ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน จู่ ๆ ไอรดาก็ลืมตาขึ้น เธอยังคงอยู่ที่เดิมในที่ที่เธอล้มลงหมดสติในตอนที่แม่ของเธอจากไปพร้อมกับหญิงสาวที่แม่ของเธอบอกว่า นั้นคือพี่สาวของเธอ
ไอรดาพยายามยืนขึ้น แต่เธอก็ยังไม่สามารถยืนขึ้นได้ เพราะยังคงมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงแบบกะทันหัน ไอรดาเอามือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับ พร้อมกับหลับตาอย่างแรง ในท่าขดตัวนอนแบบเจ็บปวด
"ซีด!!!... " เสียงที่บ่งบอกว่าเธอนั้นมีอาการปวดหัว ดังออกมาจากไรฟันของเธอ
"นี้ นี้ มันภาพอะไร? ...พวกคุณเป็นใคร? ..." ไอรดาถามคำถาม แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบเธอกลับมา จากที่เธอเห็นภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสมองของเธอ มันเป็นภาพที่ไม่คุ้นเคยไหล่ผ่านดังสายน้ำ ไอรดาเห็นภาพต่าง ๆ เหล่านั้น มันคือภาพของความทรงจำของผู้หญิงคนนั้น คนที่เดินจับมือไปกับแม่ของเธอ โดยความทรงจำของผู้หญิงคนนั้นเริ่มตั้งแต่เธออายุได้ 9 ขวบ
"หนูคือลูกพ่อ ต่อไปนี้พ่อจะดูแลหนูเอง ไม่ให้หนูต้องลำบาก หนูต้องเป็นเด็กดีนะคะ" ชายวัยกลางคนอายุราว ๆ 40 ปี พูดกับเด็กผู้หญิงที่เขากำลังอุ้มอยู่
"ค่ะคุณพ่อ หนูอัยย์ จะเป็นเด็กดี จะไม่ดื้อ ไม่สน จะเชื่อฟังคุณพ่อนะคะ" เสียงใส ๆ ของเด็กผู้หญิงดังก้องกังวาน เมื่อเธอตอบกลับชายผู้เป็นพ่อของเธอ
ภาพของเด็กผู้หญิงจากที่อายุ 9 ขวบ ที่เป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก ใส ๆ ไล่ไปเรื่อย ๆ จนอายุของเธอก็เริ่มมากขึ้น นิสัยของเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เธอดื้อชนิดที่ไม่ใช่ซนแบบเด็ก ๆ แต่เป็นความดื้อรั้น ชอบใช้อำนาจสั่งคนนั้นคนนี้ หากไม่ได้ดังใจเธอจะลงไม่ลงมือกับคนที่ทำให้เธอขัดใจ แต่เธอจะประจบและทำตัวดีเฉพาะเวลาที่พ่อของเธออยู่ด้วยเท่านั้น ที่เธอเป็นอย่างนี้เพราะเธอต้องการดึงดูดความจนใจจากพ่อของเธอ
ไอรดา มองเห็นแววตาเศร้า อ้างว้าง ของหญิงสาวผ่านเรื่องราวที่เข้ามาในสมองของเธอได้อย่างชัดเจน ไอรดาได้แต่คิดว่าหญิงสาวคนนี้ช่างโดดเดี่ยวจริง ๆ เธอแค่เรียกร้องความสนใจจากผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่นานวันเข้า สิ่งที่เธอทำกลายเป็นนิสัยที่ติดตัว และเป็นนิสัยที่ไม่ดีเสียด้วยซิ เรื่องราวของอัยยะดำเนินไปเรื่อย ๆ ในห้วงคำนึงของเธอ จนกระทั่งอายุของอัยยะ ย่างเข้าวัยที่ 23 ที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย
"พ่อคะ หนูชอบเขา หนูอยากแต่งงานกับเขา มันเหมือนรักแรกพบเลยค่ะ พ่อจัดการให้หนูนะคะ หนูสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อที่หนูจะได้อยู่กับเขา นะคะพ่อ คุณพ่อต้องช่วยหนูนะคะ" อัยยะเข้ามาหาพ่อของเธอที่บริษัท และเริ่มออดอ้อนเสียงหวานในเรื่องที่ต้องการ
หญิงสาวเสนอความคิดในการที่จะให้ชายหนุ่มคนนี้แต่งงานกับเธอ นั้นก็คือการใช้สัญญาลงนามข้อตกลงร่วมลงทุนระหว่างบริษัทของพวกเขา หากชายหนุ่มไม่ยินยอมบริษัทของพวกเขา จะไม่ร่วมลงทุนกับบริษัทของพ่อของเขา
และหากลีอองไม่ให้ความร่วมมือ บริษัทพ่อของเขาจะต้องล้มละลายอย่างแน่นอน เพราะตระกูลบาสเตียน มีธุรกิจเกี่ยวกับการเงินที่ครอบคลุมในประเทศ T รวมทั้งเขตภูมิภาคแถบนี้เกือบทั้งหมดล้วนเกี่ยวพันกับตระกูลบาสเตียน ข้อตกลงนี้ ทำให้ชายหนุ่มต้องทำตามความต้องการของอัยยะอย่างแน่นอน
ช่วงแรกชายหนุ่มไม่ยินยอม แต่เพราะความอยู่รอดของครอบครัวชายหนุ่มจึงยินยอม
"เพราะอะไรทำไมคุณพ่อ ถึงได้ยอมทำตามที่เราเสนอนะ?" อัยยะพูดกับตัวเองหลังจากที่พ่อของเธอตกลงและจัดการตามคำขอของเธอ
ในตอนแรกอัยยะกลัวพ่อของเธอจะไม่เห็นด้วยกับเธอ แต่ก็ดีแล้วละ (ในที่สุด คุณก็เป็นของฉัน ลีออง!!) เธอคิดถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่เธอฝันหาตั้งแต่แรกเจอ
ภาพต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอัยยะ กำลังผุดเข้ามาในสมองของไอรดาอีกครั้ง ภาพเหล่านั้นหลั่งไหลมาเรื่อย ๆ จนถึงภาพที่เธอเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวเริ่มทะเลาะกัน ประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่มพูดกับอัยยะ ก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านไป
"ผมไม่อยากที่จะเห็นหน้าคุณอีก!! คุณไม่คู่ควรกับความรัก ไม่ว่าจะจากผม หรือจากใครก็ตาม และคุณก็รู้ว่าผมไม่เคยที่จะรักคุณ และมันก็จะไม่มีวันเป็นอย่างงั้นแน่นอน คุณมันเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ คุณมันนางมารร้าย คุณช่างแตกต่างกับคุณพ่อของคุณจริง ๆ ท่านเป็นคนดี ส่วนคุณอัยยะ" ลีอองหยุดพูด มองไปยังท้องฟ้าอันห่างไกล แต่ไม่ได้มองใบหน้าของคนที่เขาพูดด้วยเลยสักนิด
"อัยยะ!! คุณฟังผมให้ดี ๆ ผมไม่เคยรักคุณ เราหย่ากันเถอะ ... เฮอ" ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งหลังพูดเสร็จ
"อัยยะ ... หากคุณอยากตายจริง ๆ อย่างที่คุณพูด คุณก็ไปตายซะ!!!"
จากนั้นภาพก็ตัดไปที่อัยยะ ที่กำลังวิ่งตามชายหนุ่มออกมาจากบ้าน และขับรถตามเขาออกไป อัยยะร้องไห้ฟูมฟายภายในรถ และกรีดร้องออกมาตลอดเวลา และภาพเหล่านั้นก็ตัดจบเมื่อเธอเห็นรถที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศและตกลงกระแทกฟื้น
"อะ...ซีดดดดดด...." ไอรดายังคงปวดศีรษะของเธออยู่ จากภาพต่างๆ รวมทั้งคำพูดที่เกิดขึ้นภายในสมองของเธอ มันเหมือนกลายมาเป็นความทรงจำของเธอเอง เพียงแต่ไอรดารู้ว่าเธอเป็นใคร แต่เธอดันมีความทรงจำเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่ออัยยะด้วยนะสิ มันเปรียบเสมือนว่าตอนนี้เธอเป็นทั้งสองคน โดยจิตวิญญาณยังคงเป็นไอรดา เพิ่มเติมคือความทรงของอัยยะที่แทรกเข้ามาด้วย
"นั้น นั้น ... ความทรงจำของเธอ? .... เธอคือ .... พี่สาวเราเหรอ? มันคืออะไร?" เธอคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองเห็น ตอนนี้อาการปวดหัวของเธอดีขึ้นมากกว่าตอนที่เธอเห็นภาพความทรงจำเหล่านั้นในช่วงแรก ๆ
ตอนนี้เธอสามารถลุกขึ้นยืนได้แล้ว ความคิดของเธอต่อภาพความทรงจำของหญิงสาวที่ชื่ออัยยะ มันชั่งถือเป็นฝันร้ายของเธอจริง ๆ
"นี้ มันเรื่องอะไรกัน?" เธอตั้งคำถามกับตัวเอง "ความทรงจำของผู้หญิงคนนั้น มันคืออะไร"
ยังไม่ทันที่เธอจะคิดหาคำตอบให้กับตัวเอง ทันใดนั้น แสงแวบสีขาวนวลก็ปะทุขึ้นตรงระหว่างเท้าทั้งสองของเธอ มันค่อย ๆ สว่างเจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เธอแสบตา และหลับตาโดยอัตโนมัติ พร้อมกับยกแขนข้างที่เธอถนัดขึ้นมาปิดบังดวงตาของเธออีกชั้นทันที จากนั้นเธอก็ขาดสติการรับรู้.....
….. เช้าวันใหม่ แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วย
หญิงสาวที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง เธอยังคงหลับตาอยู่ เมื่อมีแสงแดดส่งมากระทบที่เปลือกตาของเธอ ด้วยสัญชาตญาณเปลือกตาของเธอก็ขยับโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเธอกำลังพยายามจะลืมมันขึ้นมา จากแสงแดดที่ส่งเข้ามามันช่างเจิดจ้าจนทำให้เธอต้องใช้มือข้างที่เธอถนัดยกมันขึ้นมาปิดบังดวงตาของเธอ
"อะ...ซีดดดดดด .... อะ ... เจ็บ! เจ็บ!" เสียงของไอรดาที่รู้สึกปวดหัว ผสมกับการเจ็บปวดตามร่างกาย ดวงตาของเธอกลมโต เธอมองขึ้นไปเจอกับผนังด้านบนของห้อง เธอพยายามยกแขนของเธออีกข้าง
"อะ อะ เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ!!!" เสียงร้องด้วยความเจ็บของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอมองไปยังแขนที่เธอเพิ่งยกมันขึ้นมา และหันไปเห็นสายน้ำเกลือที่ต่อจากแขนอีกข้างของเธอ
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอีกข้าง ๆ เตียงของเธอ รู้สึกตัวทันทีเมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวที่เขากำลังทำหน้าที่เฝ้าดูแลเธอตลอดทั้งคืน
"คุณฟื้นแล้ว!!" เสียงชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างของเตียงดังขึ้น
ไอรดา เมื่อได้ยินเสียผู้ชาย ก็รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ด้วยกับเธอ จากนั้นเธอก็หันหน้าไปหาเจ้าของเสียงทันที
"คะ คะ คุณ ... คุณ ... อะ อะ ... ซีดดดด!!!" เธอกำลังจะพูดแต่อาการปวดหัวดันกำเริบขึ้นอีกครั้ง
"คุณไม่ต้องพูดอะไร เดียวผมไปตามหมอมาดูคุณก่อน" ชายหนุ่มที่เธอเห็นในฝันคนเห็นนั้นกำลังพูดกับเธอ เธอยังฝันอยู่อีกหรือเปล่า ไอรดาคิด และพูดออกมา "นี้ฉันกำลังฝันอยู่อีกเหรอ?" เธอพูดไปก็ยกแขนที่เธอรู้สึกเจ็บในตอนแรกที่ฟื้นขึ้นมา
"อ๊ะ ... เจ็บ! เจ็บ!! นี่ นี่มัน มะ ไม่ใช่ความฝันเหรอ ... ผู้ชายคนนั้นมาอยู่นี้ได้อย่างไร? แล้วคุณยายละ? คุณยายอยู่ไหน?"
ลีอองไม่รอช้า ดึงร่างของเธอเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมมอบจูบที่ละมุนให้กับเธออีกครั้ง เขาจูบเธอเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น เพราะนี้ยังต้องทำหน้าที่รับแขกอยู่ "ผมขอขอบคุณคนที่สำคัญกับผมที่ทำให้ผมมีวันนี้ ขอบคุณ คุณเจสัน พ่อตาของผมที่ท่านเอ็นดูผมเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านมาโดยตลอดและยังมอบลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านให้ผู้ดูแล ที่ตอนนี้เธอกลายมาเป็นภรรยาที่น่ารักของผม ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากๆ ที่สร้างโอกาสให้กับผมได้พบกับเธอคนนี้" ประโยคหลังลีอองหันไปมองพ่อกับแม่ของเขา เขาพูดจริงที่ท่านทั้งสองบังคับให้เขาแต่งงานกับอัยยะ หากเขาไม่ตกลงในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้จะได้รู้จักเธอคนนี้หรือเปล่า "และที่สำคัญ ขอบคุณเธอคนนี้ ...." ลีอองจับมือของอัยยะขึ้นมาจูบ มองไปที่ใบหน้าสวยของเธอที่ตอนนี้ทั้งคู่ยืนจ้องตากัน "ที่เธอยอมเป็นคู่ชีวิตของผม และไม่ยอมที่จะหย่ากับผมแล้ว" พูดเสร็จเขาก็ดึงร่างอัยยะเขามาไว้ในอ้อมกอด และหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เสียงตบมือของแขกภายในงานดังสนั่น ถึงคิวของอัยยะที่ต้องพูดบ้างแล้ว "ดิฉันขอบคุณทุกท่านที่เป็นเกียรติมาร่วมฉลองงานครบรอบของเราทั้งสองในวันนี้ เรื่องร
วันเปิดร้านของอัยยะเป็นไปอย่างราบรื่น อัยยะจ้างลูกน้อง 3 คน และผู้จัดการร้าน ส่วนเธอจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยใช้นามแฝงเดิมของไอรดา "ทุกท่านค่ะ ... " อัยยะที่ส่งเสียงเรียกแขกที่เข้าร่วมงานในวันนี้ "ทางร้านดวงจันทร์มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ" อัยยะมองไปยังแขกที่ตอนนี้ตั้งใจฟังที่เธอพูด "ทางร้านเราได้รับการตอบรับจากคุณพระจันทร์เสี้ยว เธอจะกลับมาเป็นที่ปรึกษาของทางร้านเราอีกครั้ง โดยทางคุณพระจันทร์เสี้ยวจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุในเบื้องต้น ว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของจริงหรือของเลียนแบบ หรือการตั้งชื่อวัตถุที่ยังไม่มีชื่อและมอบความหมายที่มีคุณค่าให้กับวัตถุนั้นๆ หากลูกค้าท่านใดสนใจก็สามารถว่าจ้างทางเราได้นะคะ" อัยยะที่พูดถึงจุดเด่นของทางร้าน แขกที่รู้จักชื่อเสียงของพระจันทร์เสี้ยวต่างก็มีเสียงฮือฮาออกมา และต่างก็แสดงความยินดีที่พระจันทร์เสี้ยวจะกลับมารับงานอีกครั้ง เพราะนี้จะ 3 เดือนแล้วที่พระจันทร์เสี้ยวไม่รับงาน งานของร้านดวงจันทร์ก็ลดลงเกือบครึ่งเช่นกัน ก่อนวันเปิดร้านอาทิตย์หนึ่ง อัยยะบอกคุณยายนาน่าว่าไม่ต้องบอกใครถึงการเสียชีวิตของพระจ
ลีอองที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ เสียโทรศัพท์ก็ดังขึ้น "ครับคุณพ่อ ....จัดการเรียบร้อยแล้วครับ .... ครับ ....เย็นนี้คุณพ่อจะมาทานข้าวกับเราที่บ้านหรือเปล่าครับ" ลีอองที่กำลังสนทนากับพ่อตา "ไม่ล่ะ พรุ่งนี้พ่อมีประชุมตอนเช้า เอาไว้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ดีกว่า อีกอย่างพ่อไม่อยากรบกวนพวกเราสองคน อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันได้" เสียงเจสันพ่อตาดังออกมาจากปลายสาย "ครับคุณพ่อ ... ครับสวัสดีครับ " ลีอองกล่าวลาพ่อตาของเขา และเดินทางกลับบ้าน ตัดภาพไปที่เจสันที่อยู่ที่บ้านตัวเอง เจสันพ่อตา ที่ยิ้มแก้มปริหลังจากที่วางโทรศัพท์จากลูกเขย สถานการณ์ที่ส่งผลต่อบริษัทเรื่องที่เขานอกใจจากภรรยา ก็ได้รับการคลี่คลาย และเขายังจัดการได้ดีในเรื่องของแฟนเก่า เจสันรู้ว่าลีอองนั้นไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย เขาย่อมเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ลูกเขยของเขาหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เวลาผ่านไปไหวเหมือนโกหก นี้ก็ผ่านมาอีกเดือน ร้านดวงจันทร์ สาขาเมือง S ได้ฤกษ์เปิดร้าน มันเป็นต้นเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว อัยยะที่ยืนอยู่ทางเข้าร้าน วันนี้เธอแต่ง
ระหว่างกลับบ้านก่อนเขาตัวเมือง P "เราไม่กลับบ้านหรือคะ" อัยยะถาม เมื่อรถวิ่งเข้าสูงกลางเมือง แทนที่จะไปแถบชานเมือง "ผมต้องมาเก็บเสื้อผ้า" ลีอองบอกเธอถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ วันนี้เขาพาเธอมาที่คอนโด "อือ ... ค่ะ" อัยยะรับทราบ เธอยังไม่เคยเข้าไปในคอนโดของเขาเลย วันนั้นที่มาเอารถเธอก็ไม่ได้ขึ้นไปกับเขา ทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในห้อง หลังจากที่ประตูที่ปิดลง ลีอองที่เดินมาเปิดไฟ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่บอกอะไรเธอว่าเธอต้องนั่งรอเขาที่ไหนในตอนที่เขาเก็บเสื้อผ้า เขาก็ดึงร่างบางของเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที พร้อมกับประกบไปที่ปากกระจับของเธออย่างโหยหา อัยยะที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้สามีของเธอจะเริ่มเร็วขนาดนี้ ก็ทำตาโตมองสบตาที่ตอนนี้ดวงตาของเขาปิดลงตามอารมณ์ของเขาแล้ว มือของเขาที่ปลดกระดุมเสื้อของเธอมันก็รวดเร็วพอกันกับปากของเขา การบดขยี้ปากบางของเธอด้วยปากของเขามันช่างเร้าอารมณ์เธอได้เร็วจริงๆ ปลายลิ้นของเขาที่ดันตัวเองเข้าไปลิ้มรสหวานจากปากของเธอ และดูดดื่มความชุ่มฉ่ำในโพรงปากมันช่างกระตุ้นอารมณ์ของเขาจริงๆ "อืมมมม ..." เสียงครางเบาๆ จากอัยยะที
เช้าวันถัดมา อัยยะและลีอองกล่าวลา พ่อกับแม่ของเขา และเดินทางเข้าเมือง S ทั้งคู่ไปเยี่ยมคุณยายนาน่า และอยู่คุยกับท่านในช่วงเช้า "หนูอัยย์ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่ะคุณยาย" อัยยะที่ยืนยันกับคุณยายนาน่าเรื่องสุขภาพของเธอ เพราะคุณยายยังคงเป็นห่วงเธอในเรื่องนี้ "ถึงจะหายดีแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหม" คุณยายกล่าวเสริม "ค่ะคุณยาย" อัยยะรับคำ "มีคุณลีอยู่ เขาไม่ปล่อยให้หนูอัยย์เป็นอะไรไปหรอกค่ะ" อัยยะหันไปมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ "ครับคุณยาย ผมไม่ยอมให้คุณอัยย์เป็นอะไรไปแน่นอนครับ ไม่งั้นผมจะอยู่กับใคร" ลีอองเสริมความมั่นใจให้คุณยาย "และไหนจะเจ้าตัวเล็กที่เรายังไม่มีอีก ผมต้องดูแลเธอเป็นพิเศษเลยล่ะครับ คุณยายจะได้อุ้มเหลนเร็วๆ ไงครับ" ลีอองที่หันไปพูดกับอัยยะอย่างหน้าตาย หญิงสาวที่เริ่มหน้าแดงจากคำพูดของเขาก็บิดไปที่ต้นขาของเขาเบาๆ ลีอองที่ทำเป็นเจ็บ แต่ก็อมยิ้มตอบเธอกลับมา เป็นเชิงว่าผมยอมแล้วคราบ... "ยายเห็นเราทั้งคู่รักกันอย่างนี้ ยายก็หมดห่วง และเรื่องเหลนพวกเราทั้งคู่ต้องรีบๆ เลยนะ ยายแก่แล้วอยากอุ้มเหลนแล้วด้วย
ช่วงอาหารค่ำที่บ้านลีออง "หนูอัยยะทานเยอะๆ นะลูก" แม่สามีตักอาหารให้เธอ "ขอบคุณค่ะ" อัยยะกล่าวขอบคุณ "แม่เห็นลูกๆ รักใคร่กันอย่างนี้ แม่ก็มีความสุข แม่อยากจะเห็นหลานๆ แล้วล่ะ หวังจากพี่แกคงอีกนาน" แม่ของลีอองที่พูดถึงลูกชายคนโต ที่ทำยังไงก็ไม่ยอมแต่งงานสักที "ได้ครับแม่ ... ผมจะทำหลานคนแรกให้แม่กับพ่อไม่เกินปลายปีนี้แน่นอนครับ" ผู้ชายหน้าตายคนนี้ พูดเรื่องแบบนี้ออกมาแบบไม่อายใครก็เป็น แถมอมยิ้มให้อัยยะด้วยสายตาที่หน้าตีจริงๆ "ดี ดี ดี พ่อก็อยากที่จะอุ้มหลานเร็วๆ แล้ว แกต้องตั้งใจ เข้าใจไหมเจ้าลี อย่าให้เสียชื่อตระกูลของเราล่ะ" พ่อปู่เสริมทับ ยิ่งทำให้อัยยะรู้สึกเขินจนกินอาหารไม่ลง เธอเกือบจะสำลักอาหารเข้าให้ด้วย หลังทานอาหารเย็นเสร็จอัยยะกับแม่ย่าก็พากันเก็บจานไปล้าง และเธอก็เข้าห้องเพื่อเตรียมที่นอน ส่วนลีอองที่หลังทานอาหารเสร็จก็เข้าไปนั่งคุยกับพ่อที่ระเบียบบ้าน "พ่อครับ ... ผมมีเรื่องรบกวนหน่อยครับ" "ว่ามา ... มีเรื่องอะไร" "เรื่องจิมมี่ครับ ... ผมต้องการที่จะย้ายเธอกลับมายังสำนักงานใหญ่ของเราที่นี่ ... พอจะมีตำแหน่ง