LOGINเช้าวันต่อมาทั้งสองก็มารบกวนที่บ้านลุงเหอกับป้าโจวแต่เช้า โดยปกติแล้วลุงเหอจะเป็นช่างในหมู่บ้าน รับซ่อมนู่นซ่อมนี่เล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนป้าโจวรับเย็บซ่อมผ้า พวกเขามีลูกชายหนึ่งคนที่ตอนนี้ทำงานอยู่ในโรงงานน้ำมันถั่วในตัวเมือง
ลุงเหออนุญาตให้ยืมอุปกรณ์ช่างอย่างยินดี แล้วซ่งหมิงก็วุ่นอยู่ในลานบ้านทั้งวัน โดยมีว่านอันอันคอยช่วยเป็นกำลังใจอยู่ ผ่านไปไม่นานลุงเหอก็มาเยี่ยม
“กำลังว่างอยู่พอดี เลยอยากมาดูว่าหนุ่มสาวทำอะไรกันวุ่นวายอยู่น่ะ”
แต่เมื่อได้เห็นแบบร่างของสิ่งที่พวกเธอกำลังจะทำก็ตาลุกวาวขึ้นมา
“อาหมิงแบบนี่มันอะไรกัน ! สุดยอดไปเลย เธอออกแบบเองงั้นเหรอ”
“เป็นอันอันวาดน่ะครับ ผมคิดว่าพอจะเป็นได้เลยจะลองดู
“โอ้โห เมียแกนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ สมกับเป็นคนในเมืองใหญ่ มีความรู้ความสามารถ ของน่าสนใจแบบนี้ก็คิดออกมาได้ งั้นฉันจะลงมือช่วยด้วยอีกคน”
ว่าแล้ว ลุงเหอก็ถกแขนเสื้อเข้าร่วมตะลุมบอนกับกองไม้เป็นเพื่อนซ่งหมิงด้วยดวงตาลุกวาว ทั้งสองคนช่วยกันวาดแบบร่างขึ้นมาใหม่ ที่ละเอียดและมีคำอธิบายกำกับ ค่อย ๆ ลองผิดลองถูก หาแบบที่พอดีที่สุดแล้วค่อย ๆ เติมแบบร่างให้สมบูรณ์ทีละนิด
“สำเร็จ ! นี่มันมหัศจรรย์จริงๆ !”
ลุงเหอร้องลั่นอยู่ในลานบ้าน มองซ่งหมิงที่กำลังจับเก้าอี้ยาวฝั่งหนึ่งดันเข้ากับโต๊ะยาวที่เชื่อมติดกัน จนมันแปลงเป็นม้านั่งยาวมีพนักพิง
ว่านอันอันเองก็มองผลงานตรงหน้าด้วยความประทับใจ ซ่งหมิงเก่งจริง ๆ ที่แปลงจากภาพวาดร่าง ๆ กับคำอธิบายคร่าว ๆ ของเธอให้ออกมาเป็นความจริงได้แบบเกือบสมบูรณ์เหมือนที่เธอเคยเห็นในอนาคตแบบนี้ แค่ขาดการเกลาไม้กับขัดลงสีไปบ้างเท่านั้นเอง
แต่สำหรับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับทำออกมาได้ดียิ่งกว่า ทั้งการจัดเรียงของลายไม้ที่อ่อนช้อยต่อเนื่องงดงาม ข้อต่อและจุดเล็กน้อยต่าง ๆ ไร้เสี้ยน ยังมีลวดลายแกะสลักที่เป็นเอกลักษณ์ของซ่งหมิงใส่ลงไปอีกด้วย
“ต้องขอบคุณฝีมือของลุงเหอเลยครับ”
“ไอ้หยา มาขอบคุณอะไรกัน ความคิดเรื่องกลไกที่ใช้ให้มันแปลงร่างได้นี่ก็เป็นของนาย ฉันแค่ช่วยนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง ต้องขอบคุณแม่หนูอันอันมากกว่าที่คิดอะไรดี ๆ แบบนี้ออกมาได้”
สามคนชื่นชมผลงานอยู่ครู่หนึ่งก็มีเสียงทักทายมาจากหน้าบ้าน
“เหล่าเหอ กำลังทำอะไรกันอยู่ สนุกสนานเชียว”
“อ้าว เหล่าจาง มาเดินสำรวจหมู่บ้านเหรอ”
ผู้มาใหม่คือ หลินเฉิน หัวหน้าหมู่บ้านทูวาแห่งนี้ เป็นชายอายุรุ่นเดียวกับลุงเหอท่าทางดูกระฉับกระเฉงแข็งแรง
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ พาท่านผู้บัญชาการเจียงมาชมหมู่บ้านน่ะ นี่ ลูกบ้านของผมครับท่านเจียง คนนี้คือเหล่าเหอ ทางนั้นซ่งหมิง เขาออกจากหมู่บ้านไปทำงานมาหลายปีเพิ่งกลับมาครับ ส่วนนั่น...”
“อ้อ เธอคือว่านอันอันภรรยาผมครับ” ซ่งหมิงตอบให้
“ดี ๆ ๆ มีคนหนุ่มคนสาวในหมู่บ้านเพิ่มขึ้นหมู่บ้านก็จะได้สดใสขึ้น ส่วนทางนี้ท่านผู้บัญชาการเจียง มาจากกรมทหารส่วนกลางของรัฐ มาแจ้งกำหนดการการเยี่ยมชมศูนย์ฟื้นฟูวัฒนธรรมชุมชนของรัฐและมาตรวจดูความพร้อมน่ะ” หลินเฉินกล่าวต้อนรับอย่างยินดี แล้วแนะนำผู้บัญชาการเจียงให้รู้จัก ซึ่งเป็นชายร่างสูงใหญ่ชุดทหาร เขายิ้มแย้มทักทายทุกคนกลับ ก่อนจะหันไปสนใจเก้าอี้มีพนักพิงตัวยาวตรงลานบ้าน
“นั่นคือเก้าอี้อะไรน่ะ ดูแปลกตามาก” ท่านเจียงเอ่ยถาม เป็นลุงเหอกระตือรือร้นตอบคำถาม
“นี่ไม่ใช่เก้าอี้ธรรมดานะครับ มันสามารถแปลงเป็นชุดโต๊ะกับเก้าอี้ได้ด้วยครับ”
ในตอนที่ได้ยินคำอธิบายนั้นผู้มาใหม่สองคนดูไม่เข้าใจเท่าไร กระทั่งได้เห็นลุงเหอจับส่วนที่เป็นพนักพิงกางลงมา โต๊ะยาวที่ประกอบด้วยเก้าอี้ยาวสองตัวก็ปรากฏออกมาอย่างมหัศจรรย์
“โอ้โห ! นี่คืออะไรกัน นายคิดทำขึ้นมาเองเหรอเหล่าเหอ” หลินเฉินตื่นเต้นเข้ามาลูบ ๆ คลำ ๆ ใหญ่ “มุมโต๊ะที่เป็นทรงมนแบบนี้ดูสบายตามาก ลวดลายแกะสลักก็สวยงามนะเนี่ย ไม่เห็นงานไม้ของเหลาเหอมาตั้งนาน ไม่รู้เลยว่าฝีมือก้าวหน้าไปขนาดนี้แล้ว”
“ไม่ใช่ ๆ นี่น่ะเป็นความคิดของอาหมิงกับแม่หนูอันอันน่ะ”
“ซ่งหมิง ! ฮ่า ๆ เห็นครั้งสุดท้ายเธอยังเป็นเด็กหนุ่มตัวผอมอยู่เลย ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ แถมยังมีฝีมือไม่เบา ดี ๆ ๆ แล้วนี้มีแผนจะทำขายงั้นเหรอ”
ซ่งหมิงหันไปมองว่านอันอันอย่างขอความคิดเห็น หญิงสาวส่งยิ้มมั่นใจให้เขา ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย เรียกความมั่นใจในตัวเองออกมาแล้วเริ่มแนะนำสินค้า
“สวัสดีค่ะท่านเจียง สวัสดีค่ะท่านผู้นำหมู่บ้าน” เพียงการขานเรียกที่เรียงลำดับยศเช่นนี้จากสาวงามหน้าตายิ้มแย้มก็ทำให้พวกเขาสองคนมีทัศนคติต่อเธอในเชิงบวกแล้ว
“สิ่งที่ท่านเห็นตอนนี้เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบใหม่ที่ฉันกับซ่งหมิงช่วยกันคิดค้นขึ้นมาค่ะ พวกเรามีแผนว่าจะทำกิจการเฟอร์นิเจอร์กัน และนี่ก็เป็นตัวอย่างสินค้าตัวแรกของเราค่ะ”
ซ่งหมิงชะงักไป สิ่งนี้เป็นเธอที่เริ่มต้นคิดแบบมาให้เขาแท้ ๆ แต่กลับให้ชื่อเขามีส่วนร่วมด้วย ในใจเขาพลันอุ่นวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“เอาสิ !! แน่จริงก็ไปฟ้องเลย ถ้าพวกเราทั้งหมู่บ้านร่วมมือกันให้ปากคำกับทางการไปในทางเดียวกัน ว่าพวกแกเข้ามาข่มขู่รีดไถชาวบ้าน คอยดูซิ ใครมันจะเป็นฝ่ายชนะ !!”คำพูดจากเถ้าแก่เนี้ยว่านทำให้ชาวบ้านเบื้องหลังที่แอบหวั่นใจตาสว่าง มีความมั่นใจขึ้นมาแปดส่วนเลยทีเดียว“ออกไปจากหมู่บ้านเรา !!”“ออกไปคนน่ารังเกียจ !”“ออกไป !“ออกไป !”เสียงร้องโห่ไล่ทำให้สองสามีภรรยาเริ่มมีสีหน้าเหมือนกลืนยาขม“ไหนใครรังแกเถ้าแก่เนี้ย !!!” เสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนร้องดังจากชายฉกรรจ์มากมายดังมาทางนี้เป็นเหล่าช่างไม้จากซานเหอมู่เย่พากันเคลื่อนทัพมา แต่ละคนผูกผ้าโพกหัว ถือไม้มาคนละท่อนราวจะออกรบ“พวกเรามาแล้วค่ะ !!”เหล่าพนักงานโรงงานเย็บผ้าและโรงงานขนมถั่วก็พากันมา ดูไกล ๆ เหมือนจะมีคนถือเข็มกับตะกร้าใส่ถั่วมาด้วย อืม... อาวุธครบมือจริง ๆภาพนี่ทำให้ว่านอันอันอดหัวเราะออกมาไม่ได้“แนะนำด้วยความจริงใจ ถ้าพวกเธอสองคนยังไม่ไปอีก ตายอยู่ที่นี่ไม่มีใครเอาศพไปส่งเมืองหลวงนะ” ท่าทางยิ้มยียวนของว่านอันอันทำให้อีกฝ่ายโกรธจนควันออกหู
“ถ้าที่นั่นดีขนาดนั้น แล้วจะถ่อมาเสนอหน้าถึงที่นี่ทำไมล่ะคุณนายเย่”ว่านอันอันกอดอกก้าวมาเผชิญศัตรู ตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน“ว่านอันอัน !” อีกฝ่ายแผดเสียงเกรี้ยวกราดควบคุมอารมณ์ไม่ได้“ฉันรู้จักชื่อตัวเองดี ไม่ต้องเรียก ทางที่ดีมาทางไหนพวกเธอกลับไปทางนั้นเลยดีกว่า ฉันไม่รับแขก”เย่ฟางตงเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรั้งแขนว่านชิงชิงเอาไว้ข้างหลัง แล้วก้าวมาด้านหน้าเดินเข้าไปใกล้ว่านอันอันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พยายามคลี่คลายความตึงเครียด“ใจเย็น ๆ ก่อนอันอัน พี่กับชิงชิงแค่มาเยี่ยมเฉย ๆ เห็นพวกเธอหายไปเลย ไม่กลับบ้านสักครั้ง คุณพ่อเองก็เป็นห่วง ฝากพวกเรามาช่วยถามไถ่”ว่านอันอันย้ายสายตากลับไปมองใบหน้าแสนคุ้นเคยที่อ่อนเยาว์กว่าในความทรงจำ ครั้งก่อนที่พบหน้าเป็นวันแรกที่เธอเพิ่งย้อนอดีตกลับมา มีเรื่องวุ่นวายในหัวไปหมดเลยไม่ทันได้รู้สึกอะไร แต่คราวนี้สีหน้าจอมปลอมของเย่ฟางตงกลับขุดความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตของเธอกลับขึ้นมาเสียได้‘อันอันกินนี่สิ ดีต่อผิวพรรณนะ’‘เธออยากได้กระเป๋านี่ไม่ใช่เหรอ พี
หลังจากอ้างว่าไม่ว่างมานาน ในที่สุดเย่ฟางตงก็พาว่านชิงชิงเดินทางมาไกลถึงหมู่บ้านทูวา แม้จะโดยสารมาด้วยรถยนต์นั่งสบายของสามีแต่ว่านชิงชิงก็บ่นไม่หยุดตลอดทาง ทำเอาเย่ฟางตงใกล้หมดความอดทนเต็มที“โอ๊ย ! เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ร้อนก็ร้อน ยังโคลงเคลงไปมาอีก !”เสียงแหลม ๆ นั้นเหวี่ยงวีนหงุดหงิดเต็มที่“เธอเป็นคนร้องจะมาเองไม่ใช่หรือไง ?”“อะไร นี่พี่เย่จะโทษฉันเหรอ”“เฮ้อ”เมื่อเจอประโยคชวนทะเลาะน่ารำคาญอันดับหนึ่งเย่ฟางตงก็ยอมแพ้ ขับรถไปเงียบ ๆ ยิ่งมองใบหน้าของว่านชิงชิงยิ่งอารมณ์ไม่ดี ยาเสพติดที่เขาแอบใส่ในชามน้ำแกงให้ภรรยากินเกือบทุกวัน ทำให้คุณหนูผู้งดงามผิวแห้งกร้านมาก ใต้ตายังคล้ำดำ ริมฝีปากแห้งผากถึงขนาดที่ทาลิปสติกสีสดปกปิดแล้วก็ยังไม่น่ามองถึงจะเสียดายใบหน้าเดิมของว่านชิงชิงอยู่บ้าง แต่เขาก็ต้องทำเพื่อให้เธออยู่ในกำมือ ถึงเวลาใช้งานจะได้ควบคุมง่าย ๆ หน่อยเดินทางกันอยู่อีกนานทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านทูวาในช่วงบ่ายสามโมง รถยนต์หรูของคนแปลกหน้าที่แล่นเข้ามาในหมู่บ้านทำให้ใครต่อใครชี้ชวนมองตาม“นั่นรถใครน่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเวลาก็ไหลไปจรดเย็น ร้านต้นไม้มาส่งของพอดี หลังถูกตกแต่งด้วยพืชใบเขียวร่มรื่นร้านฉาหยูเถียนก็ดูน่านั่งผ่อนคลายขึ้นมาทันที“อันอันครับ” เสียงทุ้มคุ้นของสามีทำให้ว่านอันอันหันไปมองด้วยรอยยิ้มกว้างซ่งหมิงมาพร้อมป้ายชื่อร้านสองป้าย พวกเขาช่วยกันแขวนแล้วคลุมผ้าสีแดงไว้ รอวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการหลังเสร็จสิ้นภารกิจวันนี้สองร่างใหญ่เล็กก็เดินเคียงข้างกันชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำ“เฮ้อ ยุ่งสุด ๆ ไปเลยค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แทบไม่ได้พักหายใจดี ๆ“เหนื่อยไหมครับ” ซ่งหมิงโอบไหล่บางเกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงอย่างอ่อนโยน“ไม่เหนื่อยค่ะ สนุกมาก รู้สึกว่าการตัดสินใจออกจากเมืองปักกิ่งมาเป็นเรื่องถูกต้องที่สุดเลยค่ะ” เธอเอ่ยความในใจพร้อมรอยยิ้มหวาน“จริงสิ อันอันรู้หรือยังครับ งานเทศกาลฤดูร้อนปีนี้เพราะถนนย่านการค้าหลักมีสะพานถล่ม ทางรัฐจึงย้ายที่จัดมาเป็นถนนเส้นนี้” ซ่งหมิงนึกได้ถึงข่าวน่าตื่นเต้นก็รีบบอกด้วยดวงตาเป็นประกาย“ประกาศแล้วเหรอคะ ?” ว่านอันอันตื่นเต้นตาม แม้จะรู้อยู่แล้ว
วันต่อมาว่านอันอันกับซ่งหมิงก็เริ่มงานแต่เช้า โดยงานแรกคือ... การให้อาหารเจ้าเสี่ยวฮวา แมวส้มตัวน้อยที่ตอนนี้กลายพันธุ์เป็นลูกหมูน้อยตัวกลมดิกไปแล้ว มันคลอเคลียเจ้าของอยู่นาน ร้องตามเหมียว ๆ ไม่หยุด จนว่านอันอันใจอ่อนพามันไปเดินเล่นที่โรงเย็บผ้าด้วยซ่งหมิงนั้นแยกไปโรงไม้เพื่อสั่งงานการสร้างโรงงานผลิตขนมหวานจากถั่วลิสงข้าง ๆ โรงงานตัดเย็บ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ ที่หัวหน้าหมู่บ้านเสนอให้เอง เหล่าช่างไม้ที่ถนัดการก่อสร้างจึงรวมตัวกันแบกอุปกรณ์ข้าวของไปยังจุดก่อสร้างอย่างขยันขันแข็งสิ่งแรกที่ถูกสร้างคือเพิงเก็บถั่วลิสงขนาดใหญ่สามหลัง สำหรับถั่วลิสงที่จะเปิดรับซื้อวันนี้ งานก่อสร้างทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันว่านอันอันก็กำลังอธิบายชุดคอลเล็กชันแรกที่จะเปิดตัวในวันงานเทศกาลนี้กับทุกคน เธอคิดค้นรูปแบบที่เหมาะสมกับหน้าร้อนมาโดยเฉพาะ ซึ่งว่านอันอันตั้งใจว่าห้องเสื้อเสียนฮวานี้จะกลายเป็นยี่ห้อหรูที่คุณหญิงคุณนายจับตามองจุดเด่นของยี่ห้อคือดอกไม้แสนพิเศษที่มีจำกัด เธอตั้งใจจะใช้ดอกไม้แต่ละฤดูเป็นลวดลายเฉพาะเพื่อสื่อความหมาย และลวดลายบนผ้าพิมพ
“แล้วฉันจะทำมาหากินอะไรต่อได้ ฮือออ”“ไม่มีที่ทำงานแล้ว ไม่มีงานแล้ว ไม่มีเงินแล้ว ฮืออ”“แล้วลูกสาวฉันที่ป่วยอยู่จะเอาเงินที่ไหนไปรักษา”“ถั่วที่กองอยู่ในลานบ้านฉันมีมากเป็นภูเขา แบบนี้ทุนที่ปลูกไปจะเป็นยังไง !”“จบแล้ว ! จบสิ้นแล้ว ! โฮ !”บรรยากาศสิ้นหวังหดหู่เศร้าใจปกคลุมไปทั่วทั้งหมู่บ้าน หลินเฉินเองก็พลอยรู้สึกแก่ขึ้นไปสิบปีด้วยเหมือนกัน ในหัวไร้ทางออกได้แต่เดินปลอบใจถามไถ่ความเป็นอยู่ไปทีละหลัง เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังออกมาจนฟ้าแทบถล่ม บางคนจากความเศร้ากลายเป็นความโกรธ พากันหอบถั่วลิสงที่ปลูกมาไปเผาอยู่หน้าโรงงานตามขบวนประท้วงสุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุมตัวไป หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้รับคำเตือนมาจึงรีบเรียกประชุมหมู่บ้านด่วน ว่านอันอันและซ่งหมิงเองก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน จึงได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน ผู้คนในหมู่บ้านทูวาก็เพิ่งสังเกตว่าในหมู่บ้านมีสมาชิกใหม่ ๆ เพิ่มมาเยอะมาก จนแทบล้นศาลาประชุม ผู้นำหมู่บ้านหลิวเห็นทุกคนมาเกือบครบแล้วก็เริ่มพูดขึ้น“เรื่องโรงงานน้ำมันถั่วในครั้งนี้เป็นเหตุร้ายค







