 LOGIN
LOGIN“ฉัน...ข้าทำอะไรให้พวกเจ้ากัน ไยจึงคิดเอาชีวิตข้าด้วย”
จากประสบการณ์ในเรื่องการแสดง หญิงสาวก็ไม่ทำให้น้อยหน้า นี่จะจริง! ปลอม! หรือแม้แต่ความฝัน! เธอก็ต้องควบคุมสถานการณ์เอาไว้ให้ได้ เพราะดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว คนพวกนี้ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่
“เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดให้พวกข้า แต่เจ้าทำกับคนที่จ่ายเงินพวกข้าต่างหาก”
ชายคนเดิมตอบมา ด้วยรอยยิ้มเหี้ยม ซึ่งมีหรือจวิ๋นมู่จะแสดงความหวาดหวั่นให้อีกฝ่ายได้เห็น ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยน้ำตา เวลานี้ได้จ้องเขม็งไปที่กลุ่มคนตรงหน้า พร้อมการคิดคำนวณถึงผลลัพธ์ของการต่อสู้ เธอไม่มีคำว่าได้เปรียบ เพราะมองยังไงก็เสียเปรียบล้วนๆ หนีก็ไม่ได้ สู้ก็ยังพอมีทางรอด แต่อาจเจ็บหนักเลยทีเดียว ผู้ชายตัวโตๆ ตั้งสี่คน แต่เธอคนเดียวกับร่างกายบางกว่าใบไม้แห้ง โอ้สวรรค์! ถ้าจะเป็นความฝัน ทำไมต้องเป็นฝันที่โหดร้ายขนาดนี้
“ถ้าแบบนั้น พวกเจ้าก็ทำให้เต็มที่ เพราะข้าไม่มีเงินจะซื้อชีวิตตนเอง”
จวิ๋นมู่ตอบโต้กับกลุ่มคนตรงหน้า พร้อมกับพยายามที่จะต่อสู้ กับความเจ็บปวดในหัว เพราะภาพวกวนไหลบ่าเข้ามา จนเธอต้องขบกรามเล็กเอาไว้แน่น ละสายตาไม่ได้เป็นอันขาด! แค่กระพริบตาก็อาจตายได้เลย เมื่อนึกถึงความตาย ใบหน้าที่หวานประหนึ่งกลีบดอกไม้บาง ก็แปรเปลี่ยนเป็นดุกร้าว เพราะไม่ว่าตอนนี้เธอจะนอนบนเตียงแล้วกำลังฝัน หรือเรื่องจริงที่เธอตกลงจากระเบียงห้องนอน...
มันก็คือฝันที่เธอเจ็บแค้น คนรักที่ลงมือกับเธออย่างโหดเหี้ยม โดยที่เขาไม่คิดว่าเธอคอยช่วยเหลือ และรักเขามากแค่ไหน เขาคิดฆ่าเธออย่างไร้เยื่อใด ไหนๆ ก็เจ็บปวดใจจนไร้หนทางออก แบบนี้ก็ให้ผู้ชายตัวโตๆ พวกนี้ เป็นที่ระบายแค้นของเธอหน่อยก็แล้วกัน เผื่อว่ามันจะดีขึ้น จากความตื่นกลัวภายในใจ กลายเป็นแรงฮึดสู้ เพื่อที่จะให้ตัวเองรอดชีวิต นั่นทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่ มีความกระตือรือร้น ที่จะต้อนกระต่ายน้อยตรงหน้า ให้ตกอยู่ในเงื้อมือของพวกเขา
“น่าเสียดายยังอายุน้อยอยู่แท้ๆ เจ้าไม่น่าไปเป็นตัวขวางทางผู้อื่นเลย”
“โยกโย้เสียเวลา”
หญิงสาวเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงกดลึก เวลานี้ความกดดัน กำลังพวยพุ่งขึ้นมาภายในใจของหญิงสาว ทั้งแปลกที่แปลกทาง ไหนจะมีร่างกายที่หาใช่ของตัวเองอีก ตรงหน้าก็คือคนที่มุ่งหมายเอาชีวิต ไม่มีสิ่งใดจะบีบคั้นเธอได้มากไปกว่านี้แล้ว
“ดี! ลงมือ”
สิ้นคำสั่งชายหนุ่มทั้งสี่ ก็พุ่งเข้าหาหญิงสาว โดยที่ในมือนางมีดาบเท่านั้น แขนเล็กกว่าตะเกียบ จะเอาอันใดมาต่อกรกับพวกเขาได้ เคร้ง! จวิ๋นมู่ยกดาบขึ้นต้านรับ เท้าที่เจ็บร้าว เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวไม่สนว่าอีกฝ่าย จะมีวิชาแบบคนยุคโบราณไหม ถึงแม้เธอฝึกการต่อสู้แบบยุคทันสมัยมา แต่ท่วงท่าในแบบโบราณ เธอคล่องแคล่วอยู่แล้ว ด้วยอาชีพและการฝึกฝนมานับสิบปี
ทว่ามันก็เป็นความหนักหน่วง ที่ทวีขึ้นภายในใจของหญิงสาว ที่ต้องรับมือกับคนและโลกที่ไม่รู้จัก แต่เมื่อเลือดขึ้นตา เธอมองชายทั้งสี่ เป็นหน้าของคนรัก ความคลั่งแค้น ที่ปะทุขึ้นภายในใจ ทำให้เธอลงมือราวกับตัวเธอ มีพลังของคนนับสิบอยู่ในตัว
ฟิ้ว! ฉึก! ลูกธนูดอกใหญ่ พุ่งเข้ากลางอกของชายหนึ่งในสี่ ทำให้ดาบใหญ่ที่กำลังจะฟันใส่ร่างบอบบาง ชะงักอยู่กลางอากาศ ปึก! เท้าบางถีบยันร่างนั้น จนล้มหงายหลัง หญิงสาวรีบเคลื่อนตัวหลบเข้าหลังต้นไม้ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของลูกธนู เป็นคนจากฝ่ายใด
“สารเลว! เจ้ากล้าแตะต้องน้องสาวข้าหรือ!”
เสียงกร้าวกระด้าง ดังอยู่ไม่ไกลจากต้นไม้ ที่หญิงสาวใช้กำบัง ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายทั้งสี่ เธอได้ยินไม่ผิด คนที่มาใหม่ เรียกเธอว่าน้องสาว โอ๊ะ! ก่อนที่ความทรงจำของใครอีกคน จะหลั่งไหลเข้ามาในหัว จนเธอไม่สามารถที่จะแบกรับความเจ็บปวดนั้นได้ หญิงสาวยกสองมือขึ้นกุมหัวเอาไว้ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มใบหน้า ร่างบอบบางสั่นเทาจนยากที่จะควบคุมได้ เธอไม่รู้ว่าจะเป้นความเจ็บปวดของใคร ระหว่างตัวเธอเองกับของหญิงสาวอีกคน
“น้องพี่!”
เสียงเรียกด้วยความตกใจ ดังอยู่ใกล้เหลือเกิน แต่เธอลืมตาไม่ขึ้น หัวมันเหมือนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้ายหญิงสาวไม่อาจต้านทาน กับความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจได้ ร่างบางโอนเอนจะล้มลง หมับ! ท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่ม รีบคว้าร่างบางนั้นเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นสู่แขนแกร่ง
“พาพวกมันกลับไป สืบให้กระจ่าง เรื่องนี้ผู้ใดอยู่เบื้องหลัง”
ชายหนุ่มสั่งผู้ติดตามเสียงกร้าว หากวันนี้เขาไม่ติดตามมารับน้องสาว เพื่อกลับจวนพร้อมกัน เขาคงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องกับนาง สิ่งแรกที่เขาต้องรีบออกค้นหาน้องสาว เพราะผู้ติดตามของนาง ต่างสิ้นใจเพราะยาพิษ เท่านั้นก็ชัดแล้วว่าต้องมีคนใน คอยช่วยเหลือคนร้าย เท้าหนารีบก้าวตรงไปยังหน้าอาราม เพื่อที่จะพาน้องสาวกลับไปรักษาตัว
“คุณหนู บ่าวขอโทษที่กลับมาช้า”
สาวใช้ข้างกาย รีบวิ่งเข้ามาขวางหน้าชายหนุ่ม พร้อมร้องไห้ฟูมฟาย เมื่อเห็นสภาพของผู้เป็นนายสาว ที่สิ้นสติอยู่ในอ้อมแขนของคุณชายใหญ่
“หลีกไป!”
ชายหนุ่มไม่ได้คิดที่จะถาม ว่าทำไมน้องสาวของเขาจึงอยู่คนเดียว แต่เลือกที่จะสั่งสาวใช้ให้หลีกทางเสียงกร้าว คงมีเพียงสายตาแฝงความนัย ที่ส่งให้คนสนิทได้เห็น เพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

เช้าวันถัดมา ภายในโรงเตี๊ยมดูคักยิ่งนัก และดูเหมือนว่าคนของวาที่สามี จะทำงานได้ดีเกินคาด ขนาดหาคนมาทำหน้าที่ในโรงเตี๊ยมแทนได้อย่างแนบเนียน หญิงสาวยืนมองทุกอย่างด้วยแววตานิ่งเรียบ นางไม่ได้อยากมีปัญหากับผู้ใดเลย แต่เป็นคนเหล่านี้ ที่สอดเท้ามาในพื้นทีของนางไม่หยุด“คุณหนูขอรับ ก่อนรุ่งสาง คนของท่านอ๋องกับทางการเมืองชุ่ย ได้เข้าไปที่ชุมโจร ทำการกวาดล้างจนสิ้นแล้วขอรับ สตรีและเด็กคนชรา ถูกนำไปอยู่เขตกักกันนักโทษขอรับ มิได้สังหาร”อู๋เหล่ย เข้ามารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับคนของท่านอ๋อง ที่ตั้งใจมองดูพวกเขาถูกลอบทำร้าย แล้วมาเอาหน้าในตอนท้าย“หึ ๆ เขาทำงานได้ว่องไวนัก ผลงานครั้งนี้ ท่านเจ้าเมืองย่อมซาบซึ้งในน้ำใจของลู่จิ้งอ๋อง ภายหน้าจะใช้สอยก็สะดวกขึ้น”หญิงสาวรู้อยู่แล้ว ว่าค่ำคืนที่ผ่านมาคนของลู่จิ้งอ๋อง จะลงมือทำสิ่งใด เพราะโม่เชี่ยหานหาใช่คนเขลา นางเอ่ยเป็นนัยยะให้เขาขบคิดเอง ใช้เวลามิทันข้ามคืน เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย นับว่าเป็นมือดีของลู่หย่งไท้ คงจะมีเพียงโรงเตี๊ยมนี้ที่เขายังไม่แตะต้อง คงรอให้งูตัวใหญ่โผล่หางออกมากระมัง ถึงได้ยังชักชวนให้นางพักต่ออีกสักคืน สุดท้ายโม่เชี่ยหลาน ก็
“ดึกแล้ว ข้ายังต้องอาบน้ำอีกรอบ ช่างเป็นความทรมานเกินไปแล้ว”เกาจูเริ่มที่จะบ่นเสียงดัง เมื่อเขาหย่อนก้นลงนั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยนิสัยรักสะอาด ทำให้ตอนนี้ร่างกายของเขา เหมือนจะมีกลิ่นเหงื่อ มันคือความไม่สบายใจอย่างที่สุด หากร่างกายของเขาจะไม่สะอาดก่อนก้าวขึ้นเตียงนอนซึ่งมันมิใช่แค่นิสัยของเกาจูคนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าทุกคน ไม่ชอบให้ตัวเองนอนแบบมีกลิ่นกาย มันไม่สบายตัวและจมูกยิ่งนัก แต่อากาศยามค่ำคืน มันหนาวเกินกว่าจะหย่อนเท้าลงน้ำเสียนี่ และนั่นคือการต่อสู้กับร่างกาย ที่โหยหาการชำระคราบไคล แต่อีกส่วนคือความหนาวเหน็บ ที่ไม่อยากจะสัมผัสกับน้ำ “คืนเดียวเอง เจ้าก็ทน ๆ เอาหน่อยก็แล้วกัน” เฉากวง ยื่นไหสุราไปตรงหน้าเกาจู ก่อนจะไหวไหล่น้อย ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรับไหสุราไปดื่มแก้หนาว ทว่าเกาจูยังไม่มีทีท่าว่าจะรับไหสุรานั้นไปเสียที แต่เขายังคงทำหน้าบุดบึ้งอย่างคนเอาแต่ใจอยู่ “เจ้าก็พูดได้สิ กลิ่นกายเจ้ามันเหม็นหึ่งไหด้วยสุรา” เกาจู ย้อนด้วยเรื่องที่เฉากวงยากจะปฎิเสธได้ “เจ้าอย่าได้กล้าวหาข้าเช่นนั้นนะ ถึงข้าจะดื่มหนัก แต่ข้าก็อาบน้ำทุกวัน ตกลงจะดื่มไหม”
ต้านเจ่อ ช้อนสายตาขึ้นมองไปยังคนถาม แสงไฟที่กระทบไหวบนใบหน้านาง มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ชายหนุ่มมองเลยไปยังน้องชายต่างมารดา ทำไม! เจ้าสวะนี่จึงมีปีกที่แข็งแกร่งกางปกป้องมัน ในวันที่มันพลาดตกลงไปในห้วงความตายแล้วแท้ ๆ แต่ยังมีคนมาอุ้มชูมันเอาไว้ได้อีก “แก...ต้านเค่อ แกมันคนไร้ค่า” เสียงที่เปล่งออกมา แม้จะเต็มไปด้วยโทสะ ทว่ามันกลับเบากว่าเสียงยุงบินเสียอีก “เจ่อเอ๋อร์!!” ชายหนุ่มได้ยินเสียงบิดาอยู่ไกล ๆ ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มอย่างสิ้นหวัง ผั๊วะ! เสียงที่ลั่นอยู่ข้างหู มันช่างอื้ออึงยิ่งนัก ก่อนที่สติทั้งหมดจะสิ้นไป พร้อมกับร่างที่ล้มลงกระแทกพื้นดิน ปลายท่อนไม้ไผ่ มีเลือดหยดลงราวกับเวลามันหยุดอยู่ตรงนั้น สำหรับผู้นำชุมโจร เมื่อบุตรชายอันเป็นที่รัก ล้มลงด้วยน้ำมือสตรี ทางด้านหลินเสวียนนั้นหลับตานิ่ง ตั้งแต่ได้รับสัญญาณมือจากเถาเถาแล้ว ต่างจากคนเป็นพี่ ที่มองด้วยแววตาเย็นชานัก ต้านเค่อที่มองดูพี่ตายสิ้นใจไปต่อหน้า หาได้สาแก่ใจแม้แต่น้อย กลับกันเขากำลังกลัวอย่างถึงที่สุด นี่ขนาดแค่สาวใช้ ยังสังหารคนตาไม่กระพริบ แล้วคุณหนูผู้เป็นนายของเขาเล่า นางจะมากฝีมือเพี
“เอาเยี่ยงไรดีขอรับท่านผู้นำ” ซือถูเอ่ยถามด้วยความกังวล เพราะดูท่าแล้วคุณหนูผุ้นี้ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ หากคิดที่จะลงมือต้องมั่นใจว่าชนะเท่านั้น หาไม่แล้วก้มิต่างเอาชีวิตไปทิ้งใต้คมกาบ ของนางและผู้ติดตาม “ท่านพ่อ ข้าว่าเราไม่ควรชะล่าใจนะขอรับ หากต้านเค่อแค้นเราขึ้นมา พาทางการกลับไปที่ชุมโจร เราทุกคนยากจะหนีรอดนะขอรับ” บุตรชายคนรองที่ขอติดตามบิดามา เพื่อจะได้เห็นกับตา ว่าน้องชายที่เคยเป้นดั่งแก้วตาของบิดา ได้ตายไปแล้วจริง ๆ แม้บิดาจะไม่รักต้านเค่อแล้ว แต่ใจของบิดายังคะนึงหาภรรยาคนที่สาม ซึ่งได้หนีกลับเมืองหลวงไปหาครอบครัวของนาง “เจ้าลงมือเสีย อย่างให้เขารอดกลับไปได้” ผู้นำชุมโจรเอ่ยกับบุตรชายคนรอง ด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งสายสัมพันธ์ต่อบุตรชายอีกคน “ขอรับ” เมื่อได้รับคำอนุญาตจากบิดา ชายหนุ่มนำลูกศรมาทาบคันธนู ก่อนจะน้าวสายธนูจนตึง ดวงตาดุคมรี่ลงจนเล็กเรียว สายตาจับจ้องไปยังเป้าหมาย เขาค่อย ๆ ขยับกายอย่างเงียบกริบ เพื่อให้ผลของศรดอกนี้สัมฤทธิ์ผลที่สุด เขาต้องการให้ดอกเดียวปลิดชีพน้องชาย โดยไม่ต้องเสียเวลาซ้ำเป็นครั้งที่สอง “คิดดีแ
“สิ่งใดที่เจ้าต้องการ ข้ายินดีที่จะมอบให้” “เจ้าคงขายนายตนบ่อยสินะ! รู้ไหม...ว่าต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ถ้าข้าไม่เต็มใจจะรับ หรือคิดที่จะทำ ใครหน้าไหนก็บังคับข้าไม่ได้ทั้งนั้น รวมถึงกองเงินกองทองของเจ้า ที่กำลังพยายามเทมันลงมา เพื่อซื้อชีวิตตัวเอง” “ตกลงเจ้าจะเอาเยี่ยงไรกันแน่” เจ้าของโรงเตี๊ยมถามออกมา ด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป เพราะความโยกโย้ของชายหน้าหวาน มันทำให้เขายากจะเดาทาง ว่าสรุปแล้วคนผู้นี้ ต้องการสิ่งใดกันแน่ “ชีวิตของเจ้า คือสิ่งที่ข้าต้องการ ให้ข้าได้อย่างปากเจ้าพูดหรือไม่เล่า” รอยยิ้มที่ดูราวปีศาจของชายหนุ่ม ทำให้เจ้าของโรงเตี๊ยมสะท้านไปทั้งกาย เวลานี้ตัวเขา ยากจะบอกได้ว่ายังคงสามารถใช้พลังได้มากน้อยแค่ไหน เพราะทุกครั้งเขาพยายามเดินลมปรานฟื้นฟู มันก็ไม่เคยที่จะทำได้แม้แต่สักหนึ่งในสอบส่วนเลย ยาพิษใดกัน! ไยร้ายกาจถึงเพียงนี้ “หึ ๆ เจ้าคงเห็นเป็นเรื่องสนุกสินะ ที่ทรมานข้าให้เหมือนคนไร้ค่าเยี่ยงนี้ได้” “ใช่ตลก! แต่ข้าไม่ได้ทำไปเพียงความสนุกขบขัน แต่ข้าทำเพื่อปกป้องครอบครัวของข้า ครอบครัวที่มันผู้ใดก็ห้ามแตะต้อง”
โรงพักม้า เฉากวงที่ตอนนี้นั่งเอนหลัง พิงกับขอนไม้ที่คราแรกนำมาไว้เพื่อนั่ง แต่ตอนนี้เขาที่เมามาย ได้เอนกายแบบจะใช้ขอนไม้นั้นเป็นหมอนแล้ว ทว่าในอ้อมแขนของเขานั่น ก็ยังคงกอดไหสุราเอาไว้แน่น เพราะมันคือชีวิตจิตใจของเขาเลยก็ว่าได้ การรับใช้คุณหนู คือความสุขที่ยากจะหาใดเปรียบ เพราะนางมีเงินที่สามารถ ซื้อสุราชั้นดีหายากให้เขาดื่มได้อย่างไม่อัตคัด ขอแค่ทำงานดี ค่าตอบแทนก็ดีเช่นกัน ทางด้านฉู่เฟยนั้น เขาได้เอนกายลงนอนกับพื้น โดยมีผ้าขนสัตว์หนานุ่มปูรอง เปลวไฟที่ยังคงลุกโซน ทำให้เขาไม่ใส่ใจถึงความเหน็บหนาวใด ๆ เพราะมันติดที่จะร้อนเสียด้วยซ้ำสำหรับเขา และคงมีเพียงหนึ่งเดียว ที่นั่งกอดเข่ามองซ้ายทีขวาที ด้วยความหวาดระแวง ไยมารดาจึงทอดทิ้งเขาไปเล่า แล้วทำไมเขาไม่เคยถูกมองเห็นจากบิดา แล้วนี่เขาก็ยังไม่ได้รับโอกาส ให้ได้รับใช้ผู้มีอำนาจอีก ชีวิตเขามันช่างนาสมเพชยิ่งนัก “นอนเอาแรงเถอะ ไม่อย่างนั้นยาที่เจ้ากินไป มันก็ไร้ประโยชน์ หากเจ้าไม่รู้จักพักผ่อน อย่าได้คิดอะไรให้เปลืองสมองนักเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดมันอยู่ที่ใจเจ้าทั้งสิ้น” คนที่เมาอ้อแอ้พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะพลิกต








