โจวอวี๋ชูศึกษาบทละครไม่มากพอ อีกทั้งความเข้าใจในมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมก็ตื้นเขินเกินไป ซึ่งส่งผลโดยตรงทำให้การแสดงของเธอดูผิวเผินเปิดกล้องมาได้หนึ่งสัปดาห์ แต่การถ่ายทำแทบไม่คืบหน้าในที่สุด ผู้กำกับเกาก็โกรธจนทนไม่ไหว!“คัต! คัต! คัต!”เสียงตะโกนอย่างเดือดดาลของผู้กำกับเกาดังขึ้นเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนในกองถ่าย “ไม่ต้องถ่ายมันแล้ว!!”หยางเหิงรีบเข้าไปปลอบ “ผู้กำกับเกา ใจเย็น ๆ ก่อน โกรธมากไปจะเสียสุขภาพนะ คุณโจวของเราอาจจะไม่ได้ถ่ายละครมานาน เลยยังปรับตัวไม่ได้ คุณช่วยทนอีกหน่อย...”“นี่มันหนึ่งสัปดาห์แล้วนะ!” ผู้กำกับเกาเท้าสะเอวตะคอก “เทคเดียวก็ยังไม่ผ่าน ทีมงานตั้งหลายคนต้องมาเสียเวลากับเธอแค่คนเดียวเนี่ยนะ? ประวัติตัวละครที่ผมให้ไป เธอไม่ได้อ่านหรือไง?”หยางเหิงฝืนยิ้ม “อ่านแล้วครับ อ่านแล้ว...”“อ่านแล้วทำไมยังแสดงออกมาได้แย่ขนาดนี้?” ผู้กำกับเกากุมต้นคอ สูดหายใจลึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สุดท้ายก็ยิ่งคิดยิ่งโมโห“ตอนแรกผมก็บอกแล้วว่าบทนี้เธอไม่เหมาะ พวกคุณนั่นแหละที่ดึงดันจะ...”ผู้กำกับเกาถอนหายใจ “คุณโทรหาเจ้านายใหญ่เลยนะ บอกให้เปลี่ยนตัวคุณโจวซะ ให้เด็กในบริษัทของเราคนน
สวมเขา?เสิ่นชิงซูหัวเราะเยาะ “ฟู่ซือเหยียน คุณไม่มีศีลธรรมเอง เลยมองว่าใคร ๆ ก็สกปรกไปหมดสินะ?”“หรือว่าผมพูดผิดตรงไหน?”ฟู่ซือเหยียนก้าวเข้ามาใกล้เธอด้านหลังของเสิ่นชิงซูคือห้องน้ำ เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว กดเสียงเตือน “หยุดอยู่ตรงนั้น”“ทำไม?” ใบหน้าของฟู่ซือเหยียนมืดครึ้ม “กับจิ้นเชวี่ยและเวินจิ่งซีสนิทสนมได้ แต่กับผม กลับหลีกเลี่ยงเหมือนอสรพิษงั้นเหรอ?”เสิ่นชิงซูขมวดคิ้วจ้องมองเขา กลัวว่าจะปลุกลูกสาวให้ตื่น จึงกดเสียงต่ำพูดอย่างโกรธเคือง “คุณมันบ้า ฉันคุยกับคุณไม่รู้เรื่อง ออกไป!”ฟู่ซือเหยียนจะยอมได้อย่างไร?มือใหญ่ของชายหนุ่มคว้าข้อมือของเธอไว้แน่น แล้วลากเธอเข้าไปในห้องน้ำ!“ฟู่ซือเหยียน...”พร้อมกับเสียงร้องแผ่วเบาของผู้หญิง ประตูห้องน้ำก็ถูกปิดลง!เสิ่นชิงซูถูกชายหนุ่มดันจนชิดผนังห้องน้ำเขาบีบคางของเธอ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา“เสิ่นชิงซู ตอนนี้คุณยังเป็นคุณนายฟู่อยู่ คุณจำสถานะของตัวเองให้ดี!”ความเจ็บปวดแล่นแปลบขึ้นมาที่คาง เสิ่นชิงซูยกมือขึ้นผลักเขา ตะโกนอย่างสุดจะทน “ฟู่ซือเหยียน ปล่อยฉันนะ!”“ทำไม” ฟู่ซือเหยียนโน้มตัวเข้าไปใกล้ ปลายจมูกของทั้งสองห
ในเวลานี้ ฟู่ซือเหยียนที่อยู่ในห้องวีไอพีก็มองมาทางเธอพอดีเมื่อสายตาทั้งคู่สบประสานกัน เสิ่นชิงซูก็เบือนหน้าหนีทันที “ไม่จำเป็น เรานัดคนไว้แล้ว”พูดจบ เสิ่นชิงซูก็พาถานอีอี้และเสี่ยวอันหนิงเดินเข้าไปในห้องข้าง ๆ ทันทีหนีอวี่เถียนมองประตูห้องที่ปิดลง ดวงตาใสแวววับขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นเธอก็หันกลับมา มองฟู่ซือเหยียนแล้วพูดอย่างจนใจว่า “คุณฟู่คะ ขอโทษนะคะ ฉันพูดอะไรผิดไปอีกแล้วหรือเปล่าคะ?”ฟู่ซือเหยียนไม่ได้พูดอะไร เพียงตามองฟู่ซืออวี่ฟู่ซืออวี่ก้มหน้าลง ดูผิดหวังอย่างยิ่งฟู่ซือเหยียนละสายตากลับมา แววตามืดมนลง......ห้องส่วนตัวด้านข้างเสิ่นชิงซูวางเสี่ยวอันหนิงลงบนเก้าอี้เด็กถานอีอี้มองเสี่ยวอันหนิงครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถาม “อาซู เธอคิดว่าครูหนีเป็นคนยังไงเหรอ”เสิ่นชิงซูชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างเรียบเฉย “ธรรมดามั้ง”เสี่ยวอันหนิงกำลังกินผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ ดวงตากลมโตเหลือบมองแม่ทีหนึ่ง แล้วก็เหลือบมองถานอีอี้ทีหนึ่งเมื่อถานอีอี้เห็นดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อต่อหน้าเด็ก ไม่พูดเรื่องพวกนี้จะดีกว่า......ไม่นานจิ้นเชวี่ยก็มาถึงเมื่อเห็นจิ้นเชวี่ย เสี่ยวอ
“คุณนายกู้เป็นผู้หญิงใจอ่อน สุดท้ายก็ยกโทษให้กู้เจิง”โจวอวี๋ชูพูดมาถึงตรงนี้ก็อดสะท้อนใจไม่ได้ “เห็นว่าช่วงนี้กู้เจิงกลายเป็นพวกคลั่งเอาใจเมีย เขากับคุณนายกู้คิดจะจัดงานเลี้ยงครบรอบแต่งงานสามสิบปี เหมือนจะเป็นตอนสิ้นเดือนนี้แหละค่ะ?”หลินหลานอี๋โกรธจนวางสายไปทื่อ ๆ!โจวอวี๋ชูได้ยินเสียงสายไม่ว่างก็อารมณ์ดีสุด ๆ!เธอรู้ ถ้าหลินหลานอี๋รู้ว่ากู้เจิงมีความสุขมาก ต้องแค้นใจแน่!อีกไม่กี่วัน หลินหลานอี๋ต้องอดรนทนไม่ไหวไปหากู้เจิงแน่ถึงตอนนั้นก็จะเป็นช่วงเวลามืดมนที่สุดของหลินหลานอี๋แล้ว!โจวอวี๋ชูยกยิ้ม ในดวงตาคือแผนการและความเย็นชาโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกหน้าโจวอวี๋ชูตัดสายทันทีแบบไม่คิดมากกลับถึงห้องอาบน้ำออกมา โทรศัพท์ยังดังไม่หยุดพอเห็นว่ายังเป็นเบอร์เมื่อกี้โจวอวี๋ชูลังเลชั่วขณะ ก่อนจะรับสาย “ใครคะ?”“ฉันเองค่ะ เสิ่นฉู่ซี”เสียงผู้หญิงดังมาจากในโทรศัพท์ “ทางฉันมีของ เรามาแลกเปลี่ยนกันเป็นไงคะ?”โจวอวี๋ชูขมวดคิ้ว “ของอะไร?”“เกี่ยวกับเสิ่นชิงซู”พอโจวอวี๋ชูได้ยินก็เลิกคิ้วเกี่ยวกับเสิ่นชิงซูงั้นเหรอ?“ของอะไร?”“เรามาเจอกัน แล้วฉันจะเอาให้คุณดูต่อหน
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง เสิ่นชิงซูกับเวินจิ่งซีเดินออกมาจากร้านน้ำชาทั้งสองคนขึ้นรถแลนด์โรเวอร์สีขาวเคลื่อนออกไปในห้องส่วนตัวสไตล์จีนที่ชั้นสองของร้านน้ำชาในเวลานี้ชายสูงวัยท่านนั้นผลักประตูเดินเข้ามาผู้ชายในชุดสูทสีดำที่ถูกเรียกว่า ‘ท่านเจ็ด’ ตั้งแต่เมื่อครู่ลุกขึ้นยืน โค้งตัวกับชายสูงวัย “อาลี่ เซ็นสัญญาแล้วครับ ตามที่ท่านเจ็ดสั่ง คุณเสิ่นจะถือหุ้นมากที่สุด”อาลี่รับสัญญามา “คุณเสิ่นมีเงื่อนไขอะไรหรือเปล่า?”“เธอก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แค่ขอให้เก็บฐานะหุ้นส่วนของเธอเป็นความลับ และอยากดึงดาราหญิงคนหนึ่งมาครับ”“ใคร?”“โจวอวี๋ชู”อาลี่หยิบโทรศัพท์กดหมายเลขหนึ่งเขาบอกความต้องการของเสิ่นชิงซูกับอีกฝ่ายเสียงผู้ชายทุ้มต่ำดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “ไม่ว่าเธอต้องการอะไรก็รับปากทั้งหมด”“เข้าใจแล้วครับ”หลังจากวางสาย อาลี่ก็เก็บโทรศัพท์และมองผู้ชายอีกคน ก่อนจะพูด “ต่อไปบริษัทนี้คุณเสิ่นจะเป็นใหญ่ ไม่ว่าเธอต้องการอะไรก็ทำตามทั้งหมด”อีกฝ่ายผงกศีรษะด้วยความเคารพ “ครับ ผมทราบแล้ว!”......หนึ่งสัปดาห์ต่อมา โจวอวี๋ชูยกเลิกสัญญากับบริษัทเดิมและไปบริษัทเอ็นเตอร์เทนใหม่บริษัทนี้เป็นบร
จากไปสี่ปี สตูดิโอยังดำเนินงานตามปกติตอนแรกที่เธอไป เสียลูกค้าเก่าไปส่วนหนึ่ง กระทั่งสองปีนี้ธุรกิจจึงค่อย ๆ ดีขึ้นเสิ่นชิงซูพาเสี่ยวอันหนิงกลับมา พนักงานในสตูดิโอดีใจกันมาก!พอเห็นเสี่ยวอันหนิง ทุกคนก็ชมว่าเธอน่ารัก หน้าเหมือนเสิ่นชิงซูมากเสี่ยวอันหนิงเป็นเด็กที่เข้าสังคมเก่ง ไม่ลุง ๆ น้า ๆ แปลกหน้าไม่ห่างเหินสักนิดเวินจิ่งซีอุ้มเธอทำความรู้จักกับทุกคนรอบหนึ่ง ก่อนจะพาเสี่ยวอันหนิงไปดูโกลเด้นเจ้าโกลเด้นน้อยเมื่อสี่ปีก่อน เวลานี้ตัวใหญ่มากแล้ว เป็นสุนัขเต็มวัยตัวหนึ่งบ้านสุนัขเล็ก ๆ บรรจุมันไม่ได้แล้วลู่เสี่ยวหานจึงเก็บห้องเก็บของแล้วให้มันอยู่ในนั้นตัวเดียวราวกับสัมผัสได้ พออาหยวนเห็นเสี่ยวอันหนิงก็ส่ายหางอย่างเริงร่าเวินจิ่งซีไม่ให้เสี่ยวอันหนิงเข้าไปลูบ กลัวว่าเธอจะแพ้ขนสุนัข“มันดูเหมือนคนซื่อจังเลย!”อาหยวน “โฮ่ง ๆ!”“มันเป็นหมาที่แม่หนูเลี้ยง ตอนเพิ่งเอากลับมายังเป็นลูกหมาอยู่เลย ติดแม่หนูมาก ๆ”“งั้นตอนนั้นที่แม่ไปทำไมไม่เอามันไปด้วยล่ะคะ?”“เพราะตอนนี้แม่ยังท้องหนูอยู่ไง!” เวินจิ่งซีลูบศีรษะของเด็กน้อย “เพื่อดูแลหนูให้ดี เธอก็เลยได้แต่ทิ้งอาหยวนอยู่ที่นี