Home / โรแมนติก / คลั่งรักเมียสวมรอย / ตอนที่ 1 คนแปลกหน้า

Share

คลั่งรักเมียสวมรอย
คลั่งรักเมียสวมรอย
Author: จินต์พิชา

ตอนที่ 1 คนแปลกหน้า

last update Huling Na-update: 2025-08-06 13:50:39

 

มินตราหรือมินครูสาววัย 25 ปี เดินออกจากบ้านไม้ยกพื้นสูง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่

หญิงสาวเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเธอไม่ไกล ในทุกในเธอจะตื่นตั้งแต่เช้าช่วยป้าจันทร์ทำกับข้าวและทานข้าวด้วยกันก่อนจะออกจากบ้าน

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีทางโรงเรียนมีนโยบายให้ครูและนักเรียนสวมชุดที่ทำจากผ้าไทย หญิงสาวสวมชุดผ้าฝ้ายที่ตัดเย็บด้วยฝีมือของป้าจันทร์ ป้าที่รับเธอมาเลี้ยงเป็นลูกตั้งแต่เธอยังเด็ก

มือเรียวถือปิ่นโตสำหรับมื้อกลางวัน ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นหางม้า มีปอยผมเล็กน้อยปรกข้างแก้ม เผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาคู่โตสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายสดใส เธอติดโบผูกผมทำจากเศษผ้าที่เหลือจากการตัดชุด

"ป้าจันทร์ ลุงชิด มินไปโรงเรียนแล้วนะคะ" เสียงหวานใสเอ่ยบอกกล่าวกับพ่อและแม่บุญธรรมที่กำลังง่วนอยู่กับการดูแลแปลงผักสวนครัว ป้าจันทร์เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มตอบ

“ขับรถดีๆ นะลูก แล้วอย่าลืมกินข้าวกลางวันให้หมดล่ะ” ป้าจันทร์กำชับด้วยความเป็นห่วงในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก

"ค่ะป้าจันทร์ ลุงกับป้าก็อย่าลืมกินข้าวด้วยนะคะเย็นนี้มินอาจกลับช้าหน่อยนะคะ ว่าจะแวะซื้อของในตลาดนัดสักหน่อย ลุงกับป้าอยากได้อะไรไหมคะ” หญิงสาวหมายถึงตลาดนัดหน้าอำเภอที่จะมีทุกวันพฤหัสบดี

“ไม่ล่ะจ้ะ ป้าเพิ่งไปตลาดนัดมาเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง”

“แล้วลุงล่ะคะมีอะไรอยากได้ไหม”

“ไม่มีเหมือนกันจ้ะ หนูรีบไปเถอะ ไปแต่เช้าจะได้ไม่ขับรถเร็ว” ลุงชิดบอกด้วยความเป็นห่วง

เมื่อบอกลาลุงกับป้าแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับก่อนจะเคลื่อนรถออกจากหน้าบ้าน

รถยนต์คันเล็กที่เธอขับมานั้นเป็นรถมือสองที่ซื้อมาในราคาไม่แพงมากนัก เดิมทีมินตราไม่ได้อยากซื้อเลยเพราะโรงเรียนที่เธอสอนอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ถ้าจะขี่รถจักรยานยนต์ไปก็ได้ แต่พอถึงฤดูฝนก็จะต้องลำบากหน่อย หญิงสาวเลยตัดสินใจซื้อเพื่อความสะดวกในการไปทำงาน

เธอขับรถไปตามถนนลูกรังที่ทอดตัวผ่านทุ่งนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา อากาศยามเช้าบริสุทธิ์และสดชื่น กลิ่นดินและกลิ่นหญ้าหลังฝนตกเมื่อคืนยังคงลอยอบอวลในอากาศ ทุกวันของเธอเป็นเช่นนี้ ไม่หวือหวา ไม่เร่งรีบ แต่เต็มไปด้วยความสุขสงบในแบบฉบับของตัวเอง เมื่อออกจากหมู่บ้านก็เข้าสู่ถนนใหญ่ขับต่อไปอีกสักพักก็ถึงโรงเรียนที่เธอสอนอยู่

เมื่อมาถึงโรงเรียนเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ในสนามก็ดังขึ้น มินตรารถใต้ต้นมะม่วงใหญ่หน้าอาคารเรียน

“สวัสดีครับ/ค่ะครูมิน” เสียงของเด็กๆ ทักทาย เมื่อเธอปิดประตูลงจากรถ ครูสาวส่งยิ้มกว้างทักทายพร้อมลูบศีรษะเด็กๆ อย่างอ่อนโยน

ชีวิตของมินตราดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ห่างไกลจากความวุ่นวายของสังคมเมือง เธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักชายหญิง เพราะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่แสนบริสุทธิ์แห่งนี้มาตลอด เธอไม่เคยรู้จักความสัมพันธ์ซับซ้อน หรือความปรารถนาที่เร่าร้อน มีเพียงความรักที่มอบให้ครอบครัวบุญธรรม เพื่อนร่วมงาน และเด็กๆ ในความดูแลของเธอเท่านั้น

หลังเลิกเรียนมินตราแวะตลาดนัดเล็กๆ ประจำอำเภอที่เปิดแค่ช่วงเย็นเพื่อซื้อวัตถุดิบทำอาหารเย็นให้ป้าจันทร์และลุงชิด เธอเดินเลือกซื้ออาหารทะเลสดๆ ที่นานๆ จะมีมาขาย ปลาทูแม่กลองตัวอวบอ้วน และขนมหวานไทยๆ ที่ป้าจันทร์ชอบ ก่อนจะกลับถึงบ้านในช่วงหกโมงเย็นพอดี

ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าสาดแสงสีส้มแดงฉาบท้องฟ้า เธอจอดรถและก้าวลงจากรถพร้อมกับถุงกับข้าวในมือ

มินตราแปลกใจเล็กน้อย เมื่อบริเวณหน้าบ้านมีรถเก๋งคันหรูสีดำจอดอยู่เป็นภาพที่ดูขัดตามาก รถหรูกับบ้านไม้หลังเล็กดูยังไงก็ไม่เข้ากันเลยจริงๆ

นอกจากรถคันหรูแล้วยังมีชายฉกรรจ์สองคนในชุดสูทสีเข้มยืนอยู่ข้างประตูรถด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่กลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม

หัวใจของหญิงสาวเริ่มเต้นแรง สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ  

หนึ่งในสองคนก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆ ดวงตาคมกริบมองมาทำให้มินตรารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เส้นขนทั่วร่างลุกชันอย่างควบคุมไม่ได้ เธอไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต คนที่ดูน่ากลัวและเป็นทางการจนน่าอึดอัด

ทุกก้าวที่เขาย่างเดินเข้ามา เหมือนก้าวแห่งชะตากรรมที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้า ใบหน้าบึ้งตึงของเขาทำให้มินตรากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

"คุณคือมินตราใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม แม้จะเป็นคำถาม แต่กลับฟังดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

มินตราพยักหน้ารับอย่างงงๆ  หญิงสาวกำถุงกับข้าวในมือแน่นจนข้อนิ้วขาวขึ้น เหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร มาจากไหนและต้องการอะไรจากเธอ

“เรามีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ” ชายคนนั้นกล่าวต่อ ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาเย็นชาจับจ้องมาที่เธอ

“ฉันไม่รู้จักคุณนะคะเราจะคุยอะไรกัน” เธอถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“เราไม่รู้จักกันก็จริง แต่คุณคงรู้จัก มันตราน้องสาวของคุณ” เขาตอบเสียงเข้ม

คำว่ามันตราที่เขาพูดออกมานั้นทำให้มินตรารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเพราะไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว ถุงกับข้าวในมือร่วงหล่นลงพื้น อาหารทะเลที่ตั้งใจจะนำไปทำอาหารกลิ้งเกลื่อนไปบนดิน มันตราน้องสาวฝาแฝดที่ถูกอีกครัวน่ำกันไปตั้งแต่เกิด มินตรารู้จักชื่อนี้ดีจากคำบอกเล่าของป้าจันทร์ที่ว่าเธอมีน้องสาวฝาแฝดอีกคน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ยินชื่อนี้จากคนแปลกหน้า และในสถานการณ์ที่ดูไม่น่าไว้ใจเช่นนี้

ในหัวมินตราเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อัดแน่น เธอไม่รู้ว่ามันตราอยู่ที่ไหน เธอถึงไม่เคยพบหน้ากันเลย และตอนนี้เขาจะมาคุยเรื่องนี้กับเธอทำไมหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันตรากันแน่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • คลั่งรักเมียสวมรอย   ตอนที่ 35 ตอนจบ

    แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่หน้าที่ก็ต้องมาก่อน เช้านี้มินตราก็ตื่นนอนแต่เช้ามาช่วยป้ากัลยาทำอาหารระหว่างที่กวินภพวิ่งออกกำลังกายรอบๆ บ้านเมื่อเตรียมอาหารเสร็จเธอก็ขึ้นไปอาบน้ำ ขณะนั่งแต่งหน้ากวินภพก็อาบน้ำแต่วตัวเสร็จพอดี เขาเดินถือเนกไทมาให้มินตราผูกเหมือนกับทุกวัน มินตราชอบหน้าที่นี่มากเพราะหญิงสาวเคยดูละครตอนตัวเองยังเป็นเด็กแล้วเห็นฉากที่นางเอกผูกเนกไทให้พระเอกก่อนไปทำงาน พอเข้ามหาวิทยาลัยเธอเลยให้เพื่อนผู้ชายช่วยสอนและจำวิธีผูกมาจนถึงทุกวันนี้“เป็นอะไรหรือเปล่าครับมิน” กวินภพถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ภรรยาก็นิ่งไปขณะกำลังผูกเนกไทให้“มินกำลังนึกถึงตัวเองตอนเด็กค่ะ”“มีอะไรเหรอครับ”“ก็มินเคยดูละครแล้วเห็นนางเอกในละครผูกเนกไทให้พระเอกก่อนที่พระเอกจะไปทำงาน มินก็เลยฝันว่าโตขึ้นมินอยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง”“ตอนนี้มินก็เป็นแบบนั้นแล้วนะ หน้าที่ผูกเทกไทที่พี่ยกให้มินทำให้คนเดียวเลยนะครับ แล้วมินไปฝึกทำมาจากไหน”“มินให้เพื่อนผู้ชายที่มหาวิทยาลัยสอนจากนั้นก็จำวิธีการผูกมาเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ทำเหมือนในละครจริงๆ เหมือนเป็นการเติมเต็มความฝันค่ะ ถึงจะเป็นความฝันเล็กๆ แต่มันก็ทำให้มินมีความส

  • คลั่งรักเมียสวมรอย   ตอนที่ 34 อย่าทรมานกันเลย nc

    มินตรากรีดเสียงร้องลั่นห้องร่างกายหญิงสาวสั่นสะท้าน เมื่อกวินภพส่งเธอแตะขอบสวรรค์ น้ำหวานจากกุหลาบดอกสวนล้นทะลักจนชุ่มไปทั่วปลายลิ้น ชายหนุ่มกวินภพไม่พลาดที่จะดูดกิน รสชาติหอมหวานจากภรรยาสาว มันทำให้เขาหลงใหลเธอมากขึ้น กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ กินแล้วก็อยากจะกินอยู่แบบนั้นเมื่อส่งคนรักไปพบกับความสุขแล้ว เขาก็ดึงให้เธอมาอยู่ริมขอบโต๊ะ กดจูบลงไปอย่างเร่าร้อนเติมเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำ ริมฝีปากลากมายังอกอิ่มดูดกินเม็ดเชอร์รี่เข้าปากร้อน มือใหญ่ท่อนเอ็นกดนวดบนเกสรสวาทเป็นจังหวะเบาๆ“อื้อ...พี่ภพขา รักมินนะคะ อย่าทรมานกันเลยนะคะ”หญิงสาวเสียวซ่านและต้องการแท่งร้อนของเขาเข้ามาเติมเต็มจนต้องร้องขออย่างน่าอาย“ใจเย็นนะเมียจ๋า”กวินภพลากไล้ปลายแท่งร้อนขึ้นลงกลางกลีบกุหลาบจนมันชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่เธอยังคงผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสาย ก่อนจะ​สอด​ท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่นทีละนิดเข้าไปเพียงนิดร่องสวาทก็ตอดรัดแรงกวินภพไม่อาจจะรอช้าได้เขาดันแท่งร้อนเข้าไปทีเดียวจนลึกสุด มินตราสะดุ้งสุดตัว“อ๊ะ!.....”สองมือจิกบนท่อนแขนของสามีไว้แน่น ชายหนุ่มนิ่งค้างเพราะอยากเธอได้ผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนเขาจะคิด

  • คลั่งรักเมียสวมรอย   ตอนที่ 33 ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทน nc

    “ทนอะไรคะ” มินตราถามสามีแต่แล้วใบหน้าเธอก็แดงซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่บดเบียดอยู่บริเวณท้องน้อย“คืนนี้พี่อยากเปลี่ยนบรรยากาศได้ไหมที่รัก” เขากระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า เธอรู้ว่าเวลานี้กวินภพอยู่ในอารมณ์ไหน เสียงแบบนี้ลมหายใจไม่สม่ำเสมอกันแบบนี้หญิงสาวนึกออกเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่เขาต้องการมันคืออะไร“แต่นี่ห้องทำงาน คงไม่เหมาะนะคะถ้าใครรู้พี่ภพจะเสียชื่อเสียงเอานะคะ” มินตรารีบห้ามเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของกวินภพน่าจะห้ามได้ยาก แต่เธอก็ต้องเตือนสติ“ถ้ากลับตอนนี้พี่อาจจะทนไม่ไหวแล้วมีอะไรกับมินในรถและตรงที่รถของเราจอดอยู่มีกล้องด้วยนะ พี่ให้มินเลือกว่าเราจะมีความสุขกันตรงนี้หรือที่รถดีล่ะ” กวินภพทั้งอ้อนทั้งขู่ด้วยเสียงแหบพร่าความต้องการมันทำให้เขาไม่สนใจว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน“อย่า​ใจร้อนสิคะพี่ภพ”“ทำไม​ล่ะ​ครับ หรือมินไม่ต้องการพี่” กวินภพพูดออกไปแบบนั้นและก็หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธ“มินกลัวคนอื่นมาเจอ”“จะมีใครกันล่ะครับที่รัก นะมินนะ”“พี่ภพ​ล็อก​ประตูแล้วใช่ไหมคะ” มินตราเสียงถามเบาหวิวเพราะความเขินอาย“ล็อก​แล้ว​ครับ​มิน ให้พี่นะครับ”เขา​กระซิบ​แหบ​พร่า​ที่​ใบ​ห

  • คลั่งรักเมียสวมรอย   ตอนที่ 32 อีกครั้งกับคนเดิม

    หลังจากที่การเซ็นสัญญาร่วมทุนโครงการโรงแรมฉบับใหม่เสร็จสิ้นลงด้วยดีและปัญหาเรื่องคุณสันติกับมันตราคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น กวินภพก็รู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับมินตราจะต้องบอกกับผู้ใหญ่ของเธอให้รับรู้“มินครับ” กวินภพเรียกมินตราที่กำลังอ่านทำอาหารเย็นอยู่ในครัวเพราะป้ากัลยาไม่สบายและไปนอนโรงพยาบาลโดยมีเหมียวเด็กรับใช้ไปเฝ้า“กลับมาแล้วเหรอคะพี่ภพ” เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“พี่มีเรื่องดีๆ จะบอกมินด้วยนะ” กวินภพเดินเข้าไปหาเธอ โอบกอดเอวบางไว้จากด้านหลัง“เรื่องอะไรคะ” มินตราหันมาถามพร้อมกับยิ้มหวาน“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปขอมินกับป้าจันทร์และลุงชิด”“จริงเหรอคะ” มินตราทั้งตกใจและดีใจเพราะคิดว่ากวินภพลืมเรื่องนี้ไปแล้วเพราะช่วงนี้ชายหนุ่มยุ่งกับงานมากๆ“แล้วพี่ภพจะอธิบายกับป้ากับลุงยังไงคะ” มินตราถามด้วยความกังวลเธอไม่อยากให้ญาติผู้ใหญ่ต้องเป็นห่วงหรือคิดมาก“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น พี่เตรียมคำพูดไว้แล้ว เราจะบอกว่ามินมาทำงานแทนมันตราและได้เจอกับพี่จากนั้นเราก็ได้ทำความรู้จักและรักกันในที่สุด”มินตราพยักหน้า เธอรู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ป้ากับลุงต้องกังวลใจ

  • คลั่งรักเมียสวมรอย   ตอนที่ 31 ครั้งแรก

    หลังจากจัดการเรื่องการซื้อที่ดินจากคุณสันติได้สำเร็จ กวินภพก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่เขาต้องจัดการนั่นคือการเผชิญหน้าระหว่างมินตราและมันตราสองพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพรากกันไปนานแสนนานที่ชายหนุ่มต้องนัดให้สองพี่น้องมาเจอกันเพราะอยากให้มินตราอยู่ด้วยความสบายใจว่าจากนี้ชีวิตที่สวมรอยเป็นมันตราของเธอนั้นได้จบลงแล้วจริงๆวันนี้กวินภพนัดหมายให้มันตรามาพบที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพูดคุยเรื่องสำคัญ เขาโทรศัพท์ไปบอกมินตราให้เตรียมตัวมาด้วย โดยไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก เพียงแค่บอกว่าอยากให้เธอมาเจอใครบางคนเมื่อถึงเวลากวินภพกับมินตราก็เดินทางมาถึงคาเฟ่ มินตราสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง หันหลังให้พวกเขา รูปร่างคล้ายกับเธอจนน่าตกใจ หญิงสาวพอจะรู้แล้วว่าคนที่กวินภพพาเธอออกมาเจอคือใครกวินภพเดินนำเข้าไปและเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามา มินตราก็ถึงกับยืนนิ่งราวกับถูกสาป ภาพตรงหน้าคือผู้หญิงที่เหมือนเธอราวกับแกะ ทุกรายละเอียดบนใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เว้นแต่แววตาที่ดูเฉี่ยวค

  • คลั่งรักเมียสวมรอย   ตอนที่ 30 หงายไพ่

    หลังจากกลับจากปราณบุรีได้ไม่กี่วัน กวินภพก็เรียกประชุมผู้ร่วมทุนโครงการโรงแรมทุกคน รวมถึงคุณสันติด้วย การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมใหญ่ของบริษัท บรรยากาศในห้องค่อนข้างตึงเครียด เพราะครั้งนี้นอกจากจะมีเจ้าสัวประเสริฐคนที่จะร่วมทุนด้วยแล้วยังมีผู้สนใจในโครงการนี้อีกสองคนจากยุโรปคือ มิสเตอร์จอห์นและมิสเตอร์เดวิด นั่งอยู่ร่วมกับคุณธีระกวินภพและผู้ร่วมทุนรายย่อยอื่นๆ ส่วนคุณสันตินั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสีหน้าเคร่งขรึมกวินภพเริ่มต้นการประชุมด้วยการกล่าวถึงภาพรวมของโครงการก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับมิสเตอร์จอห์น“เรียนท่านผู้บริหารทุกท่านครับ หลังจากที่ผมและมิสเตอร์เดวิดได้ศึกษาข้อมูลโครงการอย่างละเอียด รวมถึงประวัติของหุ้นส่วนทุกท่าน เรามีความกังวลบางประการเกี่ยวกับข้อเสนอของคุณสันติที่ต้องการใช้ที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่จ่ายเงินสดครับ” มิสเตอร์จอห์นกล่าวด้วยสำเนียงอังกฤษที่ชัดเจนคุณสันติขมวดคิ้วเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจตั้งแต่คำพูดแรกของมิสเตอร์จอห์น“เรามองว่าการนำที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่มีการตีมูลค่าที่ชัดเจน หรือแปลงเป็นเงินสดเข้ามา จะสร้างปัญหาในระยะยาว หากเกิดความขัดแย้งในอนาคต เราจึงขอเสนอให้คุณสันติขายท

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status