คืนแรกของการแต่งงานผ่านไปอย่างเงียบสงบ มินตรานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เธอพลิกตัวไปมาบนเตียง พยายามหลับตาลง แต่ภาพของคฤหาสน์หลังใหญ่ ใบหน้าของคุณสันติ และคำพูดของเขาที่ว่าเธอจะต้องสวมรอยเป็นมันตรายังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เธอไม่รู้ว่าชีวิตในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เธอหลับตาลงอีกครั้ง พยายามจดจำภาพของป้าจันทร์และลุงชิด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยของท่านทั้งสองยังคงเป็นพลังใจเดียวที่ทำให้เธอทำทุกอย่างให้สำเร็จ
เช้าวันรุ่งขึ้นมินตราลืมตาตื่นและมองไปรอบๆ ห้องแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งจะแต่งงานเมื่อวานและเมื่อคืนเธอกับเจ้าบ่าวก็นอนกันคนละที่ หญิงสาวพลิกตัวมองไปยังโซฟาที่กวินภพนอนหลับอยู่เมื่อคืนเขายังคงนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เธอค่อยลุกจากเตียงอย่างเบาที่สุด หญิงสาวพักผ้าห่มจัดเตียงอย่างเรียบร้อยตามนิสัยเดิมที่ทำเป็นประจำจัดการธุระส่วนตัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
มินตรามองเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้แล้วถอนหายใจเพราะชุดที่คนของลุงสันติเตรียมให้ไม่มีชุดไหนที่เหมาะจะใส่อยู่ที่บ้านเลย
“ตื่นเช้าจังนะ”
“คุณภพ อรุณสวัสดิ์ค่ะ มิ้นต์ทำเสียงดังทำให้คุณหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกปกติผมตื่นเวลานี้” เขาเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดออกกำลังกายมาถือไว้
“คุณต้องไปทำงานแต่เช้าเหรอคะ” เธอคิดว่ามันยังเช้าไปถ้าเขาจะออกจากบ้านในตอนนี้เพราะเขาเป็นถึงผู้บริหารคงไม่ต้องรับเข้างานให้ตรงเวลา
“เปล่าผมต้องออกกำลังกายก่อนไปทำงานนะ แล้วนี่คุณทำอะไรอยู่ตื่นนานแล้วเหรอ”
“ตื่นได้สักพักแล้วค่ะ มิ้นต์กำลังเลือกชุดอยู่ค่ะ แต่ดูเหมือนแม่บ้านจะเตรียมมาแค่ชุดสำหรับออกไปข้างนอก ไม่มีชุดที่จะใส่อยู่บ้านเลย” หญิงสาวชี้ให้เขาดูว่าในตู้เธอมีแต่เดรสหรือไม่ก็พวกสายเดี่ยวทั้งนั้น
“ลองเปิดอีกตู้สิ” เขาชี้ไปตู้ริมสุด
เมื่อหญิงสาวเปิดตู้ออกก็รู้สึกแปลกใจเพราะด้านในมีชุดผู้หญิงอยู่หลายแบบและดูแล้วมันเซ็กซี่น้อยกว่าชุดที่แม่บ้านของลุงสันติเตรียมไว้ให้
“ของใครคะ”
“ผมให้คนเตรียมไว้น่ะ มีหลายแบบเพราะไม่รู้ว่าคุณจะชอบแบบไหน”
“ถ้าเป็นแต่ก่อนมิ้นต์ชอบใส่พวกเดสหรือก็สายเดี่ยวค่ะ แต่ตอนนี้มิ้นต์แต่งงานแล้วแต่งตัวเซ็กซี่แบบนั้นคงไม่เหมาะเท่าไหร่คุณภพว่าจริงไหมคะ” หญิงสาวหันมาขอความคิดเห็น
“ก็จริงนะ ถ้าไม่ชอบชุดที่มีอยู่จะออกไปซื้อก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
กวินภพเข้าไปในห้องน้ำและออกมาอีกครั้งด้วยชุดออกกำลังกาย
“ผมไปออกกำลังกายล่ะ อาหารเช้าบ้านนี้แปดโมงนะ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องแต่งตัวไป
มินตราเลือกที่จะสวมชุดลำลองเรียบๆ เสื้อเชิ้ตคอปกแต่งลายเล็กๆ ที่หน้าอกสีครีมกับกางเกงผ้าสีเข้มกว่าเสื้อ ซึ่งเป็นสไตล์ที่แตกต่างจากมันตราอย่างสิ้นเชิง แต่เธอก็รู้สึกสบายใจที่สุดเมื่อได้เป็นตัวของตัวเองและเธอคิดว่าเหตุผลที่เปลี่ยนการแต่งตัวที่บอกกับกวินภพไปเขาจะเชื่อ
หญิงสาวรวมผมแล้วติดกิ๊บที่เธอเจอในตู้เสื้อผ้า ซึ่งคิดว่าคนของกวินภพน่าจะเตรียมไว้ พอทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็ลงมายังด้านล่าง หญิงสาวมองไปทั่วบ้านไม่เห็นใครเธอจึงเดินไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงคนคุยกัน มินตราเดินมาตามเสียงจนกระทั่งถึงห้องครัวที่ตอนนี้แม่บ้านคนเมื่อวานกำลังทำอาหารอยู่
“คุณผู้หญิงคะ มาทำอะไรตรงนี้” แม่บ้านคนเมื่อวานตกใจที่เห็นนายหญิงของบ้านเข้ามาถึงในครัว
“ป้าเรียกว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ อย่าเรียกแบบนั้นเลย” เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับแม่บ้าน
“ป้าชื่อป้ากัลยานะคะคุณมิ้นต์”
“หนูชื่อเหมียวค่ะ เป็นคนใช้ที่นี่คุณมิ้นต์มีอะไรเรียกใช้เหมียวได้ตลอดเวลาเลยนะคะ เหมียวยินดีรับใช้ค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองคนนะ กำลังทำอาหารกันอยู่ใช่ไหม มีอะไรให้มิ้นต์ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ชุดคุณมิ้นต์จะเปื้อนเอา คุณไปรอที่ห้องรับแขกก็ได้นะคะหรือถ้าเบื่อๆ จะเดินชมบ้านก็ได้นะคะ เมื่อวานคุณเพิ่งมาถึงคงยังไม่ทันได้ดูอะไร เช้าแบบนี้กุหลาบที่แปลงหน้าบ้านกำลังสวนเลยค่ะ”
“งั้นมิ้นต์ของไปเดินดูรอบๆ บ้านก่อนนะคะ”
“หญิงสาวเดินออกมานอกบ้านและไปยังแปลงกุหลาบที่ออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมทำให้รู้สึกสดชื่นมาก
ระหว่างเดิมชมสวนกวินภพก็วิ่งผ่านมาพอดี เขาหยุดวิ่งแล้วเดินเข้ามาใกล้
“ชอบเหรอ”
“คะ สวยและหอมมาก มันสดชื่นดีค่ะ”
“ถ้าอยากได้ไปใส่แจกัญก็บอกลุงสว่างนะ ตอนนี้เขากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้มันอยู่บนต้นแบบนี้ก็สวยดีค่ะ”
“งั้นก็ตามใจ” กวินภพออกวิ่งอีกครั้งส่วนหญิงสาวก็เดินดูไปทั้งบริเวณบ้าน
ไม่นานเธอกลับเข้ามาในห้องรับแขก พอถึงเวลาหารกวินภพก็เดินลงมาจากชั้นสอง เมื่อเดินผ่านก็พยักหน้าเล็กน้อย แต่มินตราก็เข้าใจลุกขึ้นตามเขาไปที่ห้องครัว
เธอเดินตามกวินภพลงไปที่ห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ โต๊ะอาหารยาวเหยียดที่ปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา มีอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ
กวินภพนั่งลงที่หัวโต๊ะ มินตรานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบสงบ ไม่มีเสียงพูดคุย มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจานเบาๆ มินตรารู้สึกอึดอัดกับความเงียบนี้ เธอพยายามรักษากิริยามารยาทให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามทำตัวให้เหมือนมันตรา ซึ่งก็คือการไม่สนใจใครมากนักและทานอย่างรวดเร็ว
หลังจากอาหารเช้า กวินภพก็ลุกขึ้นยืน
“ผมจะไปทำงานแล้ว” เขาบอกสั้นๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หญิงสาวรีบลุกตามและเดินมาส่งเขาที่รถเพราะเรื่องนี้เธอเองก็ถูกฝึกมาเหมือนกัน
“ถ้าอยากออกไปข้างนอกก็บอกป้ากัลยานะ”
“ค่ะ” เธอยิ้มหวานให้เขาก่อนที่จะเข้าไปในรถ
หลังจากกวินภพไปทำงานแล้วมินตราก็กลับเข้ามาที่ห้องรับแขกหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาล็อกเอาท์ออกจากไอดีที่แกล้งว่าเป็นมันตราซึ่งไอดีนั้นเธอเพิ่งสมัครเมื่อสองสัปดาห์ก่อนและไม่มีอะไรมากนอกจากรูปของเธอที่เพิ่งถ่าย ถ้ากวินภพถามหญิงสาวก็จะบอกว่าเพิ่งสมัครใหม่และต้องการความเป็นส่วนตัวจึงไม่มีเพื่อนในนั้น
หญิงสาวล็อกอินเขาไอดีของตัวเองแล้วยิ้มเมื่อเห็นโพสต์ของเพื่อนครูที่ส่งคลิปเด็กๆ บอกว่ากำลังคิดถึงครูมินมาให้
“คุณมิ้นต์ต้องการอะไร ก็เรียกป้านะคะ ป้าจะทำงานอยู่แถวนี้”
“ป้ามีอะไรให้มิ้นต์ช่วยทำไหมคะ มิ้นต์ว่าอยู่เฉยๆ แบบนี้ต้องเบื่อแน่ๆ”
“ที่นี่มีห้องสมุดด้วยนะคะ คุณมิ้นต์จะเข้าไปใช้ก็ได้นะคะ”
“น่าสนใจนะคะ แล้วห้องนั้นอยู่ตรงไหนคะ”
“เดี๋ยวป้าพาไปค่ะ”
เธอเดินเข้าไปในห้องสมุดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย มินตรายิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นหนังสือหลากหลายประเภทวางเรียงรายอยู่บนชั้น เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน แล้วนั่งลงบนโซฟาหนังนุ่มๆ พยายามจะหลีกหนีจากความเป็นจริงที่กำลังเผชิญอยู่
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำให้เธอต้องวางหนังสือลงแล้วกดรับเพราะคนที่โทรเข้ามาคือลุงสันติ
“สวัสดีค่ะ”
“เป็นยังไงบ้างเขาจับผิดได้ไหม”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วตอนนี้หนูทำอะไรอยู่”
“มิ้นต์อยู่ในห้องสมุดค่ะ”
“ไม่ได้นะ มันตราจะไปอ่านหนังสือแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็มันตราชอบออกไปช้อปปิ้งหรือไม่ก็ไปดื่มกาแฟตามคาเฟ่ดังๆ ถ้าเอาแต่อยู่บ้านคนจะสงสัย”
“ถ้าเขาสงสัยมิ้นต์จะบอกว่ามิ้นต์กำลังปรับตัวให้เป็นแม่บ้านที่ดีหลังแต่งงานดีไหมคะ มิ้นต์กลัวออกไปข้างนอกแล้วจะเจอคนรู้จักของมันตราค่ะ”
“เอางั้นก็ได้แต่อย่าให้ความแตกนะ เดือนหน้าคุณภพจะลงนามในสัญญาสร้างโรงแรมแห่งใหม่ ถ้างานนี้สำเร็จลุงจะกลายเป็นหุ้นส่วนของเขาอย่างสมบูรณ์”
“ค่ะ” หญิงสาวเข้าใจและอยากให้ถึงวันนั้นเร็วเพราะเงินก้อนที่สองจะถูกโอนให้กับป้าจันทร์ถ้างานสำเร็จไปอีกขั้น
แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่หน้าที่ก็ต้องมาก่อน เช้านี้มินตราก็ตื่นนอนแต่เช้ามาช่วยป้ากัลยาทำอาหารระหว่างที่กวินภพวิ่งออกกำลังกายรอบๆ บ้านเมื่อเตรียมอาหารเสร็จเธอก็ขึ้นไปอาบน้ำ ขณะนั่งแต่งหน้ากวินภพก็อาบน้ำแต่วตัวเสร็จพอดี เขาเดินถือเนกไทมาให้มินตราผูกเหมือนกับทุกวัน มินตราชอบหน้าที่นี่มากเพราะหญิงสาวเคยดูละครตอนตัวเองยังเป็นเด็กแล้วเห็นฉากที่นางเอกผูกเนกไทให้พระเอกก่อนไปทำงาน พอเข้ามหาวิทยาลัยเธอเลยให้เพื่อนผู้ชายช่วยสอนและจำวิธีผูกมาจนถึงทุกวันนี้“เป็นอะไรหรือเปล่าครับมิน” กวินภพถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ภรรยาก็นิ่งไปขณะกำลังผูกเนกไทให้“มินกำลังนึกถึงตัวเองตอนเด็กค่ะ”“มีอะไรเหรอครับ”“ก็มินเคยดูละครแล้วเห็นนางเอกในละครผูกเนกไทให้พระเอกก่อนที่พระเอกจะไปทำงาน มินก็เลยฝันว่าโตขึ้นมินอยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง”“ตอนนี้มินก็เป็นแบบนั้นแล้วนะ หน้าที่ผูกเทกไทที่พี่ยกให้มินทำให้คนเดียวเลยนะครับ แล้วมินไปฝึกทำมาจากไหน”“มินให้เพื่อนผู้ชายที่มหาวิทยาลัยสอนจากนั้นก็จำวิธีการผูกมาเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ทำเหมือนในละครจริงๆ เหมือนเป็นการเติมเต็มความฝันค่ะ ถึงจะเป็นความฝันเล็กๆ แต่มันก็ทำให้มินมีความส
มินตรากรีดเสียงร้องลั่นห้องร่างกายหญิงสาวสั่นสะท้าน เมื่อกวินภพส่งเธอแตะขอบสวรรค์ น้ำหวานจากกุหลาบดอกสวนล้นทะลักจนชุ่มไปทั่วปลายลิ้น ชายหนุ่มกวินภพไม่พลาดที่จะดูดกิน รสชาติหอมหวานจากภรรยาสาว มันทำให้เขาหลงใหลเธอมากขึ้น กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ กินแล้วก็อยากจะกินอยู่แบบนั้นเมื่อส่งคนรักไปพบกับความสุขแล้ว เขาก็ดึงให้เธอมาอยู่ริมขอบโต๊ะ กดจูบลงไปอย่างเร่าร้อนเติมเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำ ริมฝีปากลากมายังอกอิ่มดูดกินเม็ดเชอร์รี่เข้าปากร้อน มือใหญ่ท่อนเอ็นกดนวดบนเกสรสวาทเป็นจังหวะเบาๆ“อื้อ...พี่ภพขา รักมินนะคะ อย่าทรมานกันเลยนะคะ”หญิงสาวเสียวซ่านและต้องการแท่งร้อนของเขาเข้ามาเติมเต็มจนต้องร้องขออย่างน่าอาย“ใจเย็นนะเมียจ๋า”กวินภพลากไล้ปลายแท่งร้อนขึ้นลงกลางกลีบกุหลาบจนมันชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่เธอยังคงผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสาย ก่อนจะสอดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่นทีละนิดเข้าไปเพียงนิดร่องสวาทก็ตอดรัดแรงกวินภพไม่อาจจะรอช้าได้เขาดันแท่งร้อนเข้าไปทีเดียวจนลึกสุด มินตราสะดุ้งสุดตัว“อ๊ะ!.....”สองมือจิกบนท่อนแขนของสามีไว้แน่น ชายหนุ่มนิ่งค้างเพราะอยากเธอได้ผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนเขาจะคิด
“ทนอะไรคะ” มินตราถามสามีแต่แล้วใบหน้าเธอก็แดงซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่บดเบียดอยู่บริเวณท้องน้อย“คืนนี้พี่อยากเปลี่ยนบรรยากาศได้ไหมที่รัก” เขากระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า เธอรู้ว่าเวลานี้กวินภพอยู่ในอารมณ์ไหน เสียงแบบนี้ลมหายใจไม่สม่ำเสมอกันแบบนี้หญิงสาวนึกออกเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่เขาต้องการมันคืออะไร“แต่นี่ห้องทำงาน คงไม่เหมาะนะคะถ้าใครรู้พี่ภพจะเสียชื่อเสียงเอานะคะ” มินตรารีบห้ามเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของกวินภพน่าจะห้ามได้ยาก แต่เธอก็ต้องเตือนสติ“ถ้ากลับตอนนี้พี่อาจจะทนไม่ไหวแล้วมีอะไรกับมินในรถและตรงที่รถของเราจอดอยู่มีกล้องด้วยนะ พี่ให้มินเลือกว่าเราจะมีความสุขกันตรงนี้หรือที่รถดีล่ะ” กวินภพทั้งอ้อนทั้งขู่ด้วยเสียงแหบพร่าความต้องการมันทำให้เขาไม่สนใจว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน“อย่าใจร้อนสิคะพี่ภพ”“ทำไมล่ะครับ หรือมินไม่ต้องการพี่” กวินภพพูดออกไปแบบนั้นและก็หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธ“มินกลัวคนอื่นมาเจอ”“จะมีใครกันล่ะครับที่รัก นะมินนะ”“พี่ภพล็อกประตูแล้วใช่ไหมคะ” มินตราเสียงถามเบาหวิวเพราะความเขินอาย“ล็อกแล้วครับมิน ให้พี่นะครับ”เขากระซิบแหบพร่าที่ใบห
หลังจากที่การเซ็นสัญญาร่วมทุนโครงการโรงแรมฉบับใหม่เสร็จสิ้นลงด้วยดีและปัญหาเรื่องคุณสันติกับมันตราคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น กวินภพก็รู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับมินตราจะต้องบอกกับผู้ใหญ่ของเธอให้รับรู้“มินครับ” กวินภพเรียกมินตราที่กำลังอ่านทำอาหารเย็นอยู่ในครัวเพราะป้ากัลยาไม่สบายและไปนอนโรงพยาบาลโดยมีเหมียวเด็กรับใช้ไปเฝ้า“กลับมาแล้วเหรอคะพี่ภพ” เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“พี่มีเรื่องดีๆ จะบอกมินด้วยนะ” กวินภพเดินเข้าไปหาเธอ โอบกอดเอวบางไว้จากด้านหลัง“เรื่องอะไรคะ” มินตราหันมาถามพร้อมกับยิ้มหวาน“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปขอมินกับป้าจันทร์และลุงชิด”“จริงเหรอคะ” มินตราทั้งตกใจและดีใจเพราะคิดว่ากวินภพลืมเรื่องนี้ไปแล้วเพราะช่วงนี้ชายหนุ่มยุ่งกับงานมากๆ“แล้วพี่ภพจะอธิบายกับป้ากับลุงยังไงคะ” มินตราถามด้วยความกังวลเธอไม่อยากให้ญาติผู้ใหญ่ต้องเป็นห่วงหรือคิดมาก“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น พี่เตรียมคำพูดไว้แล้ว เราจะบอกว่ามินมาทำงานแทนมันตราและได้เจอกับพี่จากนั้นเราก็ได้ทำความรู้จักและรักกันในที่สุด”มินตราพยักหน้า เธอรู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ป้ากับลุงต้องกังวลใจ
หลังจากจัดการเรื่องการซื้อที่ดินจากคุณสันติได้สำเร็จ กวินภพก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่เขาต้องจัดการนั่นคือการเผชิญหน้าระหว่างมินตราและมันตราสองพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพรากกันไปนานแสนนานที่ชายหนุ่มต้องนัดให้สองพี่น้องมาเจอกันเพราะอยากให้มินตราอยู่ด้วยความสบายใจว่าจากนี้ชีวิตที่สวมรอยเป็นมันตราของเธอนั้นได้จบลงแล้วจริงๆวันนี้กวินภพนัดหมายให้มันตรามาพบที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพูดคุยเรื่องสำคัญ เขาโทรศัพท์ไปบอกมินตราให้เตรียมตัวมาด้วย โดยไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก เพียงแค่บอกว่าอยากให้เธอมาเจอใครบางคนเมื่อถึงเวลากวินภพกับมินตราก็เดินทางมาถึงคาเฟ่ มินตราสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง หันหลังให้พวกเขา รูปร่างคล้ายกับเธอจนน่าตกใจ หญิงสาวพอจะรู้แล้วว่าคนที่กวินภพพาเธอออกมาเจอคือใครกวินภพเดินนำเข้าไปและเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามา มินตราก็ถึงกับยืนนิ่งราวกับถูกสาป ภาพตรงหน้าคือผู้หญิงที่เหมือนเธอราวกับแกะ ทุกรายละเอียดบนใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เว้นแต่แววตาที่ดูเฉี่ยวค
หลังจากกลับจากปราณบุรีได้ไม่กี่วัน กวินภพก็เรียกประชุมผู้ร่วมทุนโครงการโรงแรมทุกคน รวมถึงคุณสันติด้วย การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมใหญ่ของบริษัท บรรยากาศในห้องค่อนข้างตึงเครียด เพราะครั้งนี้นอกจากจะมีเจ้าสัวประเสริฐคนที่จะร่วมทุนด้วยแล้วยังมีผู้สนใจในโครงการนี้อีกสองคนจากยุโรปคือ มิสเตอร์จอห์นและมิสเตอร์เดวิด นั่งอยู่ร่วมกับคุณธีระกวินภพและผู้ร่วมทุนรายย่อยอื่นๆ ส่วนคุณสันตินั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสีหน้าเคร่งขรึมกวินภพเริ่มต้นการประชุมด้วยการกล่าวถึงภาพรวมของโครงการก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับมิสเตอร์จอห์น“เรียนท่านผู้บริหารทุกท่านครับ หลังจากที่ผมและมิสเตอร์เดวิดได้ศึกษาข้อมูลโครงการอย่างละเอียด รวมถึงประวัติของหุ้นส่วนทุกท่าน เรามีความกังวลบางประการเกี่ยวกับข้อเสนอของคุณสันติที่ต้องการใช้ที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่จ่ายเงินสดครับ” มิสเตอร์จอห์นกล่าวด้วยสำเนียงอังกฤษที่ชัดเจนคุณสันติขมวดคิ้วเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจตั้งแต่คำพูดแรกของมิสเตอร์จอห์น“เรามองว่าการนำที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่มีการตีมูลค่าที่ชัดเจน หรือแปลงเป็นเงินสดเข้ามา จะสร้างปัญหาในระยะยาว หากเกิดความขัดแย้งในอนาคต เราจึงขอเสนอให้คุณสันติขายท