พิธีวิวาห์อันเรียบง่ายที่โบสถ์เล็กๆ จบลงแล้ว มินตราก็ถูกพามายังคฤหาสน์ของกวินภพ รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าตัวคฤหาสน์ที่ใหญ่โตและหรูหราไม่แพ้คฤหาสน์ที่เธอเคยไปฝึกฝนการเป็นมันตราเลยแม้แต่น้อย
มินตราก้าวลงจากรถด้วยชุดเจ้าสาว บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ต่างจากความวุ่นวายในพิธีแต่งงานเมื่อช่วงบ่าย เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่ปนเปกันระหว่างความตื่นเต้น ความกังวล ความโดดเดี่ยวและความกลัวที่จะต้องใช้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของกวินภพ ผู้ชายที่เธอเพิ่งจะได้พบหน้าเป็นครั้งที่สองและพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ แต่ความจริงแล้ว เธอเป็นเพียง ภรรยาสวมรอยที่ถูกบังคับให้มาแต่งงานด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
แม่บ้านพาเธอเดินกลับมาที่ห้องนอนขนาดใหญ่ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาวเทา เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูเรียบง่ายแต่มีราคาแพง บ่งบอกถึงรสนิยมที่ดีของผู้เป็นเจ้าของ
เตียงนอนขนาดคิงไซส์ถูกจัดวางอยู่กลางห้อง มีเพียงแสงสลัวๆ จากโคมไฟข้างเตียงที่ให้ความสว่าง บรรยากาศภายในห้องทำให้มินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มินตราก้าวเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวังราวกับกำลังย่างกรายเข้าสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย เธอรู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องปรับอากาศที่เย็นยะเยือก
แม่บ้านหันมาโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้มินตราอยู่ตามลำพังในห้องที่กว้างขวางเกินไปสำหรับเธอ หญิงสาวเดินไปที่หน้าต่างและแหวกผ้าม่านออกเพื่อมองออกไปข้างนอก แต่ก็ทำได้เพียงเห็นความมืดมิดและแสงไฟระยิบระยับที่ส่องมาจากตึกสูงไกลๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกขังอยู่ในกรงทองอันงดงามแต่กลับอึดอัด
มินตราเดินกลับมานั่งลงบนขอบเตียงตอนนี้ขาของเธอรู้สึกอ่อนแรงไปหมด หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอรู้ดีว่าคืนนี้คือคืนเข้าหอ คืนที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับกวินภพอย่างใกล้ชิด หญิงสาวรู้สึกประหม่าและกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพของกวินภพในชุดสูทสีดำ ใบหน้าคมเข้ม และดวงตาที่นิ่งเฉยมันทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรงและแทบจะลืมว่ากำลังสวมรอยเป็นใครอยู่
หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาจะปฏิบัติต่อเธออย่างไร จะรับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเธอกับมันตราหรือไม่ และเธอจะสามารถทำบทบาทนี้ต่อไปได้นานแค่ไหน
เสียงประตูห้องเปิดออก ทำให้มินตราสะดุ้งเล็กน้อย กวินภพเดินเข้ามาในห้องแล้วเดินเลยไปยังห้องแต่งตัวก่อนจะเดินกลับมาหาเธออีกครั้ง
“ห้องน้ำและห้องแต่งตัวอยู่ด้านนู้น ส่วนกระเป๋าคนใช้ที่บ้านของคุณเอามาให้ตั้งแต่เช้าแล้ว คนของผมจัดเข้าตู้แล้ว” เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบเย็นชา ไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะแต่งงาน แต่มินตราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขามาก ยิ่งเขาทำเย็นชามันก็ดีกับตัวเธอ
“ขอบคุณค่ะ คุณภพ”
"คุณคงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" กวินภพพูดกับเธอขณะมือก็ปลดเนกไทออกอย่างช้าๆ
มินตราพยักหน้าเธอไม่รู้จะตอบอะไร เพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
“คุณภพก็คงเหมือนกันใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามพลางใส่จริตลงไปในน้ำเสียงอย่างเต็มที่
“ผมไม่เท่าไหร่หรอก เดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำก่อนนะคุณคงยังต้องใช้เวลาถอดชุดอีกนาน ถ้าถอดคนเดียวไม่ได้จะเรียกแม่บ้านมาช่วยก็ได้ เห็นอินเตอร์คอมตรงนั้นไหม กดเรียกได้เลย” กวินภพชี้ไปทางเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ที่อยู่ภายในห้องนอน
“ค่ะ”
เขาถอดเนกไทออก แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ มินตราได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวดังลอดออกมาจากห้องน้ำ เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ เธอใช้เวลาในช่วงที่เขากำลังอาบน้ำถอดชุดแต่งงานออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดคลุมอาบน้ำและมานั่งรอที่เก้าอี้อ่านหนังสือมุมห้อง
หญิงสาวนั่งทบทวนสิ่งที่ครูฝึกได้สอนมาทั้งหมด ทั้งบุคลิก ความชอบ และประวัติส่วนตัวของมันตรา รวมถึงวิธีการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในคืนนี้
เมื่อกวินภพออกมาจากห้องน้ำ เขาเปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้าไหมสีเข้ม และเดินมานั่งลงข้างๆ เธอ มินตราชะงัก เธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และกลิ่นกายของเขาโชยมาแตะจมูกเธอก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาเขา
“ไปอาบน้ำเถอะ”
มินตรารีบลุกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำค่อนข้างนานและคิดว่าถ้าออกมากวินภพน่าจะหลับไปแล้ว
แต่เธอคิดผิดเพราะเมื่ออกมาจากห้องก็เห็นเขานั่งพิงหัวเตียงในมือถือแท็บเล็ตและกำลังอ่านอะไรสักอย่างในนั้นด้วยความสนใจ
“ยังไม่ง่วงเหรอคะ”
“ปกติผมนอนดึกน่ะ คุณล่ะ”
“มิ้นต์นอนไม่เกิดเที่ยงคืนค่ะ” หญิงสาวตอบตามข้อมูลแต่ปกติถ้าเป็นตัวเธอเองจะนอนตั้งแต่สี่ทุ่มเพราะต้องตื่นเช้ามาช่วยป้าจันทร์ทำกับข้าวก่อนไปทำงาน
“มานั่งตรงนี้สิ” กวินภพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ฟังเหมือนเป็นคำสั่งทำให้มินตราขยับตัวตามอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ราวกับมีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังดึงดูดเธอเข้าไปหาเขา
เธอนั่งลงข้างๆ เขาอย่างเกร็งๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายของกวินภพที่แผ่ซ่านเข้ามาใกล้ แม้จะมีระยะห่างแต่ความรู้สึกอึดอัดก็ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม
“คุณคงรู้ว่าคืนนี้ว่าเราแต่งงานกันแล้วและคืนนี้ก็เป็นคืนแรกที่เราอยู่ด้วย” เขาพูดเรียบแต่แววตาที่ยากจะคาดเดา
มินตรายังคงก้มหน้าเธอพยายามคิดหาข้ออ้างที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้
เธอจำได้ว่าครูฝึกเคยบอกเธอว่ามันตราเป็นคนเจ้าชู้ และมีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน แต่เธอเองยังคงเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ เธอไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้เขาเชื่อและไม่รู้ว่าเขาจะจับได้หรือไม่ว่าเธอโกหก
"คือมิ้นต์เป็นรอบเดือนค่ะ" มินตรารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าเมื่อต้องโกหกเรื่องส่วนตัวแบบนี้และหวังเธอหวังว่าเขาจะไม่จับได้
กวินภพชะงักเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่เธออย่างพิจารณา สายตาของเขาทำให้มินตรารู้สึกเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่ง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เธอพยายามแสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจที่สุดเท่าที่จะทำได้
กวินภพถอนหายใจออกมาเบาๆ ราวกับจะบอกว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่กลางห้อง ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ มินตรามองตามเขาอย่างประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะยอมง่ายๆ แบบนี้ เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังคงกังวลว่าเขาจะจับได้ว่าเธอโกหกหรือไม่
“คุณนอนบนเตียงเถอะ”
มินตราอึ้งเธอไม่คิดว่าเขาจะใจดีถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณค่ะ” มินตราตอบเสียงเบา เธอรีบล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง พยายามสงบจิตใจที่เต้นรัวของตัวเอง เธออบเปิดผ้าห่อมออกหันไปมองกวินภพที่นอนอยู่บนโซฟา เขานอนนิ่งและคงหลับไปแล้ว
แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่หน้าที่ก็ต้องมาก่อน เช้านี้มินตราก็ตื่นนอนแต่เช้ามาช่วยป้ากัลยาทำอาหารระหว่างที่กวินภพวิ่งออกกำลังกายรอบๆ บ้านเมื่อเตรียมอาหารเสร็จเธอก็ขึ้นไปอาบน้ำ ขณะนั่งแต่งหน้ากวินภพก็อาบน้ำแต่วตัวเสร็จพอดี เขาเดินถือเนกไทมาให้มินตราผูกเหมือนกับทุกวัน มินตราชอบหน้าที่นี่มากเพราะหญิงสาวเคยดูละครตอนตัวเองยังเป็นเด็กแล้วเห็นฉากที่นางเอกผูกเนกไทให้พระเอกก่อนไปทำงาน พอเข้ามหาวิทยาลัยเธอเลยให้เพื่อนผู้ชายช่วยสอนและจำวิธีผูกมาจนถึงทุกวันนี้“เป็นอะไรหรือเปล่าครับมิน” กวินภพถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ภรรยาก็นิ่งไปขณะกำลังผูกเนกไทให้“มินกำลังนึกถึงตัวเองตอนเด็กค่ะ”“มีอะไรเหรอครับ”“ก็มินเคยดูละครแล้วเห็นนางเอกในละครผูกเนกไทให้พระเอกก่อนที่พระเอกจะไปทำงาน มินก็เลยฝันว่าโตขึ้นมินอยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง”“ตอนนี้มินก็เป็นแบบนั้นแล้วนะ หน้าที่ผูกเทกไทที่พี่ยกให้มินทำให้คนเดียวเลยนะครับ แล้วมินไปฝึกทำมาจากไหน”“มินให้เพื่อนผู้ชายที่มหาวิทยาลัยสอนจากนั้นก็จำวิธีการผูกมาเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ทำเหมือนในละครจริงๆ เหมือนเป็นการเติมเต็มความฝันค่ะ ถึงจะเป็นความฝันเล็กๆ แต่มันก็ทำให้มินมีความส
มินตรากรีดเสียงร้องลั่นห้องร่างกายหญิงสาวสั่นสะท้าน เมื่อกวินภพส่งเธอแตะขอบสวรรค์ น้ำหวานจากกุหลาบดอกสวนล้นทะลักจนชุ่มไปทั่วปลายลิ้น ชายหนุ่มกวินภพไม่พลาดที่จะดูดกิน รสชาติหอมหวานจากภรรยาสาว มันทำให้เขาหลงใหลเธอมากขึ้น กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ กินแล้วก็อยากจะกินอยู่แบบนั้นเมื่อส่งคนรักไปพบกับความสุขแล้ว เขาก็ดึงให้เธอมาอยู่ริมขอบโต๊ะ กดจูบลงไปอย่างเร่าร้อนเติมเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำ ริมฝีปากลากมายังอกอิ่มดูดกินเม็ดเชอร์รี่เข้าปากร้อน มือใหญ่ท่อนเอ็นกดนวดบนเกสรสวาทเป็นจังหวะเบาๆ“อื้อ...พี่ภพขา รักมินนะคะ อย่าทรมานกันเลยนะคะ”หญิงสาวเสียวซ่านและต้องการแท่งร้อนของเขาเข้ามาเติมเต็มจนต้องร้องขออย่างน่าอาย“ใจเย็นนะเมียจ๋า”กวินภพลากไล้ปลายแท่งร้อนขึ้นลงกลางกลีบกุหลาบจนมันชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่เธอยังคงผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสาย ก่อนจะสอดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่นทีละนิดเข้าไปเพียงนิดร่องสวาทก็ตอดรัดแรงกวินภพไม่อาจจะรอช้าได้เขาดันแท่งร้อนเข้าไปทีเดียวจนลึกสุด มินตราสะดุ้งสุดตัว“อ๊ะ!.....”สองมือจิกบนท่อนแขนของสามีไว้แน่น ชายหนุ่มนิ่งค้างเพราะอยากเธอได้ผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนเขาจะคิด
“ทนอะไรคะ” มินตราถามสามีแต่แล้วใบหน้าเธอก็แดงซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่บดเบียดอยู่บริเวณท้องน้อย“คืนนี้พี่อยากเปลี่ยนบรรยากาศได้ไหมที่รัก” เขากระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า เธอรู้ว่าเวลานี้กวินภพอยู่ในอารมณ์ไหน เสียงแบบนี้ลมหายใจไม่สม่ำเสมอกันแบบนี้หญิงสาวนึกออกเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่เขาต้องการมันคืออะไร“แต่นี่ห้องทำงาน คงไม่เหมาะนะคะถ้าใครรู้พี่ภพจะเสียชื่อเสียงเอานะคะ” มินตรารีบห้ามเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของกวินภพน่าจะห้ามได้ยาก แต่เธอก็ต้องเตือนสติ“ถ้ากลับตอนนี้พี่อาจจะทนไม่ไหวแล้วมีอะไรกับมินในรถและตรงที่รถของเราจอดอยู่มีกล้องด้วยนะ พี่ให้มินเลือกว่าเราจะมีความสุขกันตรงนี้หรือที่รถดีล่ะ” กวินภพทั้งอ้อนทั้งขู่ด้วยเสียงแหบพร่าความต้องการมันทำให้เขาไม่สนใจว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน“อย่าใจร้อนสิคะพี่ภพ”“ทำไมล่ะครับ หรือมินไม่ต้องการพี่” กวินภพพูดออกไปแบบนั้นและก็หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธ“มินกลัวคนอื่นมาเจอ”“จะมีใครกันล่ะครับที่รัก นะมินนะ”“พี่ภพล็อกประตูแล้วใช่ไหมคะ” มินตราเสียงถามเบาหวิวเพราะความเขินอาย“ล็อกแล้วครับมิน ให้พี่นะครับ”เขากระซิบแหบพร่าที่ใบห
หลังจากที่การเซ็นสัญญาร่วมทุนโครงการโรงแรมฉบับใหม่เสร็จสิ้นลงด้วยดีและปัญหาเรื่องคุณสันติกับมันตราคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น กวินภพก็รู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับมินตราจะต้องบอกกับผู้ใหญ่ของเธอให้รับรู้“มินครับ” กวินภพเรียกมินตราที่กำลังอ่านทำอาหารเย็นอยู่ในครัวเพราะป้ากัลยาไม่สบายและไปนอนโรงพยาบาลโดยมีเหมียวเด็กรับใช้ไปเฝ้า“กลับมาแล้วเหรอคะพี่ภพ” เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“พี่มีเรื่องดีๆ จะบอกมินด้วยนะ” กวินภพเดินเข้าไปหาเธอ โอบกอดเอวบางไว้จากด้านหลัง“เรื่องอะไรคะ” มินตราหันมาถามพร้อมกับยิ้มหวาน“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปขอมินกับป้าจันทร์และลุงชิด”“จริงเหรอคะ” มินตราทั้งตกใจและดีใจเพราะคิดว่ากวินภพลืมเรื่องนี้ไปแล้วเพราะช่วงนี้ชายหนุ่มยุ่งกับงานมากๆ“แล้วพี่ภพจะอธิบายกับป้ากับลุงยังไงคะ” มินตราถามด้วยความกังวลเธอไม่อยากให้ญาติผู้ใหญ่ต้องเป็นห่วงหรือคิดมาก“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น พี่เตรียมคำพูดไว้แล้ว เราจะบอกว่ามินมาทำงานแทนมันตราและได้เจอกับพี่จากนั้นเราก็ได้ทำความรู้จักและรักกันในที่สุด”มินตราพยักหน้า เธอรู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ป้ากับลุงต้องกังวลใจ
หลังจากจัดการเรื่องการซื้อที่ดินจากคุณสันติได้สำเร็จ กวินภพก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่เขาต้องจัดการนั่นคือการเผชิญหน้าระหว่างมินตราและมันตราสองพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพรากกันไปนานแสนนานที่ชายหนุ่มต้องนัดให้สองพี่น้องมาเจอกันเพราะอยากให้มินตราอยู่ด้วยความสบายใจว่าจากนี้ชีวิตที่สวมรอยเป็นมันตราของเธอนั้นได้จบลงแล้วจริงๆวันนี้กวินภพนัดหมายให้มันตรามาพบที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพูดคุยเรื่องสำคัญ เขาโทรศัพท์ไปบอกมินตราให้เตรียมตัวมาด้วย โดยไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก เพียงแค่บอกว่าอยากให้เธอมาเจอใครบางคนเมื่อถึงเวลากวินภพกับมินตราก็เดินทางมาถึงคาเฟ่ มินตราสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง หันหลังให้พวกเขา รูปร่างคล้ายกับเธอจนน่าตกใจ หญิงสาวพอจะรู้แล้วว่าคนที่กวินภพพาเธอออกมาเจอคือใครกวินภพเดินนำเข้าไปและเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามา มินตราก็ถึงกับยืนนิ่งราวกับถูกสาป ภาพตรงหน้าคือผู้หญิงที่เหมือนเธอราวกับแกะ ทุกรายละเอียดบนใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เว้นแต่แววตาที่ดูเฉี่ยวค
หลังจากกลับจากปราณบุรีได้ไม่กี่วัน กวินภพก็เรียกประชุมผู้ร่วมทุนโครงการโรงแรมทุกคน รวมถึงคุณสันติด้วย การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมใหญ่ของบริษัท บรรยากาศในห้องค่อนข้างตึงเครียด เพราะครั้งนี้นอกจากจะมีเจ้าสัวประเสริฐคนที่จะร่วมทุนด้วยแล้วยังมีผู้สนใจในโครงการนี้อีกสองคนจากยุโรปคือ มิสเตอร์จอห์นและมิสเตอร์เดวิด นั่งอยู่ร่วมกับคุณธีระกวินภพและผู้ร่วมทุนรายย่อยอื่นๆ ส่วนคุณสันตินั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสีหน้าเคร่งขรึมกวินภพเริ่มต้นการประชุมด้วยการกล่าวถึงภาพรวมของโครงการก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับมิสเตอร์จอห์น“เรียนท่านผู้บริหารทุกท่านครับ หลังจากที่ผมและมิสเตอร์เดวิดได้ศึกษาข้อมูลโครงการอย่างละเอียด รวมถึงประวัติของหุ้นส่วนทุกท่าน เรามีความกังวลบางประการเกี่ยวกับข้อเสนอของคุณสันติที่ต้องการใช้ที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่จ่ายเงินสดครับ” มิสเตอร์จอห์นกล่าวด้วยสำเนียงอังกฤษที่ชัดเจนคุณสันติขมวดคิ้วเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจตั้งแต่คำพูดแรกของมิสเตอร์จอห์น“เรามองว่าการนำที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่มีการตีมูลค่าที่ชัดเจน หรือแปลงเป็นเงินสดเข้ามา จะสร้างปัญหาในระยะยาว หากเกิดความขัดแย้งในอนาคต เราจึงขอเสนอให้คุณสันติขายท