@ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“ผู้ป่วยชายไทย อายุสี่สิบห้าปี มาด้วยเรื่องอุบัติเหตุขับรถชนเสาไฟฟ้า หน้าอกกระแทกกับพวงมาลัยรถค่ะอาจารย์ อัลตร้าซาวด์หัวใจดูแล้ว พบว่ามีเลือดออกในช่องเยื้อหุ้มหัวใจค่ะ” “โทรบอกห้องผ่าตัดให้เตรียมห้องผ่าตัดด่วนเลย” “รับทราบค่ะอาจารย์” มาร์วินวิ่งตรงไปที่ห้องผ่าตัดด้วยความเร็วแสง ล้างมือ แต่งชุดปราศจากเชื้อเข้าห้องผ่าตัดทันทีที่ถึง “ผู้ป่วยชายไทย อายุสี่สิบห้าปี มีรอยฟกช้ำกลางอก บริเวรที่เสี่ยงต่อตำแหน่งหัวใจค่ะ” พยาบาลห้องผ่าตัดรายงานอาการของผู้ป่วยทวนให้มาร์วินทราบอีกครั้ง “หมอดมยาพร้อมนะครับ ทุกอย่างพร้อมนะ” “พร้อมค่ะอาจารย์” “งั้นก็เริ่มทำการผ่าตัดได้เลยครับ” “แพลนของเราก็คือ ผ่าตัดเปิดช่องอก เพื่อระบายน้ำในเยื่อบุหัวใจออกมา” “เบลดครับ” มาร์วินออกคำสั่งกับพยาบาลในทีม ให้ส่งมีดผ่าตัดให้กับเขา ก่อนจะใช้ปลายมีดกรีดลงบนช่องอกของผู้ป่วย “ซักชั่นครับ” “ซักชั่นค่ะ” พยาบาลในทีมหยิบอุปกรณ์ดูดสารคัดหลั่งขึ้นมาดูดเลือด ผ่านไปเกือบห้าชั่วโมง การผ่าตัดดำเนินต่อไป ตามลำดับขั้นตอน แกร็บ! สิ้นเสียงกรรไกรตัดไหม ที่ตัดฉับเส้นไหมเย็บปิดแผลบริเวณช่องอก “เดี๋ยวผมฝากปิดแผลต่อด้วยนะครับ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” “ขอบคุณทุกคนมากครับ” ….. “ตรวจเสร็จยังวะ” เกือบเที่ยงของวัน ศรันเดินเข้ามาหาเพื่อนในห้องทำงาน ทิ้งตัวลงนั่งโงกบนโซฟาสภาพเหมือนคนไม่ได้หลับนอนมาทั้งคืน “อือ เสร็จแล้ว” มาร์วินพูดขึ้นในระหว่างที่ตายังจดจ้องกับคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน เร่งพิมพ์ข้อมูลการผ่าตัดผู้ป่วยลงระบบ “แล้วเมย์ล่ะ” “ตรวจคนไข้ที่นัดมาติดตามอาการยังไม่เสร็จอ่ะดิ แต่เดี๋ยวตรวจเสร็จก็เดินตามมาเองแหละ” ศรันอ้าปากกว้างหาวนอน ปากแทบจะฉีกถึงรูหูก่อนจะปรับเปลี่ยนจากนั่งเอนตัวเป็นนอนลงโซฟา “นั่นไง มาละ ตายยากชิบหาย” “อารมณ์เสีย นี่ไม่ได้ใส่อารมณ์เลยนะ พวกมึงคิดดู ส่งคนไข้มาให้กูดูแลต่อ จะส่งเวรกันสักคำก็ไม่มี” ‘เมย์’ สาวสวยคนเดียวของกลุ่ม เปิดประตูห้องเข้ามา แล้วโวยวายเสียงดังตามสไตล์สาวเจ้าอารมณ์ยังกับคนโดนแหย่รังแตน “และนี่ก็อีกอย่าง สั่งอเมริกาโน่เย็น ไม่หวาน แล้วดูทำให้ นึกว่าหวานร้อยเปอร์เซ็น” “แค่นี้...?” ศรันเลิกคิ้วถาม ลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองเจ้าของเสียง “เออสิ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี” “แล้วมีวันไหน ที่มึงอารมณ์ดีบ้าง กูเห็นวีนทุกวัน” ศรันพูดก่อกวนระบบประสาทและสมองของเมย์เพราะเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้จนชิน “ได้ที ว่ากูใหญ่เลยนะมึง” เมย์แห้วใส่ศรันพร้อมกับเดินไปนั่งเบียดเพื่อนที่โซฟา แล้วเงยหน้าขึ้นหาหนุ่มหน้านิ่งอย่างมาร์วินที่กำลังจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ “แล้วจะไปกินไหมเนี่ย ข้าวเที่ยง เดี๋ยวก็ไม่ได้แดกพอดี มีผ่าตัดต่อไม่ใช่ไง” “แล้วนั่นปากมึงไปโดนอะไรมา” เมย์เอ่ยถามมาร์วินเมื่อเห็นมุมปากเพื่อนแดงแจ๋เป็นแผล ต่อมความอยากรู้ก็เริ่มทำงาน “นี่อย่าบอกนะว่าพวกมึงไปดริ้งค์กันมาเมื่อคืน” นิ้วเรียวยาวชี้ไปมาสลับใส่เพื่อนผู้ชายทั้งสองคน เพราะสภาพแต่ละคนพังไม่เป็นท่า อีกคนปากแตก อีกคนสภาพศพตายซาก “เบาได้เบาไอ้เสือ เลขสามแล้ว” “อืม” มาร์วินดันตัวขึ้นจากเก้าอี้ทำงานพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อกาวน์สีขาวมาคลุมใส่แล้วหันไปพูดกับเมย์และศรัน “จะไปแดกไหมละข้าว บ่นเป็นแม่เลยเว้ย” “ไปดิ ก็รอมึงเนี่ย” “เออ ก็รอคุณมึงอ่ะ” “หมอแผนกอื่นนะเมาท์แหลกเลยว่าที่มึงได้รางวัลหมอหัวใจที่มีฝีมือดี เพราะเส้นสายแม่มึง” “พูดมั่วชิบหาย เพื่อนกูเก่งจากฝีมือ” “จริง แม่งพูดไม่ดูผลงาน” เสียงของศรันและเมย์พร่ำบ่น เมื่อมาร์วินโดนหมอแผนกอื่นว่า แต่ก็ทำไงได้ ในเมื่อคนมันเก่งจริง ๆ มาร์วินขึ้นชื่อว่าเป็นหมอหัวใจที่ฝีมือดีระดับต้น ๆ ของประเทศ เพราะกว่าจะมีวันนี้ได้ หนุ่มหล่อคนนี้ต้องใช้ความพยายามถึงขั้นขัดคำสั่งของตระกูลเพื่อมาเรียนหมอตามความฝันของตัวเอง “แต่ถ้าบอกว่าเพื่อนกูเจ้าชู้จะไม่เถียงซักคำ” “กูไม่ได้เจ้าชู้ กูแค่เอ็นดูสาว ๆ” มาร์วินคลี่ยิ้มอ่อน หย่อนก้นนั่งลงโต๊ะอาหารของโรงพยาบาล “พูดแบบนี้ ดูดีขึ้นมาหน่อยโน๊ะ” เมย์พูดแซวเพื่อนแล้วเดินไปสั่งอาหาร ทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ กระทั่งเรียนจบ วกวนไปเรียนเฉพาะทาง แล้วก็วนกลับมาทำงานที่เดียวกัน สองหนุ่มเสือผู้หญิง กับสาวสวยหมวยหนึ่ง เห็นแบบนี้มาร์วินกับศรันหวงเมย์จะตาย แต่ก็ไม่เคยคิดไม่ซื่อต่อกันนะ แต่มันจะมีสักวันไหมนะที่ผีจะผลักให้คนสองคนมันรักกัน กัดกันอยู่ได้ “แล้วเมื่อเช้าเข้าห้องผ่าตัด คนไข้เป็นไรมาวะ” ศรันถือชามก๋วยเตี๋ยววางบนโต๊ะพรางถามมาร์วิน เพราะแอบไปส่องมา เห็นว่าต้องเข้าห้องผ่าตัดด่วน “อุบัติเหตุรถยนต์ชนเสาไฟฟ้า หน้าอกกระแทกกับพวงมาลัย” “วันก่อนคนไข้มาแต่เช้าเหมือนกัน คนไข้ให้ประวัติว่าปวดร้าวที่ต้นแขนซ้ายบ่อย ๆ แต่ไม่ยอมมาหาหมอนะ คิดว่าคงเพราะนอนทับแขนตัวเอง ที่ตัดสินใจมาหาหมอเพราะหน้ามืด” “เลยให้พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้” “สรุปเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉย แต่เช้า...” มาร์วินตักข้าวคำโตใส่ปากด้วยความหิว นี่แหละชีวิตของการเป็นหมอทานข้าวไม่ตรงเวลา ถ้าวันไหนมีคนไข้ฉุกเฉินเข้ามาก็ต้องรีบไป ไม่ว่าจะกินข้าวอยู่หรือทำอะไรอยู่ก็ตาม ถ้าอยู่ภายในเวรรับผิดชอบก็ต้องรีบไป เพราะชีวิตคนไข้สำคัญที่สุด “แล้วคืนนี้มึงต้องอยู่เวรป่ะเนี่ย” เสียงของเมย์พูดขึ้นกลางโต๊ะอาหาร “อยู่ดิ ฝากหมอเวรตรวจแทนยังไม่ได้หรอก ต้องอยู่เฝ้าเอง ไว้เอาท่อช่วยหายใจออกค่อยว่ากัน”@อิตาลีภายในสวนจัดเลี้ยงวิวทะเลสาบหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในโลก “วันนี้เพื่อนฉันสวยที่สุด”ฮันน่าจับไหล่อันดาที่นั่งอยู่หน้ากระจกจากด้านหลัง อันดาสวยจนเธออดชมเพื่อนไม่ได้ เพราะชุดที่อันดาสวมใส่คือชุดเดรสเกาะอกสีขาว แต่งผ้าฉลุยลายดอกไม้ กระโปรงบอลกราวด์ฟูฟ่องราวกับเจ้าหญิง พร้อมกับที่ติดผมยองใยยาวระพื้น“ถึงเวลาแล้วค่ะคุณอันดา”เสียงสตาฟงานเดินเข้ามาพูดกับอันดา ก่อนเธอจะถอยเก้าอี้ยันกายลุกขึ้น แล้วเดินออกไปหน้าห้องแต่งตัวจับแขนชายมีอายุสูทเทาอ่อน ที่รักเธอดั่งแก้วตาดวงใจ“ลูกสาวพ่อ สวยมาก”วสุพูดเสียงสั่นน้ำตอคลอปราบปลื้ม กว่าลูกสาวจะมีวันนี้ได้ก็ผ่านความเจ็บช้ำมาไม่รู้กี่ครั้ง“ขอบคุณค่ะพ่อ วันนี้พ่อเท่มาก ๆ เลยค่ะ อันว่าตอนนี้แม่คงมองอันอยู่บนฟ้า”อันดาก้มลงมองสร้อยคอสีทองห้อยจี้ล็อกเกตรูปมณฑาแม่ของเธอที่เสียไป ก่อนน้ำตาจะไหลคลอเบ้า“ไม่ร้องนะ ถ้าแม่ยังอยู่แม่คงไม่อยากให้อันร้อง”วสุยื่นมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาลูกสาวแล้วพาอันดาเดินเข้าไปภายในงานจัดเลี้ยงเพลงบรรเลงในงานดังขึ้น สองขาเรียวก้าวเดินเข้าไปภายในงานมองมุมขวามีโต๊ะต้อนรับและถูกปูทับด้วยผ้าเนื้อดีสีขาวสะอาด ประดับประดาด้วยดอก
“พรุ่งนี้เช้าพ่อมีสัมมนากับคู่ค้า พ่ออยากให้อันดาไปด้วย ไปทั้งครอบครัวเราเลย จะถือโอกาสไปพักผ่อน”“อ่อ พ่อมีเรื่องจะคุยกับมาร์วินพอดี วันนี้ถ้ามาร์วินมาถึง อันบอกมาร์วินไปหาพ่อที่ห้องทำงานด้วยนะ”วสุบอกกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ก่อนจะเดินสาวเท้าไปที่ห้องทำงานชั้นสองของคฤหาสน์ริมทะเลสาบ สีหน้าท่าตาดูจริงจัง เธอไม่รู้หรอกว่าพ่อของเธอจะคุยอะไรกับมาร์วิน แต่ดูจากสีหน้าแล้วน่าจะเป็นเรื่องงานและธุระกิจของทางบ้าน“น้าเคทว่า พ่อจะคุยอะไรกับพี่มาร์วินคะ”อันดาเอ่ยถามเคทเสียงใส สองมือจับแป้งคุกกี้ใส่กระดาษไขรอเข้าเตาอบ“ทำไมละ เป็นห่วงมาร์วินหรอ”เคทคลี่ยิ้มมองหน้าลูกเลี้ยง พลางคิดในใจว่าลูกสาวคงจะเริ่มใจอ่อนให้มาร์วินบ้างแล้ว“ป่าวค่ะ อันแค่อยากรู้”คนปากไม่ตรงกับใจยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง“แม่ว่ามาร์วินเขาก็รักอันนะ แม่ว่าใจอ่อนให้เขาได้แล้วมั้ง ถือซะว่าทำเพื่อเจ้าตัวเล็ก”“จะเสียเชิงไหมละคะน้าเคท”“โถเอ๊ย อันดา”“ความรัก มันไม่มีใครเสียหน้าหรอกนะลูกอัน ถ้าเรายังอยากมีกันและกันต่อ ง้อก่อนไม่ได้แปลว่าเสียหน้า ไม่ได้แปลว่าเสียศักดิ์ศรีนะลูก ถ้าเรายังอยากมีกันและกันในชีวิตเราก็ต้องยอมลดอีโก้
“มาได้ยังไง รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน”มาร์วินขมวดคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่พาอันดาออกมาหน้าตึกร้าง เขาอดห่วงไม่ได้เลย เพราะตอนนี้คนที่เขารักสุดหัวใจกำลังร่วมอยู่ในอันตรายกับเขา“ทำไมไม่ออกอันแต่แรก ว่าทำไปเพราะอัน”เธอคิ้วขมวดจ้องหน้ามาร์วิน ขาเรียวสวยสาวก้าวตามร่างสูงแทบไม่ทัน“มึงจะหนีไปไหน”ธีร์เดินตามมาด้วยความเร็วแสง ดวงคมกริบตวัดหันไปมองแล้วใช้แขนแกร่งโอบร่างบางเอาไว้แล้วใช้เท้าถีบเต็มแรง“อย่าอยู่เลยมึงสองคน เอ๊ะ ไม่สิ สามคน”ธีร์แสยะยิ้ม ชี้ปลายปืนใส่ช่องท้องของอันดา“อย่าทำอะไรอันดานะ ถ้าแกจะทำ ทำฉันคนเดียว เธอไม่เกี่ยว”มาร์วินใช้มือประครองอันดาหลบไปด้านหลังแก่นกายของเขาแล้วพูดกับธีร์“อย่าทำอะไรมาร์วิน”นัยน์ตาใสแต่ดูดุร้ายของสาวสวย เธอไม่เพียงแค่พูด แต่เธอกลับดันแก่นกายมาร์วินให้หลบจากกระบอกปืน“ฮ่า ฮ่า ฮ่า รักกันดีจริง”ธีร์ตะเบ็งเสียงหัวเราะออกมาสุดเสียง แต่ทว่า อยู่ ๆ กลับมีแสงไฟอะไรบางอย่างส่องหน้าเขารถโรลส์รอยซ์สีแดงคันงามสองคันราคาราวสามสิบสองดอลลลาร์ แล่นเข้ามาด้วยความเร็วจอดหน้าตึกร้างสูงราวสิบชั้นของนักธุรกิจโรงแรมอย่างธีร์ ทันทีที่รถโรลส์รอยซ์สีแดงจอดสนิ
เวลาผ่านไปเกือบบ่ายโมงอันดาเตรียมตัวกลับบ้านเพราะอาการอ่อนเพลียดีขึ้นมากแล้ว“อันพอเดินไหวค่ะ”เธอคลี่ยิ้มน้อย ๆ ให้โอเว่นที่คอยพยุงเธอลุกขึ้นจากเตียง“คุณอาวสุติดประชุด พี่เลยอาสาพาอันดากลับบ้าน อันดาคงไม่ติดอะไรนะ”โอเว่นมองหน้าร่างบาง“อือ จริง ๆ อันให้ฮันน่าไปส่งก็ได้นะคะ อันเกรงใจ”“อ่อ ละนี่ฮันน่ายังไม่กลับมาอีกหรอ”โอเว่นเปลี่ยนประเด็นพูดเรื่องอื่น เขาก็ไม่ได้โง่พอที่จะมองไม่ออกว่าอันดารู้สึกยังไงกับเขา แต่ก็ยังพยายามต่อแกรก… ตึก!! เสียงฮันน่าเปิดประตูเข้ามาท่าทางรีบรน“อัน ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกแก”ฮันน่าเดินรี่เข้ามาหาร่างบางที่นั่งอยู่บนรถนั่ง เตรียมตัวกลับบ้าน“พรุ่งนี้ห้าโมงเย็น นาเดียร์มันนัดพี่มาร์วินไปเอาหลักฐานอะไรบางอย่าง แต่ฉันได้ยินมันคุยโทรศัพท์ ฉันว่ามันต้องมีแผนอะไรบางอย่าง”“หรือมันจะฆ่าพี่มาร์วิน”“แล้วทำไมเราต้องสนใจคนแบบนั้นด้วย จะเป็นจะตายก็เรื่องของเขา”“อัน แกอย่าทำเป็นหูหนวกตาบอดได้ไหม ฉันรู้นะว่าแกรักพี่เขาอยู่”“แล้วแกไม่คิดว่าฉันจะเจ็บแล้วจำบ้างหรอ”“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ กันก่อน อันไม่สนใจก็คือไม่สนใจไหมฮันน่า พี่ว่าไม่ต้องพูดถึงมันแล้วจะดีกว่า”
อันดานั่งมองถ้วยข้าวต้มกุ้งที่มาร์วินฝากกับมาร์ตินมาให้ที่โรงพยาบาลอยู่นานก่อนจะผินหน้าหันไปมองวิวตึกสูงของโรงพยาบาล พลางเอามือลูบหน้าท้องด้วยความอ่อนโยน“อันดา แล้วถ้าพี่เขาไม่ยอมหย่าแกจะทำยังไง”“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมกลายเป็นแบบนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนขอหย่าฉันเอง”อันดาคิ้วขมวดหันขวับไปพูดกับฮันน่า เธอส่งทนายของพ่อเธอไปทำเรื่องหย่าหลังจากขนของออกจากบ้านมาร์วินได้สองวัน แต่มาร์วินเองกลับเป็นฝ่ายที่ยังไม่ยอมเซ็นใบหย่ากับเธอ“ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าพี่เขายังมีสิทธิ์ในตัวลูกของแกนะ”“สาว ๆ ทำอะไรอยู่ครับ”โอเว่นเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับทักทายสองสาวในห้อง ในมือก็ถือของเปรี้ยวติดมือมาสองอย่าง“มาอีกละ งานการไม่ทำรึไง”ฮันน่าจิ๊ปากอย่างรำคาญเมื่อเห็นโอเว่นเปิดประตูเข้ามา“มะม่วงหรอคะ ขออันชิมได้ไหม”อันดามองถุงมะม่วงในมือโอเว่นกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนโอเว่นจะเดินไปจัดมะม่วงเปรี้ยวใส่จานมาให้“อร่อยไหม”เขาคลี่ยิ้มมองอันดาด้วยสายตาน่าเอ็นดูเมื่อเห็นเธอก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย“อร่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ”เธอคลี่ยิ้มน้อย ๆ ให้โอเว่น จริง ๆ แล้วโอเว่นก็นิสัยดีนะ แต่เพียงแค่ออกตัวแรงไปหน่อยฮ
“กรี๊ดด!! ช่วยพี่ด้วยค่ะ น้องอันดาเป็นลม” รินดากรี๊ดลั่นหน้าโต๊ะทำงานเมื่อเห็นอันดาทิ้งตัวล้มลงกับพื้น“โทรเรียกรถโรงบาลให้พี่ที ใครก็ได้ ตาย ๆ ทำไงดีเนี่ย”“อันดาเป็นอะไรครับพี่รินดา”“คุณโอเว่น คุณมาร์ติน น้องอันเป็นลมค่ะ หน้าซีดไปหมด”รินดามือไม้สั่น พูดไปรนไป มืิอค้นกระเป๋าหายาดมมาให้อันดาดมรอรถโรงพยาบาล ส่วนโอเว่นและมาร์ตินรีบอุ้มร่างบางไปส่งโรงพยาบาล วินาทีนี้ไม่มีใครมีใจรอรถโรงพยาบาลแล้ว“อันดาเป็นไงยังไงบ้าง เดี๋ยวแม่ต้องโทรหาคุณเคท”มัลลิกามาถึงหน้าห้องฉุกเฉินเอ่ยถามมาร์ตินหน้าตาตื่น“อันเป็นอะไรครับแม่”เสียงของมาร์วินถามมัลลิกา“มีสิทธิ์อะไรมาห่วง จะหย่าแล้วไม่ใช่หรอ”โอเว่นหันไปมองหน้าพี่ชายเอาเรื่องเหมือนกัน“จะหย่า แต่ยังไม่ได้หย่า”มาร์วินพูดสวนควันน้องชายคนเล็ก“ญาติคุณอันดาเชิญด้านนี่ค่ะ”เสียงพยาบาลห้องฉุกเฉินเดินออกมาเรียกญาติเข้าไปพบหมอเจ้าของไข้ภายในห้องฉุกเฉิน โอเว่นและมาร์วินรีบก้าวเดินเบียดกันจะเข้าห้องฉุกเฉิน“ไม่ต้องไปทั้งคู่ แม่เข้าไปเอง กัดกันได้ตลอด”มัลลิกาพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาลูกชายทั้งสองคนต้องหยุดกัดกัน “แม่ให้ผมไปด้วย”มาร์วินรีบเดินตามมัลลิกาเ