LOGINวันนี้ว่านอันอันและซ่งหมิงเข้าเมืองด้วยกัน จุดหมายแรกคือการไปนั่งฟังบรรยายบทเรียนของซ่งหมิง ระหว่างนั้นว่านอันอันไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้ารอ เธอตั้งใจจะเช่าห้องเพื่อเปิดห้องเสื้อเสียนฮวาอยู่พอดี แต่ไม่เจอห้องว่างเลย จึงฝากเรื่องไว้ที่ผู้จัดการห้าง ว่าหากมีห้องว่างให้ติดต่อมาหาเธอ
จากนั้นจึงไปเยี่ยมหน้าร้านซานเหอมู่เย่ ด้านในยังคงมีคนเดินเล่นอยู่ปานกลาง ไม่เต็มร้านเหมือนวันเปิดร้านวันแรก แต่ก็มากเกินกว่าร้านเฟอร์นิเจอร์ปกติแล้ว นอกจากของชิ้นใหญ่และเครื่องเรือนสำหรับใช้ในบ้านแล้ว ว่านอันอันยังเสนอความคิดให้ช่างไม้ทำของชิ้นเล็ก ๆ มาไว้ขายประดับร้านด้วย
ซึ่งก็ดูจะได้รับผลตอบรับที่ดี ทั้งพวกจาน ชาม ช้อน หวี ถาดไม้ ที่รองแก้ว และของใช้อื่น ๆ ต่างมีคนมาอุดหนุนจนต้องเติมของทุก ๆ สามวัน ส่วนเครื่องเรือนอื่น ๆ ก็ขายดีอยู่เรื่อย ๆ บ้างก็ซื้อไปเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่ บ้างก็ซื้อไปใช้ในงานแต่ง
ชื่อเสียงของสินค้าร้านซานเหอมู่เย่เริ่มแพร่หลาย แม้จะราคาสูงกว่าร้านอื่นแต่กลับมีคุณภาพดีเยี่ยม เศรษฐีและพวกข้าราชการต่างก็สั่งเฟอร์นิเจอร์ร้านนี้ทั้งนั้น ยังมีเรื่องของตราประทับพิเศษ
หลังจากอ้างว่าไม่ว่างมานาน ในที่สุดเย่ฟางตงก็พาว่านชิงชิงเดินทางมาไกลถึงหมู่บ้านทูวา แม้จะโดยสารมาด้วยรถยนต์นั่งสบายของสามีแต่ว่านชิงชิงก็บ่นไม่หยุดตลอดทาง ทำเอาเย่ฟางตงใกล้หมดความอดทนเต็มที“โอ๊ย ! เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ร้อนก็ร้อน ยังโคลงเคลงไปมาอีก !”เสียงแหลม ๆ นั้นเหวี่ยงวีนหงุดหงิดเต็มที่“เธอเป็นคนร้องจะมาเองไม่ใช่หรือไง ?”“อะไร นี่พี่เย่จะโทษฉันเหรอ”“เฮ้อ”เมื่อเจอประโยคชวนทะเลาะน่ารำคาญอันดับหนึ่งเย่ฟางตงก็ยอมแพ้ ขับรถไปเงียบ ๆ ยิ่งมองใบหน้าของว่านชิงชิงยิ่งอารมณ์ไม่ดี ยาเสพติดที่เขาแอบใส่ในชามน้ำแกงให้ภรรยากินเกือบทุกวัน ทำให้คุณหนูผู้งดงามผิวแห้งกร้านมาก ใต้ตายังคล้ำดำ ริมฝีปากแห้งผากถึงขนาดที่ทาลิปสติกสีสดปกปิดแล้วก็ยังไม่น่ามองถึงจะเสียดายใบหน้าเดิมของว่านชิงชิงอยู่บ้าง แต่เขาก็ต้องทำเพื่อให้เธออยู่ในกำมือ ถึงเวลาใช้งานจะได้ควบคุมง่าย ๆ หน่อยเดินทางกันอยู่อีกนานทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านทูวาในช่วงบ่ายสามโมง รถยนต์หรูของคนแปลกหน้าที่แล่นเข้ามาในหมู่บ้านทำให้ใครต่อใครชี้ชวนมองตาม“นั่นรถใครน่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเวลาก็ไหลไปจรดเย็น ร้านต้นไม้มาส่งของพอดี หลังถูกตกแต่งด้วยพืชใบเขียวร่มรื่นร้านฉาหยูเถียนก็ดูน่านั่งผ่อนคลายขึ้นมาทันที“อันอันครับ” เสียงทุ้มคุ้นของสามีทำให้ว่านอันอันหันไปมองด้วยรอยยิ้มกว้างซ่งหมิงมาพร้อมป้ายชื่อร้านสองป้าย พวกเขาช่วยกันแขวนแล้วคลุมผ้าสีแดงไว้ รอวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการหลังเสร็จสิ้นภารกิจวันนี้สองร่างใหญ่เล็กก็เดินเคียงข้างกันชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำ“เฮ้อ ยุ่งสุด ๆ ไปเลยค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แทบไม่ได้พักหายใจดี ๆ“เหนื่อยไหมครับ” ซ่งหมิงโอบไหล่บางเกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงอย่างอ่อนโยน“ไม่เหนื่อยค่ะ สนุกมาก รู้สึกว่าการตัดสินใจออกจากเมืองปักกิ่งมาเป็นเรื่องถูกต้องที่สุดเลยค่ะ” เธอเอ่ยความในใจพร้อมรอยยิ้มหวาน“จริงสิ อันอันรู้หรือยังครับ งานเทศกาลฤดูร้อนปีนี้เพราะถนนย่านการค้าหลักมีสะพานถล่ม ทางรัฐจึงย้ายที่จัดมาเป็นถนนเส้นนี้” ซ่งหมิงนึกได้ถึงข่าวน่าตื่นเต้นก็รีบบอกด้วยดวงตาเป็นประกาย“ประกาศแล้วเหรอคะ ?” ว่านอันอันตื่นเต้นตาม แม้จะรู้อยู่แล้ว
วันต่อมาว่านอันอันกับซ่งหมิงก็เริ่มงานแต่เช้า โดยงานแรกคือ... การให้อาหารเจ้าเสี่ยวฮวา แมวส้มตัวน้อยที่ตอนนี้กลายพันธุ์เป็นลูกหมูน้อยตัวกลมดิกไปแล้ว มันคลอเคลียเจ้าของอยู่นาน ร้องตามเหมียว ๆ ไม่หยุด จนว่านอันอันใจอ่อนพามันไปเดินเล่นที่โรงเย็บผ้าด้วยซ่งหมิงนั้นแยกไปโรงไม้เพื่อสั่งงานการสร้างโรงงานผลิตขนมหวานจากถั่วลิสงข้าง ๆ โรงงานตัดเย็บ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ ที่หัวหน้าหมู่บ้านเสนอให้เอง เหล่าช่างไม้ที่ถนัดการก่อสร้างจึงรวมตัวกันแบกอุปกรณ์ข้าวของไปยังจุดก่อสร้างอย่างขยันขันแข็งสิ่งแรกที่ถูกสร้างคือเพิงเก็บถั่วลิสงขนาดใหญ่สามหลัง สำหรับถั่วลิสงที่จะเปิดรับซื้อวันนี้ งานก่อสร้างทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันว่านอันอันก็กำลังอธิบายชุดคอลเล็กชันแรกที่จะเปิดตัวในวันงานเทศกาลนี้กับทุกคน เธอคิดค้นรูปแบบที่เหมาะสมกับหน้าร้อนมาโดยเฉพาะ ซึ่งว่านอันอันตั้งใจว่าห้องเสื้อเสียนฮวานี้จะกลายเป็นยี่ห้อหรูที่คุณหญิงคุณนายจับตามองจุดเด่นของยี่ห้อคือดอกไม้แสนพิเศษที่มีจำกัด เธอตั้งใจจะใช้ดอกไม้แต่ละฤดูเป็นลวดลายเฉพาะเพื่อสื่อความหมาย และลวดลายบนผ้าพิมพ
“แล้วฉันจะทำมาหากินอะไรต่อได้ ฮือออ”“ไม่มีที่ทำงานแล้ว ไม่มีงานแล้ว ไม่มีเงินแล้ว ฮืออ”“แล้วลูกสาวฉันที่ป่วยอยู่จะเอาเงินที่ไหนไปรักษา”“ถั่วที่กองอยู่ในลานบ้านฉันมีมากเป็นภูเขา แบบนี้ทุนที่ปลูกไปจะเป็นยังไง !”“จบแล้ว ! จบสิ้นแล้ว ! โฮ !”บรรยากาศสิ้นหวังหดหู่เศร้าใจปกคลุมไปทั่วทั้งหมู่บ้าน หลินเฉินเองก็พลอยรู้สึกแก่ขึ้นไปสิบปีด้วยเหมือนกัน ในหัวไร้ทางออกได้แต่เดินปลอบใจถามไถ่ความเป็นอยู่ไปทีละหลัง เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังออกมาจนฟ้าแทบถล่ม บางคนจากความเศร้ากลายเป็นความโกรธ พากันหอบถั่วลิสงที่ปลูกมาไปเผาอยู่หน้าโรงงานตามขบวนประท้วงสุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุมตัวไป หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้รับคำเตือนมาจึงรีบเรียกประชุมหมู่บ้านด่วน ว่านอันอันและซ่งหมิงเองก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน จึงได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน ผู้คนในหมู่บ้านทูวาก็เพิ่งสังเกตว่าในหมู่บ้านมีสมาชิกใหม่ ๆ เพิ่มมาเยอะมาก จนแทบล้นศาลาประชุม ผู้นำหมู่บ้านหลิวเห็นทุกคนมาเกือบครบแล้วก็เริ่มพูดขึ้น“เรื่องโรงงานน้ำมันถั่วในครั้งนี้เป็นเหตุร้ายค
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” หลินลี่จูงงไปหมดหญิงสาวที่แต่งตัวจัดเต็มก้าวถอยหลังพร้อมลูกสมุนอีกสองคนหลังถูกรังสีอำมหิตกดดันจากกลุ่มแม่บ้าน“ยังจะเสแสร้งอีก !”“หล่อนมาพูดอะไรไว้ล่ะ บอกว่าโรงงานเย็บผ้าเห็นชาวบ้านต่ำต้อย กดขี่ค่าแรง หวังจะใช้พวกเราเป็นแรงงานไม่จ่ายเงิน เหยียบคนอื่นให้สูงขึ้นไม่ใช่เหรอไง !”ได้ยินแบบนั้นหลินลี่จูก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ“พวกที่โรงงานตัดเย็บพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้เงินเดือนเดือนละตั้งสามสิบหยวน แถมยังมีสวัสดิการวันหยุดกับเงินพิเศษอีก ไม่ได้เป็นเหมือนที่หล่อนบอกเลยสักนิดเดียว !”“ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน พวกฉันคงจะได้งานที่นั่นกันแล้ว !”“ฉันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ รู้อะไรมาก็พูดไปอย่างนั้นน่ะสิ พวกป้าตีความกันไปเองต่างหาก !”ท่าทางดื้อแพ่งยิ่งทำให้พวกนางโกรธจัด“เป็นเพราะคำพูดไม่มีที่มาที่ไปของหล่อนพวกฉันถึงได้กล้าไปทวงความยุติธรรมเปิดโปงโฉมหน้าคนที่โรงงานน่ะสิ ที่ไหนได้คนที่โดนเปิดโปงกลับเป็นแก !”“หน็อย พูดออกมาได้ ว่าคนเขาจะกดขี่ค่าแรง คนเขาดูถูกชาวบ้าน ถุย ! ผายลมชัด ๆ !”
ท่ามกลางผู้คนมากมายนั้นเอง ก็มีกลุ่มแม่บ้านเกือบสิบคนปรากฏตัวแล้วแทรกเข้าสู่ฝูงชนอย่างแนบเนียน สายตาพวกหล่อนสอดส่องไปยังกลุ่มพนักงานหญิงที่กำลังดูมีความสุขกันแล้วพุ่งตรงไปทันที“นี่ พวกหล่อน คือพนักงานใหม่ของที่นี่รึเปล่า” นางฉีเอ่ยถามทันทีเมื่อมีคนแปลกหน้าโผล่มาทุกคนก็ระงับท่าทางผ่อนคลายของตัวเองลงทันที แต่ก็ยังคงแสดงสีหน้าเป็นมิตรที่ประดับรอยยิ้มสุภาพไว้อยู่ เหวินซินเป็นฝ่ายทักทายกลับด้วยคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขาอยู่บ้าง“ป้าฉี มาแสดงความยินดีด้วยเหรอคะ ?”“ก็... แค่แวะมาดูน่ะ จริงสิ พวกเธอมาสมัครงานที่โรงเย็บผ้านี่รู้กันบ้างไหมว่าเจ้าของเขาดูถูกชาวบ้านน่ะ”เพียงคำพูดเดียวของนางฉีก็ทำให้บรรยากาศตรงนี้เปลี่ยนไปทันที เหล่าพนักงานทุกคนต่างเคารพและชื่นชมว่านอันอันกับซ่งหมิงมาก การมีคนพูดจาไม่ดีใส่พวกเขาก็เหมือนตัวเองถูกตบหน้าไปด้วย“ใช่ ๆ พวกเราได้ยินมา ว่าว่านอันอันคนนี้คิดจะใช้แรงงานราคาถูกของหมู่บ้าน เอาเปรียบชาวบ้านจน ๆ อย่างพวกเรา” ใครคนหนึ่งในกลุ่มแม่บ้านเริ่มผสมโรง จากนั้นคนที่ใจกล้าหน่อ






