แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: เงินตำลึง
ในสายตาที่เลื่อนลอยของผมพลันปรากฏรองเท้าคู่หนึ่งที่แสนคุ้นตา จึงเงยหน้าขึ้นมอง ความประหลาดใจในแววตาของผมก็ค่อย ๆ มอดดับลง

เมื่อลู่จวิ้นเห็นสีหน้าอันว่างเปล่านั้นของผมแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะหยันออกมาจากใบหน้าอันหล่อเหลา

「นายอยากจะแข็งตายตรงนี้หรือไง? ไอ้ซื่อบื้อ」

เมื่อเขาเห็นว่าผมไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ จึงโน้มตัวย่อลงเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือเรียวยาวบีบเข้าที่แก้มกลมอันเย็นเฉียบของผม

「ขอร้องฉันสิ แล้วฉันจะช่วยนายสักครั้ง」

ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกพาตัวมาที่ห้องของลู่จวิ้นได้อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่บนเตียงของเขาเสียแล้ว

ลู่จวิ้นเป็นคนสันโดษมาก ข้อเรียกร้องแรกที่เขายื่นต่อทางมหาวิทยาลัยเมื่อหลายปีก่อนคือ การมีห้องพักส่วนตัวเพียงคนเดียวเท่านั้น

บนร่างของผมยังคงมีเสื้อโค้ตตัวหนาของลู่จวิ้นคลุมเอาไว้อยู่ ผมกำชายเสื้อไว้แน่นด้วยความรู้สึกประหม่าอย่างไม่อาจซ่อนได้

ผมไม่ได้กลัวเลยว่าลู่จวิ้นจะคิดหาผลประโยชน์จากผม และไม่ได้กลัวเลยว่าเขาจะฉวยโอกาสตอกย้ำซ้ำเติมอย่างไง ตอนนี้เพียงแค่รู้สึกโหยหาใครสักคนที่จะมายืนอยู่เคียงข้างบ้าง ก็เท่านั้นเอง

「ถอดกางเกงออก」

ความคิดที่ล่องลอยของผม จู่ ๆ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของลู่จวิ้นอย่างกะทันหัน ผมตะลึงค้างไปหลายวินาทีก่อนจะค่อย ๆ ดึงสติกลับคืนมา

「ห๊ะ? ฉัน ฉะ ฉะ ฉัน」

ผมก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าสบตาเขา เหงื่อในฝ่ามือเปียกชุ่มจนแขนเสื้อเป็นรอยด่างไปหมด

ลู่จวิ้นเห็นว่าผมยังคงนิ่งไม่ขยับ จึงเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า「นายคิดอะไรอยู่?」

เมื่อสิ้นเสียงนั้น ผมก็รีบเงยหน้าขึ้นไปมอง และได้พบว่าในมือของเขามีกล่องยาอยู่

ที่แท้เขาก็แค่ต้องการจะช่วยทำความสะอาดแผลที่เข่าให้นี่เอง

ผมรีบถอดกางเกงออกอย่างตื่นตระหนก ใบหน้าที่แดงระเรื่ออยู่ก่อนแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไปถึงหูดุจผลทับทิมในพริบตา

เฉินถิง แกนี่มันเลอะเทอะจริง ๆ ...ลู่จวิ้นไม่ได้ชอบผู้ชายสักหน่อย!

นับว่ายังดีที่ลู่จวิ้นไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงอะไรมากมาย เขานั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งกับพื้น ก่อนจะเริ่มใช้แหนบคีบเศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ฝังลึกอยู่ในเนื้อออกมาอย่างบรรจง

ผมรู้สึกเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเย็นวาบเข้าเต็มปอด ขาของผมกระตุกขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนเท้าขวาเตะไปโดนตัวลู่จวิ้นเข้าอย่างจัง

ผมกัดริมฝีป่กเรียวเล็กแน่น「ขะ ขอโทษ」

ลู่จวิ้นไม่ได้ตอบกลับใด ๆ เขายังคงนิ่งเงียบ เพียงแต่หยิบคัตตอนบัตที่ชุบยาฆ่าเชื้อมาทำความสะอาดบาดแผลให้ผมต่อ

ผมกระซิบถามเขาอย่างแผ่วเบา「เบา ๆ หน่อยได้ไหม」

การเคลื่อนไหวของลู่จวิ้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกดสำลีลงบนแผลของผมอย่างเต็มแรงโดยไร้ความปรานี

「อ๊า——」

ผมเจ็บจนน้ำตาเล็ดออกมา แต่ผู้ที่เป็นต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดนี้กลับดูพอใจอย่างยิ่ง

ลู่จวิ้นยืนขึ้นมองดูท่าทางที่ยับเยินของผม จากนั้นยกมุมปากขึ้น「เจ็บสิดี จะได้จำ」

ผมมองใบหน้าของลู่จวิ้นไม่ค่อยชัดเจนมากนัก「อะไรนะ?」

เขาไม่ตอบกลับคำถามนั้น เพียงแต่นำกล่องยาไปเก็บไว้ที่เดิม

ผมรู้สึกว่าคำถามเมื่อครู่ของตัวเองนั้นช่างงี่เง่าสิ้นดี จึงจำต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง「ขอบคุณที่ให้ฉันพักพิงในคืนนี้นะ...เดี๋ยวฉันนอนพื้นเอง」

ลู่จวิ้นเลิกคิ้วขึ้นพลางพูดว่า「ฉันไม่มีผ้าห่มเหลือ」

ผมเริ่มพูดติดอ่างขึ้นอีกครั้ง「งะ งั้นฉัน...」

「นายกำลังกลัวอะไรอยู่」

คำพูดของลู่จวิ้นราวกับดาบที่เสียบเข้าที่ลำคอของผม ทำให้ผมแทบจะสิ้นเสียงไปในทันที หลังจากความเงียบที่เข้ามาปกคลุมอยู่อย่างเนิ่นนาน ผมจึงเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา

「ลู่จวิ้น ฉันชอบผู้ชาย」

ราวกับจิตได้บรรลุสัจธรรมแห่งความจริง ผมเอาแต่พูดวนซ้ำไปซ้ำมาอย่างควบคุมไม่ได้「ฉันชอบผู้ชาย ฉันเป็นพวกรักร่วมเพศ ฉันมันน่าขยะแขยงมาก...」

จู่ ๆ น้ำใส ๆ ก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตา ไหลรินลงหายเข้าไปในมุมปากของผม รสเค็มปร่าแผ่ซ่านไปทั่ว

ในที่สุด ผมก็ต้านทานไม่ไหวและพังทลายลง คำพูดต่าง ๆ ที่เจียงจั๋วหรานพูดไว้เมื่อตอนกลางวันได้ตามมาหลอกหลอนผมในความคิด ราวกับถูกปีศาจร้ายเข้าสิง

「แล้วอย่างไง?」

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมจึงได้ยินเสียงของลู่จวิ้นดังขึ้นอย่างเรียบเฉย

เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของผม ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเย็นเช็ดน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ขาดสายอาบอยู่บนแก้มของผมอย่างแผ่วเบา

「เฉินถิง นายไม่ได้ผิด」

ผมร้องไห้จนหมดแรงไป และในที่สุดก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงของลู่จวิ้นและผล็อยหลับไปอย่างงัวเงีย

ผ้าห่มของเขามีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อน ซึ่งชวนให้รู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดใจ

ไม่รู้ว่าหลับไม่นานแค่ไหน เวลาผ่านไปนานเพียงใด เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ห้องก็ยังคงมืดสลัวอยู่

แต่เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงได้พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว

แย่แล้ว! ผมมีเรียนตอนเช้า

ผมรีบลงจากเตียงด้วยความตื่นตระหนก ทว่าประตูห้องก็ถูกเปิดออก ณ จังหวะนั้นพอดี

คือลู่จวิ้น ที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมทั้งถืออาหารเดลิเวอรี่อยู่ในมือ「ตื่นแล้วเหรอ?」

เขาเดินเข้ามาก่อนจะวางของลง จากนั้นจึงรูดผ้าม่านออกอย่างรวดเร็ว แสงแดดจากนอกหน้าต่างที่สาดส่องเข้ามานั้นเจิดจ้าและอบอุ่นจริง ๆ

「มากินข้าว」
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คำสาปที่พัดผัน ให้ผมมีคู่ปรับเป็นที่รัก   บทที่ 11

    ผมหน้าแดงก่ำพลางเดินขึ้นไปบนเวที ทว่าลู่จวิ้นยังคงพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดหย่อน「เป็นไง? หล่อไหม?」ผมชกไปที่ไหล่เขาเบา ๆ เขาไม่กลัวสายตาพิฆาตของเหล่าบรรดาผู้บริหารเลยหรือไงกัน「พอได้หรือยัง」「ว่าไงนะ?」ลู่จวิ้นพลันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วล้วงแหวนเพชรออกมาจากอก「ถิงถิง แต่งงานกับฉันนะ?」ความเปิดเผยของลู่จวิ้นเช่นนี้ ทำให้คลิปวิดิโอเผยแพร่กระจายออกไปทั่วอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็วผมซ่อนตัวอยู่ในห้อง อายจนไม่กล้าออกไปข้างนอก「ผมผิดไปแล้ว ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค้าบ ที่รัก ยกโทษให้ผมนะ ที่รักจะซ่อนตัวอยุ่ในผ้าห่มไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ」แม้ว่าลู่จวิ้นจะพูดจนปากเปียกปากแฉะมากแค่ไหน ผมก็ไม่ยอมลุกออกจากที่นอนเป็นอันขาด ดังนั้นเขาจึงต้องจำยอมปล่อยผมอยู่อย่างนั้น「ก็ได้ เดี๋ยวผมไปต่อแถวซื้อขนมจากร้านขนมหวานไม่มีบริการส่งนั่น ให้กับที่รักที่ชอบทานให้นะครับ หวังว่าเท่านี้ที่รักจะยอมกินอะไรบ้างนะ」ลู่จวิ้นยอมแพ้แล้วเดินออกมาจากห้องไป แต่ในไม่ช้า ประตูก็ถูกผลักเปิดออกอีกครั้งผมแง้มผ้าห่มออกดู และพบว่าคนที่ยืนอยู่คือ สุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง「นายเองสินะที่เป็นแฟนลูกชายฉัน」หัวใจดวงน้อย ๆ ของผม

  • คำสาปที่พัดผัน ให้ผมมีคู่ปรับเป็นที่รัก   บทที่ 10

    「ถิงถิง มานอนกับฉันโอเคไหม」ใบหน้าของลู่จวิ้นนั้นมีอำนาจทำลายล้างสูงมากจริง ๆ ผมพยายามรวบรวมสติก้อนสุดท้ายและปฏิเสธออกไป「ไม่เอา」ลู่จวิ้นได้ยินดังนั้นก็เผยสีหน้าอาลัยเสียดายออกมาอย่างชัดเจน ราวกับไม่ต้องการให้ความใกล้ชิดนี้จบลง ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาประคองใบหน้าเรียวเล็กของผมอย่างแผ่วเบา แล้วบรรจงประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างอ่อนโยน「ก็ได้ งั้นขอจูบราตรีสวัสดิ์หน่อยแล้วกัน」ผมถูกคนตรงหน้าจู่โจมด้วยจูบจนใบหน้าแดงซ่านไปหมด หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะลงแรงฟาดฝ่ามือใส่เขาเบา ๆ อย่างขัดเขิน「ไอ้บ้า」ลู่จวิ้นรวบมือของผมที่เพิ่งจะใช้ฟาดร่างเขาไว้ได้อย่างทันควัน พร้อมกับดึงขึ้นมาประทับรอยจูบอีกครั้งลงบนฝ่ามือของผม「อืม ฉันมันบ้า เจ้าชายตัวน้อยของผมไปพักผ่อนเถอะ ราตรีสวัสดิ์」ผมเคลิ้มไปกับรอยยิ้มของเขาจนมึนเมาเล็กน้อย แต่ทันทีที่เดินลงบันไดไป ผมก็ได้ยินเสียงสนทนาที่ดังออกมาจากมุมตึก「ลู่จวิ้นจากมหาวิทยาลัย A เป็นคู่แข่งตัวฉกาจในการคว้าเหรียญทอง แต่ไม่ต้องห่วง ฉันแอบใส่ยาในนมของเขาแล้ว เดี๋ยวอีกสีกพักจะส่งผู้หญิงเข้า รับรองว่าเขาต้อง...」ผมรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนอย่างเร่งรีบ และกระแ

  • คำสาปที่พัดผัน ให้ผมมีคู่ปรับเป็นที่รัก   บทที่ 9

    ดวงตาของเขานั่นแฝงไปด้วยรอยยิ้ม「จำวิดิโอสั้นนั้นได้ไหม? ฉันสืบเจอฆาตกรแล้วใช่ไหมล่ะ?」ผมได้แต่ส่งเสียง อืม ในลำคออย่างเงียบ ๆ รอให้เขาพูดต่อ「เป็นเด็กภาคคอมพิวเตอร์ ชื่อจางเฉิง」ลู่จวิ้นหัวเราะออกมาและพูดต่อว่า「ฉันเคยสัญญากันนาย ว่าจะไม่สืบเรื่องนี้ต่อ」เขาใช้นิ้วลากวาดไปตามคิ้วและดวงตาของผมอย่างละเอียด「แต่จะให้ฉันปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้ยังไง」ลู่จวิ้นพลันพลิกตัวขึ้นคร่อมผมอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งซบศรีษะลงตรงซอกไหล่ของผมอย่างออดอ้อนและพูดต่อว่า「ดังนั้น ตอนที่เขากำลังหาซื้อบริการทางเพศ ฉันเลยจงใจให้คนส่งที่อยู่โรงแรมไปให้เขา แล้วไปรออยู่ที่นั่น」「ไอ้สวะไร้ประโยชน์นั่น ทนมือทนเท้าฉันได้ไม่ถึงสองนาทีก็ล้มลงกับพื้น หมดสภาพแล้ว」「ฉันใช้คีมถอนฟันของเขาไปหนึ่งซี่ เป็นสิ่งที่เขาต้องจ่ายที่กล้าเผยแพร่ข่าวปลอม」ลู่จวิ้นนำริมฝีปากร้อนอุ่นฝังลงบนซอกคอของผม「อันที่จริงฉันอยากให้เขามาคุกเข่าขอโทษนาย แต่มันไม่ยอม」ปลายผมของเขาทิ่มแทงผิวหนัง จนผมรู้สึกคันยิบ ๆ เล็กน้อยผมผลักแขนเขาเบา ๆ 「ลู่จวิ้น นายลงมาได้แล้ว」ลู่จวิ้นไม่ยอมผละออก เสียงหัวใจของเขาเต้นดังชัดเจนผ่านทะลุเนื้อผ้าเข้ามาในหูของผมเข

  • คำสาปที่พัดผัน ให้ผมมีคู่ปรับเป็นที่รัก   บทที่ 8

    แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ทรุดเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าผม เพื่อปรับระดับของเราทั้งสองให้อยู่ในระนาบเดียวกันดวงตาคู่นี้ของผมนั่นแดงจนแทบจะเป็นสีเลือด ผมคิดว่ามันคงจะน่ากลัวมาก ๆ เลยทีเดียวทว่าลู่จวิ้นกลับเพียงแค่หรี่ตามอง และพูดออกมาว่า「หลับตาซะ」เขาพูดออกคำสั่ง และตัวผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ในวินาทีต่อมา ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังนำริมฝีปากที่ร้อนอุ่นนั่นมาประคบลงบนเปลือกตาผมอย่างแผ่วเบาผมก้มศรีษะลงเล็กน้อย พร้อมกับคว้าไหล่ของเขาไว้ ราวกับคนจมน้ำที่กำลังยึดจับฟางเส้นสุดท้ายน้ำตาหยดน้อย ๆ พรั่งพรูออกมาจนเปียกชุ่มไปทั่วเสื้อเชิ้ตของเขา ผมได้แต่เรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า「ลู่จวิ้น ลู่จวิ้น...」ลู่จวิ้นเอื้อมมือมาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน「อืม ฉันอยู่ตรงนี้」คนปริศนาที่อับโหลดวิดิโอสั้นนั้นถูกสืบเจอแล้ว ลู่จวิ้นถามผมว่าจะเอาเรื่องหรือไม่ ผมจึงส่ายหน้าเขามีท่าทีเข้าใจทุกอย่างในทันที「ได้」ผมไม่อยากอยู่ที่หอพักอีกต่อไป แม้แต่วินาทีเดียว ลู่จวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างเชื้องช้าว่า 「งั้นมาอยู่กับฉันไหม」ผมกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับพยักหน้าเป็นการตอบกลับลู่จวิ้นมีบ้านพักตากอากาศอยู่ในเมื่องนี้ ผมสงสัยมาตลอดว่

  • คำสาปที่พัดผัน ให้ผมมีคู่ปรับเป็นที่รัก   บทที่ 7

    จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามายืนขว้างที่หน้าผม เธอมองผมด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อย「นายไม่เป็นไรนะ? เรื่องวิดิโอน่ะ... นายเป็นคนดีมากเลย อย่าให้เรื่องนี้มากระทบนายได้ล่ะ」ในทันใดนั้น กระแสความอบอุ่นก็เอ่อท่วมขึ้นมาในใจผม「ขอบคุณนะ」จากนั้นเธอยิ้มกว้างอย่างสดใส「ขอบคุณอะไรกัน นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว」ผมเดินไปอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่เป็นป่าผืนหนึ่งด้านหน้ามีเงาของคนสองคนอยู่ลาง ๆ ผมจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าหนึ่งในนั้นคือ เจียงจั๋วหรานชายอีกคนดูมีท่าทีร้อนรนเล็กน้อย「พี่เจียง ผมทำไปก็แค่เพื่อช่วยพี่แก้แค้น ก็เลยอับวิดิโอนี้ไป」เจียงจั๋วหรานได้ยินดังนั้น จึงกระชากคอเสื้อของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาทันที「แกพูดว่าอะไรนะ!」นักศึกษาชายคนนั้นส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ「ไม่ใช่ว่าพี่เองหรอกเหรอที่ตอนเมาเอาแต่บอกว่าเกลียดเฉินถิง?พี่ถึงขนาดบอกว่า ที่เฉินถิงชอบพี่น่ะ ทำให้พี่รู้สึกขยะแขยงจนแทบจะทนไม่ไหว」「พี่เจียง พี่ต้องช่วยผมนะ」เจียงจั๋วหรานปล่อยมือลงอย่างอ่อนแรง โดยไม่ได้ปฏิเสธใด ๆ ผมถอยหลังออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งหนีห่างจากจุดนั้นได้สำเร็จไม่นานนัก เจียงจั๋วหรานก็มาเคาะประตูห้อง

  • คำสาปที่พัดผัน ให้ผมมีคู่ปรับเป็นที่รัก   บทที่ 6

    「นายพูดถูก นายไม่ได้ชอบฉัน ฉันรู้ นายชอบเจียงจั๋วหราน」พูดจบเขาก็กัดฟันกรอดพร้อมกับพูดเสริมอีกประโยค「ไม่สิ นายชอบหาเรื่องใส่ตัว」「เฉินถิง ทำไมนายถึงไม่ยอมกลับใจสักที」เมื่อพูดจบ ลู่จวิ้นหันหลังเดินจากไปทันที และทิ้งผมไว้ให้อยู่คนเดียวในห้อง จนรู้สึกหนาวจนตัวสั่นเล็กน้อยผมรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของลู่จวิ้น แต่ผมก็ไม่ได้รักเขา... ผมไม่อาจสับสนระหว่างสองสิ่งนี้ได้ ไม่เช่นนั้น มันจะไม่ยุติธรรมต่อทั้งตัวผมและต่อเขาเลยแม้แต่น้อยในคืนนั้น ลู่จวิ้นไม่ได้กลับมาที่ห้อง เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว เตียงที่ต้องนอนคนเดียวจึงดูเวิ่งว้างและเย็นยะเยือกขนถึงขั่วหัวใจลู่จวิ้นไม่ได้ปรากฎตัวมาสามวันติดต่อกันแล้ว แม้แต่ชั้นเรียนเขาก็ไม่เข้าเรียนเขากำลังโกรธ?ผมเหม่อลอยไปชั่วขณะ จึงทำให้ปลายปากกาตำเข้าที่นิ้วมืออย่างไม่ทันระวัง ความเจ็บปวดนั้นมันทำให้หัวใจของผมกระตุกขึ้นอย่างรุนแรงในตอนกลางคืน ผมได้แต่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ คิดวนซ้ำ ๆ ว่าจะขอโทษลู่จวิ้นอย่างไร ทว่าข้อความยังไม่ทันได้ถูกส่งออกไป ก็มีวิดิโอจากฟอรัมของมหาวิทยาลัยเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์เสียก่อนภาพปกวิดิโอสั้นนั้นพร่ามัวจนแทบดูไม่รู้เร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status