คู่หมั้นคุณภพ mpreg

คู่หมั้นคุณภพ mpreg

last updateLast Updated : 2025-06-12
By:  MeithimmOngoing
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
10Chapters
119views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

เมื่อ “มะลิ” ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัววิรัตน์ กลับมาจากเมืองนอกพร้อมกับทัศนคติใหม่ที่ไม่อยากแต่งงานตามคำสั่ง เขาต่อต้านทุกอย่างที่บ้านวางไว้ รวมถึงคู่หมั้นในวัยเด็กอย่าง “ภพ” ซึ่งตอนนี้เป็นเจ้าของสวนผลไม้ที่รวยที่สุดในจังหวัด มะลิถูกส่งตัวไปอยู่กับภพโดยอ้างว่าจะเรียนรู้งาน แต่เบื้องหลังคือการบังคับให้อยู่ใกล้กัน หวังให้รักเก่ากลับมา ภพ…ยังคงใจเย็น ยิ้มอ่อน และดูแลมะลิด้วยใจจริง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะปากร้ายหรือก้าวร้าวแค่ไหน เขาก็ไม่เคยโกรธ กลับกัน…ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเจ็บ เขายิ่งอยากเป็นคนปลอบ แต่ทุกอย่างไม่ง่ายเมื่อความลับบางอย่างเกี่ยวกับอดีตของมะลิในต่างประเทศและความลับในวัยเด็กเริ่มปรากฏออกมา — และหนึ่งในนั้นคือผลของความรักเพียงชั่วคืนที่เขาไม่เคยลืม… เมื่อร่างกายของมะลิเริ่มเปลี่ยนแปลง… และเขาพบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ลูกของภพ ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไปตลอดกาล

View More

Chapter 1

เจอกันครั้งที่1

“แม่เลี้ยงเหรอ… พ่อพา ‘อีนั่น’ เข้ามาในบ้านของแม่!?” เสียงมะลิแหลมสูงขึ้น

“นี่มันบ้านของหนูกับแม่นะ!!” ปลายเสียงสั่นสะท้านด้วยทั้งความตกใจและโทสะ ดวงตาเรียวยาวเต็มไปด้วยน้ำใสวาววับ สะท้อนเงาของชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้

“ใจเย็นก่อนลูก—”

“ไม่! หนูไม่ใจเย็น! แล้วนั่นใครอีกคน!? จันทร์เจ้าใช่ไหม!? จันทร์เจ้า! เพื่อนที่เคยหักหลังหนูตอนมัธยมไงพ่อจำไม่ได้เหรอ!?” เขาหันขวับไปมองหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนกอดอกอย่างไม่สะทกสะท้านตรงมุมบันได

“อ้าว…มะลิจำกันได้ด้วยเหรอคะ ดีใจจังเลย” จันทร์เจ้าเอ่ยยิ้มๆ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยแววเยาะหยันแสนเยือกเย็น

“อย่ามาเรียกกูแบบนั้น! พ่อ! พ่อไล่พวกนี้ออกไปเลยนะ! บ้านนี้ของแม่! ของหนู! ไม่ใช่ของผู้หญิงที่พ่อไปรับมาจากไหนก็ไม่รู้!”

“พอแล้วมะลิ!” เสียงเจ้าสัววิรัตน์ตวาดลั่น ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิทลงในชั่วพริบตา

มะลิชะงัก น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งผ่านแก้ม

เจ้าสัวหายใจแรง ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ลูกกลับมาเมืองไทยทั้งที พ่อก็ดีใจนะ แต่ลูกกลับอคติแบบนี้ พ่อผิดหวังมาก จันทราเขากลับตัวได้แล้ว ลูกควรปล่อยวางและมองปัจจุบัน”

“ควรปล่อยวางงั้นหรอ” มะลิหัวเราะในลำคอ “พ่อไม่เคยฟังหนูเลย หนูแค่ไม่อยากเห็นคนที่เคยทำร้ายหนูและแม่เข้ามาอยู่ในบ้าน ไม่อยากให้แม่ของหนูต้องเสียใจหากเธอมองลงมาจากข้างบน!”

“ถ้าแม่เขาอยู่ เขาคงเสียใจที่ลูกเป็นแบบนี้มากกว่า!”

มะลิสะอึก เหมือนถูกตบหน้าแรงๆ

“ถ้าลูกอยู่แล้วทำให้บ้านไม่สงบ…งั้นไปอยู่ที่อื่น ”

“พ่อ!” เสียงของมะลิแทบหลุดเป็นเสียงสะอื้น

“พ่อมีที่อยู่ให้แล้ว ภพ…จำได้ไหม คู่หมั้นของลูกตั้งแต่เด็ก เขายังรออยู่ที่ไร่ ไปอยู่ที่นั่นซะ ไปใช้ชีวิตให้รู้จักโตให้มากกว่านี้ พ่อจะโทรไปบอกเขาให้เอง…ไปเก็บของซะมะลิ”

ทุกคำที่พ่อพูดเหมือนตะปูตอกลงกลางหัวใจ เด็กชายที่เคยตามติดพ่อ ไม่เคยเชื่อว่าตัวเองจะถูกขับไล่ได้ง่ายดายขนาดนี้

แต่วันนี้…พ่อก็ทำให้รู้ว่า ที่นี่ไม่ใช่บ้านของ “หนู” อีกต่อไปแล้ว

มะลิวิ่งพรวดขึ้นบันไดราวกับหนีไฟจากใจตัวเอง ตรงไปยังห้องนอนชั้นสองที่เขาเคยคิดว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุดในโลก แต่วันนี้…มันกลับกลายเป็นแค่กล่องไม้ไร้ความอบอุ่น

เสียงประตูถูกผลักปิดอย่างแรง ก้องสะท้อนในความเงียบของห้อง

เด็กหนุ่มทรุดตัวลงหลังบานประตู หอบหายใจถี่จัดเหมือนอากาศในปอดไม่พอจะประคองหัวใจที่ปวดร้าว เขาทุบอกตัวเองแรงๆ ราวกับจะเค้นเสียงสะอื้นออกไปจากอก

เสียงร้องไห้ดังสั่น แต่มะลิกัดฟันแน่น กลั้นเสียงเอาไว้ด้วยความดื้อรั้น ไม่ต้องการให้ใครได้ยิน ไม่อยากให้ใครเห็นตัวเองในสภาพที่อ่อนแอ…น่าสมเพช และแตกสลายเช่นนี้

น้ำตาไหลไม่หยุดเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง ทว่าไม่มีมือไหนยื่นมาเช็ด ไม่มีอกไหนให้ซุกซบ ไม่มีคำปลอบโยนใดหลุดออกจากปากใคร…นอกจากความเงียบที่ยิ่งตอกย้ำว่าเขาเหลือตัวคนเดียว

เสียงหัวเราะของพ่อเมื่อสิบปีก่อน ดังก้องในห้องนั่งเล่น

“หนูวาดรูปแม่เสร็จแล้วครับ!” เด็กชายมะลิยื่นกระดาษขาวที่มีรูปครอบครัวสามคน — พ่อ แม่ และตัวเอง — พร้อมรอยยิ้มเปื้อนหน้า เขาวิ่งแจ้นเข้าไปหาพ่อที่กำลังดูเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน

“วาดสวยนี่ครับลูก” พ่อเอ่ยเบาๆ แต่สายตายังคงจับอยู่ที่จอคอมพิวเตอร์

แม่ยิ้มจางๆ ก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวลูกชาย “เก่งที่สุดเลยลูกแม่”

เวลานั้น…แม้พ่อจะยุ่ง แม่จะเหนื่อย แต่บ้านก็ยังอบอุ่น

จนกระทั่งมะลิขึ้น ม.ต้น — ทุกอย่างเปลี่ยนไป

“คุณจะกลับมากี่โมงเหรอคะวันนี้?” แม่ถามขณะเก็บจานอาหารเย็นที่ไม่มีใครแตะเลยสักคำ

“ไม่แน่ อาจจะมีงานต่อ…หรือไม่ก็ไปดื่มกับลูกค้า” พ่อตอบเสียงห้วนโดยไม่สบตา

วันนั้นเป็นเพียงจุดเริ่ม

หลายเดือนผ่านไป พ่อกลับบ้านไม่เป็นเวลา บางวันกลับเช้า บางวันกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงติดเสื้อมา มะลิที่เคยนั่งรอพ่อกลับบ้าน กลับต้องนั่งมองแม่ร้องไห้อยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหาร

จนวันหนึ่ง…แม่เริ่มสะกดรอยตามพ่อ

และก็พบความจริงที่เลวร้าย

แม่ไม่ร้องไห้ในวันนั้น แต่กลับมาเงียบผิดปกติ — เหมือนเก็บแรงทั้งหมดไว้เพื่อจบทุกอย่างให้เด็ดขาด

“จะทำอะไรเหรอคะ?” มะลิถามเมื่อเห็นแม่หยิบเอกสารกองหนึ่งกับแฟ้มรูปถ่าย เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

แม่ยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่ไร้แวว “แม่จะจัดการให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม…”

“ลูกแม่จะต้องได้ทุกอย่างยังไงล่ะคะ” แม่หันมาหอมหัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมยิ้มกับมะลิ

ทว่า…ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมถอย เธอใส่ร้ายแม่ พูดให้พ่อเข้าใจผิดว่าแม่เป็นคนไม่ไว้ใจ พูดใส่ไฟว่ามะลิกำลังเป็นเด็กมีปัญหาเพราะแม่คุมเข้มเกินไป อีกทั้งยังก่อเรื่องใส่ร้ายแม่ของมะลิว่าเธอเข้ามาทำร้ายร่างกายตน

คืนนั้น…เสียงตะโกนดังลั่นบ้าน

“คุณมันไม่เอาไหน! ถึงขนาดได้เอาเลขาหน้าห้องเข้ามานอนด้วยเลยหรอคะ!”

“คนมีตั้งเยอะตั้งแยะแต่คุณกลับตาต่ำลงไปมองมันเนี่ยนะ!!”

เสียงตวาดจากคุณนายของบ้านดังลั่นทั่วห้องนอนของทั้งคู่ มันดังเสียงจนเล็ดลอดออกไปข้างนอกห้อง ทำให้ใครอีกคนมาแอบดูพวกเขาคุยกันอยู่หลังประตูบานนั้น

“คุณพูดจาให้มันดีๆ หน่อยนะ!”

เพี๊ยะ!

เสียงตบดังสะท้าน

มะลิที่แอบอยู่หลังประตูตัวสั่น ยกมือขึ้นมาป้องปากกลั้นเสียงร้องไห้ น้ำตาร่วงเต็มสองแก้ม เด็กชายวัยสิบสี่มืออีกข้างกำแขนเสื้อแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะขัดขวาง

“คุณมันน่าเบื่อ! น่ารำคาญ! ผมไม่อยากอยู่กับคนแบบนี้ ผมแต่งกับคุณก็เพราะสัญญาบ้าๆนั่นไง! ที่ผมทนอยู่ก็เพราะพ่อของคุณเขาขอไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงหนีไปมีเมียแบบเปิดเผยตั้งแต่แรกที่แต่งกับคุณแล้ว!!!”

เสียงพ่อแทงลึกเข้าไปในหัวใจ

มะลิหันหลังกลับวิ่งเข้าห้อง เอาหมอนปิดหน้าร้องไห้ทั้งคืน

และแม่ก็เก็บตัวเงียบหลังจากวันนั้น

ไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่ทำอาหาร ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของลูก

จนกระทั่งวันหนึ่ง…ทุกอย่างเงียบเกินไป

มะลิเข้าไปในห้องนอนของพ่อแม่เพราะกลิ่นบางอย่างแปลกไป

สิ่งที่เขาเห็นคือร่างของแม่บนเตียง — เย็นเยียบ ไร้ลมหายใจ และในมือของแม่…กำเอกสารใบเดียว

ใบหย่าที่ไม่เคยถูกเซ็น

ยังไม่พ้นงานศพคุณชายของบ้านก็เอ่ยปากขอส่งลูกของตนไปเรียนที่ต่างประเทศ

เขาเพียงพูดสั้นๆ ว่า “พ่อส่งตัวลูกไปเรียนที่สิงคโปร์…ไปพักใจของตัวเอง และหาความรู้ให้มากๆ ที่นี่คงไม่เหมาะกับลูกอีกแล้ว”

จากนั้นมะลิก็ถูกส่งต่อไปสหรัฐฯ เพราะว่าเด็กชายไปมีเรื่องกับเพื่อนร่วมชั้น เขาถูกส่งตัวไป….ราวกับเด็กไม่มีเจ้าของ

และเมื่อเขากลับมา…ทุกอย่างในบ้านก็ยังไม่เปลี่ยน

พ่อยังเป็นพ่อคนเดิม

ที่ครั้งหนึ่ง เคยตบหน้าแม่ของเขา แล้วหันหลังให้ครอบครัวของเราโดยไม่รู้สึกอะไรเลย

ตัดกลับมาปัจจุบัน

มะลิยืนมองบ้านหลังเดิมที่ตอนนี้กลายเป็นของคนอื่น — จันทรา และจันทร์เจ้า หล่อนทั้งคู่กอดอกมองมะลิที่ขึ้นรถตู้พร้อมกับข้าวของที่ถูกยัดใว่กระเป๋าแบบลวกๆ พวกเธอยิ้มสมเพช ก่อนที่พากันหันหลังและเดินเข้าไปในตัวบ้าน

ริมฝีปากของเขากระตุกยิ้มเย็นชา หารู้ไม่ในใจของมะลิแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ มะลิในวัยยี่สิบห้ากับมะลิในวัยสิบห้าต่างก็เป็นมะลิที่ถูกส่งตัวไปอีกครั้ง….ราวกับว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของ

มะลิถูกพาตัวออกจากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าไปยังภาคตะวันออก สองข้างทางที่เคยเต็มไปด้วยตึกสูงกลับค่อยๆ เปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีและต้นไม้ที่ทอดยาวสุดสายตา เขานั่งเงียบอยู่เบาะหลัง น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาอย่างเงียบงัน จนสุดท้ายก็เผลอหลับไปในความเศร้า

สารถีที่นั่งอยู่เบื้องหน้า แอบมองคุณหนูผู้แสนโดดเดี่ยวผ่านกระจกหลังด้วยสายตาเวทนา…ไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ย มีเพียงเสียงล้อรถที่หมุนไปบนทางยาวเท่านั้น

เมื่อรถเคลื่อนมาถึงหน้าสวนผลไม้ขนาดใหญ่ มะลิสะดุ้งตื่นขึ้น พลันสายตาก็ปะทะกับต้นทุเรียนที่ปลูกเรียงรายตลอดสองข้างทาง คนขับรถลดกระจกลงและสอบถามคนงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่าบ้านของคุณภพไปทางไหน

“ตรงไปอีกหน่อย แล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ จะเจอรั้วบ้านสีส้มอิฐ” คนงานหญิงชี้ไม้ชี้มือบอกทาง

สารถีพยักหน้า ขอบคุณ และขับต่อไปตามที่เธอบอก

เมื่อถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งขนาดใหญ่ สไตล์เรียบหรู มะลิก็เปิดประตูรถออกมายืนข้างนอก มองซ้ายแลขวาด้วยท่าทีระแวดระวัง คนงานบางส่วนที่ยืนอยู่หน้าบ้านพากันก้มหัวทักทายเขาอย่างสุภาพ แต่มะลิเพียงเชิดหน้าหนี ไม่เอ่ยตอบ…ในใจคิดว่าพวกนี้ก็คงเหมือนคนใช้ที่เคยเจอในบ้านเก่า ทำดีกับเขาต่อหน้าแต่ลับหลังก็พร้อมจะซ้ำเติม

ระหว่างที่คนงานทยอยขนของขึ้นบ้าน มะลิก็ทอดสายตามองบ้านตรงหน้า—บ้านสองชั้นทาสีโทนอบอุ่น เสาหน้าบ้านถูกประดับด้วยหินธรรมชาติ ทางเข้าปูคอนกรีตเรียบเนียน ต้นไม้หลากสายพันธุ์เรียงรายตามขอบรั้ว ประตูไม้สักแกะสลักอย่างดีส่งกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ เมื่อยืนใกล้

ของทุกอย่างถูกนำขึ้นไปยังชั้นสองตามคำสั่งของเจ้าของบ้าน มะลิจึงเดินตามขึ้นไป ไม่อยากยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางสายตาแปลกหน้า

เมื่อขนของเสร็จ สารถีก็รีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งมะลิไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง

บันไดไม้ลั่นเบาๆ ใต้ฝ่าเท้า มะลิขึ้นมาถึงชั้นสองซึ่งมีเพียงสองห้องนอน ข้าวของของเขาถูกวางกองไว้หน้าห้องหนึ่ง เขากอดอก มองกล่องสัมภาระทั้งหมดเงียบๆ ก่อนจะเปิดประตูและยกกระเป๋าเข้าไปทีละใบ

กลิ่นหอมของไม้และสมุนไพรบางอย่างลอยมาแตะจมูกทันทีที่ประตูเปิดออก อากาศร้อนระอุภายในห้องทำให้มะลิเริ่มหงุดหงิด เขารีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่ต้องชะงัก—ข้างในมีเสื้อผ้าผู้ชายแขวนเรียงอย่างเป็นระเบียบ ทั้งเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น ขายาว และเสื้อเชิ้ตลายตาราง

“นี่เสื้อผ้าใคร…” มะลิพึมพำ หงุดหงิดในใจ แต่ก็ไม่คิดสนใจนัก เขาเพียงแค่ดันเสื้อผ้าเหล่านั้นไปอีกด้าน ก่อนจะเริ่มแขวนเสื้อผ้าของตนเองอย่างตั้งใจ

โดยไม่รู้เลยว่าระหว่างที่เขากำลังง่วนอยู่กับการจัดของ—มีชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงประตู กอดอกมองเขาอยู่เงียบๆ ด้วยแววตานิ่งสงบ

ทันทีที่มะลิปิดประตูตู้เสื้อผ้า เขาก็หันไปสบตากับเจ้าของบ้านอย่างจัง

ภพ…ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งถึง 187 เซนติเมตร ผิวขาวอมเหลือง ใบหน้าคมจัด ดวงตาสองชั้นเรียวคม จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางเฉียบส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

ต่างจากมะลิที่ผิวขาวอมชมพู ตากลมโต ริมฝีปากกระจับสวย ผมสีชมพูน่ารักทำให้ดูน่าเอ็นดูราวตุ๊กตา ความสูงเพียง 160 เซนติเมตรยิ่งขับให้ดูบอบบางในสายตาคนมอง

ภพเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับนะครับ”

มะลิเพียงพยักหน้ารับสั้นๆ เสียงแผ่วเบารอดลำคอเท่านั้น เขาไม่อยากพูดอะไรนัก…กระเป๋าเสื้อผ้าที่ยังวางกองอยู่เรียกความสนใจจากอีกฝ่าย

“ทั้งหมดนี่เสื้อผ้าเหรอ?” ภพเลิกคิ้ว

มะลิพยักหน้าอีกครั้ง

ภพหัวเราะเบาๆ “งั้นใส่ในตู้ไปสิ”

“ใส่ไม่ได้…มันเต็มแล้ว” มะลิตอบเรียบๆ

ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ เปิดตู้เสื้อผ้าออกก็พบว่ามันแน่นขนัดราวกับปลากระป๋อง เสื้อผ้าของเขาถูกเบียดจนแทบหายใจไม่ออก

“ เดี๋ยวให้ช่างมาต่อเติมให้ก็แล้วกัน คงจะ2-3วันถึงเสร็จ” เขาพูดพลางชี้ไปยังหน้าต่าง “ตอนนี้วางไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้”

มะลิทำตามคำแนะนำ วางกระเป๋าไว้ตรงมุมห้องข้างหน้าต่าง แล้วทอดตามองออกไปยังสวนเบื้องล่าง

เขาไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่ ไม่ได้ต้องการตู้เสื้อผ้าอีกสักใบ…

สิ่งที่มะลิต้องการ—คือสักคนหนึ่ง ที่จะรับเขาไว้ในบ้าน…ในหัวใจ และไม่ไล่เขาไปไหนอีก

น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนแก้มใสขณะมองไปยังหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว มะลิรีบเช็ดมันออก กลัวว่าคนด้านหลังจะเห็น…..

เสียงฝีเท้าของภพที่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ ทำให้มะลิรีบเช็ดน้ำตาออกจากแก้มอย่างลวกๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปมองเขา ดวงตากลมโตยังแดงน้อยๆ ภพที่สังเกตเห็นแต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงเปลี่ยนเรื่องคุย

“บ้านเราร้อนหน่อยนะ แต่ตอนกลางคืนจะค่อนข้างหนาวเลย” น้ำเสียงของภพนิ่งแต่จริงใจ

มะลิรับผ้าเช็ดหน้ามาช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่ชินกับการแสดงความรู้สึกออกมาให้ใครเห็นอีกแล้วโดยเฉพาะผู้ชายแปลกหน้าที่กลายมาเป็นเจ้าบ้านของเธอในตอนนี้

“เดี๋ยวพี่จะพาเดินดูรอบบ้าน เผื่อจะพอทำให้รู้สึกดีขึ้น” ภพพูดต่อ ก่อนจะเดินนำออกไปจากห้อง พาคนตัวเล็กไปดูพื้นที่ต่างๆ เพราะการมากระทันหันแบบนี้ภพคิดว่าอีกคนคงรู้สึกไม่สบายใจไม่น้อย

มะลิมองแผ่นหลังสูงใหญ่ที่ทอดยาวลงไปยังบันไดไม้ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินตามไปอย่างเงียบๆ

สวนผลไม้ที่ล้อมรอบตัวบ้านนั้นร่มรื่นผิดจากที่เธอคาดไว้ กลิ่นหอมของผลไม้ผสมกลิ่นดินหลังฝนตกทำให้รู้สึกเหมือนหลุดออกจากโลกเดิมที่วุ่นวายในกรุงเทพฯ ภพพาเธอเดินดูแปลงทุเรียน มังคุด เงาะ และลำไย พร้อมอธิบายแต่ละต้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่คาดคั้น ไม่เร่งรัด

“ต้นนี้พ่อปลูกเองตั้งแต่พี่เรียนมัธยม ส่วนต้นนั้นป้าทับใจปลูก…ตอนแรกคิดว่าจะตาย แต่ดันรอดซะงั้น” เขาหัวเราะเบาๆ

มะลิไม่พูดอะไร แต่กลับเงยหน้ามองแสงแดดลอดใบไม้ ดวงตาเธอเริ่มคลายความหม่นลงเล็กน้อย บางที…ที่นี่อาจไม่แย่เท่าที่คิด

หลังจากเดินชมสวนเสร็จ ภพพามะลิกลับเข้าบ้าน พอเธอเดินผ่านห้องครัว กลิ่นข้าวสวยร้อนๆ กับไข่เจียวหอมฉุยลอยมาเตะจมูก

“ป้าทับใจทำไว้ให้ มะลิทานก่อนนะ ยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม?”

มะลินิ่ง เธอไม่ได้ตอบ แต่ท้องกลับพยักหน้าแทนคำพูด ภพหัวเราะเบาๆ

“งั้นมากินด้วยกัน พี่ก็หิวเหมือนกัน”

มื้ออาหารเงียบๆ เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศชนบทและความเงียบของคนสองคนที่กำลังทำความรู้จักกันโดยไม่รู้ตัว…

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
10 Chapters
เจอกันครั้งที่1
“แม่เลี้ยงเหรอ… พ่อพา ‘อีนั่น’ เข้ามาในบ้านของแม่!?” เสียงมะลิแหลมสูงขึ้น “นี่มันบ้านของหนูกับแม่นะ!!” ปลายเสียงสั่นสะท้านด้วยทั้งความตกใจและโทสะ ดวงตาเรียวยาวเต็มไปด้วยน้ำใสวาววับ สะท้อนเงาของชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ “ใจเย็นก่อนลูก—” “ไม่! หนูไม่ใจเย็น! แล้วนั่นใครอีกคน!? จันทร์เจ้าใช่ไหม!? จันทร์เจ้า! เพื่อนที่เคยหักหลังหนูตอนมัธยมไงพ่อจำไม่ได้เหรอ!?” เขาหันขวับไปมองหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนกอดอกอย่างไม่สะทกสะท้านตรงมุมบันได “อ้าว…มะลิจำกันได้ด้วยเหรอคะ ดีใจจังเลย” จันทร์เจ้าเอ่ยยิ้มๆ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยแววเยาะหยันแสนเยือกเย็น “อย่ามาเรียกกูแบบนั้น! พ่อ! พ่อไล่พวกนี้ออกไปเลยนะ! บ้านนี้ของแม่! ของหนู! ไม่ใช่ของผู้หญิงที่พ่อไปรับมาจากไหนก็ไม่รู้!” “พอแล้วมะลิ!” เสียงเจ้าสัววิรัตน์ตวาดลั่น ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิทลงในชั่วพริบตา มะลิชะงัก น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งผ่านแก้ม เจ้าสัวหายใจแรง ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ลูกกลับมาเมืองไทยทั้งที พ่อก็ดีใจนะ แต่ลูกกลับอคติแบบนี้ พ่อผิดหวังมาก จันทราเขากลับตัวได้แล้ว ลูกควรปล่อยวางและมองปัจจุบัน” “ควรปล่อยวางงั้นหรอ” มะลิห
last updateLast Updated : 2025-05-02
Read more
เจอกันครั้งที่2
ช่วงเย็น แสงสีส้มอ่อนทอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนอน เสียงจิ้งหรีดเริ่มขับขานเป็นจังหวะคล้ายกล่อมโลกให้หลับใหล ภายในห้องนอนชั้นสอง เตียงไม้สักหลังใหญ่ปูผ้าปูเตียงลายเรียบสะอาดตา กลับดูแคบลงทันทีเมื่อมีคนสองคนนั่งอยู่ปลายเตียง — มะลิและภพ มะลินั่งกอดเข่ามองออกนอกหน้าต่าง เธอรู้สึกอึดอัดกับการต้องใช้ห้องนอนเดียวกัน แม้เตียงจะใหญ่แต่ความใกล้ชิดระหว่างเธอกับเขาทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ภพวางหมอนอีกใบลงเบาๆ แล้วหันมามองมะลิ “ช่วงนี้เรียนเป็นไงบ้าง สบายดีใช่ไหม?” เสียงของเขาไม่ได้เร่งเร้า แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย มะลิหันมามองเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตอบสั้นๆ “ก็เรื่อย ๆ ค่ะ” “เพื่อน ๆ ล่ะ?” “…ก็มีบ้าง” ภพยิ้มจาง ๆ เขารู้ว่าเธอยังไม่เปิดใจ ก็ไม่คิดจะบังคับอะไรอีก “งั้นก็นอนได้เลยนะ ถ้าง่วง พรุ่งนี้ตื่นเช้าเดี๋ยวพี่จะออกไปดูสวนแต่เช้า” มะลิไม่ตอบอะไร เธอเพียงล้มตัวลงนอน หันหลังให้ชายหนุ่ม ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมทั่วห้อง ไม่ทันถึงสิบนาที เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเธอก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าเธอหลับไปแล้ว ภพมองแผ่นหลังเล็ก ๆ นั้นเงียบ ๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างซึมลึกในใจเขา —
last updateLast Updated : 2025-05-02
Read more
เจอกันครั้งที่3
บ่ายวันนั้น แดดร้อนจัด ภพวางถังน้ำลงแล้วหันมาหามะลิ “มะลิ เดี๋ยวช่วงบ่ายพี่ต้องไปทำงานในสำนักงานนะครับ” เขาถอดหมวกแล้วปาดเหงื่อ “ตรงนี้ช่วยจัดการต่อเองได้ไหม?” มะลิมองหน้าเขานิ่ง ๆ ไม่ตอบ ภพยิ้มบาง “ไม่ยากหรอก แค่เก็บทุเรียนที่สุก แล้วเอาไปไว้ใต้โรงเรือน พี่กลับมาจะช่วยชั่งน้ำหนักต่อ” “…อืม” เธอพยักหน้าสั้น ๆ ภพวางมือบนบ่ามะลิแผ่วเบา “ถ้ามีอะไรเรียกป้าไพรหรือคนสวนได้เลยนะครับ พี่ไปแค่แป๊บเดียว” เขาเดินออกไป มะลิเหลือบมองแผ่นหลังเขาเงียบ ๆ อีกมุมของสวน กลุ่มคนงานชายสองคนยืนพักอยู่ใต้ร่มไม้ คนหนึ่งยกน้ำขึ้นดื่ม อีกคนกระซิบเบา ๆ “นั่นลูกสาวเจ้านายที่เพิ่งมาน่ะเหรอ?” เขาพยักเพยิดไปทางมะลิที่กำลังยืนถือไม้สอยอยู่คนเดียว “เออ ใช่ ได้ยินว่าพ่อเขาทิ้งนะ ถึงได้โดนส่งมานี่” “จริงดิ?” “จริงสิวะ เห็นว่าไม่ใช่แค่ทิ้งเฉย ๆ ยังให้ทำงานอีก สงสัยทำงานใช้หนี้” อีกคนถอนหายใจ “ชีวิตคุณหนูนี่มันกลับตาลปัตรดีแท้ เมื่อก่อนเห็นแต่ภาพสวยหรูในข่าว ตอนนี้ต้องมายืนเก็บทุเรียน” “พ่อแม่รวยก็ใช่ว่าจะรักลูกเสมอไป” ทั้งคู่หัวเราะเบา ๆ มะลิยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล เสียงพูดคุยแว่วเข้าหูชัดเ
last updateLast Updated : 2025-05-08
Read more
เจอกันครั้งที่4
เมื่อผ่านไปสองสามวันหลังจากที่เราอยู่ด้วยกันมา,นี่ก็เข้าสัปดาห์แรกแล้วที่มะลิมาอยู่ที่นี่เต็มตัว และภพก็ได้รู้อีกเรื่อง—มะลิมักนอนละเมอในยามค่ำคืน เสียงกระซิบสะอื้นแผ่วเบาในความมืดทำให้เขานอนไม่เต็มตา ทำให้ต้องอยู่รอจนกว่ามะลิจะสงบและเลิกละเมอ ขอบตาของภพคล้ำลงจนป้าแม่บ้านยังอดทักไม่ได้ “คุณภพ ไปทำอะไรมาคะ หน้าตาโทรมเชียว” ภพยิ้มบาง ๆ ตอบแค่สั้น ๆ “นอนดึกนิดหน่อยครับป้า ไม่เป็นไร” วันนี้มะลิไม่ได้ออกไปทำงาน อยู่บ้านคนเดียวอย่างเงียบ ๆ ป้าแม่บ้านติดธุระไม่อยู่ มะลินั่งเล่นอยู่ห้องรับแขกคนเดียว เสียงนาฬิกาในบ้านดังเป็นจังหวะนิ่งสงบ ภพออกไปดูงานที่อำเภอข้างเคียง ปล่อยบ้านไว้ในความเงียบ เมื่อสาย ๆ มีพัสดุจ่าหน้าชื่อมะลิมาส่ง มะลิเปิดกล่องอย่างสงสัย ก่อนจะชะงักตาค้าง ภายในกล่องมีซากหนอนตาย แมลงสาบแห้งกรัง และซากหนูเน่าเปื่อย กลิ่นเหม็นตีขึ้นจนมะลิหน้าซีด “กรี๊ดดดด” ร่างบางกรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ กล่องหล่นกระแทกพื้น ตาว ลูกน้องคนสนิทของภพที่ทำงานอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงรีบวิ่งมา ทว่าไม่เจอใคร เห็นแค่กล่องที่หล่นอยู่หน้าบ้าน เขารีบโทรรายงานภพทันที “นายครับ มีเรื่องแล้วค
last updateLast Updated : 2025-05-08
Read more
เจอกันครั้งที่5
สองวันหลังจากเหตุการณ์กล่องประหลาด ภพก็ได้รับสายจากสารวัตร “เจอเบาะแสแล้ว นายชื่ออีธานมีประวัติแจ้งความจากผู้หญิงหลายรายทั้งในและต่างประเทศทั้งเรื่องทำร้ายร่างกายและข่มขู่ มีสองคดีที่ยังไม่ปิด และเขาถูกขับออกจากเมืองเก่าเมื่อห้าเดือนก่อน… แต่ตอนนี้เพิ่งกลับเข้ามาเงียบ ๆ” พี่ภพขบกรามแน่น “เขาอยู่ที่ไหน” “ล่าสุดมีคนเห็นที่รีสอร์ตเงียบ ๆ ทางฝั่งตะวันออกอำเภอ ถ้านายจะไป อย่าไปคนเดียว” ภพวางสายด้วยหัวใจหนักอึ้ง เขาไม่พูดอะไรกับมะลิในตอนนี้ เขารู้ว่าเธอเพิ่งเริ่มยืนขึ้นได้บ้าง เขาไม่อยากให้เธอล้มอีก คืนนั้น มะลิกำลังพับผ้าริมเตียง พี่ภพเดินเข้ามาในห้องหลังเสร็จจากงานที่รีบตัดจบเพื่อกลับมาทันเย็น “มะลิ วันนี้โอเคไหมครับ” เสียงพี่นุ่มนวลกว่าทุกวัน เหมือนรู้ว่ากำแพงเธอเริ่มบางลง มะลิพยักหน้าเบา ๆ “อือ” น้ำเสียงยังเรียบนิ่ง แต่เรียก พี่ แบบไม่ต้องให้ทวนซ้ำเหมือนก่อน พี่ภพเดินมาใกล้ เอื้อมมือจับไหล่บางเบา ๆ “มะลิ… ถ้าวันไหนรู้สึกเหมือนมีคนตาม หรืออะไรแปลก ๆ บอกพี่นะครับ ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว” มะลิมองพี่อย่างสับสนเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าช้า ๆ “พี่… พี่รู้อะไรใช่ไหม” พี่ลังเลนิดหน
last updateLast Updated : 2025-06-06
Read more
เจอกันครั้งที่6
ภพ part เสียงกรีดร้องดังลั่นออกมาจากตัวบ้านจนผมหยุดการพูดคุยกับลูกน้องทางโทรศัพท์แทบจะในทันที หัวใจมันกระตุกขึ้นอย่างแรง ทั้งเสียง ทั้งน้ำเสียงแบบนั้น…มันไม่ใช่การโวยวายธรรมดา “มะลิ…” ผมเรียกชื่อเขาในใจ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้าไปในบ้านทันที สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือร่างของมะลิ—เสื้อเชิ้ตสีซีดถูกรั้งจนยับยู่ ผมกระเซิง ดวงตาแดงก่ำ และกำลังยืนสั่นเทาอยู่ตรงบันไดขั้นแรก ห่างจากแม่เลี้ยงของเขาเพียงไม่กี่ก้าว “ออกไป! มึงออกไปจากบ้านกู!!” มะลิตะโกนเสียงแหบ สองมือกำแน่นจนข้อขึ้นสีขาว เขาสั่นจนผมกลัวว่าจะเป็นลมไปตรงนั้น แม่เลี้ยงแค่นยิ้มมุมปากก่อนจะสะบัดหน้าหนี เดินก้าวฉับ ๆ ผ่านตัวผมออกไปโดยไม่พูดอะไร “มะลิ…” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้ง เบา ๆ แต่เขาเหมือนไม่ได้ยินเลย ผมเดินเข้าไปใกล้ ช้า ๆ เหมือนเข้าใกล้ลูกสัตว์ที่บาดเจ็บหนัก และพร้อมจะตะปบใส่คนที่แตะต้องตัวมัน “มะลิ เป็นอะไร ใจเย็นก่อนครับ…” ผมยื่นมือออกไปแต่เขาถอยหลัง หน้าตาเขาตอนนี้เต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่ผม…ไม่เข้าใจเลย เขาดูโกรธ ดูเจ็บ ดูปวดแบบที่ผมไม่รู้จะเข้าถึงมันได้ยังไง ในหัวผมตอนนั้นเต็มไปด้วยคำถาม แม่เลี้ยงคนนั้นพูดอะไร
last updateLast Updated : 2025-06-07
Read more
เจอกันครั้งที่7
คำเตือน: ฉากนี้มีความรุนแรงที่อาจกระทบต่อบางท่าน หากคุณรู้สึกไม่สะดวกใจเกี่ยวกับเนื้อหาในส่วนนี้ โปรดทราบว่ามีความตั้งใจให้สะท้อนถึงความเจ็บปวดในตัวมะลิและความพยายามในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อมะลิมาถึงที่นี่—ริมทะเลที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก—รู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่ปลอดภัยจากโลกภายนอก…แต่ไม่ใช่จากตัวเอง มันเป็นบ้านเก่าหลังหนึ่งที่เจ้าของไม่เอาแล้ว หินปูนบ้าง ผนังบางทีก็แตก ตู้ไม้ที่ดูเหมือนจะเก่ากว่าสมาชิกในบ้าน แต่มะลิไม่เคยคิดเรื่องนั้นมากนัก มันมีแค่ทะเลกับฟ้า—และความเงียบ ที่ไม่มีใครถาม ไม่ต้องตอบ มะลินั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้เก่าๆ ในห้องนั่งเล่น ดูคลื่นที่สาดมาทะเล หยดน้ำเล็กๆ กำลังไหลจากหน้าต่างเข้ามา พร้อมกับเสียงสายลมที่พัดเบาๆ เหมือนจะบอกว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไป—ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แต่บางครั้ง…ทำไมมันถึงหนักอยู่ในใจอย่างนี้? มะลิไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไรจากภพ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา—เดือนเดียวที่อยู่กับภพ—มะลิไม่เคยรู้สึกเหมือนตอนนี้ ทุกอย่างมันเหมือนคำว่า “ห่วง” ที่ภพพูดมาตลอด มันทำให้มะลิรู้สึกเหมือนอยู่ในกรงเหล็ก ที่ไม่สามารถหายใจได้เต็มปอ
last updateLast Updated : 2025-06-08
Read more
เจอกันครั้งที่8
เสียงคลื่นซัดเบาๆ ยามรุ่งสาง เงาทะเลขลุกขลิกอยู่ใต้พื้นไม้บ้านที่เริ่มทรุดโทรม มะลิสะพายกระเป๋าเล็กๆ ใบหนึ่ง เดินกะเผลกลงจากบ้านไม้ที่เคยซ่อนตัวอยู่มานานหลายสัปดาห์ บนตัวเธอยังมีร่องรอยบอบช้ำจากเหตุการณ์ร้ายแรงก่อนหน้า แม้จะไม่สดใหม่แต่ก็ยังเจ็บ ใจเธอก็เช่นกัน “ขึ้นเรือเลย เดี๋ยวคลื่นมันแรง” เสียงของชาวประมงวัยกลางคน ใบหน้าเหี่ยวย่นแต่แววตายังมีความเมตตา ชายคนนั้นเป็นคนที่ช่วยเธอไว้วันนั้น และตอนนี้ เขายอมให้เธอหนีจากฝั่ง…ไปยังเกาะหนึ่งที่ “ไม่มีใครตามหาเจอ” เรือแล่นผ่านทะเลที่เงียบสงบแต่ไกลออกไปเรื่อยๆ ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีรีสอร์ต ไม่มีสะพานไม้ใดๆเชื่อมถึง แผ่นดินที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า คือเกาะเล็กๆ ที่ไม่ปรากฏบนแผนที่ท่องเที่ยว มีเพียงเงาไม้สูงแซมๆ กับแนวชายหาดสีน้ำตาลซีด “ตรงนั้นแหละ บ้านไม้ยกสูง ฉันไม่ค่อยได้ใช้มันแล้ว มีครัว มีโอ่งน้ำฝน ถ้าฝนไม่ตกก็ต้องเดินไปตักที่คลองข้างหลัง” “กินอะไรก็หาหาเอาเองนะ ใต้ทะเลมีปลา ใต้ดินมีหัวเผือกหัวมัน ถ้าอยู่เฉยๆ ระวังจะอดตายซะก่อน” เสียงชาวประมงพูดพลางจอดเรือ แต่ไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาพูดแบบคนเคยลำบาก และกำลังบอกเตื
last updateLast Updated : 2025-06-09
Read more
เจอกันครั้งที่9
“คุณภพครับ… ผมคิดว่าเราเจอตัวแล้ว”เสียงปลายสายของนักสืบเอกชนที่เขาจ้างไว้ดังขึ้นตอนเช้ามืดภพรีบลุกจากโต๊ะทำงานที่เขานั่งค้างคืนอีกแล้วบนโต๊ะยังเต็มไปด้วยเอกสารกองพะเนินและถ้วยกาแฟหมดเกลี้ยงสามใบ“อยู่ไหน?”เขาถามเสียงแหบต่ำด้วยความหวังที่ไม่กล้าเปล่งเต็มเสียง“เป็นเกาะห่างจากชายฝั่งราว 40 นาทีโดยเรือประมงครับ ชาวบ้านบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาหลบอาศัยอยู่เงียบๆ บ้านไม้หลังเล็กๆ บนเนิน ริมอ่าวฝั่งใต้…”หัวใจของภพเต้นแรงขึ้นเขาไม่แม้แต่จะขอบคุณก่อนจะวางสาย เขาเพียงสั่งเสียงสั้น“จัดเรือให้ภายในคืนนี้”เขาคิดจะทิ้งทุกอย่างทันที แต่แล้ว…ข่าวร้ายก็มาถึงแบบไม่ทันตั้งตัวในเช้าวันเดียวกัน เลขาส่วนตัววิ่งเข้ามาในห้องทำงานใบหน้าเธอซีดเผือด ริมฝีปากสั่น“คุณภพคะ… จีนตีกลับตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด”เธอวางเอกสารบนโต๊ะ“เขาระบุว่าเจอสารตกค้างในผลไม้… ระดับเกินกว่ามาตรฐานหลายเท่า”ภพนิ่งงันไม่พูด ไม่ถามเขาเปิดเอกสารพลิกไปมา — แล้วโยนทิ้งลงพื้น“ใครเป็นคนรับผิดชอบล็อตนี้”“ฝ่ายตรวจสารเคมีค่ะ แต่… พวกเขายืนยันว่าไม่มีทางผิดพลาด เราคุมคุณภาพระดับสูงมาโดยตลอด…”“แปลว่าเราโดนใส่ร้าย”เสียงภพเย็นชาจนแม
last updateLast Updated : 2025-06-10
Read more
เจอกันครั้งที่10
เสียงคลื่นซัดกระทบชายหาดเป็นจังหวะเบาๆ ยามเย็น มะลินั่งอยู่บนบันไดบ้านไม้ยกสูง ปล่อยให้เท้าสัมผัสทรายอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายซีดเซียวและผอมลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ น้ำหนักลด เสื้อผ้าหลวมจนไหล่แทบโผล่ แต่ในความเงียบสงบนั้น—มีบางอย่างผิดปกติ เสียงไม้แห้งกรอบถูกเหยียบย่ำ เสียงฝีเท้า… หนักแน่น และเร่งเร้า มะลิหันขวับ ชั่ววินาทีนั้น หัวใจร่วงวูบ ชายสี่คนในชุดดำปี๋เดินขึ้นฝั่งมาจากด้านหลังเกาะ คนหนึ่งควักอะไรบางอย่างจากเอวเหมือนเป็นมีด อีกคนถือเหล็กยาวดัดแปลงจากท่อน้ำ พวกมันเดินตรงเข้ามาที่บ้าน “มะลิใช่มั้ย” หนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงเรียบ ราวกับรู้ทุกอย่างแล้ว มะลิลุกขึ้นถอยหลัง น้ำตาเริ่มคลอโดยไม่รู้ตัว “จะเอาอะไรรึเปล่า…?” เสียงมะลิสั่นเครือ ทั้งกลัวทั้งสับสน “ของที่มึงขโมยมา… ส่งคืนมาเงียบๆ ไม่งั้นพวกกูต้องจัดการ” พวกมันไม่มีเจตนาคุย มะลิหันหลังจะหนี แต่ไม่ทัน ตึง! หลังถูกกระแทก ร่างเล็กปลิวล้มไปกับพื้นทราย พวกมันรุมกระทืบไม่ยั้ง เหมือนเก็บความโกรธไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เสียงร้องของมะลิแหบแห้ง เจ็บจุกในทุกส่วน ชายคนหนึ่งกระชากผมเธอขึ้นมาพร้อมตะโกน “อย่าคิดว่าหนีแล้ว
last updateLast Updated : 2025-06-12
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status