LOGINวันต่อมาว่านอันอันและซ่งหมิง เดินทางไปทำสัญญาซื้อขายกับผู้นำชุมชนและท่านเจียงที่บ้านของผู้นำชุมชน พวกเขาชำระเงินมาก่อนคนละครึ่งหนึ่งและนัดรับของในวันเดียวกัน คือในอีกหนึ่งเดือน รวมสินค้ารอบแรกที่พวกเขาต้องผลิตคือ หนึ่งร้อยสิบชุด
เสร็จจากทำสัญญาสองสามีภรรยาจึงเดินทางเข้าเมืองด้วยรถรับจ้างทันที ซึ่งเป็นรถที่มีกระบะประกอบมาจากไม้ ที่นั่งเป็นม้านั่งยาวติดกับตัวกระบะมีฝาท้ายแต่ไม่มีหลังคา ว่านอันอันเอาผ้าคลุมมาห่อทั้งตัวขณะนั่งรถเช่นเดิม ในใจมุ่งมั่นว่าวันนี้จะต้องพาซ่งหมิงไปซื้อจักรยานกับเธอให้ได้ ลำพังแค่สินเดิมของเธอก็มีพอใช้ไปทั้งชาติได้โดยไม่ต้องทำงานก็ได้ เงินแค่นี้เธอซื้อได้สบายมาก
ทนปวดก้นอยู่นานในที่สุดก็ถึงปลายทาง สถานที่แรกที่ว่านอันอันลากซ่งหมิงไปก็คือร้านจักนยานในห้างสรรพสินค้า ร่างบางเดินตรงเข้าไปชี้จักรยานตัวหนึ่งอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วจ่ายเงิน พริบตาเดียวทั้งสองคนก็เป็นเจ้าของจักรยานรุ่น Flying Pigeon PA-02 ราคา 150 หยวนแล้ว
ซ่งหมิงจึงได้รับหน้าที่พลขับพาคุณหนูเดินทางไปยังโรงไม้เฟิงที่ได้รับการแนะนำมา ในโรงไม้ขนาดใหญ่ ผู้คนกำลังเดินขวักไขว่ต่างคนต่างยุ่งไม่น้อย
“พี่ชาย ๆ เถ้าแก่โรงไม้อยู่ไหนเหรอ ฉันอยากจะสั่งทำเฟอร์นิเจอร์สักหน่อยน่ะ” ว่านอันอันเรียกใครหนึ่งที่กำลังจะเดินผ่านไปไว้
ชายคนนั้นหันมามองชายหญิงสองคนหน้าตาอ่อนเยาว์ คนหนึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัวในชุดกระโปรงเรียบร้อยสุภาพดูแพง อีกคนเป็นชายหน้าตาคมสันผิวคล้ำสวมชุดสบาย ๆ เหมือนชาวบ้าน หันไปมองจักรยานคันใหม่ของพวกเขาแล้วก็ยิ้มขำ เดาว่าคงเป็นพวกเศรษฐีใหม่ไร้อิทธิพลมาลองสั่งเฟอร์นิเจอร์เฉพาะแบบพวกชนชั้นสูง
คนพวกนี้ชอบมาป่วนโรงไม้มาหลายรอบแล้ว หากสกัดไว้แล้วไล่ไปได้คงได้รับคำชมจากเถ้าแก่ไม่น้อย
“อั้ย ๆ วันนี้ไม่รับทำแล้ว ไปโรงงานอื่นเถอะ”
เห็นเขาไม่เชื่อถือว่านอันอันก็พยายามปั้นหน้ายิ้มเจรจาต่อ
“ขอเราพบเถ้าแก่ก่อน หากเสนอแล้วยังไม่สนใจจะทำให้พวกเราจะไปเอง”
“โรงไม้เฟิงของเรารับผลิตให้แต่หน่วยงานใหญ่ กับคำสั่งซื้อมากกว่าหนึ่งร้อยชิ้นเท่านั้น น้อยกว่านั้นไม่รับ !”
ว่านอันอันเริ่มขมวดคิ้ว มองคนที่เป็นลูกจ้างกอดอกเชิดหน้ามองมา ไม่ว่าจะที่ไหน ๆ ก็จะมีคนพวกนี้ที่อาศัยบารมีคนอื่นทำตัวสูงส่งสินะ
“อ๋า นี่ฉันควรจะดีใจหรือเปล่านะ ที่จำนวนสั่งผลิตคือหนึ่งร้อยสิบชิ้นพอดี”
“เหอะ เด็กผู้หญิงอย่างเธอเอาอะไรมาหนึ่งร้อยสิบชิ้น !”
“แกกำลังพูดถึงอะไร” เสียงทุ้มแหบดังมาจากด้านหลัง ปรากฏชายร่างกายกำยำคนหนึ่ง
“เถ้าแก่เฟิง ! สวัสดีครับ” คนที่ไม่ให้ว่านอันอันเข้าไปก้มโค้งทักทาย สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “มีพวกเด็ก ๆ มาป่วนโรงไม้น่ะครับ บอกว่าจะสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์หนึ่งร้อยสิบชิ้น”
เก้าแก่เฟิงเหลือบมองสองหนุ่มสาวที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าใช่คนจากองค์กรใหญ่ การจะสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์จำนวนมากแบบนี้จึงดูค่อนข้างน่าสงสัย
“จะสั่งทำอะไรล่ะ แล้วมาจากไหนกัน ?”
ว่านอันอันเห็นเถ้าแก่เฟิงคนนี้ยอมพูดคุยด้วย ทั้งยังถามรายละเอียดดูเป็นมิตรกว่าคนแรกก็มองสีหน้าเขาเล็กน้อย จากนั้นก็เผยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ความกังขาและดูถูกในดวงตาคู่นั้นว่านอันอันดูออกและคุ้นเคยดี เธอที่เคยเจอคนชั่วมามากมายมีความรู้สึกไวต่อสีหน้าท่าทางแบบนี้กว่าคนปกติมาก ทั้งการเป็นวิญญาณมาตลอดสามสิบปีก็ทำให้เธอมองธาตุแท้คนออกพอสมควร
“พวกเรามาจากหมู่บ้านทูวาค่ะ จะทำทำโต๊ะกับเก้าอี้ เป็นแบบที่พวกเราออกแบบขึ้นมาเอง”
หลังได้คำตอบแววเหยียดหยามเบื่อหน่ายในดวงตาของเถ้าแก่เฟิงก็เข้มข้นขึ้น หมู่บ้านทูวาเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างพัฒนาช้า ใครจะหอบเงินมากมายมาสั่งทำเฟอร์นิเจอร์หนึ่งร้อยสิบชิ้นบ้ารึเปล่า
“ไปซะ อย่ามาเล่นแถวนี้” เถ้าแก่เฟิงเปลี่ยนท่าทีแล้วไล่คน
“ไม่สนใจจะดูแบบร่างของพวกเราก่อนจริง ๆ เหรอคะ ?” ว่านอันอันหยิบกระดาษที่ถูกพับไว้ขึ้นมาโบก
“ยังจะมาแบบร่างอะไรอีก คนจน ๆ จากหมู่บ้านทูวาจะมาสั่งเฟอร์นิเจอร์ร้อยชิ้น คิดว่าฉันจะโง่เหรอ ! รีบไสหัวไปอย่ามาวุ่นวายแถวหน้าโรงไม้ของฉันอีก !”
เสียงตะคอกดังทำให้ว่านอันอันสะดุ้ง ซ่งหมิงรีบเข้าโอบเธอไว้ทันที ว่านอันอันเงยหน้าสบตาเถ้าแก่เฟิงด้วยสีหน้าท้าทาย
“จำไว้ด้วยนะคะ ว่าวันนี้เถ้าแก่ได้เสียโชคครั้งใหญ่ในชีวิตไปแล้ว”
“เฮอะ ! โชคร้ายครั้งใหญ่น่ะสิ ออกไป !”
ว่านอันอันจูงมือซ่งหมิงเดินออกมาเร็ว ๆ ในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิดแล้วตัดสินใจ
“ไปโรงไม้อื่นเถอะค่ะ”
“อย่าอารมณ์เสียไปเลยนะครับ ต้องมีที่สำหรับเราแน่” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างนุ่มนวล
มือใหญ่บีบมือเล็กเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ ความใจเย็นของเขาช่วยบรรเทาไฟโกรธในใจได้เยอะมาก ว่านอันอันถอนหายใจส่งยิ้มบางให้เขา
“ค่ะ เราลองไปถามที่อื่นกันดีกว่า”
การมีซ่งหมิงอยู่ข้าง ๆ เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ
“ถ้าที่นั่นดีขนาดนั้น แล้วจะถ่อมาเสนอหน้าถึงที่นี่ทำไมล่ะคุณนายเย่”ว่านอันอันกอดอกก้าวมาเผชิญศัตรู ตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน“ว่านอันอัน !” อีกฝ่ายแผดเสียงเกรี้ยวกราดควบคุมอารมณ์ไม่ได้“ฉันรู้จักชื่อตัวเองดี ไม่ต้องเรียก ทางที่ดีมาทางไหนพวกเธอกลับไปทางนั้นเลยดีกว่า ฉันไม่รับแขก”เย่ฟางตงเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรั้งแขนว่านชิงชิงเอาไว้ข้างหลัง แล้วก้าวมาด้านหน้าเดินเข้าไปใกล้ว่านอันอันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พยายามคลี่คลายความตึงเครียด“ใจเย็น ๆ ก่อนอันอัน พี่กับชิงชิงแค่มาเยี่ยมเฉย ๆ เห็นพวกเธอหายไปเลย ไม่กลับบ้านสักครั้ง คุณพ่อเองก็เป็นห่วง ฝากพวกเรามาช่วยถามไถ่”ว่านอันอันย้ายสายตากลับไปมองใบหน้าแสนคุ้นเคยที่อ่อนเยาว์กว่าในความทรงจำ ครั้งก่อนที่พบหน้าเป็นวันแรกที่เธอเพิ่งย้อนอดีตกลับมา มีเรื่องวุ่นวายในหัวไปหมดเลยไม่ทันได้รู้สึกอะไร แต่คราวนี้สีหน้าจอมปลอมของเย่ฟางตงกลับขุดความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตของเธอกลับขึ้นมาเสียได้‘อันอันกินนี่สิ ดีต่อผิวพรรณนะ’‘เธออยากได้กระเป๋านี่ไม่ใช่เหรอ พี
หลังจากอ้างว่าไม่ว่างมานาน ในที่สุดเย่ฟางตงก็พาว่านชิงชิงเดินทางมาไกลถึงหมู่บ้านทูวา แม้จะโดยสารมาด้วยรถยนต์นั่งสบายของสามีแต่ว่านชิงชิงก็บ่นไม่หยุดตลอดทาง ทำเอาเย่ฟางตงใกล้หมดความอดทนเต็มที“โอ๊ย ! เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ร้อนก็ร้อน ยังโคลงเคลงไปมาอีก !”เสียงแหลม ๆ นั้นเหวี่ยงวีนหงุดหงิดเต็มที่“เธอเป็นคนร้องจะมาเองไม่ใช่หรือไง ?”“อะไร นี่พี่เย่จะโทษฉันเหรอ”“เฮ้อ”เมื่อเจอประโยคชวนทะเลาะน่ารำคาญอันดับหนึ่งเย่ฟางตงก็ยอมแพ้ ขับรถไปเงียบ ๆ ยิ่งมองใบหน้าของว่านชิงชิงยิ่งอารมณ์ไม่ดี ยาเสพติดที่เขาแอบใส่ในชามน้ำแกงให้ภรรยากินเกือบทุกวัน ทำให้คุณหนูผู้งดงามผิวแห้งกร้านมาก ใต้ตายังคล้ำดำ ริมฝีปากแห้งผากถึงขนาดที่ทาลิปสติกสีสดปกปิดแล้วก็ยังไม่น่ามองถึงจะเสียดายใบหน้าเดิมของว่านชิงชิงอยู่บ้าง แต่เขาก็ต้องทำเพื่อให้เธออยู่ในกำมือ ถึงเวลาใช้งานจะได้ควบคุมง่าย ๆ หน่อยเดินทางกันอยู่อีกนานทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านทูวาในช่วงบ่ายสามโมง รถยนต์หรูของคนแปลกหน้าที่แล่นเข้ามาในหมู่บ้านทำให้ใครต่อใครชี้ชวนมองตาม“นั่นรถใครน่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเวลาก็ไหลไปจรดเย็น ร้านต้นไม้มาส่งของพอดี หลังถูกตกแต่งด้วยพืชใบเขียวร่มรื่นร้านฉาหยูเถียนก็ดูน่านั่งผ่อนคลายขึ้นมาทันที“อันอันครับ” เสียงทุ้มคุ้นของสามีทำให้ว่านอันอันหันไปมองด้วยรอยยิ้มกว้างซ่งหมิงมาพร้อมป้ายชื่อร้านสองป้าย พวกเขาช่วยกันแขวนแล้วคลุมผ้าสีแดงไว้ รอวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการหลังเสร็จสิ้นภารกิจวันนี้สองร่างใหญ่เล็กก็เดินเคียงข้างกันชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำ“เฮ้อ ยุ่งสุด ๆ ไปเลยค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แทบไม่ได้พักหายใจดี ๆ“เหนื่อยไหมครับ” ซ่งหมิงโอบไหล่บางเกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงอย่างอ่อนโยน“ไม่เหนื่อยค่ะ สนุกมาก รู้สึกว่าการตัดสินใจออกจากเมืองปักกิ่งมาเป็นเรื่องถูกต้องที่สุดเลยค่ะ” เธอเอ่ยความในใจพร้อมรอยยิ้มหวาน“จริงสิ อันอันรู้หรือยังครับ งานเทศกาลฤดูร้อนปีนี้เพราะถนนย่านการค้าหลักมีสะพานถล่ม ทางรัฐจึงย้ายที่จัดมาเป็นถนนเส้นนี้” ซ่งหมิงนึกได้ถึงข่าวน่าตื่นเต้นก็รีบบอกด้วยดวงตาเป็นประกาย“ประกาศแล้วเหรอคะ ?” ว่านอันอันตื่นเต้นตาม แม้จะรู้อยู่แล้ว
วันต่อมาว่านอันอันกับซ่งหมิงก็เริ่มงานแต่เช้า โดยงานแรกคือ... การให้อาหารเจ้าเสี่ยวฮวา แมวส้มตัวน้อยที่ตอนนี้กลายพันธุ์เป็นลูกหมูน้อยตัวกลมดิกไปแล้ว มันคลอเคลียเจ้าของอยู่นาน ร้องตามเหมียว ๆ ไม่หยุด จนว่านอันอันใจอ่อนพามันไปเดินเล่นที่โรงเย็บผ้าด้วยซ่งหมิงนั้นแยกไปโรงไม้เพื่อสั่งงานการสร้างโรงงานผลิตขนมหวานจากถั่วลิสงข้าง ๆ โรงงานตัดเย็บ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ ที่หัวหน้าหมู่บ้านเสนอให้เอง เหล่าช่างไม้ที่ถนัดการก่อสร้างจึงรวมตัวกันแบกอุปกรณ์ข้าวของไปยังจุดก่อสร้างอย่างขยันขันแข็งสิ่งแรกที่ถูกสร้างคือเพิงเก็บถั่วลิสงขนาดใหญ่สามหลัง สำหรับถั่วลิสงที่จะเปิดรับซื้อวันนี้ งานก่อสร้างทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันว่านอันอันก็กำลังอธิบายชุดคอลเล็กชันแรกที่จะเปิดตัวในวันงานเทศกาลนี้กับทุกคน เธอคิดค้นรูปแบบที่เหมาะสมกับหน้าร้อนมาโดยเฉพาะ ซึ่งว่านอันอันตั้งใจว่าห้องเสื้อเสียนฮวานี้จะกลายเป็นยี่ห้อหรูที่คุณหญิงคุณนายจับตามองจุดเด่นของยี่ห้อคือดอกไม้แสนพิเศษที่มีจำกัด เธอตั้งใจจะใช้ดอกไม้แต่ละฤดูเป็นลวดลายเฉพาะเพื่อสื่อความหมาย และลวดลายบนผ้าพิมพ
“แล้วฉันจะทำมาหากินอะไรต่อได้ ฮือออ”“ไม่มีที่ทำงานแล้ว ไม่มีงานแล้ว ไม่มีเงินแล้ว ฮืออ”“แล้วลูกสาวฉันที่ป่วยอยู่จะเอาเงินที่ไหนไปรักษา”“ถั่วที่กองอยู่ในลานบ้านฉันมีมากเป็นภูเขา แบบนี้ทุนที่ปลูกไปจะเป็นยังไง !”“จบแล้ว ! จบสิ้นแล้ว ! โฮ !”บรรยากาศสิ้นหวังหดหู่เศร้าใจปกคลุมไปทั่วทั้งหมู่บ้าน หลินเฉินเองก็พลอยรู้สึกแก่ขึ้นไปสิบปีด้วยเหมือนกัน ในหัวไร้ทางออกได้แต่เดินปลอบใจถามไถ่ความเป็นอยู่ไปทีละหลัง เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังออกมาจนฟ้าแทบถล่ม บางคนจากความเศร้ากลายเป็นความโกรธ พากันหอบถั่วลิสงที่ปลูกมาไปเผาอยู่หน้าโรงงานตามขบวนประท้วงสุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุมตัวไป หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้รับคำเตือนมาจึงรีบเรียกประชุมหมู่บ้านด่วน ว่านอันอันและซ่งหมิงเองก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน จึงได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน ผู้คนในหมู่บ้านทูวาก็เพิ่งสังเกตว่าในหมู่บ้านมีสมาชิกใหม่ ๆ เพิ่มมาเยอะมาก จนแทบล้นศาลาประชุม ผู้นำหมู่บ้านหลิวเห็นทุกคนมาเกือบครบแล้วก็เริ่มพูดขึ้น“เรื่องโรงงานน้ำมันถั่วในครั้งนี้เป็นเหตุร้ายค
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” หลินลี่จูงงไปหมดหญิงสาวที่แต่งตัวจัดเต็มก้าวถอยหลังพร้อมลูกสมุนอีกสองคนหลังถูกรังสีอำมหิตกดดันจากกลุ่มแม่บ้าน“ยังจะเสแสร้งอีก !”“หล่อนมาพูดอะไรไว้ล่ะ บอกว่าโรงงานเย็บผ้าเห็นชาวบ้านต่ำต้อย กดขี่ค่าแรง หวังจะใช้พวกเราเป็นแรงงานไม่จ่ายเงิน เหยียบคนอื่นให้สูงขึ้นไม่ใช่เหรอไง !”ได้ยินแบบนั้นหลินลี่จูก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ“พวกที่โรงงานตัดเย็บพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้เงินเดือนเดือนละตั้งสามสิบหยวน แถมยังมีสวัสดิการวันหยุดกับเงินพิเศษอีก ไม่ได้เป็นเหมือนที่หล่อนบอกเลยสักนิดเดียว !”“ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน พวกฉันคงจะได้งานที่นั่นกันแล้ว !”“ฉันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ รู้อะไรมาก็พูดไปอย่างนั้นน่ะสิ พวกป้าตีความกันไปเองต่างหาก !”ท่าทางดื้อแพ่งยิ่งทำให้พวกนางโกรธจัด“เป็นเพราะคำพูดไม่มีที่มาที่ไปของหล่อนพวกฉันถึงได้กล้าไปทวงความยุติธรรมเปิดโปงโฉมหน้าคนที่โรงงานน่ะสิ ที่ไหนได้คนที่โดนเปิดโปงกลับเป็นแก !”“หน็อย พูดออกมาได้ ว่าคนเขาจะกดขี่ค่าแรง คนเขาดูถูกชาวบ้าน ถุย ! ผายลมชัด ๆ !”







