กลางค่ำคืนที่มืดมิด ซูหว่านนั่งอยู่บนฟูกในมุมห้อง ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการกระทำของฮูหยินซูในตอนกลางวัน ร่างกายยังเหนื่อยล้า แต่ในหัวตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความคิดที่หมุนวน
"จะหาทางออกอย่างไรดี" ซูหว่านพึมพำในใจ น้ำเสียงเบาเหมือนกับการพูดกับตัวเอง ก่อนที่สายตาจะจ้องไปที่เด็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองเด็กเงียบสงบ สังเกตได้จากท่าทางพวกเขายังคงหิวและอ่อนแรง
“ท่านแม่…ข้าหิว” อาอวี่พูดขึ้นเบาๆ แบบกล้าๆ กลัวๆ
"ท่านแม่ ท่านแม่ไม่หิวหรือ" อาอวี่ถามขึ้นอย่างเกรงๆ ดวงตากลมๆ ของอาอวี่เต็มไปด้วยความห่วงใย
"เราสองคนหิวมาก ตั้งแต่เช้ายันค่ำ กินแค่หมั่นโถว... ท่านแม่ไม่อยากทานอะไรบ้างเหรอ"
ซูหว่านถอนหายใจยาว ดวงตาเศร้าสร้อยแล้วถอนหายใจยาว เมื่อมองไปที่เด็กทั้งสองที่ดูซูบซีดจากความหิวและการขาดสารอาหารและยังโดนตีจนแทบจะลุกไม่ขึ้นอีกแผลเองก็ไม่ได้รับการดูแลเลยแค่ล้างน้ำเอง
"พวกเจ้าคง หิวมากสินะ..." ซูหว่านพูดออกมาเสียงเบา
ในหัวมีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา ต้องทำอาหารให้ลูกๆ ทาน...แม้จะรู้ว่าตัวเองยังเหนื่อยล้าและเจ็บปวด แต่การเห็นเด็กๆ หิวจนทนไม่ไหวมันทำให้ตัดสินใจได้ทันที
"เราไปที่ห้องครัวดีไหม ไปดูว่ามีอะไรที่พอจะกินได้หรือทำอาหารได้บ้าง" ซูหว่านพูดขึ้น น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้
ทันใดนั้นเสียงแว่วๆ ดังขึ้นในหัวของซูหว่าน ความรู้สึกที่เหมือนจะคุ้นเคยกลับทำให้เธอสะดุ้ง
"เช็กอินห้องครัวในครั้งแรกเท่ากับเปิดการใช้งานเริ่มต้น…เปิดระบบรับโบนัสแรกเข้าทันที 20 ฟองไข่ทองคำ"
ซูหว่านขมวดคิ้วในทันที อะไรนะ เสียงที่เกิดขึ้นในหัวทำให้รู้สึกงงงวย ส่ายหัวเบาๆ ลองนึกถึงเสียงนั้นอีกครั้งแต่มันก็หายไปเหมือนฝัน
"ถูกตีจนหูแว่วหรือเปล่า..." ซูหว่านพูดออกมาคนเดียวก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
เด็กๆ ที่ยังคงรอการตัดสินใจของแม่ ด้วยความตั้งใจที่จะไม่ยอมให้พวกเขาหิวมากไปกว่านี้ซูหว่านจูงมือเด็กๆ และเดินไปที่ห้องครัวแต่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องครัว กลับพบว่าห้องครัวถูกล็อกอย่างแน่นหนา หันไปมองที่ประตูที่มีลูกกรงเหล็กปิดอย่างมั่นคงไม่สามารถเข้าไปได้
สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้และยิ้มเหยียดที่ริมฝีปากเหมือนกับรออยู่แล้ว
"ฮูหยินใหญ่นำกุญแจมาปิดล็อกห้องครัวด้วยตัวเองเพราะรู้ว่าเจ้ากับเด็กๆ จะมาขโมยของ ไปให้พ้น...อย่ามาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา พอข้าตายใจก็เข้าไปขโมยของปกติให้ลูกมา วันนี้ทำไมแม่มาด้วยล่ะ"
สาวใช้พูดเสียงเยาะๆ และมองไปที่ซูหว่านด้วยสายตาที่หยิ่งผยอง ซูหว่านยืนมองการกระทำของสาวใช้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ภายในใจกลับรู้สึกถึงความคับข้องใจที่ท่วมท้น ทำไมต้องทำแบบนี้ แต่เธอก็ยังคงยืนมั่น ไม่ยอมให้คำพูดเหล่านั้นมาทำให้เธอหวั่นไหว
“ข้ากลับลูกไม่ได้มาขโมย แค่มาหาอะไรให้ลูกๆ ข้าที่เป็นหลานของบ้านนี้ได้กิน”
"เชอะคนอย่างเจ้าห่วงลูกด้วยหรือ ตั้งใจจะกินเองน่ะสิ ถ้าไม่ยอมไป...ข้าจะจับตัวเจ้าไปให้ฮูหยินลงโทษอีก" สาวใช้พูดขึ้นพร้อมกับเสียงเยาะหยันที่ลอยอยู่ในอากาศ
ซูหว่านลอบกัดฟันแน่น ความรู้สึกโกรธแค้นท่วมท้นอยู่ในอก ถึงแม้จะรู้ดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ แต่ความรู้สึกของการถูกข่มขู่และดูถูกมันก็ทำให้ซูหว่านรู้สึกไม่สามารถยอมให้ตัวเองถอยหลังได้
"จะทำยังไงดี..." ซูหว่านคิดในใจ ขณะที่สายตาหันไปมองเด็กๆ ที่ยืนข้างๆ ด้วยความหวาดกลัว เธอเองก็ไม่รู้ว่าในตอนนี้จะทำอะไรได้มากไปกว่านี้
การเผชิญหน้ากับสาวใช้และการที่ไม่สามารถเข้าไปในห้องครัวได้มันยิ่งทำให้ซูหว่านรู้สึกถึงความยากลำบากแค่จะหาของกินยังต้องรบรา แล้วหากเป็นแบบนี้ในทุกๆ วันไม่อดตายหรือ
“เชอะนางตัวร้ายคิดจะมาขโมยของหรือข้าว่าแล้ว ดีนะข้าสังหรณ์ใจ”
ซูหว่านยืนนิ่งอยู่หน้าประตูครัวสายตาของสาวใช้ที่จ้องมองด้วยความเย็นชาและคำพูดเหยียดหยามที่เพิ่งกล่าวออกมาก็เกินจะทนแล้วแต่นี่ยังต้องมาเจอกับนางยักษ์ซูนั่นอีก
“พวกเจ้าหายหัวไปไหนกันหมด มาจับตัวนาง ข้าจะตีนางให้ตาย” เสียงของฮูหยินซูดังขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว
“ท่าน…ทำไมถึงทำขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะบาปกรรมหรือไร หรือไม่อย่างนั้นไม่กลัวว่าจะถูกทางการจับตัวหรือ”
"ฮ่าาาาา เจ้าก็แค่หญิงแพศยาที่ฆ่าสามีตัวเอง เจ้าเองยังไม่ถูกทางการจับตัวเลย แล้วข้าที่ตีคนที่วางยาฆ่าลูกข้านี่จะถูกทางการจับตัวหรือไร แล้วอีกอย่างพวกเจ้าแค่คนอาศัยในบ้านนี้ ตอนนี้อาหารขาดแคลนเพราะภัยแล้ง ทุกบ้านต้องอดออมแต่เจ้ากล้ามาขโมยของ ข้าจับเจ้าได้ก็เลยตีแต่พลั้งมือทำเจ้าตายก็เท่านั้น"
ฮูหยินซูมองซูหว่านด้วยสายตาที่เกลียดชัง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
“ข้าตีเท่าไหร่เจ้าก็ไม่ตายนี่ คราวนี้ต้องเอาให้หนัก”
"ชั่วร้ายที่สุด" ซูหว่านกัดฟันพูด
"เจ้ามันตัวร้ายกาจ วางยาฆ่าลูกชายข้า" ฮูหยินซูพูดขึ้นเสียงแข็ง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าใกล้ๆ ซูหว่าน
"ยังมาลอยหน้าขอความเป็นธรรมอีกเหรอ…ทำอาหารอย่างนั้นหรือ จะทำอาหารวางยาลูกสองคนของเจ้าอีกสินะ ครั้งก่อนยังไม่สำเร็จ ครั้งนี้พวกเด็กๆ ไม่มีทางรอดแน่ ข้าอยากตีเจ้าให้ตายจริงๆ" ฮูหยินซูพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและโมโห
ซูหว่านถอยห่างออกไป
"นางปีศาจ ข้าเห็นหน้าเจ้าทุกวันทำให้ข้าโมโห พวกเจ้าจับนางไว้ข้าจะตีนางให้ตาย โทษฐานที่ฆ่าลูกชายของข้า"
สาวใช้วิ่งเข้ามาล้อมซูหว่านและเด็กๆ ไว้ แต่ในความรู้สึกเหล่านั้นกลับมีความรู้สึกหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นมาในหัว จริงสินะ...ทำไมไม่หนี ต้องหนีแล้วสินะ ไม่รู้จะไปไหนแต่ต้องไปก่อนแล้ว แม้ว่าร่างกายของซูหว่านจะอ่อนแอและเจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮูหยินซู
“จับนางซี้พวกเจ้า” ฮูหยินซูตวาด
ในตอนนั้นซูหว่านรู้แล้วว่าไม่มีทางเลือกอีกแล้ว เธอต้องหนีจากที่นี่ ต้องหาทางพาลูกๆ ออกไปจากการถูกข่มขู่และเหยียดหยามนี้
"พวกเรา...ต้องไปแล้ว...เราจะหนีไปจากที่นี่" ซูหว่านพูดเบาๆ
เสียงสัญญาณการประกวดการแข่งขันดังขึ้นจากทุกทิศทาง ผู้เข้าแข่งขันต่างเตรียมพร้อมและทำอาหารด้วยความมุ่งมั่น บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวังจากทุกฝ่าย ท่ามกลางกลิ่นหอมของอาหารหลากหลายชนิดที่เต็มไปด้วยความพิเศษและรสชาติที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนท่านฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรไปยังเหล่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละรายพร้อมกับขันทีข้างกายที่คอยรายงานข้อมูลและชี้ชวนให้ดูยังจุดต่างๆ ภายในบริเวณงาน การมองลึกๆ ของพระองค์สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด และความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการประกวดในครั้งนี้"นั่นใช่ไหม เปิ่นหลี่ของอ๋องแปด"ฮ่องเต้ถามพร้อมกับมองไปยังผู้เข้าแข่งขันในชุดประดับที่เด่นชัดขันทีข้างกายยิ้มและตอบอย่างนอบน้อม "พ่ะย่ะค่ะ ความจริงแล้วโรงเตี๊ยมที่ลงแข่งขันทั้งหมดล้วนมีจุดเด่น และเปิ่นหลี่ของอ๋องแปดก็เป็นหนึ่งในนั้น ข้าว่าท่านอ๋องแปดคงคิดหนักหน่อยเมื่อเห็นผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ ทุกคนล้วนมาเพื่อแข่งขัน"ฮ่องเต้พยักหน้าแล้วทอดพระเนตรต่อไปที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามาหยุดที่ซูหว่าน ที่กำลังก้มลงเติมฟืนในเตาอย่างมุ่งมั่นท่ามกลางเตาอาหารที่ยังคงคุกรุ่นไปด้วยความร้
ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวแต่ก็ประมาทไม่ได้ โรงเตี๊ยมผิงจื้อมีชื่อด้านสุราหอมหวนอาหารที่ทำล้วนแต่เป้นกับแกล้มที่คยนกินรุ้สึกสึกปากเมื่อต้องกินคู่กับสุราฉะนั้นประมาทไม่ได้เรื่องรสชาติอาหารที่จัดจ้าน” ซูหว่านพยักหน้ายิ้มๆด้านข้างหอโอชารสที่เข้าแข่งขันครั้งนี้ด้วย ป้ายแผ่นไม่ด้านหลังงดงามด้วยตัวอักษรที่พลิ้วไหว“หอโอชารส”“หอโอชารส ส่วนมากจะปรุงอาหารที่นิยมในหมู่ขุนนางและคนในราชสำนักนับว่ายกระดับอาหารจากที่ชาวบ้านกิน ส่วนมากแล้วขุนนางในราชสำนัมักจะนัดพบปะพูดคุยหารือเรื่องต่างๆ หรือตกลงกันด้วยเรื่องการเมืองมักจะมากินอาหารที่นี่เสมอมีทั้งสุราดีและนารีที่งดงาม” ซูหว่านยิ้ม“แล้วนั่นล่ะค่ะ” ชี้มือไปที่ด้านนซ้ายนถัดจากโรงเตี๊ยมไห้ถัง“นั่นโรงเตี๊ยม จือฮวาที่แค่คงตั้งใจเข้ามาร่วมการแข่งขันเพื่อให้คนรู้จักมากขึ้นเพราะข้าเพิ่งเห้นว่าดรงเตี๊ยมแห่งนี้เพิ่งจะเปิดได้ไม่กี่วัน” ฟงหงเหวินชี้มือไปที่โรงเตี๊ยม เปิ่นหลี่“เปิ่นหลี่”“นั่นคือคู่แข่งคนสำคัญเพราะเป็นโรงเตี๊ยมที่ขายให้เฉพาะคนในราชสำนักีรุ้ใจเข้าใจคนในวังหลวงว่าชมชอบอาหารแบบไหนซึ่งคนในวังหลวงก็มีฝ่าบาทในนั้นด้วยเกรงวาสครึ่งใจของฝ่าบาทจะเทไปที่เ
ซูหว่านก้มมองตัวเองพร้อมกับรอยยิ้ม แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องเข้ามาทำให้ดูสง่างามอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ชุดกี่เพ้าแบบฟ้าขาวทำให้ดูสวยงามและสงบเยือกเย็น แต่ก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เข้ากับบุคลิกของซูหว่านอย่างลงตัวฉายหยาเลิกคิ้วขึ้น พลางมองไปที่ซูหว่านจากหัวจรดเท้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ"อ่อ พี่เซิ่นหยี่ยนเข้าใจหาลูกค้านะคะ นางกำลังจะลงแข่งขันการปรุงอาหาร สวมอาภรณ์ที่มาจากผ้าเนื้อดีและตัดเย็บมาจากร้านหวงฝูเหอแบบนี้ เท่ากับช่วยโฆษณาสินค้าของร้านหวงฝูเหอสินะคะ เพราะว่านางเป็นหญิงเพียงคนเดียวที่ลงแข่งขันในครั้งนี้ ทุกสายตาในงานเทศกาลจะต้องจับจ้องมาที่นาง อาภรณ์ชุดนี้พออยู่บนตัวนางยิ่งทำให้นางดูงดงาม แบบนี้หญิงงามทั้งเมืองจะต้องอยากได้ชุดแบบนี้บ้างสินะคะแล้วร้านหวงฝูเหอก็จะ ทำยอดขายเป็นกอบเป็นกำสินะคะ พี่เซิ่นเหยี่ยนนี้สุดยอดจริงๆ"คำพูดของฉายหยาเหมือนมีแรงกดดันบางอย่าง และเมื่อพูดถึงร้านหวงฝูเหอ น้ำเสียงนั้นก็เหมือนจะตีความว่าเซิ่นเหยี่ยนกำลังใช้ซูหว่านเป็นเครื่องมือในการโฆษณา แม้ว่าคำพูดของฉายหยาออกจะดูเหมือนการชมเชย แต่ก็แฝงไปด้วยการวิจารณ์บางอย่างเซิ่นเหยี่ยนถอนหายใจ เขากลับรู้ส
เซิ่นเหยี่ยนก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ข้างๆ ฉายหยาที่เกาะแขนของเขาเดินไปติดๆ ในขณะที่ทั้งคู่เดินไปข้างหน้า หยางลู่ที่เดินอยู่ข้างหลังอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ทั้งๆ ที่พยายามทำใจให้สงบ แต่ทว่าความรู้สึกบางอย่างกลับฉุดรั้งให้ไม่สามารถละสายตาจากแผ่นหลังของเซิ่นหยี่ยนได้เซิ่งเจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างหน้าเห็นหยางลู่ที่เดินเข้ามาใกล้ก็ยกมือขึ้นมาโบกให้กับหยางลู่รอยยิ้มบนใบหน้า แม้จะเป็นเพียงการแสดงออกธรรมดา แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกบางอย่างในเมื่อหยางลู่สวมชุดสีแดงเพลิงสะดุดตาขนาดนั้นฉายหยาที่เห็นเซิ้งเจี๋ยโบกมือก็พูดขึ้นยิ้มๆ"พี่จะไปหาพี่เซิ่งเจี๋ยก็ได้นะคะ ส่วนข้ากับพี่เซิ่นเหยี่ยนเราจะได้ใช้เวลาด้วยกันเพียงลำพัง พี่เองก็จะมาเดินตามเราทำไมกัน" เสียงของฉายหยาที่พูดด้วยท่าทางไร้เดียงสาแทรกเข้ามาในหูของหยางลู่ แม้รอยยิ้มใสใสที่ส่งมาเป็นเพียงแค่การแสดงออกภายนอก แต่หยางลู่กลับเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาของฉายหยาความเย้ยหยันที่แฝงมาในท่าทีที่แสนสงบ ทำให้รู้สึกไม่พอใจ"อืม เข้าใจแล้ว ก็น่าเห็นใจเจ้านะฉายหยานานๆ ครั้งไม่สิคงไม่มีโอกาสได้เดินเคียงข้างคุณชายหวงสินะ วันนี้จึงอยากจะใช้โอกาสนี้ใ
รถม้าหลายคันเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ล้อไม้ดังเสียงกรอบแกรบขณะที่พาหนะแต่ละคันวิ่งเข้ามาหยุดยังบริเวณงาน บริเวณนี้เต็มไปด้วยคนของโรงเตี๊ยมทั้งใหญ่และเล็ก ทุกคนต่างช่วยกันจัดเตรียมทั้งอุปกรณ์ทำอาหารและการก่อเตาฟืนกลางแจ้งเพื่อใช้ในการแข่งขันครั้งนี้"ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม" เสียงของเซิ่งเจี๋ยดังขึ้นในระหว่างที่เขากำลังเดินไปมาในพื้นที่ เขายืนอยู่ในชุดสูทที่ทันสมัย ดูสง่างามและนอบน้อม ในขณะที่ขุนนางที่มีตำแหน่งสูงต่างๆ เดินผ่านมา พวกเขาหยุดและกล่าวทักทายเขาด้วยท่าทางสุภาพ จนทำให้บรรยากาศรอบๆ ยิ่งดูเป็นทางการและยิ่งใหญ่“จอมปลอม” ซูหว่านเผลอพึมพำเบาๆรุ้สึกหนักอึ้งกับภาพตรงหน้าเซิ่งเจี่ยคนเดียว“เจ้าว่าอะไรนะ”“อ่อเปล่า…….ข้ากำลังรู้สึกว่าฮ่าาาๆๆๆๆบางอย่างมันดูยิ่งใหญ่ที่สุดเลยจริงๆไม่เคยเห้นอะไรแบบนี้มาก่อนงานปีใหม่นี่ดีจริงๆนะฮ่าาาาา”"หลังจากจบการแข่งขันการทำอาหารข้าจะพาเจ้าเดินชมงานเทศกาลรอบๆ ที่นี่มีของขายมากมายและยังมีการแสดงหุ่นกระบอกกับการร่ายรำกระบี่ที่หาดูยากแล้วในตอนนี้อีกด้วย" ซุหว่านพยักหน้ายิ้มๆ"ขอบคุณคุณชายมากๆเลยคะ ข้าคงใจจดจ่อที่การแข่งขันในตอนนี้ แต่พวกเด็กๆไม่รอแล้ว
ก่อนจะตอบออกไปอีกทีอย่างรวดเร็ว "ไม่ ไม่ยกเว้นใครทั้งนั้น!"หยางลู่ผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองไปข้างนอกที่มีแสงจากพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า "เราจะต้องเหนือกว่าทุกคนที่นี่โดยเฉพาะซูหว่านนางขอทานนั่น ที่นี่เรามีเงิน มีอำนาจ ทุกอย่างที่คนธรรมดาไม่มี คุณจะกลัวทำไม ซูหว่านก็แค่ผู้หญิงไร้พิษสงคนหนึ่งเท่านั้น!"คำพูดของหยางลู่ยังดังก้องในห้อง แต่เซิ่งเจี๋ยกลับมองไปที่หยางลู่ด้วยแววตาที่ไม่อาจบอกได้ว่ากำลังคิดอะไร เขายังคงเงียบ และท่าทางนั้นทำให้หยางลู่หันกลับมามองเขาด้วยความสงสัย"คุณไม่เชื่อใช่ไหมคอยดูก็แล้วกัน ซูหว่านจะต้องไร้ที่ยืนที่นี่" หยางลู่ถามเสียงต่ำเซิ่งเจี๋ยพยักหน้าอย่างช้าๆ เขารู้ดีว่าไม่ใช่แค่ซูหว่านที่เขาต้องระวัง แต่ยังมีคนอื่นๆ ที่เขาต้องคิดถึงอีกมากมาย... " คุณเกลียดอะไรเขาหนักหนาผมไม่เข้าใจ ผมก็แค่ไม่อยากเห็นความผิดพลาดครั้งใหญ่" เขาพูดเบาๆหยางลู่ยิ้มหยัน"ไม่ต้องห่วง คุณชายเซิ่งเจี๋ย ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ที่นี่จะไม่มีคำว่าผิดหวังในเมื่อต้นทุนเรามาดีขนาดนี้ฉันถึงปฏิเสธระบบบ้าบอนั่นอย่างไรเล่า"หยางลู่พูดก่อนจะหันกลับไป และจากไปด้วยท่าทีที่มั่นใจ จะไม่ยอมให้ใ