“ณิถอดเองได้ค่ะ” ถอยหลังหนีเล็กน้อยเมื่อเขาทำท่าจะถอดเสื้อผ้าให้ คณิกาเลือกที่จะยืนหันหลังให้เขาแล้วค่อยๆ ถอดชุดของตัวเองออกทีละชิ้น ทีละชิ้นจนไม่เหลือสักชิ้น…
“หันมาหาผมสิ”
“เขิน…” บอกเสียงแผ่ว เกิดมายี่สิบปีไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชาย แค่ตอนที่มาสมัครแล้วถูกผู้หญิงด้วยกันตรวจร่างกายนั่นก็เขินมากพอแล้วแต่นี่เป็นเขา เขาที่เป็นผู้ชายเชียวนะ
“ไม่มีอะไรน่าเขินครับ”
“แต่ณิเขินคุณนะคะ”
“แต่ผมก็มองคุณอยู่นะ” จ้องเข้าไปในกระจกด้านหน้าที่สะท้อนร่างอวบขาวของคณิกาเพราะเธอยืนอยู่หน้ากระจกอ่างล้างหน้าพอดีและเขามองเธอผ่านบานกระจกตั้งแต่เธอถอดเสื้อผ้าแล้ว
เธอที่เหมือนจะไม่รู้ตัวหรืออาจจะเขินเขาจริงๆ จนไม่ได้สนใจมัน
“คุณคาถาอย่ามอง” หันกลับมาหาเขาพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงที่เขอะเขิน ใบหน้าเรียวสวยเห่อร้อนแดงผ่าวขึ้นมาทันทีที่ถูกสายตาของเขามองสำรวจร่างกายอย่างเปิดเผย
“สวยขนาดนี้จะไม่ให้มองก็น่าเสียดายแย่นะครับ”
“ณิเขินนะคะ”
“เพราะอะไรถึงเขินครับ ผมไม่เห็นเขินคุณเลย”
“เพราะณิไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายไงคะ ไม่เหมือนคุณที่คงจะทำมันจนชิน” ถึงไม่มีความกระดากอายติดตัวอยู่บ้างเลย
“ไม่เถียงครับ” ตวัดแขนรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาชิดตัวเขา คณิกาไม่ได้ดิ้นหนีเพียงแต่ยืนให้เขาโอบกอดนิ่งราวกับรูปปั้น เพราะความสูงที่มีไม่เท่ากันหรือเรียกง่ายๆ ว่าเธอเตี้ยกว่าเขาจึงทำให้ความใหญ่ยาวของงูหลามบดเบียดอยู่แถวหน้าท้องของเธอ
“คุณคาถา…”
“ครับ อาบน้ำกันเลยมั้ย?” มองร่างเล็กที่จ้องแผงอกเขาอย่างกับไม่กล้ามองหน้าและไม่กล้าก้มต่ำมากกว่านี้
“ค่ะ” จากนั้นเธอก็ยืนแน่นิ่งให้เขาสัมผัสร่างกายของเธออาบน้ำถูตัวทุกซอกทุกมุมโดยเฉพาะส่วนของน้องจิ๋มที่เหมือนว่าเขาจะชอบมันเป็นพิเศษถึงได้แต่ถูเอาไม่หยุดหย่อนส่งผลให้ขนตามกายเธอพากันลุกซู่ตลอดเวลา
“แม้จะมีไม่เยอะแต่ผมก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ไว้กลับกรุงเทพฯ หากมีเวลาว่างผมจะพาคุณไปเอามันออกนะครับ” กระซิบบอกข้างใบหูขาว ใบหน้าคลอเคลียอยู่บริเวณซอกคอขณะที่มือกำลังจับขนน้องจิ๋มของคณิกาเล่นไปมาราวกับว่าเป็นของเล่น
“ณิเป็นคนขนเยอะตั้งแต่เด็ก” ไม่ใช่แค่น้องจิ๋มที่มีขนแต่ขนแขนกับขนขาก็ยังเยอะ เธอไม่กล้าเข้าคลินิกเพราะอายและแม้จะพยายามโกนออกเรื่อยๆ แต่มันก็มักจะขึ้นมาเรื่อยๆ จนพักหลังขี้เกียจโกนแล้ว โชคดีไอ้ที่โกนไปมันไม่ขึ้นเป็นตอแข็งๆ น่ะ
“ผมเข้าใจครับ แต่ผมชอบให้มันเนียนกว่านี้”
“อ๊ะ! คุณคาถาอาบน้ำเสร็จหรือยังคะ” จับข้อมือเขาไว้เมื่อนิ้วเรียวยาวกำลังกรีดกรายไปตามรอยแยะของกรีบดอกไม้ และเมื่อเธอจับเขาจึงยอมหยุด ฟอด! หอมแก้มเธออีกครั้งแล้วจึงดึงตัวเธอให้ไปยืนใต้ฝักบัวเพื่อล้างตัวจนเสร็จ
“ที่จริงกับคุณผมไม่ใช้มันหรอกครับ แต่น้องให้พกมาน่ะ” เดินไปหยิบกล่องถุงยางอนามัยไปวางไว้บนโต๊ะตัวเตี้ยข้างหัวเตียง ตอนนี้เขายืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้าเธอที่แม้จะเบือนหน้าไปมองทางอื่นแต่ก็ถูกเขาจับคางให้หันกลับมามองเขาเรื่อยๆ
“คุณคาถาคะ” คณิกาเรียกเขาเสียงเบาหวิว บอกเลยว่าหัวใจเธอตอนนี้มันเต้นแรงมาก มากจนเหมือนจะปะทุออกมาจากในอก ยิ่งได้เห็นร่างกายที่กำยำของคนตรงหน้าก็ยิ่งหวิวๆ อยู่ในใจ
“ครับ?”
“คุณจะทำจริงๆ เหรอคะ?”
“ณิไม่อยากให้ผมทำเหรอครับ”
“ปะ เปล่าค่ะ ณิแค่ แค่กลัว” ใจจริงอยากตอบว่าใช่แต่มันตอบไม่ได้ไง เพราะถูกสายตาคมกริบของเขาจ้องมองอยู่ตลอดเวลาจนเธอไม่รู้ว่าตัวเองจะได้อะไรกับการมานอนหรือมาเป็นภรรยาเขาแบบนี้ ไม่รู้ว่ามันจะคุ้มมั้ยรู้แค่ว่า ไม่อยากทำแล้ว รู้แค่ว่าเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว…
“ไม่มีอะไรน่ากลัวครับ ดึงผ้าขนหนูออกแล้วนั่งรอผมก่อนนะ” ว่าแล้วก็เดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งค้นหาอะไรบางอย่างจนเจอแล้วเดินกลับมาหยุดด้านหน้าของคณิกาที่นั่งเปลือยกายอยู่บนที่นอนแล้ว
คณิกามองสิ่งที่อยู่ในมือเขาแล้วกลืนน้ำลายลงคอทันที ออย สำลี ทิชชู่เปียก กรรไกรและมีดโกน ไม่ต้องเดาให้ยากว่าเขาจะเอามาทำอะไรเพราะเขาก็พูดแล้วว่าไม่ชอบขนน้องจิ๋มของเธอ ฉะนั้น…
“อ่า เด็กดี” พึมพำเบาๆ เมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้ายกขาขึ้นเป็นตัวเอ็มอย่างไม่ต้องให้เขาบอกให้ทำ คาถานั่งคุกเข่าลงบนพื้นเทออยลงบนสำลีแล้วเช็ดไปตามกลีบดอกไม้ที่อวบอูมมีขนปกคลุมอยู่ทั่ว
ร่างเล็กไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่มองเขาที่กำลังใช้กรรไกรเล็กๆ เล็มขนให้สั้นจนทั่วตามด้วยมีดโกนอันใหม่โกนขนเธอออกทีละนิดอย่างเบามือจนเธอที่เกร็งก่อนหน้านี้เพราะกลัวว่าเขาจะทำแรงผ่อนคลายลงจนกระทั่วขนบริเวณนั้นถูกกำจัดทิ้งหมด
“ไม่เจ็บใช่มั้ยครับ” ถามหลังจากใช้ทิชชู่เปียกเช็ดทำความสะอาดแล้วพบว่ามันเนียนขาวอมชมพูน่ากินกว่าเดิมเสียอีก
“ค่ะ”
“ขยับขึ้นไปนอนกลางที่นอนเลยครับ” บอกพร้อมเก็บอุปกรณ์พวกนั้นแล้วตามคณิกาขึ้นไปบนที่นอน เขานั่งแทรกอยู่กลางหว่างขาของเธอที่จับมันแหกออก สายตาคมจับจ้องกลีบดอกไม้งามตรงหน้า กลีบดอกไม้ที่อวบอูมแนบชิดกันสนิทจนลูกชายเขากระตุกงึกๆ เหมือนว่าอยากเข้าไปทักทายรูรักที่เล็กนิดเดียวนั่น
“เริ่มชินกับสายตาผมแล้วสินะ”
“อือ แต่ว่าณิไม่อยากให้คุณจ้องมันนานๆ แบบนั้น”
“แล้วอยากให้ผมทำอะไรกับมันครับ?” เลิ่กคิ้วถาม เงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวที่ตอนนี้ใช้ศอกเท้าพื้นที่นอนยกตัวขึ้นมามองเขาอยู่ เธอเม้มปากตัวเองแน่นส่ายหน้าให้เบาๆ เป็นคำตอบว่าไม่รู้
คาถายกยิ้มมุมปาก เขารู้สึกว่าตัวเองใจเย็นกับของหวานตรงหน้ามาก ใจเย็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอแก้ผ้าต่อหน้าเขาจนผ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้วก็ยังใจเย็นได้อยู่ทั้งที่หากเธอไม่ใช่คนที่เขาต้องการบางทีสองชั่วโมงนี้อาจจะผลัดกันเสร็จสมไปแล้วหลายรอบ
เขาขยับขึ้นไปคร่อมตัวเธอไว้ปล่อยให้ลำตัวช่วงล่างทับตัวคณิกาใช้มือเท้าพื้นที่นอนไว้เพื่อจ้องมองหญิงสาวใต้ร่าง ใบหน้าเธอเริ่มแดงระเรื่ออีกครั้งยามที่เขาโน้มใบหน้าเข้าไปหาเธอเรื่อยๆ
“อ๊า~ คะ คุณคาถาอย่าขยับ…” คณิกาเปล่งเสียงครางหวานๆ ออกมาเมื่อคาถาขยับกายขึ้นลงเบาๆ จนส่วนนั้นของเขาถูไถกับน้องจิ๋มของเธอสร้างความเสียวซ่านปั่นป่วนหน่วงท้องอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เสียวเหรอครับ?”
“อะ อือ”
“เดี๋ยวจะเสียวมากกว่านี้นะครับ” พูดจบก็ก้มลงไปบดจูบกลีบปากบางอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากเล็กควานหาความหอมหวานจากด้านในนั้นขณะที่กายส่วนล่างเคลื่อนไหวขึ้นลงเบาๆ จนรับรู้ได้ถึงความชุ่มแฉะจากกลีบดอกไม้งาม
“อื๊ออ…” ทันทีที่ผล่ะจูบออกคณิกาก็ปล่อยเสียงครางออกมาอีกครั้งเมื่อครั้งนี้เขาไม่ได้แค่ขยับกายขึ้นลงแต่ยังกระกแทกสิ่งนั้นใส่ตัวเธออีกด้วย แม้จะยังไม่ได้สอดใส่ทว่าเธอกลับเสียวสะท้านไปหมด
ชายหนุ่มมองหญิงสาวใต้ร่างที่ปากเผยอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นจังหวะ ได้เห็นริมฝีปากที่บวมเป่งของเธอแล้วก็อยากลิ้มชิมมันต่อจึงก้มลงไปบดจูบเธออีกครั้งและครั้งนี้มันเร่าร้อนกว่าเดิม
จ๊วบๆๆ! เขาดูดดึงริมฝีปากล่างของเธออย่างแรง ความเงอะงะและไร้เดียงสาไม่มีประสบการณ์ในการจูบของเธอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดหรือไม่พอใจ กลับกันเขารู้สึกพอใจมากเพราะเขาชอบการสอนและเหมือนเธอก็พร้อมที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับการสอนของเขาด้วย
“อื้ม เรียนรู้เร็วเหมือนกันนะครับ”
“ถ้าณิไม่เรียนรู้คุณคาถาก็จูบแรง ณิเจ็บ…” ไม่ใช่แค่จูบแรงแต่หากเธอไม่ขยับลิ้นเล่นกับเขา เขาจะกัดปากล่างเธออย่างแรงจนเธอคิดว่ามันน่าจะแตกเพราะรู้สึกถึงความคาวเลือดในปาก
“แค่ผมจูบแรงคุณก็เจ็บแล้ว หากผมยัดเจ้านี่เข้าไป...” ขยับกายขึ้นมานั่งคุกเข่าตรงใบหน้าของคณิกาที่มีท่าทีตกใจไม่น้อยเมื่อจู่ๆ ก็มีงูหลามยักษ์มาจ่ออยู่ด้านหน้าโดยที่เธอไม่สามารถขยับหนีเขาได้เลยเพราะเขาคร่อมตัวเธอไว้
“ณิทำไม่เป็น…” คุณหนูตกอับอย่างเธอไม่ได้ไร้เดียงสากับเรื่องพวกนี้จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพียงแต่ไม่เคยทำเคยแต่เห็นมาจากการดูหนังโป๊ที่ดูกับเพื่อนๆ ตอนไปเรียนต่างประเทศเท่านั้น
“ไม่เป็นไร แค่อ้าปากก็พอครับ”
บรรยากาศภายในโต๊ะที่เงียบสงัดราวๆ สิบนาที...“หนูกำลังอยู่ในช่วงฝึกทำอาหารคิดว่าถ้าทำอร่อยแล้วจะใส่กล่องมาให้พี่ทาน” “ไหนล่ะ?” “เพราะว่ามันยังไม่อร่อยเลยไม่อยากทำมาให้น่ะ” บอกด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาพูดกับเธอแล้ว “แล้วนี่พี่คาถาทานข้าวหรือยังคะ?” “ไม่หิว” “อืม ดื่มกาแฟอย่างเดียวจะอิ่มเหรอเราไปทานข้าวที่ร้านอาหารกันดีมั้ยคะ เดี๋ยวหนูเลี้ยงเองค่ะ” “ทำไมไม่ไปทำงานที่บริษัท” นอกจากไม่ตอบเรื่องที่เธอถามแล้วเขายังเปลี่ยนเรื่องอีกด้วย คณิกาเม้มปากตัวเองเล็กน้อย ไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท ใช่! เธอไม่ได้ไปทั้งที่เขาอนุญาตให้ไปทำได้ก็เถอะเพราะไปเจอหน้าเขาแต่เข้าไปคุยไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนไง เลยคิดว่าไม่ไปเจอน่าจะดีกว่า...“ไปก็ไม่ได้คุยกับพี่ หนูเลยไม่อยากไป” “ทำไมถึงไม่ได้คุย?” จ้องหน้าเด็กสาวที่มีท่าทางเริ่มประหม่าขึ้นมาจนมือที่วางอยู่บนโต๊ะถูกชักกลับไปวางบนหน้าตัก เธอหลบสายตาเขาทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมองหน้าเขาอยู่“ก็เราเลิกกันแล้ว...” “...” “พี่คะเรากลับมาคบกันนะคะ หนูรู้แล้วว่าหนูรักพี่มากแค่ไหน มากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่ายทุกวัน มองผู้ชายคนอื่นก็เป็นหน้าพี่ไปหมด ทำอะไรก็นึกถึงแต่ช่
เสร็จงานทุกอย่างแล้วไม่กี่วันต่อมาพวกเขาก็เดินทางกลับ เมื่อถึงบ้านคาถาก็ลงจากรถเดินตรงเข้าไปด้านในโดยไม่ได้เรียกหรือเอ่ยชวนคนตัวเล็กเข้าบ้านเลยแม้แต่น้อย“พี่คาถาคะ” และคณิกาไม่จำเป็นต้องรอให้เขาเชิญชวน เธอรีบวิ่งลงจากรถไปหาเขาที่พอได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กวิ่งก็รีบหยุดเดินหันมามองเธอด้วยสายตาดุๆ เหมือนต้องการเอ็ดที่เธอวิ่ง“กะ ก็พี่ไม่รอหนู” อยู่ด้วยเกือบสองเดือนเธอเองก็เริ่มจะเข้าใจสายตาและการสื่อสารที่ไม่ต้องพูดของเขาแล้วล่ะ เขาไม่ได้พูดอะไรเดินตรงเข้าไปในบ้านทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมหันไปรับแก้วน้ำจากแม่บ้านที่เดินนำมายื่นให้“เรากลับมาคบกันอีกครั้งได้มั้ย พะ พี่ให้โอกาสหนูอีกสักครั้งได้มั้ยคะ” คณิกาเดินไปหยุดด้านหน้าเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาสมควรเพราะเขาเพิ่งเสียแม่ไปแต่ว่าอยากรีบคืนดีกับเขา อยากอยู่ปลอบใจเขาต่อ...“ถ้าบอกว่าไม่ได้” “...หนูรู้แล้วว่าคนที่หนูรักคือพี่ หนูรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่” ” เพราะไม่มีผมหรือเพราะไม่มีเงินของผมกันแน่” “หนูไม่ได้เห็นแก่เงิน หนูขอโทษจริงๆ ขอโทษที่เอาแต่ใจงี่เงาไม่รู้จักโต หนึ
ใช้เวลาในการเดินทางไปต่างประเทศเวลาค่อนข้างนาน เมื่อมาถึงก็มีรถมารอรับพวกเขาที่สนามบินไปส่งตรงยังบ้านสุดหรูของคุณปภาวีและสามีที่นั่น พวกเขาที่ว่านอกจากคาถากับคณิกาแล้วยังมีนับเพชรและอินทร์มาด้วย“พี่คาถาคะคุณป้าอยู่ไหนเหรอ” นับเพชรเดินไปควงแขนคาถาพร้อมเอ่ยถามทั้งที่ยังไม่มีใครเดินเข้าไปในตัวบ้านและมาพร้อมกันแน่นอนว่า...“ผมไม่รู้” จับมือของนับเพชรให้ออกแล้วดันตัวคณิกาให้เดินนำหน้าตามแม่บ้านเข้าไปในตัวบ้าน มีเสียงหัวเราะจากอินทร์ดังมาเล็กน้อยแต่เมื่อเข้ามาในตัวบ้านทุกคนต่างก็เงียบทันที“คุณแม่ล่ะครับ? “ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นพ่ออย่างคุณจิรเมธ ซึ่งมีสีหน้าไม่ค่อยดีคงเพราะว่าเครียดเรื่องการป่วยของภรรยาและยังทำใจไม่ได้“นอนเล่นอยู่หลังบ้าน น้องณิแม่เขารอหนูอยู่นะ” “รอหนู?” “อืม พ่อฝากเอาน้ำส้มนี่ไปให้แม่ด้วยสิ” พูดจบก็ยื่นแก้วน้ำส้มในมือที่คาดว่าน่าจะมาเอาไปให้ภรรยายื่นให้คณิกาที่ก็รับมา จากนั้นคุณจิรเมธก็เดินออกไปนั่งหน้าบ้าน คาถาจึงจูงมือคณิกาพาตรงไปทางหลังบ้านโดยมีสองสาวเดินตามไปอย่างเงียบๆ“คุณป้าคะ คุณลุงให้เอาน้ำส้มมาให้ค่ะ” ร่างเล็กเดินไปนั่งยองข้างเก้าอี้โยกที่คุณปภาวีกึ่งนั่งกึ่
มาถึงคอนโดคณิกาก็รีบเข้าห้องไปเก็บเสื้อผ้าในกระเป๋าโดยมีแม่นันท์เดินตามเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง “น้องณิเก็บผ้าจะไปไหนลูก” ถามพร้อมนั่งยองข้างบุตรสาวที่กำลังพับผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง“ไปหาหาคุณแม่พี่คาถาค่ะพี่เขาจะพาไป ขึ้นเครื่องตอนหนึ่งทุ่มเดียวตอนห้าโมงเขาให้พี่อาติณมารับค่ะ” ร่ายยาวออกมาขณะที่มือกำลังพับผ้าอยู่ คนันท์มองบุตรสาวที่พับผ้าไปยิ้มไปก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้“คืนดีกับพี่เขาแล้วเหรอคะ?” “...เปล่าค่ะ” “แล้วทำไมถึงยิ้มแย้มแบบนี้” “แม่อยากให้หนูร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอคะ” “ไม่อยากแต่แม่แค่สงสัย เห็นยิ้มร่าเริงคิดว่าจะคืนดีกันแล้วซะอีก” “เดี๋ยวเดินทางไปหาคุณแม่เขา หนูจะค่อยๆ ง้อเขาอีกทีค่ะ” หันหน้ามามองแม่แล้วขยับไปโอบกอด “แม่ต้องเป็นกำลังใจให้หนูง้อเขาได้สำเร็จนะคะ” “จ้า แม่จะเป็นกำลังใจให้แต่ถ้าง้อเขาได้แล้วหนูต้องเป็นภรรยาที่ดีให้เขาด้วยนะ” “พูดแต่ให้หนูทำดีกับเขา แม่ไม่กลัวเขาจะทำร้ายหนูบ้างหรือไง” “น้องณิ หนูรู้มั้ย...พี่คาถาเขาเคยไปสู่ขอหนูจากพ่อกับแม่ด้วยนะ” น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มของคนันท์เอ่ยบอกบุตรสาว ที่จริงคาถากำชับไม่ให้เธอบอกคณิกาแต่เธอคิดว่าบอกไปเจ้าเด็กน้อย
“เดี๋ยว” คาถาเอ่ยเรียกหญิงสาวตัวเล็กที่ยิ้มร่ากระโดดดี๊ด๊าด้วยความดีใจหลังจากที่เขาบอกให้เธอกลับไปเก็บเสื้อผ้าเพื่อจะเดินทางไปเยี่ยมคุณแม่ของเขา“คะ?” “ให้อาติณพาไป” “อืม ไม่เป็นไรคะหนูไปเองได้” พูดจบก็กึ่งเดินกึ่งกระโดดออกไปจากหลังบ้าน คาถาเรียกคนสนิทอย่างอาติณสั่งให้พาคณิกาไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน ส่วนตัวเขาก็โทรไปบอกให้น้องสาวหาจองตั๋วในการเดินทางวันนี้ให้ และเตรียมจะขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า...“คุณณิครับ นายน้อยบอกให้ผมพาไป” อาติณวิ่งตามร่างเล็กออกมาพร้อมเอ่ยเรียกไว้ คณิกากันมามองเขาตาใส่แป๋ว เธอหยุดนิ่งจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาสั่นระริกก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาอาบแก้มเนียนขาวสร้างความตกใจแก่อาติณเป็นอย่างมาก“ฮรึก! ฮือออออ!” “คะ คุณณิเป็นอะไรครับ ผะ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ประโยคหลังเขาหันไปบอกคาถาที่เดินตรงมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ยืนมองอยู่ เขาส่งสายตาดุให้คนสนิทแล้วถอยหลังหนีเล็กน้อย“เป็นอะไร” ร่างสูงเอ่ยถามคนตัวเล็กเสียงราบเรียบ พยายามใจแข็งกับเด็กสาวตรงหน้าให้ถึงที่สุดแม้ว่าภายในใจอยากจะถามจับตัวเธอหมุนดูว่าเป็นอะไรแค่ไหนก็ตาม“ผะ ผึ้ง ฮรึก! ผึ้งต่อย” ยกแขนให้ชายหนุ่มดูก็พบกับผึ้
“แม่คะ หนูรักเขานะ...” “รักเขาแล้วพูดแบบนั้นทำไม ลองเขาพูดว่าเบื่อหรือรำคาญลูกบ้างลูกจะรู้สึกยังไง” “เสียใจ...” “เขาก็เป็นคนนะน้องณิ หนูต้องเข้าใจความรู้สึกเขาด้วยสิลูก” คนันท์พูดอย่างตำหนิบุตรสาว ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยของคณิกา “แล้วที่มาขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนี่ได้อะไรมั้ย?” “...” ส่ายหัวให้แทนการตอบ“ลูกสาวแม่เป็นเด็กฉลาด แต่ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่มีความคิดบ้างเลยนะ รู้ว่าขังตัวเองไว้ไม่ได้ประโยชน์แล้วทำไมไม่ไปหาอะไรทำที่มันได้ประโยชน์อย่างเช่นกลับไปทำงาน” “กลับไปทำงานเหรอ?” “ใช่ กลับไปทำงานบางทีอาจจะได้เจอเขาก็ได้นะ” “แล้วถ้าเจอเขากับผู้หญิงคนอื่นล่ะคะ” เขาย้ำกับเธอเสมอว่าอยากมีภรรยาอยากมีลูกและอยากสร้างครอบครัว ในเมื่อเธอทำให้เขาไม่ได้บางทีเขาอาจจะหาผู้หญิงคนอื่นมาทำหน้าที่แทนเธอ“แล้วอยากปล่อยให้เขาไปมีผู้หญิงคนอื่นมั้ยล่ะ?” “ไม่อยาก...” “ไม่อยากก็ยิ่งต้องกลับไปทำงาน ไปอยู่ใกล้ๆ เขา” “แม่คะ” “หื้ม?” “จริงมั้ยที่พ่อกับแม่ขายหนูให้คุณคาถา” ถามเสียงอ่อนๆ มันเป็นสิ่งที่เธออยากรู้อยากเข้าใจเหตุผลของแม่กับพ่อที่สุดเลย“หนูรู้ใช่มั้ยว่าบ้านเราล้มละลาย?”