เฮือก!!!
เจิ้งซิงอีลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก ภาพที่เสิ่นหนิงหลงถูกยิงตายไปต่อหน้าต่อตาทำให้เธอหวาดกลัวและรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
หญิงสาวรีบกวาดตามองหาร่างของชายหนุ่มที่เธอเห็นว่าเขานอนจมกองเลือดอยู่หน้าหลุมศพของเธออย่างร้อนรน แต่สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้กลับทำให้เธอต้องนิ่งงัน
เมื่อพบว่าตอนนี้ตัวเธอกำลังอยู่บนเตียงเตาในห้องที่คุ้นเคย ห้องนี้เป็นห้องนอนของเธอในบ้านเจิ้ง หาใช่สุสานบนหุบเขาในหมู่บ้าน
ไม่มีร่างไร้วิญญาณของเสิ่นหนิงหลง ไม่มีแม้แต่รอยเลือดสักหยด มีเพียงข้าวของที่กระจัดกระจายไร้ระเบียบ สภาพเตียงเตาที่เธอนั่งอยู่ดูยุ่งเหยิง ภายในห้องราวกับสมรภูมิรบ
แต่สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าคือเสียงเสียงหนึ่งที่เธอไม่ได้ยินมาเป็นเวลานาน ตอนนี้มันกลับกำลังดังขึ้นอีกครั้ง
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
เธอได้ยินเสียงและรู้สึกถึงก้อนเนื้อที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งและรุนแรงอยู่ภายในอก นั่นทำให้เธอรู้สึกตื่นตะลึงจนต้องยกมือขึ้นทาบลงไปตรงตำแหน่งนั้น เธอมีหัวใจ และมันก็กลับมาเต้นอีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน"
หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง นี่คือห้องนอนของเธอไม่ผิดแน่ เมื่อลองหยิกเนื้อตัวเองดูก็รู้สึกเจ็บ
หรือเธอได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง สวรรค์กำลังให้โอกาสเธอกลับมาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดใช่หรือไม่
ความคิดนี้ทำให้เจิ้งซิงอีรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอสำรวจเนื้อตัวของตัวเองอย่างลนลาน
ปรากฏว่าตอนนี้เธอมีเลือดมีเนื้อจริงๆ หาใช่ร่างโปร่งแสงที่เป็นดวงวิญญาณอีกต่อไปแล้ว
โอ้ ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์
เจิ้งซิงอีลุกพรวดขึ้น ขยับตัวลงจากเตียงเตาด้วยความยินดี แต่ก็ต้องสูดปากร้องออกมาเพราะความปวดหน่วงที่ช่องท้องและเจ็บจุกตรงจุดกลางกาย
เมื่อก้มลงมองดู ก็เห็นสายน้ำขาวขุ่นสายหนึ่งไหลออกมาตามเรียวขา นั่นทำให้ใบหน้างามแดงก่ำ เพราะรู้ดีว่านั่นคือน้ำอะไร
จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าแข้งขาทั้งสองข้างนั้นอ่อนแรงและสั่นเทา รู้สึกว่าร่างกายปวดเมื่อยไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ราวกับว่าร่างกายของเธอผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก จนต้องทรุดกายลงนั่งบนเตียงเตา มองสำรวจตัวเองอย่างละเอียด
เมื่อครู่เพราะมัวแต่ดีใจที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งจึงไม่ทันสังเกตว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนกายนั้นหลุดลุ่ย ตามเนื้อตัวก็มีร่องรอยสีกุหลาบจากการร่วมรักอยู่เต็มไปหมด
เจิ้งซิงอียกสองมือขึ้นตบเบาๆ บนสองข้างแก้ม เรียกสติของตัวเอง พยายามสงบจิตสงบใจคิดใคร่ครวญว่าตอนนี้เธอย้อนกลับมาในช่วงเวลาไหน
แน่นอนว่าจากสถานการณ์ในตอนนี้ เธอย่อมย้อนกลับมาในตอนที่แต่งให้กับเสิ่นหนิงหลงแล้ว
แต่ก็สามารถเบาใจได้ว่าการที่เธอยังอยู่ที่บ้านเจิ้ง นั่นแสดงว่าเธอนั้นย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปนัก อย่างน้อยเธอก็ยังไม่ตั้งครรภ์และคบชู้
และสาเหตุที่เธอยังอาศัยอยู่บ้านเจิ้งหลังจากที่แต่งงานแล้ว นั่นเพราะเธอไม่ยินยอมที่จะแยกจากบ้านเดิม ยังคงใช้ชีวิตเหมือนกับตอนที่ยังไม่แต่งงาน
ส่วนเสิ่นหนิงหลงก็ดูเหมือนจะยินดีให้เป็นเช่นนั้น เพราะเขาเองก็ต้องกลับไปประจำการในค่ายทหาร และไม่มีความคิดที่จะให้เธอไปอาศัยอยู่บ้านเสิ่นที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ แต่ในทุกๆ เดือนอีกฝ่ายจะส่งเงินเดือนทั้งหมดของเขามาให้ผู้เป็นภรรยา
แต่สภาพภายในห้องและสภาพร่างกายของเธอที่ยับเยินจนแทบดูไม่ได้ในตอนนี้ทำให้เธอคิดหนัก ภาพเหตุการณ์อันคุ้นหูคุ้นตานี้ทำให้หัวคิ้วเรียวสวยค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน
เจิ้งซิงอีถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับที่กำลังปวดตุบๆ เธอชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเธอย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่เรื่องราวยังไม่เลวร้ายจนเกินไปแน่หรือ
เพราะดูเหมือนว่าเธอจะย้อนกลับมาในตอนที่แต่งให้เสิ่นหนิงหลงได้ครึ่งปี แต่ครึ่งปีนี้เธอก็สร้างเรื่องและบาดแผลให้ผู้เป็นสามีไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้เธอมีสภาพไม่น่ามองเช่นตอนนี้
นี่ย่อมเป็นเหตุการณ์ตอนที่เธอถูกตำรวจจับในข้อหาเล่นการพนัน จนเสิ่นหนิงหลงต้องมาประกันตัวเธอออกจากห้องขัง
และเรื่องนี้ยังทำให้เขาต้องลาออกจากการเป็นทหาร ออกจากหน้าที่การงานที่กำลังรุ่งโรจน์ ตำแหน่งงานที่กำลังจะได้เลื่อนขั้นตามที่หวังถูกเธอดับฝันจนมอดสนิท
หลังจากที่ทำให้อีกฝ่ายออกจากการเป็นทหารได้สมใจ ทั้งที่เธอเป็นคนผิดแท้ๆ แต่เธอก็ยังใช้ถ้อยคำทำร้ายเขาเพื่อขับไล่ไสส่งเขาออกจากบ้านเจิ้ง
'คนไร้ประโยชน์แบบพี่ คงจะไม่อยู่ให้พ่อแม่ของฉันเลี้ยงดูตลอดชีวิตหรอกนะ'
เธอถนัดนักกับการฆ่าเขาด้วยคำพูด
และแน่นอนการกระทำในครั้งนี้ของเธอย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย แต่ไม่ว่าเธอจะทำตัวร้ายกาจมากเพียงใดเสิ่นหนิงหลงก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ทุบตีหรือด่าทอต่อว่าเธอ แต่การเอาคืนของเขานั้นเจ็บแสบเสียยิ่งกว่า และทำให้เธอเจ็บจุกจนร้องไห้ได้เหมือนกัน
เรื่องนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอจะทำเลวเสียยิ่งกว่าเดิมจนกู่ไม่กลับ เธอจำได้ว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลง
หลังจากที่กำราบคนปากดีเช่นเธอจนหมดสิ้นเรี่ยวแรง เสิ่นหนิงหลงย่อมทำตามความต้องการของเธอ
ตอนนี้อีกฝ่ายคงจะอยู่ที่บ้านเสิ่น บ้านที่เขาเกลียดและไม่อยากจะเหยียบเข้าไป
เจิ้งซิงอีถึงกับน้ำตาตกกับการกระทำแสนร้ายกาจและโง่เขลาของตัวเอง เธอทำลายอนาคตของเสิ่นหนิงหลงเพียงเพราะต้องการให้ผู้ชายอีกคนหนึ่งพอใจ
ช่างโง่งมนัก
เธอจะต้องชดใช้ให้เขาในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดและเธอจะไม่ยอมผิดพลาดเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด
แต่ก่อนอื่นเธอคงต้องเร่งจัดการกับตัวเองและจัดการกับข้าวของที่กระจัดกระจายภายในห้องเสียก่อน
แน่นอนว่าการที่ห้องเละเทะเช่นนี้ย่อมต้องเป็นฝีมือการอาละวาดของเธอ
แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบใบหน้ายิ้มแย้มของคู่สามีภรรยาที่กำลังประคับประคองกันเดินเข้ามาในตลาดยามเช้า พวกเขาทั้งสองยืนมองตลาดสดที่คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อข้าวของกันอย่างคับคั่ง บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายของกันมือเป็นระวิง เสียงหัวเราะและการพูดคุยเจื้อยแจ้วของผู้คนดังก้องไปทั่วบริเวณ เรือนร่างที่ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นของเจิ้งซิงอีเดินตามการประคองของสามี หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย แต่ใบหน้างามกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ เจิ้งซิงอีมองไปรอบๆ ตลาดแห่งนี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ นี่คือตลาด 'สร้างสุข' ตลาดสดที่สร้างขึ้นด้วยมือและน้ำพักน้ำแรงของทุกคน ตอนนี้มันกำลังเติบโตขึ้นมาอย่างมั่นคงตลาดแห่งนี้เปิดให้บริการมาได้กว่าสามเดือนแล้ว และเป็นสามเดือนที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับทุกคนจนน่าตกใจ เจิ้งซิงอีลูบหน้าท้องของตัวเองที่นูนเด่นออกมาด้วยความรักใคร่ วันนี้เธอจะพาเจ้าก้อนแป้งมาเดินชมตลาดของครอบครัว ดวงหน้างามระบายไปด้วยรอยยิ้ม ตลาดแห่งนี้เติบโตมาพร้อมๆ กับบุตรในท้องของเธอที่ตอนนี้กำลังย่างเข้าเดือนที่สี่แล้ว และนี่นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเห็นตลาดแห่งนี้ด้ว
เจิ้งซิงอีลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก ทันทีที่รู้สึกตัวฝ่ามือบางรีบวางทาบลงบนหน้าท้องแบนราบของตนในทันที แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อตอนนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บปวดตามร่างกายจากการหกล้มหรืออาการเจ็บหน่วงบริเวณท้องน้อย ราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้รับความเจ็บปวดใดๆ มาก่อนหญิงสาวกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ พลันรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งกายเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า เธอมองเห็นเพียงหมอกหนาทึบโอบล้อมอยู่รอบๆ เพียงเท่านั้น ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอย่างพยายามระงับความหวาดกลัวที่กัดกินใจ เอ่ยเรียกสามีน้ำเสียงสั่น เธอหวังอย่างยิ่งว่าจะได้ยินเสียงของเขาตอบกลับมา"พี่หนิงหลง สามีคะ พี่อยู่ไหน"แต่เหมือนว่าเธอต้องพบกับความผิดหวัง เพราะทันทีที่เปล่งเสียงออกไป เธอกลับได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของตัวเองตอบกลับมาเท่านั้นเจิ้งซิงอีชันกายลุกขึ้นยืน พยายามมองฝ่าหมอกหนาด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เหตุใดถึงได้มาอยู่ในสถานที่นี้ได้ หรือเธอจะตายไปแล้วและกลายมาเป็นวิญญาณอีกครั้งดวงตาหวาดหวั่นหันมองความว่างเปล่ารอบกาย ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดอย่
เจิ้งซิงอีเนื้อตัวสั่นเทา เอ่ยอ้อนวอนคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดวงตาทั้งสองแดงก่ำเต็มไปด้วยโทสะ เธออยากจะขยับหนีแต่ไม่อาจทำได้ เพราะรู้สึกเจ็บร้าวไปหมดทั้งตัว และบริเวณข้อเท้าก็รู้สึกเจ็บแปลบ คงทำได้แค่ถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่านั้น ภาวนาให้คนเป็นสามีรู้ว่าเธอหายตัวไปโดยเร็วหวังลู่เสียนในตอนนี้ดูน่ากลัวมาก เขาคล้ายกับคนเสียสติ เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพเช่นนี้ หยาดเลือดที่ไหลซึมจากบาดแผล ทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มกลายเป็นสีแดงฉาน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียน"ซิงอีทำไมพูดแบบนั้น ไม่รักกันแล้วหรือ ทำไมละ เธออยากจะอยู่กับพี่มาตลอดไม่ใช่หรอกหรือ"ดวงตาของหวังลู่เสียนไหววูบกับคำอ้อนวอนนั้น ก่อนจะคลี่ยิ้มเอ่ยถามเสียงเย็น ท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่นและความเกลียดชังในแววตาของหญิงสาวทำให้ภายในใจรู้สึกไม่พอใจและไม่ยินยอมทำไมล่ะ เธอรักเขา อยากอยู่กับเขามาตลอดนี่ ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ ทำไมเธอถึงจะทิ้งเขาไปล่ะ ชีวิตของเขาในตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว คำถามมากมายเกิดขึ้นภายในใจของหวังลู่เสียน ภาพของเด็กหญิงที่คอยอยู่ข้างกายเขา คอยปกป้อง คอยปลอบใจเขายามเมื่อทุกข์ใจผุดขึ้นม
ในที่สุดตำรวจก็คลี่คลายปมคดีการตายของเสิ่นจงได้ เขาไม่ได้ป่วยตายอย่างที่คิดจริงๆ แต่ตายเพราะถูกฆาตกรรมตำรวจสืบเสาะจนกระทั่งพบหลักฐานสำคัญที่ชี้ไปยังตัวฆาตกรว่าเป็นซูหลันผู้เป็นภรรยาและหวังลู่เสียนลูกเลี้ยงของเขาเอง และหลักฐานสำคัญคือผลตรวจเนื้อเยื่อในซอกเล็บของผู้ตายที่ส่งมาจากปักกิ่ง ชี้ชัดว่าเป็นของหวังลู่เสียนเมื่อพร้อมด้วยพยานหลักฐาน หยางตงฟง นายตำรวจหนุ่มผู้รับผิดชอบคดีจึงนำกำลังเข้าจับกุมสองแม่ลูกมาดำเนินคดี หลังจากนั้นจึงค่อยส่งข่าวให้เสิ่นหนิงหลงพี่ชายคนสนิทผู้เป็นเจ้าทุกข์รับทราบแต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อไปถึงบ้านเช่าของสองแม่ลูก กลับพบกับกลุ่มชาวบ้านหลายสิบคนภายในบ้าน พวกเขากำลังมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์บางอย่างด้วยอาการตื่นตกใจเหล่าชาวบ้านเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต่างพากันหลีกทางให้ แล้วมายืนสังเกตการณ์กันอยู่ห่างๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหยางตงฟงนำกำลังเข้าไปในบ้านทันที เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบว่าภายในบ้านนั้นมีร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายจนกระทั่งเดินลึกเข้าไปภายในตัวบ้านนายตำรวจหนุ่มมีสีหน้าตึงเครียดในทันที เมื่อพบกับร่างไร้วิญญาณของซูหลันถูกฆ่าตายด้วยอาวุ
ยิ่งตลาดใกล้จะเปิดให้บริการเจิ้งซิงอีก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ในตอนนี้ทุกคนต่างก็มีงานล้นมือและยุ่งจนหัวหมุน สามีของเธอต้องออกจากบ้านพร้อมกับพี่ใหญ่และพี่รองตั้งแต่เช้าทุกวัน กว่าจะได้กลับบ้านก็มืดค่ำ ส่วนพี่สามแม้จะกลับค่ายทหารไปแล้วแต่ก็นำเงินเก็บที่มีมอบไว้ให้เธอส่วนตัวเธอเองก็มีหน้าที่จัดการงานเกี่ยวกับเอกสาร บัญชีรายจ่ายในการก่อสร้างตลาดทั้งหมด และรายรับในส่วนของค่าเช่าแผงที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้ามาวางมัดจำเอาไว้ แม้ว่าเธอจะทำงานอยู่กับบ้านแต่ก็ยุ่งวุ่นวายจนหัวหมุนเหมือนกัน และจากหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้เจิ้งซิงอีหลงลืมทุกอย่างและแทบจะไม่มีเวลาให้ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลยทางด้านหนึ่งที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับกิจการการงานที่กำลังเติบโต อีกด้านหนึ่งก็กำลังเกิดความโกลาหลขึ้นเช่นเดียวกัน แต่เป็นความโกลาหลที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!ฝ่ามือใหญ่รื้อค้นข้าวของภายในบ้านก่อนจะจับทุ่มลงกับพื้นอย่างแรงจนมันแตกกระจัดกระจาย ใบหน้าดำคล้ำบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น ดวงตาสีดำสนิทฉายแววอันตราย อาวุธปืนในมือกวัดแกว่งไปมาชี้หน้าสองแม่ลูกที่กำลังกอดกันตัวสั่นเทาหวังลู่เสียนไม่คิดเลยว
หวังลู่เสียนกลับบ้านมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขาอารมณ์ดีอย่างที่สุดที่สามารถกำจัดคนพวกนั้นไปได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่หยวนเดียว ไม่เสียแรงที่เขาต้องเค้นสมองวางแผนการอยู่หลายวัน"ไอ้ชั่วพวกนั้นมันถูกตำรวจจับไปหมดแล้วหรือ ดีจริงๆ"ซูหลันหลังจากที่ได้รู้เรื่องจากปากบุตรชาย ว่าพวกในบ่อนถูกตำรวจจับเข้าซังเตในข้อหาค้ายาเสพติดไปแล้ว ใบหน้าที่มืดครึ้มมาตั้งแต่เช้าหลังจากที่บุตรชายบอกกับนางว่าจะเอาเงินไปใช้หนี้ให้บ่อนก็ปรากฏรอยยิ้มกระจ่างเต็มหน้า นางดีอกดีใจยกใหญ่จนแทบจะจุดพลุฉลอง ซูหลันรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง โชคดีเหลือเกินที่กำจัดอุปสรรคใหญ่ในชีวิตออกไปได้หลายวันมานี้แม้ว่าจะได้เงินประกันมาก้อนโต แต่นางก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ซักคืนเดียว และไม่มีความยินดีเลยสักนิด เพราะความเสียดายเงิน เงินที่ได้มาเกือบทั้งหมดต้องเอาไปจ่ายหนี้ให้กับบ่อน หากจะไม่จ่ายก็ไม่ได้ เพราะยังรักชีวิต ไม่อย่างนั้นก็ถูกคนพวกนั้นตามรังควานไม่เลิกพอเรื่องกลับกลายมาเป็นเช่นนี้จะไม่ให้นางรู้สึกยินดีได้อย่างไร ช่างโชคดีเหลือเกินที่บุตรชายยังไม่ทันได้เอาเงินให้พวกมันไป พวกมันก็ถูกจับเสียก่อน สมน้ำหน้าคนพวกนั้นจริงๆ ซูหล