Masukตึกตัก ตึกตัก
หนูใจเต้นน้อยๆ จนรู้สึกได้นิดหน่อย หลังจากที่โดนรวบศีรษะเข้ามาซบที่หน้าอกหนาๆ ของเปิ้น เป๋นครั้งแรกที่เปิ้นกอดหนู (ที่บ่าใจ้เพราะเมาเหมือนตอนนั้น) และพอได้แนบชิดกับแผงอกที่แข็งแกร่งของเปิ้น หนูก็รู้สึกดี
รู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับเปิ้นมากๆ
“... ขอบคุณนะเจ้า” หนูไม่ได้เก็บอาการที่ว่าอยากจะกอดเขากลับ เพราะพอคิดได้แบบนั้นหนูก็รีบโอบรอบเอวสอบที่ทั้งมือของหนูโอบบ่าได้เต็มตัวของเขาทันที หนูเห็นว่าเปิ้นสะดุ้งนิดๆ แต่ต่อมาเขาก็ลูบผมหนูกลับ
แปลกจัง ปกติเปิ้นจะหวงตัวจะตายนี่เน้อ แต่คราวนี้เขายอมให้หนูกอด แถมยังลูบหัวหนูด้วย
“อ้ายฮักเปิ้นนะ”
หนูเลยสารภาพออกไปอย่างซื่อๆ แบบนั้นอย่างซาบซึ้งใจ เพราะเขาน่ะเหมือนกับเป็นพี่ชายคนหนึ่งในชีวิตหนูที่สำคัญที่สุดเลย เขาคอยช่วยเหลือหนูตั้งแต่เด็กแล้ว แม้ว่าทุกครั้งเปิ้นจะชอบแสดงท่าทีว่าเบื่อและรำคาญหนูมากก็ตาม
แต่พอได้ยินหนูโพล่งคำนี้ออกมา มือเขาที่วางอยู่บนหัวหนูก็แทบจะผละออกเหมือนต้องของฮ้อนในทันทีทันใด
“นี่มึงรู้ความหมายของคำที่มึงพูดออกมาปะ” เสียงเขาสั่นด้วย จนหนูที่กอดแล้วเอาหัวที่ผมยาวยุ่งเหยิงซุกซบกับอกแกร่งเขาอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาใสซื่อ แต่ก็เห็นว่าเขาเอามือใหญ่ๆ มาปิดหน้าตัวเองอยู่
“รู้”
“รู้ว่า?”
“เปิ้นเป็นพี่ชายคนสำคัญที่อ้ายฮักที่สุดยังไงล่ะเจ้า” และเมื่อพูดด้วยรอยยิ้มที่จริงใจแบบนั้นออกไป เปิ้นที่ตอนแรกปิดหน้าหูแดงก่ำอยู่ก็คลายมือออกมาทันที แล้วหนูก็เห็นสีหน้าสุดซังกะตายของเขา
“มึงนี่มันเอ๋อจริงๆ” เขาผลักหัวหนูออกจากอกทันทีเมื่อได้ข้อสรุป แล้วหนูก็ผละออกไปพร้อมกับคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ แล้วมองเขาหน้ามุ่ย “มองไร เดี๋ยวปั้ดตบเหม่งแตก”
“เปิ้นอ่ะยังหวงตัวเหมือนเดิมเลยเน้อ” หนูบ่นอุบ “บางทีอ้ายก็อยากกอดพี่ชายบ้างนะ”
“ไม่ต้องมากอดอ่ะ ไม่มีใจไม่ต้องมากอด อีกอย่างกูก็ไม่ใช่พี่มึงด้วย”
“อ้ายก็อู้ไปแล้วนี่ไงว่าอ้ายฮักเปิ้นอ่ะเจ้า”
“แต่กูไม่รักมึง” เขากระแทกเสียง แล้วหนูก็ซึมกระทือทันที ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากตอนที่กุมมือตัวเองแน่น
“... ว่าแต่ที่เปิ้นบอกว่าพรุ่งนี้จะบ่ามีใครมาทำอะหยังตัวอ้ายได้อีก คือยะหยังอ่ะเจ้า”
“เหอะ เดี๋ยวก็รู้” เขากอดอกแกร่งแน่น ก่อนที่จะเอานิ้วโป้งมาปาดจมูกตัวเองที่ใส่ห่วงอะไรสักอย่างเหมือนวัวควายอย่างหมายมาด
“...”
“แต่ไม่ต้องคิดไรหรอก ไม่ได้ทำไปเพราะพิศวาสอะไรมึงทั้งนั้นอ่ะ”
... บ่าเห็นจะต้องอู้แบบนั้นเลยเน้อ
ติ๊ง
และในระหว่างที่หนูกำลังยืนน้อยใจเปิ้นอยู่เงียบๆ กับความปากร้ายของเขา จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของเปิ้นก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับเจ้าตัวที่สะดุ้งเฮือก เขารีบคว้ามันขึ้นมาดูอย่างรีบร้อน พอได้เห็นข้อความของใครสักคนก็กระตุกยิ้มมีความสุขออกมา พร้อมกับผิวปากเล่นตอนที่พิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เออ ไอ้เอ๋อ” หนูที่ได้แต่ยืนสงสัยกับอารมณ์ที่เปลี่ยนได้ดั่งสายฟ้าของเปิ้นถึงกับสะดุ้งเมื่อเขาโพล่งเรียกชื่อหนูขึ้นมา “พรุ่งนี้เช้าไปมหาลัยเองนะ”
“อ้าว” หนูเอียงคอ “ทำไมเหรอเจ้า?”
“มีนัดกับสาวว่ะ”
“สาว?” แต่หนูก็ยังงงอยู่ดี คนอย่างเปิ้นมีผู้หญิงด้วยเหรอนิ ปกติเท่าที่สังเกตตอนอยู่ในมหาวิทยาลัย ดูเขาจะไม่มีคนคบยังไงก็บ่ารู้ “ใครอ่ะ”
“ทำไมกูต้องบอกมึงด้วยวะ” แล้วเปิ้นก็หาเรื่องหนูเฉยเลย “กูจะมีสาวในสต๊อคบ้างมึงมายุ่งไรด้วย ห้ะไอ้เอ๋อ”
“เปิ้นมีแฟนด้วยก๋า อ้ายเพิ่งรู้” หนูทำตาโตอย่างแปลกใจ เพราะคนที่จะมาคบกับผู้ชายที่หยาบคายสุดๆ อย่างเปิ้นได้เนี่ย ต้องเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งพอตัวเลยเน้อ
“ก็แค่คุยๆ” เขาฉีกยิ้มกริ่มเหมือนอวดโอ้ตัวเอง แล้วฉีกยิ้ม “แต่ไม่นานหรอกว่ะ อีกเดี๋ยวก็คงได้คบเป็นแฟน”
“...”
“เพราะเขาดูหลงกูหัวปักหัวปำมาก คนหล่อเท่ก็เงี้ย”
เปิ้นขี้โม้จังเลยเน้อ ไปเล่นเกมต่อดีกว่า
[พาร์ท : เพชฌฆาต]
เช้าวันต่อมา
ไอ้เอ๋อทรงโตเอ้ย เคืองชิบหาย เมื่อวานอุตส่าห์อวดโอ้สรรพคุณว่าเห็นอย่างงี้กูก็มีหญิงมาจีบนะเว้ย จะไม่มานั่งใจเต้นอุตลุดกับนมมึงอีกแล้วด้วย
แต่สิ่งที่มันทำคือขอตัวไปเล่นเกมต่อ แม่ง!
ไอ้โง่ ไอ้เอ๋อ ไอ้นมโต
ไม่รู้จะด่าแม่งด้วยศัพท์อะไรดี ทั้งไอ้คำที่มาบอกรักผมเมื่อวานอีก
เออ ผมมันใจง่ายเองอ่ะ ที่พอมันบอกมาตรงๆ ว่า อ้ายฮักเปิ้น ใจผมในจังหวะนั้นแม่งก็เต้นเหมือนรัวกลองจนแทบลืมน้องเดียร์ไปเลย แต่กูก็ลืมไป ว่าแม่งเป็นผู้หญิงที่ซื่อบื้อคนนึง มันบอกรักกูในฐานะน้องสาวเฉยๆ
แล้วก็ไม่รู้ว่าผมจะใจง่ายกับคนอย่างมันไปทำไมเหมือนกัน ผู้หญิงโง่ๆ อย่างไอ้เด็กเอ๋อนั่นอ่ะนะ คิดยังไงก็เอาไม่ลงหรอกว่ะ
ถึงจะเคยเผลอตัวเผลอใจไปกับมันในตอนที่เมาก็เหอะ
ผมลูบทรงหัวตัวเองที่เซ็ตเจลมาอย่างดี ที่ไม่รู้ว่าจะเซ็ตเพื่ออะไรเหมือนกันเพราะขนหัวผมมีนิดเดียว แถมยังยิงฟันแยกเขี้ยวขาวตรงหน้ากระจกคาวาซากิเพื่อตรวจดูความสะอาดของร่องฟันด้วย
เหงือกคล้ำหน่อยๆ เพราะดูดบุหรี่จัด เอาเป็นว่าตรงนี้ช่างแม่งละกัน
ผมฉีกยิ้มเมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี หล่อใช้ได้ พร้อมกับนั่งกระดิกตีนรออยู่หน้าตึกระฟ้าที่ค่อนข้างผู้ดีมีสกุล ซึ่งเป็นที่ที่อยู่ในโลเคชั่นของน้องเดียร์คนสวย ทักไปในไลน์ว่ามาถึงแล้วได้ไม่นาน ก็เห็นคนตัวเล็กที่ทรวดทรงองค์เอวกำลังดีเดินลงมาจากหน้าตึก
ทั้งกระโปรงทรงเอสั้นแค่คืบ กับชุดนักศึกษารัดรูปจนแทบปริ แถมยังขาวบางตาจนแทบจะเห็นชุดชั้นในสีดำลายลูกไม้สุดเซ็กซี่
เอื้อ
ตายตรงนี้แหละกูอ่ะ
“รอนานมั้ยคะพี่หน้าโฉด” ทันทีที่มาหยุดยืนตรงหน้ารถเธอก็คลี่ยิ้มหวานตอนที่สอดส่องรอบๆ คาวาซากิทรงโตของผมอย่างแปลกใจ “รถพี่สวยจังนะคะ ท่าจะแพงน่าดู”
ทำไงดีอ่ะ ถ้าบอกราคาไปจะดูอวดรวยมั้ยวะ
“ไม่แพง แค่สามแสนกว่า” แต่ก็พูดอ่ะ โคตรอวดรวยเลยไอ้เวร! ถึงชีวิตจริงจะเป็นมือสองที่ได้ต่อมาจากเฮียที่รู้จักในราคาแสนต้นๆ แถมยังผ่อน 24 เดือนก็ตาม
“โห” เธอเอามือป้องปากอย่างน่าเอ็นดู แต่คำพูดต่อมาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มใสซื่อนี่ดิ “เท่าๆ กับค่าขนมอาทิตย์นึงของหนูเลยเนอะ”
มันทำให้คิ้วผมกระตุกนิดๆ
หมายความว่าไงวะ?
แต่ไม่ได้ตงิดอะไรกับแม่งมากนัก จะเรียกว่าความเซ็กซี่บวกกับความเพอร์เฟ็คเกิร์ลบังตาก็ได้
ผมขับมาส่งเธอในมหาลัย โดยที่ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ผมกับน้องเดียร์ที่มาด้วยกันเป็นตาเดียว ในขณะที่ทุกคนที่มองมาจะหันไปซุบซิบกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย
ก็อย่างว่าอ่ะนะ น้องเดียร์ผู้น่ารักมากับผู้ชายทรงโจรที่ล่ำลือกันว่าไม่น่าเข้าใกล้ที่สุดในมหาลัยอย่างผม ก็น่าจะเป็นเรื่องที่โคตรอัศะจอรอหันแบบสุดๆ
เอาดิ จับจ้องมาที่กูอีก แล้วลือกันให้เยอะๆ เลยนะว่าผมอ่ะ ตัวจริงของน้องเดียร์ดาวคณะนิเทศน์
ใช่
ซึ่งผมไม่รู้เลย ว่าหนึ่งในสายตาที่จับจ้องมาที่ตัวเอง
จะรวมไปทั้งสายตาตื่นกลัวของไอ้เด็กเอ๋อนั่นด้วย
[จบพาร์ท : เพชฌฆาต]
บ่าใช่ว่าบ่ารู้นะ ว่าว่าที่แฟนของเปิ้นคือเดียร์เพื่อนของหนู
แต่หนูก็ต้องทำเป๋นอู้กลบเกลื่อนว่าจะไปเล่นเกม เพื่อบ่าอยากให้เปิ้นฮับฮู้ว่าหนูกำลังเป็นกังวลมากต่างหาก
“เอ้อ อ้ายรู้มั้ย วันนี้เดียร์ไปเจอพี่หน้าโฉดคนนึง พอดีว่าโดนพี่รหัสออกคำสั่งให้ไปแลกไลน์กับเขาแล้วจีบให้ได้น่ะ ไม่งั้นจะไม่ได้คะแนน”
“ไม่หรอก เพื่อคะแนนเดียร์ทำได้”
แต่ถ้าอู้ไปตรงๆ เปิ้นคงจะบ่าเชื่อหรอก เพราะขนาดตัวหนูเองยังแทบบ่าอยากจะเชื่อเช่นกันว่าเดียร์จะยะแบบนั้นได้ลง
ก็เดียร์ในสายตาของคนทั้งมหาลัย เป็นผู้หญิงที่นิสัยดีและน่ารักมากนี่เน้อ
และพอตอนเช้าหนูมาที่มหาลัยแล้วเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันโตของเปิ้น พร้อมกับเจ้าของร่างสูงชะลูดที่ขับรถมากับเดียร์ที่นั่งซ้อนหลัง ทุกคนในมหาลัยต่างแตกตื่นและซุบซิบกัน ในขณะที่หนูได้แต่กลัว
ก็เปิ้นดูมีความสุขมากเลยนี่
ตึกตัก
พอคิดได้แบบนั้น ภาพของเปิ้นที่เมาในคืนวันนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว หนูเม้มริมฝีปากแน่น ตอนที่หลุบตาลงมองหน้าอกตัวเองอย่างเศร้าศร้อย
หรือที่เปิ้นยะกับหนูแบบนั้น ก็แค่เพราะเมาเพียงแค่นั้นเองหรอกเหรอ
ทั้งๆ ที่การสัมผัสหน้าอกและยะอะหยังลามกแบบนั้น เปิ้นเป๋นคนแรกของหนูเลยนะ
ที่หนูบอกว่าฮักเปิ้นน่ะ
... ฮักจริงๆ นะเจ้า
จนมาเรียนในคลาสแรก หนูก็นั่งจดเลคเชอร์ให้เดียร์เหมือนเคย แต่กลับรู้สึกหงอยเหงาจนแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะหยังเลย
จะพูดว่าเปิ้นเป๋นคนแรกและคนเดียวได้ล่ะมั้ง ที่รู้ทั้งรู้ว่าหนูมันทั้งน่าเบื่อน่ารำคาญ แต่ก็ยังคอยปกป้องดูแลอยู่เรื่อยไป แม้กระทั่งตอนนี้
แม้คำพูดเมื่อวานที่บ่ารู้ว่าเปิ้นจริงจังกับมันรึเปล่า ที่บอกว่าจะบ่าให้ใครมารังแกหนูได้อีก หนูบ่ารู้นะว่าเปิ้นฮู้ได้จะใด แต่เปิ้นเป๋นคนฉลาด ในขณะที่หนูเป๋นคนโง่ แค่คำพูดนั้นพร้อมกับกอดของเปิ้น หนูก็ดีใจมากๆ แล้ว
หนูเชื่อว่าถ้าเดียร์ได้รู้จักเปิ้นไปเรื่อยๆ เดียร์คงจะหลงรักเปิ้นจริงๆ เองนั่นแหละ เปิ้นอ่ะเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ เลยนะ
หนูควรบอกเปิ้นดีมั้ยเจ้า หรือมองเปิ้นมีความสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ดี?
จนเลิกคลาสเรียน หนูก็ยังคงคิดบ่าตก และนั่งกังวลอยู่คนเดียวที่ม้าหินหน้าสนามกรีฑาที่เปิ้นมักจะมาสูบยาเส้นตรงนี้บ่อยๆ แต่ก็ไร้วี่แววของเปิ้น เปิ้นคงยังบ่าเลิกเรียนใช่ก่อ?
ทั้งๆ ที่หนูกึ้ดว่าเปิ้นคงจะมารับหนูกลับเหมือนทุกๆ วัน แต่รอแล้วรอเล่า จนห้าโมงเย็น ก็บ่าเห็นวี่แววของเปิ้นสักที
หนูคอตก อยู่ดีๆ ก็รู้สึกใจเสียขึ้นมา
วันนี้ก็ไม่เห็นเดียร์เข้าเรียนเลยด้วย หรือว่าเปิ้นกับเดียร์จะหนีคลาสแล้วไปเดทกันเหมือนในหนังนะ
ถ้าเป็นแบบนั้น... หนูก็ถูกทิ้งอ่ะสิ
หนูถูกทิ้งอีกแล้วใช่รึเปล่าเน้อ
หนูเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนที่จะค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นจากม้านั่ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเปิ้นบ่าได้สนใจอะไรหนูมากมายจะอี้ แต่หนูกลับหวังลมๆ แล้งๆ ว่าเปิ้นอาจจะมารับหนู แล้วใส่ใจหนูเหมือนเมื่อวาน
หนูก็คือคนละโมบ หนูอยากให้เปิ้นใส่ใจหนูเหมือนเมื่อวานอีก หนูอยากถูกเปิ้นกอดอีก
หมับ
แต่ยังบ่าทันที่หนูจะเดินไปรอรถสองแถวที่ป้ายนอกมหาวิทยาลัย อยู่ดีๆ ก็มีมือเรียวเล็กคว้าข้อมือหนูเอาไว้ พอหันกลับไปก็เห็นว่าเป็น...
เพื่อนที่รังแกหนูอยู่บ่อยๆ ของเดียร์
“!”
“นี่ นังเด็กเหนือ” พวกเธอเรียกชื่อหนูด้วยรอยยิ้มมุ่งร้าย พร้อมๆ กับผู้ชายอีกสองสามคนข้างหลัง ที่แม้จะดูหล่อขนาด แต่ก็น่ากลัวสุดๆ ไปเลยล่ะ เจ้า แถมยังมองมาที่หนูด้วยท่าทางหิวกระหายอีก “วันนี้ไปเที่ยวบาร์ด้วยกันหน่อยสิ พอดีมีรุ่นพี่อยากทำความรู้จักน่ะ”
“อะ... อ้ายบ่าว่างเน้อ อ้ายต้องกลับไปซักผ้า” หนูที่คิดอะไรไม่ออกละลำละลั่กไปแบบนั้นพร้อมกับตั้งท่าจะเดินหนีแล้วแกะมือพวกเธอออก แต่รุ่นพี่ผู้ชายพวกนั้นกลับเดินอ้อมมาดักหน้าไว้ ในขณะที่เล็บของเพื่อนเดียร์จะเริ่มจิกเข้ามาในเนื้อแขน
“รุ่นพี่พวกนี้เป็นผู้มีอิทธิพลในมหาลัยนะจ้ะอ้าย” หนึ่งในพวกเธอกรีดยิ้มหวาน ทำทีเหมือนพยายามจะพูดดีกับหนู แต่มือเธอกับยิ่งกดแน่นจนรู้สึกเจ็บแปลบๆ “ถ้าแกทำให้รุ่นพี่เขาพอใจ เขาจะไปบอกอาจารย์ให้วางเกรดแกอย่างงามเลยล่ะ”
“...!”
“ไม่อยากลองเอาตัวแลกเกรดดูเหรอ? จากหุ่นของแกอ่ะ เป็นโสเภณีชั้นสูงได้เลยนะ”
[พาร์ท : เพชฌฆาต]
หลายชั่วโมงหลังจากนั้น
ไม่คิดว่าเดทแรกน้องเดียร์จะพามาที่ผับแฮะ
ไม่ใช่ว่าไม่เคยเที่ยว แต่ส่วนมากจะไปสิงที่ร้านเหล้าอาเจ๊กมากกว่า ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศที่มีคนพลุกพล่านแถมแสงสีสาดเข้าเบ้าตาจนน่ารำคาญแบบนี้
แต่พูดก็พูดเหอะ เมื่อเช้าตอนที่มาส่งที่มหาลัยก็แยกย้ายกันไปเรียน แต่ไม่รู้ว่าไอ้เอ๋อนั่นจะกลับยังไงเหมือนกัน เพราะพอผมเลิกคลาสน้องเดียร์ก็แชทมาว่าอยากไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างแถวๆ นั้น เพราะจะไปต่อที่ผับตอนห้าทุ่ม ผมเลยขับคาวาซากิพาน้องเดียร์ไปช็อปปิ้งตั้งแต่บ่ายสาม โดยที่ในใจก็กังวลเหมือนกัน เพราะปกติขากลับผมจะต้องไปส่งไอ้อ้ายที่ห้องก่อน
แล้วถามว่าเงินค่าเสื้อผ้าใครเป็นคนจ่าย?
เออ เงินกูนี่แหละ ก็เป็นผู้ชายนี่หว่า เขาหยิบอะไรมาก็ต้องควักให้ มารู้ตัวอีกทีก็หมดไปเกือบหมื่น แถมยังมาต่อที่บาร์โดยที่น้องเดียร์สั่งค็อกเทลที่น่าจะแพงหูรูดสั่นมาอีก ผมที่นั่งดูดบุหรี่อยู่ข้างๆ โดยที่น้องเดียร์ไม่มีทีท่าว่าจะเหม็นเหมือนไอ้เด็กอ้ายนั่น ก็เลยได้แต่ทำใจ
จะมีแฟนเป็นดาวมหาลัย ก็คงจะต้องเงินหนาหน่อยล่ะวะ
โชคดีที่ในบัญชียังพอมีอยู่บ้าง
“พี่หน้าโฉด ชนแก้วหน่อยค่ะ” แล้วดูเหมือนคนตัวเล็กจะกรึ่มๆ นิดหน่อยแล้ว เธอยื่นแก้วเล็กๆ ที่น้ำอำพันในนั้นท่าจะแรงพอดูมาชนกับผมที่นั่งแดกวิสกี้ ผมฉีกยิ้มกลับ พร้อมกับยกแก้วมาชนด้วย แล้วเราก็กระดกแก้วลงคอพร้อมๆ กัน
ว่าแต่น้องเดียร์แดกดุชะมัดเลยว่ะ แดกขวดครึ่งได้ละมั้ง
“พี่ดูจะไม่เอ็นจอยเลยนะคะ” พอเห็นว่าผมซื้ดบุหรี่เข้าปอด แล้วพ่นควันออกมาด้วยสีหน้าเรียบๆ มาตั้งแต่ที่ชนแก้วเมื่อกี้ ร่างสะโอดสะองที่อยู่ในชุดสายเดี่ยวรัดรูปในแบบที่น่าจะขยี้ใจผมมาก แต่ผมกลับรู้สึกร้อนรนเพราะคนอีกคนจนไม่มีกะจิตกะใจจะใจสั่น จนเธอเอนมาซบไหล่กว้างๆ ของผมอย่างอ้อยอิ่ง “มาเดทกับเดียร์น่าเบื่อเหรอ?”
“ห้ะ? เปล่า” ผมหันหน้าไปมองเธอที่ซุกไหล่ผมอยู่ แล้วเดียร์ก็คลี่ยิ้มออกมา
“ดีจัง ที่พี่ไม่ได้เบื่อ” เธอผละหัวออกมาม้วนผมยาวๆ ที่ดัดเป็นลอนสวยของตัวเอง “ปกติทุกคนจะเบื่อเดียร์ พอได้รู้ว่าเดียร์ชอบอะไรตื่นเต้นๆ แบบนี้”
“...”
“มันดูไม่เหมือนเดียร์ตอนที่อยู่ในมหาลัยเลยใช่มั้ยคะ” เธอเอนหน้ามามองผมตาปริบๆ “เพราะใครๆ ก็คิดว่าเดียร์ต้องเรียบร้อย ต้องเป็นผู้หญิงใสๆ ที่น่ารัก”
“ไม่แปลกหรอก สำหรับพี่” แล้วผมก็โพล่งออกไปตรงๆ ตามที่ใจคิดเหมือนกัน จนน้องเดียร์ชะงักไป “การที่คนเรามีอีกด้านที่แสดงแค่กับคนที่ไว้ใจได้ ก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอไง”
“...”
“เพราะงั้นถึงน้องจะเปรี้ยว หรือน้องจะกินเหล้าดุขนาดไหน พี่ก็ไม่คิดไรหรอกว่ะ”
ร่างเล็กที่นั่งมองผมอยู่ค่อยๆ ฉีกยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“... พี่นี่น่าสนใจจังเลยนะคะ”
ผมแค่นหัวเราะ ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าใบหน้าสะสวยค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย จนต้องหันกลับไปมองอย่างสงสัยว่าเข้ามาใกล้ผมทำไม แล้วก็เห็นว่าน้องเดียร์กำลังพยายามจะขโมยจูบผมว่ะ
ตึกตัก ตึกตัก
ผมหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันทีเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้เวร นี่มันจูบแรกของกู
กูยังไม่ทันเตรียมใจเลย ไอ้เหี้...!!
เพล้ง!
“!!”
แต่ยังไม่ทันที่ปากจิ้มลิ้มของน้องจะได้ประกบลงมา ทั้งผมและน้องเดียร์ต่างก็ผละออกจากกันในทันทีเมื่ออยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแก้วหล่นแตกดังมาจากอีกฝั่งนึงในผับ ผมหน้าตาตื่นตอนที่พยายามหันไปมองตามเสียง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อได้เห็น
ไอ้เอ๋อนั่น
ใช่ ผมเห็นไอ้เอ๋อนั่น กำลังโดนผู้ชายสองคนลวนลามอยู่ที่โต๊ะด้านในสุดของผับ พร้อมกับผู้หญิงท่าทางแรงๆ สองคนที่กำลังรุมถ่ายคลิปวีดีโอโดยที่ไม่มีใครคิดที่จะช่วยเธอ และถึงแม้ที่ตรงนั้นมันจะมืดและอับคน แต่ผมจำหน้าเอ๋อๆ นั่นได้ดี
น้องสาวของกูกำลังโดนรังแก
แทบไม่ต้องคิด ผมรีบผละออกจากเก้าอี้หน้าบาร์ข้างๆ น้องเดียร์ที่น่าจะดึงดูดใจผมมากที่สุด แล้วคว้าขวดเหล้าเดินย่างสามขุมเข้าไปตรงนั้นด้วยแววตาวาวโรจน์ทันที
ตึกตัก ตึกตักหนูใจเต้นน้อยๆ จนรู้สึกได้นิดหน่อย หลังจากที่โดนรวบศีรษะเข้ามาซบที่หน้าอกหนาๆ ของเปิ้น เป๋นครั้งแรกที่เปิ้นกอดหนู (ที่บ่าใจ้เพราะเมาเหมือนตอนนั้น) และพอได้แนบชิดกับแผงอกที่แข็งแกร่งของเปิ้น หนูก็รู้สึกดีรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับเปิ้นมากๆ“... ขอบคุณนะเจ้า” หนูไม่ได้เก็บอาการที่ว่าอยากจะกอดเขากลับ เพราะพอคิดได้แบบนั้นหนูก็รีบโอบรอบเอวสอบที่ทั้งมือของหนูโอบบ่าได้เต็มตัวของเขาทันที หนูเห็นว่าเปิ้นสะดุ้งนิดๆ แต่ต่อมาเขาก็ลูบผมหนูกลับแปลกจัง ปกติเปิ้นจะหวงตัวจะตายนี่เน้อ แต่คราวนี้เขายอมให้หนูกอด แถมยังลูบหัวหนูด้วย“อ้ายฮักเปิ้นนะ”หนูเลยสารภาพออกไปอย่างซื่อๆ แบบนั้นอย่างซาบซึ้งใจ เพราะเขาน่ะเหมือนกับเป็นพี่ชายคนหนึ่งในชีวิตหนูที่สำคัญที่สุดเลย เขาคอยช่วยเหลือหนูตั้งแต่เด็กแล้ว แม้ว่าทุกครั้งเปิ้นจะชอบแสดงท่าทีว่าเบื่อและรำคาญหนูมากก็ตามแต่พอได้ยินหนูโพล่งคำนี้ออกมา มือเขาที่วางอยู่บนหัวหนูก็แทบจะผละออกเหมือนต้องของฮ้อนในทันทีทันใด“นี่มึงรู้ความหมายของคำที่มึงพูดออกมาปะ” เสียงเขาสั่นด้วย จนหนูที่กอดแล้วเอาหัวที่ผมยาวยุ่งเหยิงซุกซบกับอกแกร่งเขาอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเ
พลั่ก!“อะ โอ้ย”ทั้งตัวของหนูถูกผลักจนกระแทกเข้ากับผนังที่เย็นชืดข้างหลัง เพื่อนๆ ของเดียร์กอดอกยืนอยู่ตรงหน้า หลังจากที่จบคลาสเรียนแล้วพวกเธอเรียกตัวหนูให้ตามมาข้างๆ ห้องน้ำหญิงที่หลังตึกคณะวิศวะ แล้วเริ่มลงมือรังแกหนูเหมือนเช่นเคย“สะเออะดีนัก แกคิดว่าแกเป็นเพื่อนเดียร์แล้วจะเผยอจองหองพูดปรามอะไรกับนางฟ้าของพวกเราได้ทุกอย่างอย่างงั้นเหรอ”“อะ... อ้ายบ่าได้ตั้งใจ” หนูพยายามจะหยัดตัวลุกขึ้นเพราะว่าตัวเลอะไปด้วยโคลน หลังจากฝนตกเมื่อตอนเช้า สนามหญ้าแถวนี้ก็เปียกชุ่มไปหมด พอโดนผลักล้มลงไป ก็เลยเปรอะเปื้อนไปทั้งตัวเมื่อกี้ก็โดนตบไปฉาดหนึ่งด้วย สะ... แสบหน้าจัง“อย่าคิดว่าที่ตัวเองเกือบเป็นดาวคณะแซงเดียร์แล้วจะยโสโอหังยังไงก็ได้ แกก็เป็นแค่เพื่อนในห่วงโซ่อาหารชั้นที่ต่ำที่สุดของเดียร์ รู้เอาไว้ซะด้วย!”“... อ้ายฮู้แล้วเจ้า”“แล้วเวลาเดียร์จะทำอะไร ไม่ต้องสะเหล่อมาขัดขาเดียร์ นี่คือคำเตือน!”“...”“อีเด็กทรงโต น่ารังเกียจจริงๆ ทั้งโง่ทั้งอวดดี ถุย!” หนูหลับตาปี๋เมื่อหนึ่งในพวกเธอพ่นน้ำลายใส่จนกระเด็นมาโดนกระโปรงพลีทของตัวเองเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาเมื่อพวกเธอสะบัดหน้าเดินจากไปต้องบ่าร
[พาร์ท : เพชฌฆาต]แสงแดดมันจ้าเข้าตาตอนที่กำลังจะตื่น จนผมต้องปรือตาขึ้นมาพร้อมๆ กับความปวดจี๊ดที่สมองจากอาการเมาค้าง ค่อยๆ ผุดลุกขึ้นมา แล้วก็พบว่าตัวเองนอนปวดเอวอยู่ที่พื้น เงยหน้ามองบนโซฟาหนังก็เห็นว่ามีผ้าห่มผืนนึงกองอยู่คงจะมีคนเดียวแหละว่ะที่เอามาให้ ถ้าเป็นกุมารที่เลี้ยงไว้ ก็ทำได้แค่เปิดปิดไฟสร้างอภินิหารอย่างเดียว กับพูดคุยด้วยเวลามันเหงาเออ ฟังไม่ผิดหรอก ผมเลี้ยงกุมารทองอย่างที่บอกว่าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญอะไรนั่น แต่ถ้าของขลังหรือพวกไสยศาสตร์กับภูตผีปีศาจหรือพรายนี่โคตรจะเชื่อ ผมเลยสักยันต์เสือคู่ไว้ที่กลางหลังไง ว่ากันว่าคนสักยันต์นี้ จะมีฤทธิ์แคล้วคลาดจากศัตรู ใครๆ เห็นก็ยำเกรง เลยไม่แปลกที่จะมีแต่คนเห็นผมเป็นสัตว์ประหลาด ที่เกือบทำคนตายได้ด้วยหมัดๆ เดียวแล้วก็ไม่แปลกที่จะถือว่าหัวเป็นของสูงด้วยแกรกผมเดินเซไปที่หน้าประตูห้องตัวเองที่ล็อกไว้จากด้านใน ล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกง แล้วไขประตูเข้าไปภายใน ห้องของผมนั้นมีหิ้งบูชาของขลังที่ดูน่ากลัว อธิบายไปก็ไม่น่าจะเข้าใจ แต่จะเป็นการบูชาภูตผีปีศาจ รวมถึงกุมารทอง และของขลังต่างๆ เอาไว้ช่วยให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวงมากกว่
หนูนอนตีขาเล่นเกมคุ้กกี้รันอยู่บนเตียงที่ปูเองเป็นครั้งแรกปกติจะให้แม่บ้านปูให้ตลอดเน้อ อีกอย่างตอนที่ปูก็เอาแต่เล่นเกมไปด้วย เพราะถ้าผละมือออกมาเมื่อไหร่เกมจะโอเวอร์ทันที ก็เลยปูได้แบบครึ่งๆ กลางๆ สักพักก็ขี้เกียจแล้ว เลยล้มตัวลงนอนเล่นเกมต่อไม่ยอมหยุดจนตกดึกหนูบ่าได้สนใจว่าเปิ้นหายออกไปไหน เพราะทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาหลังจากยืนซักกางเกงในกับชุดบนอ่างล้างหน้าแล้วตากมันไว้ในห้องน้ำ เปิ้นก็อันตรธานหายไปแล้วเปิ้นบ่าอยู่ก็ดีแหละ เจอเรื่องตอนนั้นไป... หนูก็บ่ารู้ว่าจะสู้หน้าเขาจะใดดีเหมือนกันไม่ได้อายที่เขาเห็นนมหนูหรอก ยังไงก็พี่น้องกันแต่ไอ้งูพิษของเปิ้นนี่สิทำยังไงก็สลัดออกจากหัวบ่าได้สักทีพอนึกถึงภาพๆ นั้น หนูก็หน้าร้อนขึ้นมาในขณะที่ยังกดเกมอย่างขมักเขม้น นึกถึงร่างกายที่ใหญ่โตของเปิ้น กล้ามแขนที่มีเส้นเลือดสวยๆ กับตรงลำท่อนที่ใหญ่ยาวแถมยังมีเส้นเลือดผุดประปรายอีกโอ้ยๆๆๆ บ้าจริงๆ เล่นเกมบ่าฮู้เรื่องแล้วเน้อหนูบ่นกระปอดกระแปดในใจแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยากหรือจะกึ้ดผิดกันนะที่เลือกมาอยู่กับเปิ้น?ติ๊ง ต่องหนูสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเ
“เชี่ย มึงใจเย็นก่อนดิ!”ไอ้แมนที่รับหมัดทุกหมัดเข้ากับเป้าชกที่มันตั้งศอกไว้ถึงกับเซแล้วผงะถอยหลังไป เพราะเมื่อทันทีที่ผมมาถึงร้านอาเจ๊กแล้วขึ้นเวทีมวยกับมันอย่างที่ฝึกกันเป็นประจำ ผมก็ทั้งฮุกหมัดซ้ายหมัดขวาใส่เป้าชกจนทอมที่ขึ้นชื่อว่าพละกำลังเกินหญิง เป็นกอริลล่าในร่างผู้หญิงเพราะกล้ามบึกบึนของมันต้องเซไปอีกทางและพอมันเปิดช่องให้แบบนั้น ผมเลยพุ่งตัวใหญ่ๆ เข้ามาแล้วจะซัดเข้าหน้ามันแบบจังๆ โดยที่ไม่สนว่าแม่งจะไม่ได้ใส่อะไรกันหน้าไว้หรือไม่“ไอ้เหี้ยเพชร ใจเย็นๆ!!”พลั่ก!!“อั่ก!”จนสุดท้าย เมื่อเพื่อนเห็นว่าวิธีชกดีๆ คงจะคุมคนที่สติแตกอย่างผมไม่อยู่ มันเลยใช้ตีนถีบอัดที่กลางเป้าของผมซึ่งเป็นจุดตายสำหรับผู้ชายทุกคน จนผมต้องหยุดทุกการกระทำทุกอย่างลงแล้วล้มลงไปนอนกุมเป้ากับพื้นอย่างเจ็บปวดไอ้เหี้ยแมนเอาส้นตีนมาขยี้หัวที่ตัดสกินเฮดของผมแล้วบี้ไปมา“มึงเป็นห่าไร มึงคิดจะชกกูเหรอไอ้เหี้ยเพชร มึงจะฆ่าตัดตอนเพื่อนที่เลี้ยงดูมึงตลอดมาเหรอวะ”“... อีกอริลล่าเอ้ย” ผมสบถด่ามันออกมาอย่างเจ็บใจ มันเลยพ่นลมหายใจ ถอดเป้าชกส่งให้ไอ้เจนที่ยืนเกาะเชือกเวทีอยู่รับไว้เหยียบหัวแบบนี้กูถือนะ วันจันทร์ไปข
“อืม... ไอ้เด็กเวรเอ้ย”ตึกตัก ตึกตักหนูใจเต้นแรงพร้อมๆ กับค่อยๆ ไถลตัวลงไปนั่งยองๆ กับพื้นห้องจากหลังประตู มือเล็กๆ ที่เอามาปิดปากตัวเองไว้สั่นเทาอย่างตื่นเต้น แม้ว่าจะแง้มประตูไป แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น แล้วก็เหมือนว่าเปิ้นจะบ่าสังเกตเห็นด้วยว่าหนูกำลังแอบมองเขาทุกอิริยาบถอยู่ เขาเริ่มทำ... อะไรบางอย่างหนูเห็นแวบๆ ว่าเขากำลังละเลงข้อมือกับบางสิ่งบางอย่างที่ผงาดขึ้นมาระหว่างต้นขาของเขา มันเป็นลำท่อนใหญ่ เป็นปล้องเหมือนหนอนยักษ์ที่กำลังจะพ่นพิษร้าย และมีเส้นเลือดผุดขึ้นบ้างประปรายหนูหายใจบ่าทั่วท้องเลยล่ะเจ้า รู้สึกเขินแบบไม่มีสาเหตุจนต้องหลับตาปี๋“แฮ่ก...”แต่เสียงหอบหายใจและครางครวญของเปิ้นก็ยังคงลอดเข้ามาในกกหูเสียงของเปิ้นดูเร้าใจจังเน้อ แหบต่ำแถมยังดูเซ็กซี่สุดๆ อีกด้วย หนูฟังแล้วเขินจังเลยแถมไอ้นั่นที่ตั้งชูชันขึ้นมา ถึงจะได้เห็นแค่แวบเดียว แต่กลับทำให้ตรงกลางระหว่างขาของหนูมีน้ำอะไรสักอย่างปริ่มออกมามากขึ้นตึกตัก ตึกตักหัวใจหนูเต้นเร็วมากกว่าเดิม ทำไมรู้สึกอยากเอามือไปแตะมันจังเลยก๋าคิดแล้วก็ค่อยๆ เอาปลายนิ้วเล็กๆ ของตัวเองสัมผัสเบาๆ ที่กลางร่องกลีบที่ฉ่ำชื้น“อะ...!”







