จะไม่ให้ลิลี่กระวนกระวายได้อย่างไร? ด้วยพลังในปัจจุบันของแดร์ริล เขาไม่มีปัญญาไปต่อกรกับเจเรมีตระกูลแลงลีย์เป็นตระกูลที่มั่งคั่งและทรงอำนาจ อีกอย่างอาจารย์ของเจเรมี นั้นคือแซคเคอรี่ ฮูม รองเจ้าสำนักโรงเรียนเทียนชานที่มีคนสนับสนุนหนาแน่นแดร์ริลในทางตรงกันข้ามกลับไม่มีอะไรเทียบได้ เขาไม่มีแม้กระทั่งกำลังภายใน การท้าทายเจเรมีคงจะมีแต่ทำให้เขาจบลงอย่างหายนะเมื่อคิดแบบนั้น ความวิกตกกังวลก็ฉายขึ้นบนใบหน้าอันสวยงามของลิลี่ไม่มีใครคาดคิดว่าแดร์ริลจะตอบกลับอย่างเลือดเย็น “เจเรมี ฉันเห็นด้วยที่จะให้ใครมาคุกเข่าและก้มกราบขอโทษ แต่มันควรจะเป็นนายและแฟนใหม่ของนาย รวมถึงบรรดาลูกระจ๊อกของนายด้วย”‘อะไร?' ทุกคนต่างตกตะลึงพวกเขาคิดว่าได้ยินแดร์ริลเพี้ยนไป'หมอนี้บ้าไปแล้วเหรอ? เขาไม่มีพลังอะไรเหลือ บริษัทของเขาก็ล้มละลาย แต่เขายังมีหน้ามาพูดจาแบบนี้อีกงั้นเหรอ?' ทุกคนคิด“แกวอนหาที่ตายจริง ๆ ใช่ไหม!” เจเรมีเดือดดาล เขาโบกมือและสั่งลูกกระจ๊อกของเขา “จัดการมัน!” เขาไม่ต้องการจะปะทะกับแดร์ริล ไม่เพียงแต่แดร์ริลจะทำลายพิธีวิวาห์ของเขา ความเย่อหยิ่งของแดร์ริลยังทำให้เขาโมโมยิ่งขึ้นอีกด้วย เขาไม่ส
แดร์ริลกรีดร้องโวยวายเสียสติไปโดยสิ้นเชิง เขาพุ่งไปข้างหน้าและจับที่คอเสื้อของเจเรมี ชกต่อยเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าตุ้บ! ตับ! ตุ้บ!หมัดแต่ละหมัดรุนแรงขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งแดร์ริลปล่อยกำลังภายในพิสุทธิ์อันทรงพลังปกคลุมฝูงชน มันทำให้ฝูงชนทั้งหมดเงียบกริบ ทุกคนตกตะลึงกับแดร์ริล เขาเป็นเหมือนคนบ้าที่สูญเสียการควบคุมทุกอย่าง ขณะเจเรมีร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดกับทุกหมัดที่โดนชก“แดร์ริล แกกล้าดียังไงมาต่อยฉัน!” ใบหน้าของเจเรมีเลือดออก เขาดิ้นแต่ขยับตัวไม่ได้ “แกตายแน่! ตาย! อาจารย์ของฉันอยู่ที่นี่ และฉันจะทำให้มั่นใจว่าแกต้องตายวันนี้!” เขายังโวยวายต่อไป หัวของเขาบวมตุ่ย แต่เขาก็ไม่สามารถสู้กลับได้เจเรมีมาที่นี่พร้อมกับแซคคารี ฮูม อาจารย์ของเขาแซคคารีเป็นถึงรองเจ้าสำนักโรงเรียนเทียนชาน เขาเป็นคนรักสันโดษและไม่ค่อยออกงานบ่อยนัก เจเรมีเชิญเขามาที่คอนเสิร์ตของแองเจลล่า แองเจิลเป็นกรณีพิเศษเพื่อจะพักผ่อนและสนุกสนานสำราญใจ ใครจะล่วงรู้ว่าเขาจะได้มาเจอกับแดร์ริลที่นี่! นอกจากนี้ เขาไม่ได้คาดคิดว่าแดร์ริลจะมากระทืบเขาได้!“สามี หยุดเดี๋ยวนี้ ไปกันได้แล้ว" ลิลี่กังวลใจเมื่อรู้ถึงกิตติศัพท์ของแซ
กำลังภายในที่แข็งแกร่งปะทุออกมาจากแซคคารี มันทรงพลังมากจนทำให้อากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยว รอยร้าวปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของเขา“แดร์ริลตายแน่” ทุกคนต่างสะดุ้งเฮือก“สมน้ำหน้า! ทำไมเขาถึงไปท้าทายรองเจ้าสำนักโรงเรียนเทียนชาน”ทุกคนต่างสัมผัสได้ว่าแซคคารีกำลังจะฆ่าแดร์ริล! ใครจะไปหลบหลีกการโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นได้?“สามีที่รัก!” ลิลี่ตะโกน เธอนำ้ตาคลอเบ้า เธอต้องการเข้าไปช่วยเขาแต่มันก็สายเกินไปแล้วเซอซีกระวนกระวายด้วยเช่นกันขณะที่เธอกล่าว “แดร์ริล วิ่งหนีไป! นายมัวรออะไรอยู่?”แม้แต่เธอก็ยังเห็นว่าแซคคารีขุ่นเคือง ลูกศิษย์คนโปรดของเขาถูกกระทืบปางตาย ใครจะไม่เคืองโกรธล่ะ? อย่างไรก็ตาม แดร์ริลไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่จ้องเขม็งไปที่แซคคารีอย่างเย็นชาแซคคารีเหวี่ยงหมัดอย่างรุนแรง หลายคนไม่กล้ามองแต่พวกเขารู้ว่าแดร์ริลนั้นมาถึงวาระสุดท้าย หมัดนั้นดังสนั่นและแข็งกร้าวรุนแรงบางคนที่ไม่กล้าทนดูได้ก็หลับตาปี๋ พวกเขารู้ดีว่าถ้าแดร์ริลถูกต่อย เขาจะตายคาที่ในทันที!“อย่า!” ดวงตาของลิลี่แดงก่ำ น้ำเสียงของเธอแหบแห้งแดร์ริลค่อย ๆ ขยับตัวหลบหมัดอย่างใจเย็น “ไอ้จำอวด” จากนั้นเขาก็ยกมือข
เจเรมีอยากจะปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าแดร์ริลพลิกข้อมือของเขาและดาบกลืนโลหิตก็ปรากฎขึ้นในมือของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้ตัวว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากว่าเขาอยากจะตายดาบดูอันตรายพร้อมกับแววตาที่เยือกเย็นของแดร์ริล หากเขากล้าที่จะปฏิเสธ เขาก็กลัวว่าอาจจะมีเหตุการณ์นองเลือดตุ้บ!เจเรมีคุกเข่า เขาไม่สนใจความหยิ่งยโสของตัวเองอีกต่อไป เมื่อเทียบกับชีวิตของเขาเอง อัตตาของเขาก็ไม่สามาถจะเทียบได้“ผมขอโทษ ผมกราบขออภัยมิสเตอร์แดร์ริล” เจเรมีกล่าวคำขอโทษไม่หยุดหย่อนพลันเหงื่อแตกไหลท่วม“เธอด้วย” แดร์ริลมองไปที่เวร่าตุ้บ!มองแค่เพียงแวบเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เวร่าเข่าอ่อนปวกเปียก เธอคุกเข่าลงในทันทีและกราบขออภัยด้วยเช่นกันไม่นานหลังจากนั้น ในที่สุดแดร์ริลก็เริ่มสงบสติอามรมณ์ลงได้ เขาหน้าบึ้งตึงไปที่เจเรมีและเวร่า นี่มันคือโลกที่โหดร้าย ผู้ที่แข็งแกร่งออกล่าผู้ที่อ่อนแอกว่า ตราบใดที่สมารถพิชิตการต่อสู้ได้ ผู้คนก็จะมาวิงวอนเพื่อขอขมาเมื่อเขาไม่มีพลังอำนาจบารมีใด ๆ บรรดาหกสำนักหลักและสำนักต่าง ๆ ก็รวมหัวกันรังแกข่มเหงเขา แด๊กซ์ถูกสำนักง้อไบ๊ทุบตี จิตวิญญาณของอีวอนก็ถูกดูดซับและชีวิตขอ
แดร์ริลไม่อยากจะเสียเวลากับเอเวอลีน เขานั่งลงประจำที่ของเขาแต่เขาได้สำรวจอย่างถี่ถ้วนและควานหาสิ่งของมีคมอื่น ๆ ก่อนที่เขาจะนั่งลงขณะเขานั่งลง แดร์ริลก็สอดส่องไปบริเวณโดยรอบตัวเขา เขาก็เกิดอารมณ์จากความหลงใหลของแฟน ๆ แองเจล่า นี่คือความแตกต่างระหว่างศิลปินในตำนานกับศิลปินธรรมดา ขนาดคอนเสิร์ตของเธอใหญ่โตมโหฬารพอ ๆ กับศิลปินระดับนานาชาติ“แองเจล่า! แองเจล่า!” ฝูงชนโห่ร้อง เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อคอนเสิร์ตเริ่มต้นเรือนร่างสง่างามในชุดราตรีสีน้ำตาลแดงที่ประดับไว้ด้วยคริสตัลก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวที แองเจล่าสมกับเป็นศิลปินในตำนานทุก ๆ อนูของเธอ ดูงดงามเป็นอย่างมาก!แดร์ริลอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงให้เธอ เขาตกอยู่ในภวังค์ แองเจล่าผู้อยู่ในวัยสามสิบ แต่เธอยังคงรักษาเรือนร่างและรูปลักษณ์ของเธอไว้เป็นอย่างดี ไม่มีร่องรอยของความชราและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทรวดทรงที่เร่าร้อนของเธอ เธอดูเหมือนอยู่ในวัยยี่สิบต้น ๆ “สวัสดี เมืองตงไห่! ฉันเองแองเจล่า แองเจิล! เป็นยังไงกันบ้าง!” แองเจล่ากล่าวถาม จากนั้นเธอก็ชี้ไมค์ไปหาบรรดาผู้ชมฝูงชนต่างโห่ร้องยินดีและปรบมือให้ แองเจล่าเป็นศิลปินมืออาชีพในการเล่นกับ
ตลอดเวลาทึ่ผ่านมาแด๊กซ์กำลังรักษาเยียวยาตัวเองอยู่ เขาจึงไม่ได้ติดต่อกับแดร์ริลเลยแม้แต่น้อย แดร์ริลรู้สึกตื่นเต้นที่เขาได้โทรมาหา เขารีบรับสายในทันที"แด๊กซ์!" แดร์ริลตะโกน "แด๊กซ์!"อย่างไรก็ตาม คอนเสิร์ตนั้นเสียงดังรบกวนเกินไปเขาไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงของแด๊กซ์เลยแม้แต่คำเดียวว่ากำลังพูดอะไรอยู่ขณะที่เขากำลังจะวางสายเพื่อส่งข้อความให้แด๊กซ์ เอเวอลีนฉกโทรศัพท์มือถือของเขาไปและขว้างมันลงกับพื้น"แกจะทำตัวน่ารำคาญมากกว่านี้ได้อีกไหม? เรามาอยู่ที่คอนเสิร์ตกัน แต่นายก็ยังโทรศัพท์อีกเหรอ? นายรู้จักกาลเทศะบ้างไหม?" เอเวอลีนสบถด่าและจ้องเขม็งไปที่เขา"นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอ?" แดร์ริลตะคอกเสียงแข็ง แดร์ริลหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเห็นว่าหน้าจอแตกละเอียด 'ผู้หญิงคนนี้เป็นโรคจิตรึยังไง?' เขาคิดกับตัวเอง"เธอมีปัญหาอะไร? ทุกคนก็ร้องแหกปากอยู่ ฉันจะรับสายไม่ได้รึไง?" เขากล่าวด้วยความเดือดดาลเคืองโกรธ"ไม่ นายโทรไม่ได้! เพราะนายอยู่ใกล้ฉัน ฉะนั้นถ้านายพูดฉันก็ไม่ได้ยินเสียงเธอร้องเพลง!" เอเวอลีนยอกย้อนแดร์ริลไม่อยากจะโต้เถียงกับเธออีกต่อไป เขาเพิกเฉยเธอและเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ
ฝูงชนต่างพากันอ้าปากค้าง ใครกันที่จะโชคดีขนาดนี้?พวกเขามองอย่างมีความหวังขณะแองเจลล่าค่อย ๆ คลี่เครื่องบินกระดาษอย่างช้า ๆ เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ฉันจะอ่านความปรารถนาบนกระดาษใบนี้ให้ฟัง"แองเจลล่ากล่าวอย่างช้า ๆ "ผู้โชคดีคนนี้เขียนเอาไว้ว่า แองเจลล่าที่รัก ผมพาลูกสาวของผมมาที่งานคอนเสิร์ตในวันนี้ด้วย เธอนั่งติดกับผมทางขวา ห้าปีที่แล้วลูกสาวของผมล้มป่วยและกลายเป็นใบ้ เธอหลงรักคุณมาก ๆ ฉะนั้นผมจึงพาเธอมาที่นี่ ความปรารถนาของผมคือให้คุณโอบกอดลูกสาวของผม"ฝูงชนต่างเงียบสงัดเพื่อให้แองเจลล่าอ่านความปรารถนาเมื่อเธออ่านจบ แองเจลล่ารู้สึกกินใจ เธอกล่าวอย่างตื้นตัน "กล้องจะฉายภาพผู้โชคดีคนนี้ขึ้นบนจอ มาดูกันว่าใครคือผู้โชคดีคนนั้น"เธอเว้นจังหวะไปสักครู่ก่อนจะกล่าวต่อ "ผู้โชคดีคนนี้นั่งอยู่แถวที่สาม หมายเลข 112"กล้องทุกตัวก็หันไปตรงที่นั่งซึ่งแองเจลล่าได้กล่าวถึง ผู้โชคดีคือแดร์ริล! ใบหน้าของเขาปรากฏอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่ลิลี่นั้นตกตะลึงขณะเธอคิด 'แดร์ริลมีลูกสาวตั้งแต่เมื่อไหร่? แถมยังเป็นใบ้อีกด้วย?'ฝูงชนต่างส่งเสียร้องอึกทึก หลายคนรู้ดีว่าแดร์ริลคือลูกเขยบ้านคนอื่น แต่พวกเขาไม่เคยได
”แถมเขายังดูหล่อเกินไปอีกด้วย!” อย่างไรก็ตามมีบางคนจากผู้ชมจดจำแดร์ริลได้ “นั่นมันไม่ใช่ไอ้ลูกเขยบ้านคนอื่นหรอกเหรอ?” “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามีลูกสาว?” ฝูงชนตะโกนขึ้นมา ในไม่ช้าคำถามครหาก็หมดสิ้นเสียงไปจากฝูงชน ท้ายที่สุดอย่างไรมันก็มีคนเป็นหลายหมื่นคน มันคือฝูงชนที่จอแจ แองเจลล่าไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงตะโกนของฝูงชน ขณะเธอสวมกอดเอเวอลีน จิตใจของเอเวอลีนว่างเปล่าเมื่อศิลปินในดวงใจของเธอสวมกอดเธอ ทันใดนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นดีใจลิงโลด แองเจลล่ามองไปที่เอเวอลีนและกล่าว “หนูน้อย ฉันเห็นว่าพ่อของหนูรักหนูมาก ความปรารถนาทั้งหมดของเขาก็เพื่อตัวหนูเอง ทำไมหนูไม่ไปกอดเขาด้วยล่ะ?” 'อะไร? เธอต้องการให้ฉันกอดไอ้ตูดหมึกนี่ด้วยงั้นเหรอ?' เอเวอลีนคิด เธอสั่นสะท้านอย่างขัดใจ อย่างไรก็ตามเธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ถ้าเธอไม่สวมกอดแดร์ริล ศิลปินในดวงใจของเธอคงจะผิดหวังและมันคงจะเป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก ในขณะนั้นเอเวอลีนกัดริมฝีปากจนเแทบจะเลือดออก เธอกอดแดร์ริลอย่างรวดเร็วและรีบปล่อยอย่างช่วยไม่ได้ แดร์ริลรู้สึกบันเทิงใจที่เอเวอลีนนั