Share

บทที่ 2 ที่ไหนกัน

last update Last Updated: 2025-02-02 17:31:26

ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนเหมือนลูกกวางทรายค่อยๆ ปรือขึ้นมา สายตาคู่นั้นค่อยๆ กวาดไปในสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ควรซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลหรือในรถของเธอเอง แต่ในใจลึกๆเธอยังภาวนาให้เธอเห็นว่านี่คือห้องนอนของเธอและทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันฉากนึงเท่านั้น

แต่ที่เธอคาดหวังและคิดไว้ก็ไม่ใช่สักอย่างแต่ภาพที่เธอเห็นคือห้องเก่าๆ ฝุ่นเขลอะหยากไย่เกาะทั่วมุมหลังคาสังกะสีที่เก่าเหมือนร้อยปีที่แล้ว

ดวงตาสีใสเริ่มค่อยๆมองไปทางทิศที่แสงแยงเข้ามาในดวงตาของเธอ พบบานหน้าต่างเก่าๆที่ปิดเข้ามาไม่สนิท'แต่หากก็คงจะพอบังฝนได้แต่หากลมพัดมาแรงๆคงไม่วายหลุดกระเด็น'

จางหมิ่นที่คิดคำนึงภายในใจก็แต่คิดใคร่หัวเราะออกมาพร้อมๆ กับการพยุงตัวขึ้นและอวดครวญจากการเมื่อยตัวเพราะนอนอยู่บนพื้นแข็งๆ ที่มีเพียงฟางปูนอนเท่านั้น

สายตาคู่สวยมองไปยังฝุ่นที่เขลอะฉาบหนาหลายชั้นบนพื้นที่มีฟางวางระนาบยาวไปทั่วห้องก่อนจะลองใช้นิ้วแตะๆ จิ้มๆ จึงพบว่าที่เธอเห็นใต้ฟางหาได้ใช่ฝุ่นไม่แต่มันคือดินแห้งๆ อย่างกับสภาพอากาศร้อนจนดินแตกกร้าน

"ก็ท่านพี่เจี้ยนหยีไม่รู้จะแต่งนางเข้ามาทำไมขี้เกียจตัวเป็นขน!"

เสียงผู้หญิงที่มีวัยประมาณ 12-13 ปีเล็ดผ่านบานประตูไม้ไผ่เข้ามาพอให้ได้ยิน ร่างอรชรของสาวน้อยที่มีจางหมิ่นเข้ามาอยู่ลุกขึ้นและเอาหูไปแนบบานประตูเพื่อแอบฟัง

"ข้างนอกเขาทะเลาะอะไรกันนะทำไมสำเนียงถึงแปลกจัง.."

จางหมิ่นได้แต่คิดใคร่ครวญพลางหูที่แนบชิดประตูเพื่อฟังสิ่งที่คนภายนอกกำลังเถียงกันอยู่ อีกทั้งสำเนียงและวาจาที่เปล่งออกมานั้นแปลกราวกับคนโบราณ

"น้องเล็กเจ้าจะพูดให้ได้อะไรขึ้นมาเล่าคนที่อยากจะแต่งไม่ใช่ท่านพี่เจี้ยนหยี แต่เป็นท่านพ่อที่สั่งให้ท่านพี่แต่ง"

คราวนี้เป็นเสียงเด็กหนุ่มที่ฟังดูโตกว่าเด็กสาวเมื่อครู่สักหน่อยเพราะเสียงที่แตกทุ้มทำให้รู้ว่าเป็นวัยแตกเนื้อหนุ่มแล้ว

"เจี้ยนหยี.. แต่เมื่อกี้คนข้างนอกพูดว่า'เจี้ยนหยี'หรอ?"

จางหมิ่นพูดย้ำกับตัวเองเบาๆพลางคิดว่าตนคงอ่านหนังสือนิยายโบราณเล่มนั้นมากเกินไปจนเก็บมาฝันว่าตนได้เข้ามาอยู่เป็นแน่ มือขาวเรียวค่อยๆไล้มาที่เเขนอีกข้างก่อนจะออกแรงหยิก

"โอ๊ย! เจ็บจัง.. ถ้าเจ็บขนาดนี้คงไม่ใช่ความฝันแล้วละมั้ง"

ถือลูบเเขนที่ถูกตัวเองหยิกป้อยๆ ก่อนจะทันได้สังเกตว่าตัวเธอนั้นผอมเกร็งราวกับขาดสารอาหาร หรือคงกินอาหารที่คุณค่าทางโภชนาการต่ำ

เนื้อตัวขาวซีดจนค่อนไปทางเหลืองเหมือนคนถูกดูดเลือดออกไปจนหมดร่างกาย หรือไม่ก็คงจะเสียเลือดมากแล้วไม่ได้รับการถ่ายโอนเลือดอย่างเหมาะสม

ร่างบางหาที่ยึดเกาะมือเพื่อดึงร่างกายที่แสนจะปวดล้าขึ้นยืนและออกแรงผลักประตูบานไม้ไผ่เก่าๆ ออกไปพบกับสภาพที่ดินแห้งแตก มีโอ่งน้ำเล็กๆตั้งอยู่โดยที่ชิดทางเดินกับหินสีขาวแผ่นใหญ่หยาบๆ วางเรียงเป็นทางเชื่อมกับอีก 2 ที่ ที่ดีเหมือนที่หนึ่งจะเป็นห้องเก็บฟืนส่วนอีกที่จะเป็นบ้านพักของใครสักคน

แต่ถ้าเธอหลุดเข้ามาในนิยายจริงๆ ล่ะ? งั้นซุ้มเก่าๆตรงนั้นก็เป็นที่พักของหานหลงเหยาและหานเจียเจิงพ่อของพระเอกอย่างเจี้ยนหยีน่ะสิ...

"แต่นี่คงไม่ใช่ว่าฉันมาอยู่ในร่างของซูหรานหรอกจริงมั้ย.."

จางหมิ่นรีบเร่งเดินโอ่งไปที่โอ่งน้ำใบนั้นก่อนจะชะโงกตัวลงมองเงาในน้ำมีใบหน้าผู้หญิงโทรมๆ คนหนึ่งมองกลับมา ซึ่งควรจะเป็นใบหน้าของจางหมิ่นแต่กลับไม่ใช่ถ้าดูจากโหงเฮ้งเเล้วคงก็ไม่ใช่ซูหรานเหมือนกันแต่หากจะเป็นหลินเฟิงก็พอจะได้อยู่

"พี่สะใภ้ฟื้นแล้วรึ?"

เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มที่เธอได้ยินก่อนหน้านี้ดังขึ้นข้างหลังเธอจึงรีบหันไปมองอย่างรวดเร็วก็พบเจ้าของเสียงอยู่ในชุดที่ถูกซักขยี้จนเก่าอีกทั้งยังมีรอยขาดหลุดลุ่ยยอยู่ทั่วผืนผ้า

"มิใช่ว่าพี่ใหญ่บอกว่าท่านป่วยหนักอีกหลายวันถึงจะฟื้นหรือ แล้วเหตุใดพี่ใหญ่ข้าก้าวพ้นประตูบ้านไปยังไม่ถึงชั่วยามท่านจึงฟื้นแล้ว"

เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเย็นชาแววตาส่อความผิดหวังที่เด่นชัด เค้าโครงใบหน้าซูบผอมแต่ก็ยังพอมีเคล้าโคลงความสง่าพอให้เห็นอยู่เลือนรางนัก

'คิ้วของเด็กหนุ่มคนนั้นงดงามได้รูปดวงตาเฉียบคมราวกับเหยี่ยวนี่คงจะเป็นหลงเหยาน้องชายคนเล็กของพระเอกสินะ' จางหมิ่นที่ครุ่นคิดในใจวิเคราะห์เด็กหนุ่มตรงหน้าและพยายามที่จะหาคำตอบที่ดีที่สุดเพื่อที่จะตอบให้เขาไร้ซึ่งความแคลงใจ

"ข้านอนจนลืมว่าจะเดินยังไงแล้ว ก็เลยฟื้น" เธอพูดออกไปดังนั้น แม้นจะแทนตัวเองว่า 'ข้า' แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้โง่เขลาเกินกว่าจะคิดว่านี่คือพี่สะใภ้ตัวจริงของเขา

"เจ้าเป็นใครเจ้าไม่ใช่พี่สะใภ้ใหญ่" เด็กหนุ่มขมวดคิ้วใช้ตาจ้องจับผิดจางหมิ่นในร่างพี่สะใภ้ใหญ่หลินเฟิงอย่างเอาเป็นเอาตาย

"พี่รอง!! ท่านพ่อเรียกท่านไปช่วยผ่าฝืน"

เสียงเด็กสาวอีกคนที่ได้ยินก่อนหน้านี้ก็ดังออกมาแต่ไกลๆเหมือนจะดังมาทางรั้วเก่าๆนั่นเด็กหนุ่มคนนั้นจึงได้ยอมหันหลังกลับออกไป

"ชู่วว~ โล่งอกไปทีเเต่โดนสงสัยเสียแล้ว"

จางหมิ่นพึมพำได้แต่คิดว่าทำไมเถอะถึงเข้ามาอยู่ในนิยายได้หรือเป็นเพราะจิตใจก่อนหน้านี้ของเธอไปจดจ่อที่นิยายเล่มนั้นกันนะ

"แต่เดี๋ยวก่อนทำไมเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ใหญ่ล่ะ? หรือว่าคนที่ได้เข้าหอกับเจี้ยนหยีจะเป็นฉัน? เอ้ย.. ไม่ใช่ต้องเป็นหลินเฟิงเจ้าของร่างนี้ต่างหาก"

และมีคำถามอีกค่อนข้างมากที่จางหมิ่นสงสัยเพราะถ้าเป็นเธอเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้วตัวของหลินเฟิงล่ะเธอไปอยู่ไหน?

มือเรียวเริ่มหอบหุ้มน้ำในโอ่งขึ้นมาชโลมล้างใบหน้าของเธอเพื่อให้ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยพร้อมทั้งทำผมเผ้าดีๆโดยการมัดผมยาวสลวยรวบหางม้าและใช้ริบบิ้นสีซีดมามัดเพียงเท่านั้น

หากไม่มองจากการแต่งตัวด้วยชุดเก่าๆฉีกขาดที่ถูกปะชุนจนแทบมองไม่เห็นเนื้อผ้าเดิมของหลินเฟิงเจ้าของร่างนี้

ไม่ใช่นั้นคงคิดว่าเธอคือจอมยุทธหญิงเป็นแน่ หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่วบริเวณบ้าน ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะสามารถเรียกว่าบ้านได้มั้ย

เพราะที่แห่งนี้เก่าเกินที่จะมีคนมาอาศัยอยู่ หากตามเนื้อเรื่องพระเอกเคยเป็นคุณชายหานผู้สูงศักดิ์เป็นลูกชายใหญ่ตระกูลหานผู้แสนจะร่ำรวย แต่ทำไมถึงได้ดูยากจนแร้นแคว้นขนาดนี้? เธอมองไปรอบๆ บริเวณที่เธอยืนอยู่ก่อนจะออกเดินไปคิดไปเรื่อยๆ

ในที่ไกลๆเธอมองเห็นป่าต้นไม้ยืนตายแต่ข้างในป่าลึกก็พอจะมีสีเขียวรางๆของยอดไม้ได้พอเห็นบ้างหญิงสาวไม่รู้จะไปที่ไหนหรือทำอะไรดีเเต่เท่าที่เธอจำได้

ข้างหลังบ้านเจี้ยนหยีพระเอกของเรื่องนี้มีสระบัวสระใหญ่อยู่เธอจึงเดินไปที่นั่นพบสระบัวที่มีดอกบานสะพรั่งสีชมพูสีขาวสีม่วงคละๆกันไปก่อนจะนั่งลงข้างๆสระบัวเด็ดฝักบัวขึ้นมาแกะกินอย่างสบายใจ

ในเมื่อบ้านของเจี้ยนหยีมีสระบัวและดอกบัวใหญ่ขนาดนี้เหตุใดไม่เก็บเม็ดบัวไปขาวกันนะ?

แต่ความสงสัยของเธอก็ได้รับคำตอบทันทีที่ฟันเรียวคมสีเงินสะอาดกัดเข้าที่เม็ดบัวเม็ดนั้นมันมีรสที่ฝาดกินไปเพียงเม็ดเดียวก็เฝื่อนคอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทส่งท้าย คำมั่นสัญญา

    สี่ผ่านไปตอนนี้หลินเฟิงมีลูกสาวสมใจลูกชายฝาแฝดอายุหกขวบส่วนลูกสาวอยู่ในวัยกำลังอายุสองขวบซึ่งกำลังดื้อจนนางเองก็ปวดหัวไม่น้อย “ท่านแม่” เด็กน้อยซูฮวาวิ่งมาหาท่านแม่ด้วยใบหน้าที่มอมแมมคงจะโดนพี่ชายทั้งสามแกล้งมาอีกจึงรีบวิ่งมาฟ้องนางแบบนี้ “เด็กน้อยของแม่เจ้าไปเล่นซนที่ไหนมา” หลินเฟิงอุ้มลูกขึ้นมานั่งบนตักและเช็ดใบหน้าให้ลูกสาวพร้อมกับหอมแก้มไปหนึ่งที “ท่านพี่แกล้ง” ได้ทีจึงรีบฟ้องท่านแม่แต่เด็กน้อยก็ไม่ร้องไห้งอแงตั้งคลอดจนถึงตอนนี้ซูฮวาเป็นเด็กเลี้ยงง่ายและฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกัน “น้องหญิงพี่กลับมาแล้ว” เจี้ยนหยีเดินเข้ามาในจวนเห็นนางกำลังเช็ดตัวให้ลูกสาวที่เจี้ยนหยีหวงยิ่งกว่าอะไร “ท่านพี่กลับมาเร็วจังเจ้าค่ะ” หลินเฟิงให้เจี้ยนหยีออกไปซื้อสมุนไพรเพื่อเตรียมไว้สำหรับคนไข้ไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้เพราะยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม “พี่คิดถึงน้องกับลูกๆ ใช่ไหมเด็กน้อย” “ท่านพ่อ อุ้มๆ” เด็กน้อยชูแขนให้เจี้ยนหยีอุ้มเขาไม่รอช้าที่จะอุ้มลูกสาวขึ้นมาแนบอกและหอมแก้มซ้ายขวาจนซูฮวาหัวเราะอย่างชอบใจ “คิก คิก คิก”

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 28 ลูกชายของเรา

    หกเดือนหลังจากนั้นหลินเฟิงก็ได้ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝดเจี้ยนหยีดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ตอนนี้ได้แต่นั่งมองลูกชายทั้งสองที่เพิ่งกินนมแล้วหลับไป “เจ้าจะให้ชื่อว่าอะไร” หานเจียเจิงถามลูกชายที่ดูเหมือนจะไม่ได้คิดชื่อนี้ไว้ “ข้ายังไม่ได้คิดเลยท่านพ่อ” เพราะมัวแต่เป็นห่วงหลินเฟิงไปหน่อยจึงไม่ได้คิดชื่อไว้ให้ลูกชายทั้งสอง “นั้นข้าจะให้ชื่อ พี่คนโตชื่อ จางซิงอี ส่วนคนเล็กชื่อ จางซีห่าวเจ้าว่าดีหรือไม่” หานเจียเจิงหันไปถามลูกชายที่พยักหน้ารับหน้าช่างน่าเกลียดน่าชังยิ่งนัก “ซิงอี แปลว่า คนดีและมีความสุข ส่วน ซีห่าว คือเหมือนฮีโร่ โตขึ้นมาให้เจ้าทั้งสองดูแลพ่อและแม่” “ขอบใจท่านพ่อมาก” “พี่สะใภ้ฟื้นแล้ว” จื่อรุ่ยรีบวิ่งมารายงานพี่ชายและท่านพ่อที่รออยู่หลังจากคลอดลูกหลินเฟิงก็สลบไปเพราะเสียเลือดมาก เจี้ยนหยีเมื่อได้ยินอย่างนั้นจึงรีบวิ่งไปหานาง “น้องหญิง น้องฟื้นแล้ว” เจี้ยนเข้ามานั่งข้างกายของนางตอนนี้สีหน้าของนางเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อยหมอให้ต้มยากินจนกว่าจะแข็งแรง “น้องอยากเห็นหน้าลูกเหลือเกิน” ถึงแม้จะยังเจ็บปวดอยู่แต่ก็อย

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 27 นางมารร้าย

    “ข้าแค่มาเยี่ยมน้องสาวของข้า” ซูหรานมองไปที่หลินเฟิงที่ตอนนี้สวยยิ่งกว่าอะไร ในความคิดหลินเฟิงคงตากแดดจนตัวดำและดูผิวนางสิ ขาวเนียนไม่มีที่ติ “พี่หญิงมาหาข้ามีเรื่องอันใด” “เจ้าได้ดีแล้วไม่หันไปดูแลพ่อที่แก่ชราบ้างเลยหรือตอนนี้ทางบ้านมีหนี้สินไปหมด” ตอนนี้ซูหรานกำลังลำบากเพราะที่บ้านมีหนี้สินรัดตัวจากที่เคยมั่งมีตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว “แล้วตอนที่ไล่ข้าออกมาละพวกท่านคิดอะไรกัน เพราะตระกูลหานยากจนท่านจึงให้ข้าแต่งงานแทนและห้ามให้ข้ากลับไปเหยียบที่นั่น” ไม่รู้ว่าทำไมหลินเฟิงถึงมีความทรงจำนั้นภาพต่างๆ ฉายชัดเข้ามาจนหลินเฟิงเองก็แปลกใจ “เจ้ามันเนรคุณ” “หุบปากซะ! แล้วไสหัวออกไป” เจี้ยนหยีมองใบหน้าที่ซูบผอมของซูหรานครอบครัวเขารู้ดีว่านางนั้นร้ายกาจแค่ไหนและยังเคยมาทำร้ายท่านพ่อของเขาอีก “เจ้าคนชั้นต่ำ! กล้าไล่ข้าหรือ” “เจ้าด่าตัวเองหรือเปล่าดูสภาพเจ้าตอนนี้สิดูไม่ได้เลยคุณผู้สูงศักดิ์ทำไมถึงกลายมาเป็นสภาพนี้” หลินเฟิงไม่รู้เรื่องราวอะไรมากกว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่แต่งงานออกเรือนมาก็ไม่เคยกลับไปพบหน้าท่านพ่อและพี่สาวอีกเลยแ

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 26 อาการแปลกๆ

    ยามเช้าในฤดูวสันต์ตอนนี้ใบไม้ต้นหญ้ากับดูแห้งแล้งเพราะใบไม้ได้ร่วงหล่นลงมากองอยู่เต็มพื้นไปหมดมองไปที่ภูเขาไกลๆ ก็ไม่น่าดูสักเท่าไร อ้วก! “น้องหญิงเป็นอะไร” เจี้ยนหยีได้ยินเสียงเหมือนคนอาเจียนจึงรีบลุกออกจากเตียงและรีบไปหาหลินเฟิงด้วยความห่วงใยไม่รู้ว่านางลุกออกไปจากเตียงตั้งแต่ช่วงเวลาใด “น้องหญิงเกิดอะไรขึ้น!” เจี้ยนหยีเห็นสภาพของนางแล้วจึงรีบเข้ามาดูอาการเพราะใบหน้าที่ซีดไม่มีเลือดฝาดยิ่งทำให้เขาร้อนรนไปหมด “น้องแค่อยากอาเจียน หาเปลือกส้มมาให้น้องหน่อย” ตอนนี้สิ่งที่อยากทำที่สุดคือได้ดมกลิ่นเปลือกส้มช่วงนี้นางมักจะเกลียดกลิ่นอาหารอยู่บ่อยครั้ง “มานั่งรอพี่” เจี้ยนหยีรีบไปหาเปลือกส้มมาให้นางทันทีเพราะกลัวว่านางจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ “หรือว่าที่เราฝันจะเป็นความจริง” หลินเฟิงนึกคิดถึงเรื่องราวที่ฝันเมื่อคืนหรือว่าที่เด็กน้อยทั้งสองมาขออยู่ด้วยนางจะได้ลูกแฝดกัน “น้องหญิงพี่มาแล้ว” “ขอบคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ” หลินเฟิงหยิบเปลือกส้มขึ้นมาดมกลิ่นทำให้อาการอยากอาเจียนเวียนหัวเริ่มดีขึ้นมา และใช้มือลูบไปที่หน้าท้อ

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 25 เจี้ยนหยีคนคลั่งรัก

    “ท่านพี่อย่านะเจ้าคะ” หลินเฟิงร้องออกมาเมื่อเจี้ยนหยีเริ่มจะไม่นอนอยู่เฉยเฉยๆ มือไม้เลื้อยเหมือนกับเถาวัลย์ไม่มีผิด “พี่คิดถึงน้องหญิงมากขอให้พี่ได้ชื่นใจสักนิดเถอะพี่ทรมานเหลือเกิน” เจี้ยนหยีซุกใบหน้าเข้าไปที่ต้นคอของหลินเฟิงและเริ่มซุกไซร้ไปมาจนนางต้องหดคอหนีเพราะเริ่มจั๊กจี้ ข้างนอกอากาศช่างเย็นนักแต่ทำไมตอนนี้ร่างกายเริ่มร้อนร่มขึ้นมา “อื้อออ ท่านพี่ข้าต้องการท่าน” หลินเฟิงครางออกมาราวกับคนกำลังละเมอใบหน้าที่งดงามจ้องมองตากับเจี้ยนหยีอย่างลึกซึ้งมือบางโอบลำคอของเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเจี้ยนหยีจะหายไป “พี่ก็ต้องการน้องหญิง” เจี้ยนหยีสลัดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดสิ้นและจูบปากหลินเฟิงอย่างหิวกระหายมือหนาพยายามที่จะดึงกระชากเสื้อของนางออกจากตัว “อื้อออ อืม ดีเหลือเกินท่านพี่” หลินเฟิงครางออกมาเมื่อเจี้ยนหยีใช้มือกอบกุมกับหน้าอกของนางไว้ส่วนลิ้นหนาก็เลียเข้ากับยอดถันอย่างไม่เกรงกลัวเจ้าของ เจี้ยนหยีก้มตัวลงมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ของสงวนของหลินเฟิงเขาใช้มือแหวกจนเห็นกับกลีบกุหลาบงามที่มีน้ำไหลเยิ้มออกมาอย่างน่าลิ้มลอง และก็ทำอย่างท

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 24 ข้าไม่ใช่นาง

    เจี้ยนหยีลืมตาขึ้นมาในยามเฉิน (07.00-08.59 น.) สายตาทอดมองไปที่หลินเฟิงที่ยังคงหลับใหลอยู่ข้างกายบนร่างกายมีรอยแดงจ้ำโผล่พ้นผ้าห่มออกมา ชายหนุ่มนึกคิดเรื่องที่ผ่านมาทำให้เขามั่นใจว่านางไม่ใช่หลินเฟิงคนเดิมนิสัยใจคอนางเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หลินเฟิงผู้นี้ทำให้เจี้ยนหยีตกหลุมรักยิ่งนักแค่เห็นนางยืนคุยกับชายอื่นเขาก็ทนไม่ได้แล้ว “อื้อ!” หลินเฟิงลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่เมื่อยล้าเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาก็พานจะร้องไห้ ไหนเจี้ยนหยีบอกว่ารังเกียจนางทำไมถึงทำเช่นนี้ “ตื่นแล้วเหรอน้องหญิง” หลินเฟิงหันไปมองที่ด้านหลังของนางพบว่าเจี้ยนหยีกำลังส่งยิ้มให้ทำให้หลินเฟิงรู้สึกขนลุกขึ้นมา เจี้ยนหยีเมาจนสมองไม่ปกติไปแล้ว “ภรรยาของข้าเป็นใบ้ไปแล้วหรือ” “เจ้ากินย่าลืมเขย่าขวดหรือไง” “น้องว่าอะไรพี่ฟังไม่เข้าใจ” เจี้ยนหยีทำหน้าสงสัยแต่นางก็ไม่ยอมตอบรับลุกออกจากเตียงจนเจี้ยนหยีถามออกมา “เรื่องเมื่อคืน...” “ท่านกับข้าก็ลืมมันไปเสียเถิด” หลินเฟิงไม่รอให้เจี้ยนหยีพูดนางจึงรีบตัดบทหลินเฟิงไม่ใช่นางเอกที่เสียความบริสุทธิ์แล้วต้องม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status