คุณมันเลว ep 10
ป้าแม่บ้านพาเธอมายังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ กลางเก่ากลางใหม่และพอจะเดาออกว่ามันเป็นห้องของคนรับใช้ “อาบไหวไหม” “ไหวค่ะ” “อ่ะ นี่เสื้อผ้าของหนูและนี่ก็คือห้องของหนูนะ อยู่ได้ใช่ไหม” ป้าแม่บ้านถามด้วยความเป็นห่วง เพราะที่นี่เคยเป็นห้องของคนรับใช้เก่าที่พึ่งย้ายออกไป “อยู่ได้ค่ะ” ยาหยีรับเสื้อผ้าไว้ในมือก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วค่อยๆ เดินเข้าห้องน้ำ แต่ร่างบางก็ต้องร้องไห้โฮเมื่อเห็นรอยช้ำตามร่างกายในกระจก สุดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ รู้สึกสงสารที่ปกป้องตัวเองจากเงื้อมือของปีศาจไม่ได้ มือบางถูคราบสีขาวบริเวณต้นขางามด้วยความรังเกียจ มันเป็นคราบน้ำรักของผู้ชายคนนั้นที่ไม่เห็นแม้กระทั่งหน้าแต่รู้ว่าเขาชื่อ ‘โทคิยะ’ ร่างบางฉุดคิดขึ้นได้ว่าถ้าเขาปล่อยน้ำรักในตัวของเธอจะทำอย่างไร ถึงแม้จะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แต่ก็พอจะรู้เรื่องสุขศึกษาอยู่บ้าง กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ปาไปแล้วครึ่งชั่วโมง เพราะหญิงสาวค่อนข้างขยับตัวลำบาก เจ็บไปทุกส่วนราวกับโดนรถยนต์ทับ หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จท้องแบนเรียบของเธอก็ร้องจ๊อกด้วยความหิว ใจคอเขาคงจะให้เธออดอาหารตายสินะ “หิวข้าวยัง” ป้าแม่บ้านเดินเข้ามาพร้อมถาดข้าวและน้ำเปล่า “หะ..หิวค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามตรง เพราะตอนนี้หิวจนแสบร้อนท้องไปหมด “อ่ะ นี่มากินข้าวเร็ว” ป้าแม่บ้านยื่นถาดอาหารมาให้ หญิงสาวรีบรับไว้ก่อนจะตักข้าวกินด้วยความหิวโหย “ท่าทางคงจะหิวมาก” “นิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวตอบทั้งที่ข้าวเต็มปาก จนแก้มตุย ก่อนที่ดวงตากลมโตจะมองหน้าของป้าแม่บ้านชัดๆ “คุณป้าเป็นคนไทยหรอคะ” “ใช่จ้ะ ป้าเป็นคนไทย หนูก็เป็นคนไทยเหมือนกันหรอ เห็นน่ารักๆ เหมือนสาวญี่ปุ่น” “คนไทยค่ะ หนูชื่อยาหยี” “ป้าชื่อป้าน้อยนะ เป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่นานละ ตั้งแต่คุณโทคิยะยังอยู่เมืองไทย” “จะ..เจ้านายของคุณป้าเป็นคนไทยหรอคะ” ร่างบางตาแป๋วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นน่ะ พอพ่อเสียก็ย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นถาวรเลย” “ปะ..ปกติเขาเป็นคนแบบไหนคะ” พอรู้ว่าหนีไม่ได้ยาหยีก็ต้องปรับให้อยู่ที่นี่ เพราะอย่างน้อยถ้ารู้จักนิสัยหรือตัวตนของเขา เธอจะได้หลีกเลี่ยงการปะทะอารมณ์เพราะไม่อยากเจ็บตัวแบบนี้ “เป็นคนใจร้อนค่ะกล้าได้กล้าเสีย ไม่แคร์ความรู้สึกใคร แต่คุณโทคิยะเป็นคนรักลูกน้องมากเลยนะ แต่กลับโดนหักหลังซะงั้น” “คะ..คนที่หักหลังคือคนที่ชื่อใหญ่ใช่ไหมคะ” “ประมาณนั้นแหละ ป้ารู้แค่ว่าใหญ่เป็นคนฆ่าพ่อของเขา คุณโทคิยะเลยโกรธมากถึงขั้นสั่งคนตามล่า” “...” ร่างบางถอนหายใจ กลัวว่าพี่ชายของเธอจะหนีเงื้อมือของเขาไม่พ้น ทุกวันนี้เธอยังไม่เชื่อว่าพี่ชายของเธอจะฆ่าพ่อของเขา พี่ใหญ่ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน “ป้ารู้ว่าหนูกลัว” ป้าน้อยลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ ยิ่งเห็นร่องรอยอันแสนป่าเถื่อนยิ่งสงสารจับใจ “ถ้าหนูว่านอนสอนง่าย ป้าเชื่อว่าคุณโทคิยะต้องไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” “...” “ต่อให้เขาจะโหดร้ายแค่ไหน แต่ป้าเชื่อว่าลึกๆ แล้วเขาก็แพ้ความอ่อนโยนเหมือนกัน” “หนูจะพยายามไม่ปะทะอารมณ์กับเขาค่ะ เขาอยากทำอะไรหนูก็จะให้เขาทำ เพราะหนูกลัวไม่มีชีวิตอยู่เจอหน้าพี่ชาย” “ดีมาก” ป้าน้อยคลียิ้มด้วยความเอ็นดู เด็กสาวคนนี้อ่อนโตโลกยิ่งนัก เมื่อเทียบกับโทคิยะแล้วเธอเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด หลังจากกินข้าวเสร็จหญิงก็นั่งเหม่อลอยที่ริมหน้าต่าง บางทีก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ พ่อแม่เสียแถมพี่ชายสุดที่รักก็หายตัวไปทิ้งเธอไว้คนเดียว พี่ใหญ่จะรู้ไหมว่าตอนนี้เขาจับตัวเธอมา ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งไม่อยากให้พี่ใหญ่รู้ เพราะถ้าเกิดเขาเจอพี่ใหญ่เขาก็จะฆ่าพี่ชายของเธอทันที คนเลืิอดเย็นแบบเขาไม่ปราณีพี่ใหญ่แน่นอน! ดวงตากลมโตปรายตาไปยังนอกหน้าต่าง เธอเห็นลูกน้องโทคิยะเฝ้าอยู่ทั่วสารทิศ จะหนีไปก็คงยาก คงต้องนั่งชดใช้กรรมที่ไม่ได้ก่อต่อไป เสมือนรอคอยวันตายเพราะเขาจะฆ่าเธอทิ้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ฮึก...ฮื้อๆๆๆ ~” พลันน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลร่วงลงมาจากดวงตากลมโต แววตาละห้อยมองออกไปนอกหน้าต่าง อยากหนีจากที่นี่เหลือเกิน ที่นี่ไม่ต่างจากคุกที่ขังเธอไว้ เขาจะกลับมากระทำชำเราเธออีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ต้องอยู่แบบหวาดระแวง “พ่อจ๋า..แม่จ๋า..ช่วยหนูด้วยฮื้อๆๆ ~” หญิงสาวอ้อนวอนทั้งน้ำตา กลัวเหลือเกินกลัวบุรุษชายหน้ากากหมาป่า เธอทั้งเกลียดและกลัวเขาในเวลาเดียว เกลียดที่เขาพรากความบริสุทธิ์ไปอย่างไม่ใยดี และกลัว..กลัวว่าเขาจะฆ่าเธอทิ้งก่อนเจอพี่ชาย ร่างบางเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะจัดแจงที่นอน หมอนเก่าๆ และผ้าห่มผืนบางน่าจะพอให้ความอุ่นแก่เธอได้ ทั้งห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยนอกจากพัดลมตู้เสื้อผ้าและเตียงนอน ร่างบางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ก่อนจะพบว่าข้างในมีเสื้อผ้าอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของคนเก่า เพราะสภาพผ่านการซักรีดมาค่อนข้างมาก จังหวะนี้เธอไม่สามารถเลือกอะไรได้นอกจากขอแค่มีชุดไว้คลุมกายแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว มันคือคุกดีๆ นี่เอง... ยาหยีดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายก่อนจะล้มหัวลงหมอนนอนคิดหาทางหนี เพราะถ้าสบโอกาสเมื่อไหร่เธอจะหนีจากที่นี่ทันที! การอยู่โดยหวาดระแวงส่งผลต่อสุขภาพจิตของเธอระแวงว่าเขาจะมาทำร้ายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และหญิงสาวก็ผล่อยหลับไปด้วยเหนื่อยล้า แม้จะไม่ได้ใช้กำลังอะไรแต่เธอกลับรู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ———————————————-คุณมันเลว ตอนพิเศษ 3 (ปิดกอง)@ภูเก็ตเมืองไทยสองสามีภรรยาย้ำเท้าอยู่บนชายหาดโดยมีเด็กชายตัวน้อยอยู่ในอ้อมอกของคนเป็นแม่ เนื่องด้วยความอยากพาภรรยามาเที่ยวพักผ่อนเพราะตั้งแต่แต่งงานกัน เขาก็ไม่ค่อยได้พาภรรยาไปเปิดหูเปิดตาเลย กลัวว่าเธอจะเบื่อจึงเลือกบินกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทย ซึ่งทะเลเมืองไทยนั้นสวยไม่แพ้ชาติใดในโลกเลย“ตอนที่ฉันยังเรียนอยู่มหาลัย ฉันมาเที่ยวที่ภูเก็ตบ่อยมาก” ชายหนุ่มพูดขณะที่ย้ำเท้ารอบๆชายหาด“ไม่ยักจะรู้ว่าคุณชอบมาเที่ยวทะเล”“ฉันไม่ได้ชอบหรอกแต่กลุ่มเพื่อนที่ฉันเคยสนิทบ้านมันอยู่ภูเก็ต”“คุณก็เลยเลือกที่จะพาฉันมาภูเก็ตสินะ” ยาหยียิ้มพร้อมกับก้มมองเท้าที่เดินย้ำทราย เมื่อไหร่ที่ลูกโตสัญญาว่าจะพาลูกมาเที่ยวภูเก็ตอีก“เพราะฉันคิดว่าทะเลที่เมืองไทยสวยไม่แพ้ที่ใดในโลก หากพาเธอไปเที่ยวโอซาก้าก็กลัวว่ามันจะหนาวเกินไป” โทคิยะรู้ดีว่าภรรยาของเขานั้นเป็นคนขี้หนาว แต่ก็ดีเพราะเขาจะได้หาเรื่องกอด “มากับเพื่อนว่าสนุกแล้วแต่มากับครอบครัวสนุกกว่า”โทคิยะมองเด็กน้อยในอ้อมแขนของคนเป็นแท่ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นคนอุ้มเอง จมูกโด่งฝังลงไปที่แก้มของเด็กชายยูกิด้วยความรักสุดหัวใจ พึ่งเข้าใจ
คุณมันเลว ตอนพิเศษ 2“กลับมาแล้วครับ” โทคิยะที่พึ่งกลับมาถึงบ้านร้องเรียกภรรยาซึ่งเป็นที่รัก อันที่จริงมีนัดกินเลี้ยงกับทางบริษัทที่ร่วมทำธุรกิจด้วย แต่ชายหนุ่มขอปลีกตัวกลับบ้านด้วยเหตุผลที่ว่า ‘กลับบ้านไปกินข้าวพร้อมเมีย’“เหนื่อยไหมคะ” ยาหยีที่พึ่งให้นมลูกเสร็จวิ่งมารับเสื้อสูทจากสามีพร้อมถอดเนคไทให้“เหนื่อยครับ แต่เห็นหน้าเมียกับลูกแล้วหายเหนื่อยทันที จุ๊บ~” โทคิยะหอมแก้มภรรยาฟอดใหญ่ ก่อนที่มือหนาสะเปะสะปะลูบไล้เรือนร่างของเธอ ยาหยีผลักอกของเขาออกเพราะต้องรีบไปกินข้าว“คุณควรไปกินเลี้ยงบ้างนะคะ”“ทำไมหรอ ไม่อยากกินข้าวกับผัวหรอ”“เปล่าค่ะ แค่ทางบริษัทที่คุณลงทุนด้วยโทรมาถามฉัน ว่าไม่อนุญาตให้สามีไปกินข้าวข้างนอกหรอ ฉันก็เลยตอบไปว่าอนุญาตแต่เขาไม่ไปเอง”“ก็ฉันไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์” ช่วงนี้โทคิยะลดละเลิกกับอบายมุขทั้งหลายทั้งปวง เพราะก่อนที่เขาจะสิ้นลายเหล้าเบียร์ดื่มเหมือนกินน้ำ ไหนจะติดบุหรี่อีก โทคิยะกลัวชีวิตนี้ไม่ได้อยู่ดูแลลูกนานๆเลยเลิกสิ่งที่ไม่ดีไป“ก็ไม่ต้องกินก็ได้นิคะ”“พูดง่ายจังเลยนะที่รัก ไปงานเลี้ยงแบบนั้นเขาคงไม่ให้ฉันกินน้ำเปล่า” โทคิยะถอดเสื้อเชิ้ตท์ออกจนเห็นแผ่นหน
คุณมันเลว ตอนพิเศษ 1“อื้อออ~” ร่างสูงบิดตัวบนที่นอนในขณะที่ยังหลับตา ก่อนจะควานมือหาภรรยาที่พึ่งแต่งงานกันไปหมาดๆ ปรากฏว่าพบแค่ความว่างเปล่า โทคิยะดีดตัวขึ้นมาจากเตียงทันที ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าๆ วันนี้เขาตื่นสายเพราะเมื่อคืนใช้พลังงานไปเยอะหน่อย ซึ่งคาดว่ายาหยีน่าจะไปเตรียมกับข้าวไว้รอเขาเมื่อเดินลงมาก็พบพี่เลี้ยงที่กำลังนั่งเล่นกับลูกของเขาอยู่ ตอนนี้น้องยูกิอายุครบ 1 ขวบแล้ว ยาหยีบอกว่าอยากให้ลูกเข้าพิธีแต่งงานด้วย จึงรอให้น้องยูกิอายุครบหนึ่งปีก่อนค่อยแต่งงาน“ลูกพ่อ~” โทคิยะคว้าตัวลูกชายอย่างเบามือจากพี่เลี้ยงก่อนจะอุ้มแนบอกแล้วฝังจมูกลงไปที่แก้มใสของเด็กชายยูกิ ลูกของเขาน่ารักน่าชังและเลี้ยงง่ายจึงทำให้ยาหยีไม่เหนื่อยกับการเลี้ยงลูก ลูกเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพ่อและแม่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกลายมาเป็นคนรักเด็กได้อะไรขนาดนี้ ผู้ชายโหดๆห่ามๆแบบเขาพอมีลูกขึ้นมา หวงจนไม่อยากให้ลูกคลาดสายตา จึงจ้างพี่เลี้ยงมาดูลูกช่วยชายหนุ่มอุ้มลูกด้วยความอารมณ์ดีก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในครัวซึ่งมีแม่ของลูกอยู่ในนั้น ยาหยีเป็นทั้งภรรยาที่ดีและแม่ที่ดีของลูก ชนิดที่เขาเลือกไม่ผิด บางทีก็แอบคิดจากที่เ
คุณมันเลว ep 85ร่างบางนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่บนเตียงเธออยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาล“ถ้าไม่เซ็นต์เธอก็ไม่ได้เจอลูก” โทคิยะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ยาหยีที่กำลังนั่งมองหน้าของเขาอยู่ราวกับจะฆ่าให้ตาย“...” ยาหยีปรายตามองกระดาษแผ่นนั้น มันเป็นใบจดทะเบียนสมรส“จะไม่เซ็นต์ก็ได้นะแต่ฉันจะพาลูกกลับญี่ปุ่น คงรู้นะว่าถ้าฟ้องใครจะชนะ” ชายหนุ่มยิ้มเพราะรู้ว่ายังไงซะเขาก็ถือไพ่เหนือกว่าเขาไม่ได้ต้องการแค่ลูกแต่ต้องการแม่ของลูกด้วย จึงบีบบังคับให้หญิงสาวจดทะเบียนสมรส ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกล ต่อให้ต้องบังคับก็ยอมขอแค่ได้เมียกลับคืนมา“...” ยาหยีมองกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยสายตานิ่งๆ เหมือนเขากำลังมัดมือชกให้เธอเป็นของเขา ไม่มีโอกาสได้เลือกเลยเพราะถ้าเกิดโทคิยะเอาลูกไปแล้วจะไปตามลูกได้ที่ไหน “คุณกำลังบังคับฉัน! ”“ฉันไม่ได้บังคับแต่เธอจะไม่เซ็นต์ก็ได้ แค่เธอจะไม่ได้ลูกก็แค่นั้นเอง”“คุณนี่มัน! ” ยาหยีตวัดสายตามองโทคิยะด้วยความไม่พอใจทนอุ้มท้องตั้งเก้าเดือนเพื่อให้เขาเอาลูกไปงั้นหรอ ไม่ทีทาง!“โอเค ไม่เซ็นต์” ชายหนุ่มชักแผ่นกระดาษกลับ แต่ยาหยีไวกว่าเท่าตัวมือบางดึงแผ่นกระดาษออกจากมือของเขา แล้วจร
คุณมันเลว ep 84@สามวันผ่านไปยาหยียืนมองข้าวของของโทคิยะที่อยู่ในบ้านของเธอ เขาหายไปสามวันโดยที่ไม่ได้เอาข้าวของกลับไปด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เขาไม่ได้อยู่กวน แต่ทำไมลึกๆแล้วรู้สึกใจหวิวแปลกๆกับการหายไปของเขาเขาหายไปโดยที่ไม่บอกอะไรซักคำ หญิงสาวนั่งลงบนโซฟาที่เขาเคยใช้นอนเมื่อสามวันก่อนมือบางลูบหมอนที่เขาใช้หนุนเบาๆพรางถอนหายใจหรือวันนั้นเธอพูดแรงเกินไป แค่โกรธที่เขาทำอะไรตามอำเภอใจชอบใช้กำลังในการตัดสิน กลัวว่าจะมีปัญหากับพล เพราะพลเองถือว่ามีอิทธิพลพอสมควร เขาไม่ใช่มาเฟียไม่ได้มีอำนาจอะไรอีกแล้วและที่นี่ก็ไม่ใช่ญี่ปุ่นบ้านเกิดของเขาด้วยน่าแปลกที่การหายไปครั้งนี้ส่งผลต่อหัวใจของเธอ พอได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างในตัวของเขามันทำให้รู้ว่าโทคิยะเองเปลี่ยนไปมาก ชายหนุ่มซักผ้า ล้างถ้วย กวาดบ้าน ขัดห้องน้ำให้จนใหม่เอี่ยมอ่อง ซึ่งยาหยีเองชอบเดินมาแอบดู เขาทำด้วยความเต็มใจ“เหอะ! โดนด่าแค่นี้ทำเป็นใจน้อย” ยาหยีกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเพื่อไปร้านดอกไม้ แต่จู่ๆเธอเกิดอาการม้วนท้องขึ้นมาเสียดื้ๆ “โอ้ย! ”อาการปวดเกร็งที่ท้องทำให้เธอยืนแทบไม่อยู่ มันปวดจนไม่สามารถขยับตัวได้
คุณมันเลว ep 83ตื่นเช้ามายาหยีต้องตกใจสุดขีดเมื่อตะกร้าเสื้อผ้าที่เธอกำลังจะนำไปส่งซักหายไปอย่างไร้ร่องราย ดวงตากลมโตปรายตามองไปยังโซฟาที่ชายหนุ่มนอนเมื่อคืนพบว่าเขาเองก็หายไปด้วย ร่างบางขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ตัวของเขาหายไปแต่กระเป๋าซื้อผ้ายังอยู่ ซักพักได้ยินเสียงคนเทน้ำดังมาจากห้องน้ำคงไม่ใช่ใครที่ไหน ยาหยีกรอกตาไปมาก่อนจะจ้ำไปที่ห้องน้ำทันทีแล้วยาหยีก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเจอชายหนุมที่อยู่ในชุดกางเกงผ้าสีขาวกำลังนั่งซักผ้าให้เธออย่างอารมณ์ดี ในกะละมังมีกางเกงในและบราเซียของเธอลอยอยู่ แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย“นั่นคุณทำอะไร! ”“...” ร่างสูงชะงักครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆหันหน้ามายิ้มให้ว่าที่ภรรยาอย่างอารมณ์ดี “ซักผ้าให้เมียไง ผ้ามันล้นตะกร้าแล้วเดี๋ยวเมียไม่มีใส่”“ฉันเอาไปส่งซักของฉันเองได้” ยาหยีเท้าเอวมองตาเขียวปั๊ด สุดจะทนกับความหน้าด้านของโทคิยะ ร่างบางทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขาจับกางเกงในของเธอขึ้นมา “วางลงเดี๋ยวนี้นะ! ”“จะอายทำไมมากกว่ากางเกงในฉันก็เคยจับมาแล้ว” นอกจากจะไม่วางเขายังใช้มือขยี้กางเกงในของยาหยีอย่างเบามือ ในขณะที่ร่างบางอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน“คุณ