่าเอ้ย” ผมสบถด่ามันออกมาอย่างเจ็บใจ มันเลยพ่นลมหายใจ ถอดเป้าชกส่งให้ไอ้เจนที่ยืนเกาะเชือกเวทีอยู่รับไว้เหยียบหัวแบบนี้กูถือนะ วันจันทร์ไปข
“อืม... ไอ้เด็กเวรเอ้ย”ตึกตัก ตึกตักหนูใจเต้นแรงพร้อมๆ กับค่อยๆ ไถลตัวลงไปนั่งยองๆ กับพื้นห้องจากหลังประตู มือเล็กๆ ที่เอามาปิดปากตัวเองไว้สั่นเทาอย่างตื่นเต้น แม้ว่าจะแง้มประตูไป แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น แล้วก็เหมือนว่าเปิ้นจะบ่าสังเกตเห็นด้วยว่าหนูกำลังแอบมองเขาทุกอิริยาบถอยู่ เขาเริ่มทำ... อะไรบางอย่างหนูเห็นแวบๆ ว่าเขากำลังละเลงข้อมือกับบางสิ่งบางอย่างที่ผงาดขึ้นมาระหว่างต้นขาของเขา มันเป็นลำท่อนใหญ่ เป็นปล้องเหมือนหนอนยักษ์ที่กำลังจะพ่นพิษร้าย และมีเส้นเลือดผุดขึ้นบ้างประปรายหนูหายใจบ่าทั่วท้องเลยล่ะเจ้า รู้สึกเขินแบบไม่มีสาเหตุจนต้องหลับตาปี๋“แฮ่ก...”แต่เสียงหอบหายใจและครางครวญของเปิ้นก็ยังคงลอดเข้ามาในกกหูเสียงของเปิ้นดูเร้าใจจังเน้อ แหบต่ำแถมยังดูเซ็กซี่สุดๆ อีกด้วย หนูฟังแล้วเขินจังเลยแถมไอ้นั่นที่ตั้งชูชันขึ้นมา ถึงจะได้เห็นแค่แวบเดียว แต่กลับทำให้ตรงกลางระหว่างขาของหนูมีน้ำอะไรสักอย่างปริ่มออกมามากขึ้นตึกตัก ตึกตักหัวใจหนูเต้นเร็วมากกว่าเดิม ทำไมรู้สึกอยากเอามือไปแตะมันจังเลยก๋าคิดแล้วก็ค่อยๆ เอาปลายนิ้วเล็กๆ ของตัวเองสัมผัสเบาๆ ที่กลางร่องกลีบที่ฉ่ำชื้น“อะ...!”







