"คุณยาย คุณยายคะ ..." เสียงของไอรดาที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยดังขึ้น
พยาบาลที่ดูแลเธอเดินเข้ามาได้ยินเสียงของเธอที่ดังละเมอออกมาพอดี เธอจึงรีบเข้าไปเพื่อเช็กอาการของหญิงสาวที่กำลังหลับสนิท
สีหน้าของผู้ป่วยตอนนี้ดีขึ้นมากกว่าเมื่อวาน พยาบาลตรวจเช็กอาการของผู้ป่วยเสร็จ เธอก็เดินออกไปจากห้องเพื่อแจ้งข้อมูลกับแพทย์เจ้าของไข้ให้ทราบถึงอาการล่าสุดของเธอ
ไอรดาลืมตาขึ้น เธอเห็นแต่หมอกสีขาวโพลน มันล้อมรอบตัวเธอ เธอมองไม่เห็นอะไร เธอเรียกหาบุคคลอันเป็นที่รักของเธอ
"คุณยาย คุณยายคะ คุณยายอยู่ไหน? หนู หนู อยู่ที่ไหน? คุณยายอยู่ไหนคะ?"
สิ้นเสียงของเธอ กลับมีเสียงหญิงสาวอีกคนดังแว่วมาแต่ไกล "ชะ ชะ ช่วยฉันด้วย ............. ลี ... ฉันขอโทษ"
"นั่นใครนะ? ฉันถามว่าใคร?" ไอรดาถามหาเจ้าของเสียงทันที
"ไอซ์ ไอซ์.....ลูกแม่!!!" แทนที่เธอจะได้ยินเสียงของเจ้าของเสียงเมื่อสักครู่นี้ เธอกลับได้ยินอีกเสียงของหญิงสาวที่ฟังดูมีอายุมากกว่าเสียงเมื่อกี้นี้ที่เรียกชื่อเธอ
เธอคลับคล้ายคลับคร่าเสียงนี้เป็นอย่างมาก แต่เธอยังคงคิดไม่ออก "ใครคะ? คุณเป็นใคร?" เธอถามกลับไปยังเจ้าของเสียงที่สองทันที แต่น้ำเสียงครั้งนี้เธอเปลี่ยนไปถามอย่างสุภาพกว่าครั้งแรกมากนัก
"ไอซ์ ไอซ์.....ลูกแม่!!!" เสียงที่สองดังออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันดังชัดเจนขึ้น และเธอก็จำมันได้ในทันที เธอไม่ได้ยินเสียนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
จากนั้นไอหมอกก็เริ่มจางลง ทำให้เธอสามารถมองเห็นเจ้าของเสียง แต่ก็ไม่ชัดเจน เพราะหมอกยังคงมีอยู่ มันรายล้อมรอบตัวคนที่เธอกำลังมองไปยังเบื้องหน้า
ไอรดามองเห็นผู้หญิง 2 คน ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอ โดยมีไอหมอกขวางกั้นพวกเขาอยู่ แต่บริเวณใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งไอหมอกได้เลือนรางจางไปบางส่วน ทำให้ไอรดาจำได้ทันที !!!
ตาเธอเบิกโพลงขึ้นทันที แต่คนที่สองที่ยืนอยู่ข้างผู้หญิงคนที่เธอจำได้ขึ้นใจว่าเธอคนนั้นเป็นใคร คนคนนั้นเธอมองมันไม่ชัด มันยังคงมีไอหมอกหนาปิดบังใบหน้าของเธออยู่ (เธอเป็นใครกัน? ทำไมอยู่กับแม่?)
"มะ มะ แม่ แม่คะ แม่" เธอเรียกผู้หญิงที่ดูมีอายุคนนั้นทันที นั้นคือแม่ของเธอนั่นเอง เธอพยายามเดินเข้าไปหา แต่ยิ่งเธอเดิน ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็ยังคงเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เธอยื่นมือขวาออกไปเพื่อไขว่คว้า แต่ก็สามารถจับได้แค่เพียงอากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้น
"แม่ แม่คะ รอหนูด้วย!!!" เสียงเรียกแม่ของเธอดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เธอวิ่งออกไปเพื่อไปหาแม่ของเธอ แต่ระยะห่างระหว่างเธอและแม่ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ใบหน้าของไอรดามีหยาดน้ำตาไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว เธอยังคงพยายามใช้มือของเธอทั้งสองข้าง ยื่นออกไปเพื่อไล่ตามแม่ของเธอให้ทัน
"ไอซ์....ลูกแม่ แม่มาลาลูกเป็นครั้งสุดท้าย" เสียงแม่ของเธอดังขึ้น
"มะ แม่ แม่จะไปไหน!!! แม่อย่าไปไหนอีกนะคะ หนูคิดถึงแม่ แม่อยู่กับหนูนะคะ!!!" เสียงสะอื้นร้องไห้ปนอ้อนวอนของไอรดาดังออกมา
"ถึงเวลาของแม่แล้ว แม่แค่มารับพี่สาวของลูก" ไอรดาได้ยินสิ่งที่แม่ของเธอบอกกล่าวก็ตกใจ
"พี่ พี่ของหนู!!! หนูมีพี่สาวหรือคะ? แต่ ..." ไอรดาพูดยังไม่ทันจบ เสียงแม่ของเธอก็ดังขึ้น และมันเหมือนจะลอยห่างออกไปไกลมากขึ้นด้วย
"แม่ต้องไปแล้ว รักษาสร้อยเส้นนั้นให้ดีนะ และนำมันกลับมารวมกัน รักษาตัวเองให้ดี ทำสิ่งดี ๆ แทนพี่เขาด้วย พี่เขาทำผิดพลาดมาเยอะ แม่ต้องไปแล้ว" แม่เธอกล่าวลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับเสียงที่เลือนหายไป
"ไม่นะคะ!!! หนูจะไปกับแม่ แม่จะทิ้งหนูไปอีกครั้งไม่ได้นะคะ หนูคิดถึงแม่ แม่คะ แม่!!!" ไอรดาตะโกนออกมาเพื่อเรียกแม่ของเธอ
... ในชั่วขณะ จู่ ๆ ไอหมอกที่ปกคลุมพื้นที่รอบตัวเธอ แม่ของเธอและหญิงสาวอีกคนก็จากหาย มันทำให้เธอได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างแม่ของเธอได้อย่างชัดเจน เธอตกใจแต่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
"ฉันฝากเธอดูแลเขาแทนฉันด้วยนะ .... ฉันต้องไปแล้ว ทำส่วนที่ฉันไม่สามารถทำได้ และแก้ไขสิ่งเลวร้ายแทนฉันด้วย" เสียงหญิงสาวที่แม่ของเธอบอกว่า (พี่สาวของลูก!!!) บอกกล่าวเธอเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งสองเดินจับมือกัน และหันหลังให้เธอ และทั้งคู่ก็ลอยออกไป
ไอรดาอยากจะตะโกนออกไป แต่เธอไม่สามารถเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาได้เลย เธอได้แต่พยายามวิ่งตามคนทั้งสอง แต่ก็ไม่สามารถวิ่งตามได้ทัน จนกระทั่งทั้งสองคนได้เลือนหายไป
ไอรดาร้องไห้อย่างหนัก น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้มของเธอ เสียงสะอื้นไห้ของเธอดังไปทั่วจนก้องกังวาน เธอได้แต่อ้าปากที่ไม่มีเสียงใด ๆ ออกมา แต่มันสามารถรู้ได้ว่าเธอพูดอะไร มันคือ .....แม่ แม่ แม่ แม่!!! เธอล้มลง หมดสติ
ลีอองไม่รอช้า ดึงร่างของเธอเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมมอบจูบที่ละมุนให้กับเธออีกครั้ง เขาจูบเธอเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น เพราะนี้ยังต้องทำหน้าที่รับแขกอยู่ "ผมขอขอบคุณคนที่สำคัญกับผมที่ทำให้ผมมีวันนี้ ขอบคุณ คุณเจสัน พ่อตาของผมที่ท่านเอ็นดูผมเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านมาโดยตลอดและยังมอบลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านให้ผู้ดูแล ที่ตอนนี้เธอกลายมาเป็นภรรยาที่น่ารักของผม ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากๆ ที่สร้างโอกาสให้กับผมได้พบกับเธอคนนี้" ประโยคหลังลีอองหันไปมองพ่อกับแม่ของเขา เขาพูดจริงที่ท่านทั้งสองบังคับให้เขาแต่งงานกับอัยยะ หากเขาไม่ตกลงในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้จะได้รู้จักเธอคนนี้หรือเปล่า "และที่สำคัญ ขอบคุณเธอคนนี้ ...." ลีอองจับมือของอัยยะขึ้นมาจูบ มองไปที่ใบหน้าสวยของเธอที่ตอนนี้ทั้งคู่ยืนจ้องตากัน "ที่เธอยอมเป็นคู่ชีวิตของผม และไม่ยอมที่จะหย่ากับผมแล้ว" พูดเสร็จเขาก็ดึงร่างอัยยะเขามาไว้ในอ้อมกอด และหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เสียงตบมือของแขกภายในงานดังสนั่น ถึงคิวของอัยยะที่ต้องพูดบ้างแล้ว "ดิฉันขอบคุณทุกท่านที่เป็นเกียรติมาร่วมฉลองงานครบรอบของเราทั้งสองในวันนี้ เรื่องร
วันเปิดร้านของอัยยะเป็นไปอย่างราบรื่น อัยยะจ้างลูกน้อง 3 คน และผู้จัดการร้าน ส่วนเธอจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยใช้นามแฝงเดิมของไอรดา "ทุกท่านค่ะ ... " อัยยะที่ส่งเสียงเรียกแขกที่เข้าร่วมงานในวันนี้ "ทางร้านดวงจันทร์มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ" อัยยะมองไปยังแขกที่ตอนนี้ตั้งใจฟังที่เธอพูด "ทางร้านเราได้รับการตอบรับจากคุณพระจันทร์เสี้ยว เธอจะกลับมาเป็นที่ปรึกษาของทางร้านเราอีกครั้ง โดยทางคุณพระจันทร์เสี้ยวจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุในเบื้องต้น ว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของจริงหรือของเลียนแบบ หรือการตั้งชื่อวัตถุที่ยังไม่มีชื่อและมอบความหมายที่มีคุณค่าให้กับวัตถุนั้นๆ หากลูกค้าท่านใดสนใจก็สามารถว่าจ้างทางเราได้นะคะ" อัยยะที่พูดถึงจุดเด่นของทางร้าน แขกที่รู้จักชื่อเสียงของพระจันทร์เสี้ยวต่างก็มีเสียงฮือฮาออกมา และต่างก็แสดงความยินดีที่พระจันทร์เสี้ยวจะกลับมารับงานอีกครั้ง เพราะนี้จะ 3 เดือนแล้วที่พระจันทร์เสี้ยวไม่รับงาน งานของร้านดวงจันทร์ก็ลดลงเกือบครึ่งเช่นกัน ก่อนวันเปิดร้านอาทิตย์หนึ่ง อัยยะบอกคุณยายนาน่าว่าไม่ต้องบอกใครถึงการเสียชีวิตของพระจ
ลีอองที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ เสียโทรศัพท์ก็ดังขึ้น "ครับคุณพ่อ ....จัดการเรียบร้อยแล้วครับ .... ครับ ....เย็นนี้คุณพ่อจะมาทานข้าวกับเราที่บ้านหรือเปล่าครับ" ลีอองที่กำลังสนทนากับพ่อตา "ไม่ล่ะ พรุ่งนี้พ่อมีประชุมตอนเช้า เอาไว้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ดีกว่า อีกอย่างพ่อไม่อยากรบกวนพวกเราสองคน อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันได้" เสียงเจสันพ่อตาดังออกมาจากปลายสาย "ครับคุณพ่อ ... ครับสวัสดีครับ " ลีอองกล่าวลาพ่อตาของเขา และเดินทางกลับบ้าน ตัดภาพไปที่เจสันที่อยู่ที่บ้านตัวเอง เจสันพ่อตา ที่ยิ้มแก้มปริหลังจากที่วางโทรศัพท์จากลูกเขย สถานการณ์ที่ส่งผลต่อบริษัทเรื่องที่เขานอกใจจากภรรยา ก็ได้รับการคลี่คลาย และเขายังจัดการได้ดีในเรื่องของแฟนเก่า เจสันรู้ว่าลีอองนั้นไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย เขาย่อมเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ลูกเขยของเขาหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เวลาผ่านไปไหวเหมือนโกหก นี้ก็ผ่านมาอีกเดือน ร้านดวงจันทร์ สาขาเมือง S ได้ฤกษ์เปิดร้าน มันเป็นต้นเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว อัยยะที่ยืนอยู่ทางเข้าร้าน วันนี้เธอแต่ง
ระหว่างกลับบ้านก่อนเขาตัวเมือง P "เราไม่กลับบ้านหรือคะ" อัยยะถาม เมื่อรถวิ่งเข้าสูงกลางเมือง แทนที่จะไปแถบชานเมือง "ผมต้องมาเก็บเสื้อผ้า" ลีอองบอกเธอถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ วันนี้เขาพาเธอมาที่คอนโด "อือ ... ค่ะ" อัยยะรับทราบ เธอยังไม่เคยเข้าไปในคอนโดของเขาเลย วันนั้นที่มาเอารถเธอก็ไม่ได้ขึ้นไปกับเขา ทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในห้อง หลังจากที่ประตูที่ปิดลง ลีอองที่เดินมาเปิดไฟ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่บอกอะไรเธอว่าเธอต้องนั่งรอเขาที่ไหนในตอนที่เขาเก็บเสื้อผ้า เขาก็ดึงร่างบางของเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที พร้อมกับประกบไปที่ปากกระจับของเธออย่างโหยหา อัยยะที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้สามีของเธอจะเริ่มเร็วขนาดนี้ ก็ทำตาโตมองสบตาที่ตอนนี้ดวงตาของเขาปิดลงตามอารมณ์ของเขาแล้ว มือของเขาที่ปลดกระดุมเสื้อของเธอมันก็รวดเร็วพอกันกับปากของเขา การบดขยี้ปากบางของเธอด้วยปากของเขามันช่างเร้าอารมณ์เธอได้เร็วจริงๆ ปลายลิ้นของเขาที่ดันตัวเองเข้าไปลิ้มรสหวานจากปากของเธอ และดูดดื่มความชุ่มฉ่ำในโพรงปากมันช่างกระตุ้นอารมณ์ของเขาจริงๆ "อืมมมม ..." เสียงครางเบาๆ จากอัยยะที
เช้าวันถัดมา อัยยะและลีอองกล่าวลา พ่อกับแม่ของเขา และเดินทางเข้าเมือง S ทั้งคู่ไปเยี่ยมคุณยายนาน่า และอยู่คุยกับท่านในช่วงเช้า "หนูอัยย์ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่ะคุณยาย" อัยยะที่ยืนยันกับคุณยายนาน่าเรื่องสุขภาพของเธอ เพราะคุณยายยังคงเป็นห่วงเธอในเรื่องนี้ "ถึงจะหายดีแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหม" คุณยายกล่าวเสริม "ค่ะคุณยาย" อัยยะรับคำ "มีคุณลีอยู่ เขาไม่ปล่อยให้หนูอัยย์เป็นอะไรไปหรอกค่ะ" อัยยะหันไปมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ "ครับคุณยาย ผมไม่ยอมให้คุณอัยย์เป็นอะไรไปแน่นอนครับ ไม่งั้นผมจะอยู่กับใคร" ลีอองเสริมความมั่นใจให้คุณยาย "และไหนจะเจ้าตัวเล็กที่เรายังไม่มีอีก ผมต้องดูแลเธอเป็นพิเศษเลยล่ะครับ คุณยายจะได้อุ้มเหลนเร็วๆ ไงครับ" ลีอองที่หันไปพูดกับอัยยะอย่างหน้าตาย หญิงสาวที่เริ่มหน้าแดงจากคำพูดของเขาก็บิดไปที่ต้นขาของเขาเบาๆ ลีอองที่ทำเป็นเจ็บ แต่ก็อมยิ้มตอบเธอกลับมา เป็นเชิงว่าผมยอมแล้วคราบ... "ยายเห็นเราทั้งคู่รักกันอย่างนี้ ยายก็หมดห่วง และเรื่องเหลนพวกเราทั้งคู่ต้องรีบๆ เลยนะ ยายแก่แล้วอยากอุ้มเหลนแล้วด้วย
ช่วงอาหารค่ำที่บ้านลีออง "หนูอัยยะทานเยอะๆ นะลูก" แม่สามีตักอาหารให้เธอ "ขอบคุณค่ะ" อัยยะกล่าวขอบคุณ "แม่เห็นลูกๆ รักใคร่กันอย่างนี้ แม่ก็มีความสุข แม่อยากจะเห็นหลานๆ แล้วล่ะ หวังจากพี่แกคงอีกนาน" แม่ของลีอองที่พูดถึงลูกชายคนโต ที่ทำยังไงก็ไม่ยอมแต่งงานสักที "ได้ครับแม่ ... ผมจะทำหลานคนแรกให้แม่กับพ่อไม่เกินปลายปีนี้แน่นอนครับ" ผู้ชายหน้าตายคนนี้ พูดเรื่องแบบนี้ออกมาแบบไม่อายใครก็เป็น แถมอมยิ้มให้อัยยะด้วยสายตาที่หน้าตีจริงๆ "ดี ดี ดี พ่อก็อยากที่จะอุ้มหลานเร็วๆ แล้ว แกต้องตั้งใจ เข้าใจไหมเจ้าลี อย่าให้เสียชื่อตระกูลของเราล่ะ" พ่อปู่เสริมทับ ยิ่งทำให้อัยยะรู้สึกเขินจนกินอาหารไม่ลง เธอเกือบจะสำลักอาหารเข้าให้ด้วย หลังทานอาหารเย็นเสร็จอัยยะกับแม่ย่าก็พากันเก็บจานไปล้าง และเธอก็เข้าห้องเพื่อเตรียมที่นอน ส่วนลีอองที่หลังทานอาหารเสร็จก็เข้าไปนั่งคุยกับพ่อที่ระเบียบบ้าน "พ่อครับ ... ผมมีเรื่องรบกวนหน่อยครับ" "ว่ามา ... มีเรื่องอะไร" "เรื่องจิมมี่ครับ ... ผมต้องการที่จะย้ายเธอกลับมายังสำนักงานใหญ่ของเราที่นี่ ... พอจะมีตำแหน่ง