เตชินรู้ตัวว่าเผลอทำเสียมารยาทจึงเลื่อนสายตาไปยังคนถาม “ผมทานข้าวกับแม่มาแล้วครับอาภพ แค่น้ำผลไม้ก็พอครับ”
“โอเคไม่เป็นไร ไม่หิวก็ไว้มื้อหน้า”
ก็คงไม่แปลกที่อริสาจะอิ่มไปดื้อ ๆ เพราะเธอไม่คาดหวังว่ามันควรมีมื้อหน้า มือเรียววางช้อนลงรวบไว้ในจาน ด้วยสีหน้าอันยากคาดเดาอารมณ์ เธอรู้ว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกับที่พ่ออ่านความคิดเธอออก ถึงได้บอกให้เธอแต่งตัวสวย ๆ ลงมาต้อนรับแขกแต่เช้า
ปรกติเธอหรือจะเคยหยิบเดรสมาใส่ มีแต่เสื้อโปโลกับกางเกงเข้ารูปสำหรับขี่ม้าตรวจงานในฟาร์ม ไม่ก็ยีนส์สบาย ๆ หากไม่โดนพ่อขู่ว่าจะขังเจ้าที่รักที่กำลังไม่สบายไว้ให้มันตายคากรง! ก็ฝันไปเถอะว่าจะเห็นอริสาในสภาพคุณหนูสุด ๆ ยังปาดลิปสติกสีแดงในมาดนางพญาไว้ข่มคนให้เป็นของแถม
ที่รัก สุนัขตัวโตขนยาวสลวยสีบรอนซ์ทองสมชื่อโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ นอนซมไข้อยู่ตรงมุมห้อง ได้รับความเป็นห่วงจากเจ้านายผ่านทางแววตาอยู่ตลอด มันได้แต่หวังว่าเจ้านายสาวของมันจะไม่นั่งสนทนากันนานนัก
พอแม่บ้านรินน้ำผลไม้ให้แขก เขาก็ย้ำกับลูกสาว “อริส อย่าทำเสียแขกพ่อเชียว ตอนเด็ก ๆ เรากับพี่เตเป็นเพื่อนเล่นกันมา วันไหนพ่อกับแม่ไม่ว่าง ป้าขวัญช่วยเลี้ยงเราตลอด ไม่มีป้าขวัญป่านนี้เราคงลำบาก ไม่ได้มีเงินเหลือกินเหลือใช้แบบนี้หรอก”
ขวัญฤดี เพื่อนบ้านคนสนิทแต่ก่อนนั้นรับฝากเลี้ยงดูแลอริสาในบางครั้งที่พิภพและภรรยาติดธุระ จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกตั้งแต่มารดาของอริสาเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งปอด ประกอบกับครอบครัว ‘สิงหวัฒน์’ ย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ก่อนกลับมาอยู่เขาใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
เป็นเรื่องยากสำหรับพิภพทุกคราวมองหน้าลูกสาวที่มีหน้าตาเหมือนเมียรักราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน ติดแค่ความเอาแต่ใจบ้าง แต่อริสาก็ยอมฟังเหตุผลของพ่ออยู่หากเป็นเรื่องที่ควรฟัง
“ค่ะพ่อ หนูคิดถึงป้าขวัญอยู่เหมือนกัน”
“คิดถึงแต่ไม่เคยอยู่บ้านสักที ป้าขวัญมารอบนี้ทำตัวให้ว่างเลยนะ” เสียงทุ้มว่า ก่อนจะสาดตาคมวับไปทางชายหนุ่ม “เต เราอย่าลืมไปรับแม่มาเที่ยวฟาร์ม อานัดแกไว้แล้วล่ะ รีสอร์ตข้างในวิวสวยมาก ๆ อาให้แม่บ้านเคลียร์แขกเรียบร้อย จะมาอยู่สักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็ได้ ถือเสียว่ามากักตัวที่ฟาร์มอาละกัน”
กักตัว! ไม่ใช่คนเดียวบนโต๊ะที่ตกใจกับคำนี้ เมื่อผู้คนเลิกทำเรื่องแบบนั้นกันไปนานโข โรคไข้หวัดสายพันธุ์โหดอย่างโควิด-19 ก็มีวัคซีนรักษาตั้งนานแล้ว
ฝ่ามือหนายังกุมแก้วน้ำผลไม้ที่มีไอเย็นเกาะอยู่โดยรอบ ชายหนุ่มยิ้มรับตามมารยาท “ครับ อาภพ ช่วงนี้ผมยังไม่ได้เริ่มงาน คงว่างเที่ยวอยู่ ผมกับแม่ต้องรบกวนอาแล้วล่ะครับ”
“ไม่มีปัญหาไอ้หลานรัก อาได้ยินจากพี่ขวัญว่าเราจบโทวิศวะที่อังกฤษเหรอ? เต”
“ครับ ผมส่งวิทยานิพนธ์เสร็จ ก็นั่งเครื่องกลับมาเลย รับปริญญาต้นปีหน้า คงต้องทำงานใช้ทุนกพ. ตอนไปไม่ได้ใช้เงินแม่ครับ” คนเอ่ยดูมีท่าทีภาคภูมิใจ เขาเรียนจบโดยไม่ได้ใช้เงินของครอบครัว นอกจากมารดาเอ่ยปากให้จุก ๆ จิก ๆ ตามประสาคนมีฐานะร่ำรวยอยู่พอประมาณ เปิดโอกาสให้คนช่างอวดได้อวดลูกสาว
“เอ้อ ดีนะ เก่ง ๆ อาว่าเราเหมือนลูกอา อริสเรียนจบสัตวศาสตร์จากสวิตเซอร์แลนด์ ตอนเรียนตรีได้ทุนนักกีฬาทีมชาติ จบมาแล้วยังมาช่วยงานที่ฟาร์ม”
เตชินมีสีหน้าแปลกใจ “จริงหรือครับ? อาภพ ผมแค่เรียนอย่างเดียว ตรี โทที่อังกฤษยังรู้เลยว่ายาก ไม่น่าเชื่อว่าตัวเล็ก ๆ แบบนี้เป็นนักกีฬาด้วย?” ปลายเสียงหยุดอยู่กับใบหน้าสดสวยของคนที่รับประทานอาหารเสร็จ เอาแต่ส่งสายตาหาสุนัขตรงมุมห้อง แทนที่จะมองหน้าหล่อ ๆ ของหนุ่มวิศวะดีกรีอังกฤษ
น้ำเสียงราบเรียบเย็นชาตอบ “ค่ะ”
“กลับไทยนานหรือยังน่ะ ผมมาคราวที่แล้วไม่ยักเจอ”
“ปีกว่าค่ะ”
พิภพเห็นท่าทีไม่ใคร่สนทนาของลูกสาว กลับไม่คิดว่าเสียเวลาอะไรมากมายหากเจ้าที่รักจะรออีกสักหน่อย เขายังสังเกตเห็นอีกด้วยว่าชายหนุ่มดูสนใจเธออยู่พอประมาณ ก็คงจะเข้าทาง...
“อริสเรียนจบโทตอนอายุยี่สิบห้า กลับมาช่วยงานได้เกือบสองปีแล้วล่ะ ปีนี้ย่างเข้ายี่สิบแปดปีแล้ว เราอายุเท่าไรน่ะเต”
“ผมสามสิบสองย่างเข้าสามสิบสามครับ”
“อายุห่างกันแค่สี่ปี จบนอกเหมือนกัน วัยไล่ ๆ กันน่าจะพูดคุยเข้าใจกันใช่ไหมล่ะลูก?” เจ้าของบ้านบอกลูกสาวที่ไม่ได้พูดอะไร มือหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“แล้วตอนนี้น้องช่วยงานอะไรบ้างครับ?”
“ลูกอาเป็นผู้จัดการใหญ่ คุมคนงาน ตรวจความเรียบร้อยในฟาร์ม อริสจบสัตวศาสตร์มา เก่งด้านจัดการการผลิต งานวิจัยสัตว์ประเภทอื่น ๆ พวกตลาดส่งออกเนื้อแพะ แกะ นี่ลูกอาทำหมดเลยนะ อาทำงานส่วนบริหารกับหุ้นส่วนอีกหลายคน งานเอกสารสัญญา กฎหมาย งานลงทุน บริษัททัวร์ อาเป็นคนตัดสินใจ”
“ท่าทางจะยุ่งนะครับ”
“ไม่เท่าไร ฟาร์มอามีพนักงานเป็นร้อย มีหัวหน้างานฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝั่งรีสอร์ตก็มีผู้จัดการโรงแรมคอยช่วยอยู่ คนนี้มีฝีมือพอตัว อาแทบจะไม่ต้องไปยุ่งเลย” พิภพหลุบตามองลูกสาวครั้งหนึ่งและคนข้างกัน ในสายตาของเขาคู่หนุ่มสาวดูเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก เหมือนที่ภรรยาเคยบอก
“เอ้อ... เต เรามีแฟนหรือยังล่ะ?”
“พ่อจะคลุมถุงชนหนูหรือไง?” น้ำเสียงขุ่นเคืองโพล่งขึ้นมาเพราะคนที่พูดจ้อย ๆ ไม่หยุด แม้ว่าเธอจะส่งสายตาคมกริบตั้งหลายครั้ง
“พ่อแค่ถามเฉย ๆ...”
“พ่อไม่ได้ถามเฉย ๆ อย่าคิดว่าหนูไม่รู้” เสียงแข็งกระด้างเถียง อริสาไม่เคยพอใจในเรื่องนี้ ขนาดว่าไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี จนแม่เสียไปแล้วพ่อก็ยังไม่ล้มเลิกความคิด
“รู้ก็ดี แม่กับพ่อเห็นว่าเตเขาเข้ากันดีกับบ้านเรา ต่างคนก็ยังไม่มีแฟน ลองคุย ๆ กันเป็นเพื่อนเป็นพี่น้อง ไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าเกิดว่าถูกใจกันขึ้นมาค่อยว่ากันดีไหม เตว่าไงล่ะ?” เขาถามชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มใสซื่อแต่เป็นอีกคนตอบ
“ถ้าหนูจะมีผัว หนูจะหาของหนูเอง พ่อช่วยเข้าใจด้วยนะ และแม่ไม่อยู่แล้ว” สิ้นคำ ร่างบางลุกขึ้นยืนสุดความสูง “หนูจะพาที่รักไปหาหมอ ไปก่อนนะ พ่อ”
“ลูก...?” เป็นคำถามแรกของอริสา ที่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดในวินาทีที่เธอไม่ควรพรวดพราดออกไปหาอันตรายอย่างนั้น ไอศูรย์พยักหน้าเบา ๆ พาความปลื้มปิติขึ้นในหัวใจ เรี่ยวแรงของเธอตอนนี้ทำได้แค่ยกมือข้างที่เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือขึ้นสะกิดบ่าแกร่ง แม้ว่าอยากกอดเขาแน่น ๆ สักแค่ไหน “ฉันขอโทษ... พี่... เป็นห่วงฉันมากเลยใช่ไหม?” “ไม่เป็นไร... เราไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาเกรอะคราบน้ำตาผละออกมองดวงหน้าซีดขาวราวกระดาษ เบียดตัวนั่งลงข้างเตียง กุมมือน้อยไว้แผ่วเบา ไม่ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บแม้สักนิดกับรอยเข็มบนนั้น “ไม่เป็นไรทำไมตาแดงคะ? กินข้าวหรือยัง ได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย?” เสียงพร่าของคนป่วยตัดพ้อ อริสาสัมผัสได้ถึงมืออันอบอุ่นของชายทั้งสอง ไม่ลืมหันไปทางอีกคนที่คงหวาดกลัวไม่ต่าง จากดวงตาแดงก่ำที่พายุความโศกเศร้าได้สงบลงไปสักพัก “ไม่เป็นไรแล้วนะลูกพ่อ” ใบหน้างามพริ้มระบายยิ้มจาง ๆ “หนูไม่เป็นไร... พ่ออย่าร้องไห้ เวลาพ่อร้องไห้ พ่อจะมองอะไรไม่เห็น...” แล้วเลื่อนสายตาไปทางชายที่ยังคงจ้องหน้าเธออยู่ไม่ห่าง ไม่ได้มองคน
กว่าสิบชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ต่างจากคนเสียสติ ในวินาทีที่อุ้มร่างโชกเลือดไปหาอาจารย์ในโรงพยาบาลสัตว์ หยาดน้ำตาเปียกชุ่มใบหน้าอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยจะร้องไห้ให้ใครได้เท่านี้ แม้แต่ในวันที่แม่จากไป เขาเสียใจแต่ยังคงความเป็นบุรุษที่เข้มแข็งเช่นพ่อ รถพยาบาลที่มาได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ละนาทีช่างยาวนาน ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเขาแค่นั่งสั่นอยู่ตรงนั้นไม่รับรู้สิ่งใดแม้เสียงเรียกของเพื่อนที่คอยให้กำลังใจอยู่ตลอด เขายังจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ใบหน้าสวย ๆ ของผู้หญิงคนนี้อีกตลอดไป ชีวิตที่เหลือจะเป็นอย่างไร กับลูกที่ได้เห็นหน้าเพียงครั้งผ่านจอสีเทาดำ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้เขารักแต่แรกพบเหมือนอริสา... ความหวังอันเบาบาง เด็กที่เกิดจากความรักของเขาและเธอยังรอปาฏิหาริย์ “พี่จะรีบกลับมานะ... เราไม่ต้องห่วงพี่ พี่จะดูแลตัวเอง...” ในน้ำเสียงและแววตาแสนอ่อนโยน มือหนาค่อยเลื่อนขึ้นปัดไรผมบนขมับอย่างที่เขาชอบทำ ก่อนจะหยัดกายลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมานานนับชั่วโมง มองเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่อย่างนั้น ก่อนออกจากห้องไป ชายหนุ่มตั้งใจจะตรงกลับบ้าน
“ไหวไหมลุงชา?” ใบหน้าซีดขาวของชายวัยหกสิบขยับเบา ๆ มือกระชับอาวุธในมือไว้เหนือเข่า แม้เลือดโชกชุ่มกาย ตัวต้นเหตุของบาดแผลฉกรรจ์นั้นนอนอยู่ข้าง ๆ ถึงห้าตัว พวกมันสามารถมีน้ำหนักตัวสูงสุดได้ถึงหกสิบสองกิโลกรัม มีอุ้งเท้าอันใหญ่โต แรงกัดมหาศาลด้วยกรามอันทรงพลังยังออกล่าเป็นฝูง หมาป่าสีเทาเกรวูฟที่กำลังหิวโหยดุร้ายถูกลักลอบมากับรถบรรทุกไม่มีป้ายทะเบียน ไม่ไกลจากฟาร์มของพิภพมากนัก คำขอความช่วยเหลือของพลตำรวจเอกปรีชา ประจวบเหมาะพอดีกับหญิงสาวจะออกไปตามล่าหาเสือโคร่ง ดันได้รางวัลเป็นหมาป่าขย้ำคอคนแก่อยู่กับลูกปืนจากพวกลักลอบค้าของเถื่อน ปัง! ปัง! กระสุนแสกผ่านเหล็กหนา เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ผู้หมวดสาวในร่างชายหนุ่มยิงสวนกลับไปเพียงครั้ง ก่อนแนบหลังไว้กับที่กำบัง หันไปถามนายตำรวจใหญ่ “ท่านรองกำลังเสริมใกล้ถึงรึยัง? กระสุนจะหมด...” “อือ... ข้างหน้า...” แรงตอบเฮือกสุดท้ายของพลตำรวจเอกปรีชาที่เอนร่างลงนอนพักไหล่ของหญิงสาว สติพร่าเลือนเต็มที “ลุงชา ๆ !” เรียกเสียงดัง มือเรียวเขย่าบ
มือหนากำหมัดแน่นแม้จะมีแค่รีโมตในมือ แววตาวาวโรจน์สาดประกายไปยังรายการตลก ซึ่งเขาไม่มีอารมณ์จะดูมันเหมือนทุก ๆ วัน “ถ้าแกจะมาตอกย้ำฉันก็ไปเถอะ… ไปไหนก็ไป...” “โธ่… พ่อ… ไอ้เมธพนธ์มันโคตรร้ายเลยนะพ่อ หนูไม่ชอบมัน ทำไมพ่อต้องเป็นแบบนี้ด้วย หนูไม่เข้าใจ” พ่อที่พูดไม่รู้เรื่องยังดีกว่าคุณพ่อเซ็งโลก ทำหูทวนลม อริสาพยายามเซ้าซี้เรื่องเดิม ๆ อยู่อย่างนั้น ทว่าคงไม่มีคำตอบจากร่างสูงในสภาพอิดโรย ขอบตาดำคล้ำด้วยความที่คงนอนคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง จนเธอถึงกับถอนหายใจเสียงดัง ยกมือขึ้นลูบบ่าลูบหลังปลอบประโลม “พ่ออกหักยังไงพ่อยังมีหนู หนูไม่ทิ้งพ่ออยู่แล้ว... พ่อเหนื่อย พ่อหยุดงานไปนะ ดูตลกดูหนัง หนูไปทำป๊อปคอร์นให้” พิภพยิ้มเจื่อน ไม่ได้ดีใจกับคำปลอบของลูกสาวเลย ในที่สุดเขาก็ต้องถาม “อะไรนะ? แกบอกว่าฉันอกหัก?” “ใช่... พ่ออกหักแน่นอน ถ้าพ่อยังนั่งอยู่แบบนี้นะ เอาจริง ๆ ถ้าหนูเป็นพ่อ หนูปล้ำน้องพายไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เสือโหยคาบไป ป่านนี้กินอิ่มท้องไปแล้วมั้ง เอาเถอะ...ไว้หนูแนะนำเพื่อนสาว ๆ สวย ๆ เอ๊าะ ๆ ให้พ่อใหม่ส
“เซ็นแล้ว... ผมมีของขวัญให้พี่สาวคุณด้วยนะ แต่ว่า... มันอยู่ในมือถือ ไม่รู้ว่าอยากดูไหม?” “คุณ... หมายความว่าไง?” ขณิกาหน้าชาวาบ เพียงชายตรงหน้าสลัดคราบเทพบุตรเป็นซาตานร้ายใช่... ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาขณิการู้ว่าถ้าเขาร้าย เขาจะร้ายได้แค่ไหน! “พี่ยักษ์ก็หมายความอย่างที่พูด ของขวัญให้คนรักไอ้พิภพอย่างน้องพาย อืม... แต่พี่ว่านะ มันรักลูกสาวกับเมียเก่าที่สุด ไม่มีเศษซากความรักเหลือเผื่อแผ่ให้ส่วนเกินหรอก” “คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะคุณเมฆ อย่าไปยุ่งกับพี่อริสเลย... ที่แล้วมาก็ให้แล้วกันไปเถอะนะ พายขอ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาเว้าวอน มือเรียวเอื้อมไปแตะลงบนท่อนแขนแกร่งที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี “อย่ามาแตะต้องตัวผม...” ท่าทางเย็นชาของเขาสั่นคลอนหัวใจอย่างรุนแรง ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากันจนเหยียดตรง ยามสบมองวงหน้าหล่อเหลาของคนที่เคยอบอุ่น อ่อนโยนกับเธอมาเสมอ “พี่สาวคุณก็ทำร้ายคนของผมนะอย่าลืม ที่เล่นอะไรแบบเด็ก ๆ น่ะ คุณเมฆไม่ทำ ผมเป็นคนเล่นใหญ่” “คุณเมฆ... คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย... คุยกับพายดี ๆ ได้ไหม
นายหัวฟาร์มม้าดูจะทำตัวหม่นหมองลงทุกวันจนคนรอบกายพลอยเครียดตาม สิ่งหนึ่งที่เธอชื่นชมขณิกาคือไม่หวั่นไหวไปกับผู้ชายมากคารมอย่างเมธพนธ์ที่ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ยังมีฐานะร่ำรวยกับธุรกิจสีเทาที่จับอยู่ ความเจ้าเล่ห์ของนายเมธพนธ์นับว่าเป็นตัวร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกคนไม่ได้เข้าใจในความหมายของเธอเลย หันกลับไปทางภรรยาที่เสียชีวิตในวัยสามสิบเจ็ดปี “แกไม่รักแม่แกแล้วหรือ? อริส” หญิงสาวสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย และที่ว่าจะไม่พูดก็ไม่น่าไหว... “แม่ตายไปตั้งกี่ปีแล้วพ่อ นี่คือชีวิตของคนเป็น คนที่ต้องเอาใจใส่คือคนที่ยังอยู่ ไม่ใช่คนตาย” หัวใจหนุ่มใหญ่พลันกระตุกวาบกับคำพูดตรง ๆ ของลูกสาว เขาไม่เคยสนใจความสุขนั้นเลย ยังพยายามยัดเยียดความคิดให้ลูกแต่งงานกับเตชิน เพราะเป็นความต้องการของคนตาย... เพราะเขาเป็นฆาตกร... ยังไม่สามารถทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของภรรยาได้ ดวงตาคู่คมเอ่อคลอหยดน้ำใสกับทุกความรู้สึกผิดในอดีต เสียงทุ้มสั่นเครือ “มาไหว้แม่ก่อน” หน้าเจดีย์ที่มีกระเบื้องหลากสีใต้ร่มไม้ พ