“นี่อันดา วันนี้กลุ่มแพรวชวนไปฉลองเรียนจบอ่ะ เราไปกันไหม” สองสาวเดินควงแขนกันเดินเข้าร้านคาเฟ่แถวมหาวิทยาลัย
“วันนี้เลยหรอ?”อันดาหันหน้าไปถามฮันน่าเพื่อนของเธอที่เดินมาด้วยกัน “อือ น่านะ ไปเถอะนะ นาน ๆ ที”ฮันน่ามองหน้าสายตาอ้อนวอนรอคำตอบว่าเพื่อนจะตอบแบบไหน “…” “นาน ๆ ที นี่เราเรียนจบละด้วย ไม่มีโอกาสได้เจอกันบ่อย ๆ แล้วนะ” “อือ อือ ก็ได้ ไปก็ได้”อันดาพยักหน้างึมงัมตอบเพื่อนของเธอ ก่อนจะหยิบจับไอแพดขึ้นมาใช้นิ้วชี้เลื่อนหาที่สมัครงานหลังจากเรียนจบ “ทำไมต้องหาที่สมัครงานอ่ะแก” “ไม่ทำงานที่บริษัทพ่อหรอ ทำไมต้องหาสมัครงานที่อื่นด้วยอ่ะ”ฮันน่าถามอันดาด้วยความสงสัย มือหยิบหลอดดูดส่งเข้าปากชิมเมนูใหม่ของร้าน “จริง ๆ ก็อยากจะทำนะ แต่ก็อยากลองไปหาประสบการณ์ที่อื่นก่อน” “อือ อือ อื้อ”ฮันน่าเปล่งเสียงในลำคอในขณะที่กำลังดูดน้ำลงคอ “เดี๋ยวสำลักหรอก” “ที่นี่ไหม บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่เลย จะได้เรียนรู้ มาต่อยอดบริษัทพ่อของแกไง”ฮันน่าดึงไอแพดจากตรงหน้าอันดา จิ้มกดค้นหาชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝัน [เอสพีเค เฮ้าส์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์และส่งออกเฟอร์นิเจอร์ระดับประเทศ] “เป็นไง” “โห จะไหวหรอฮันน่า”เธอคิ้วขมวดมองหน้าจอไอแพด และอ่านชื่อบริษัทที่ฮันน่ายื่นให้อ่่าน จริงอยู่ที่บริษัทพ่อของเธอทำอสังหาริมทรัพย์แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรขนาดนี้ “จะโดนข้อหาไปล้วงความลับเขาไหมเนี่ย” “คิดมาก เขาไม่สืบทั้งตระกูลหรอก” “นี่ไง รับสมัครอินทีเรียดีไซน์ เอาดิ ลองดู เดี๋ยวสมัครให้เลย” “จะดีหรอ” “ดีสิ ใคร ๆ ก็อยากทำงานที่นี่กันทั้งนั้น” “...” “ลองก่อน” “อืม”อันดาจิ๊ปากลังเล “โอเค เดี๋ยวลองสมัครดูก็ได้”อันดาก้มหน้าลงมองจอกรอกใบสมัครผ่านหน้าเว็บ “ละแกไม่สมัครด้วยกันหรอฮันน่า”อันดาหันไปถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน “แฮ่ ๆ ไม่อ่ะ ขอทำงานที่บริษัทป๊าดีกว่า ขี้เกียจจะปรับตัวอ่ะ”ฮันน่าหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา จะว่าไปบ้านฮันน่าทำธุระกิจเกี่ยวกับรีสอร์ต รายนี้ไม่ทำงานก็นั่งกินนอนกินได้ทั้งชาติแล้ว “โอเค ไว้ถ้าเปลี่ยนใจก็สมัครไปด้วยกันนะ จะได้ทำงานที่เดียวกัน”อันดาคลี่ยิ้มหวาน ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยมีเพื่อนเลย จนเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เคทและวสุพ่อของเธอก็ส่งเข้าโรงเรียนนานาชาติ และมาเจอฮันน่านี่แหละที่เข้ามาเป็นเพื่อนกัน แล้วก็มีกันแค่สองคนจนถึงปีสี่ ติ๊ง!!! “หึ เสียงข้อความอะไรเข้า”นิ้วเรียวจิ้มกดเข้าดูอีเมลก่อนจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความดีใจ ทำเอาฮันน่าที่นั่งอยู่สะดุ้งตกใจเกือบจะสำลักน้ำพุ่งออกจากปาก อันดาได้รับข้อความจากเอสพีเคเฮ้าส์ ที่เธอพึ่งกรอกใบสมัครส่งไปไม่ถึงสามสิบนาที “โชคดีของนังอันแท้ ๆ ”อันดาแหงนหน้า หยิบกระดาษขึ้นมาตบใส่หน้าตัวเอง สมมติว่าเรียกโชคลาก “งั้นวันนี้ต้องไปฉลอง”ฮันน่ายิ้มดีใจ เอียงหน้ามองอันดา เมื่อได้รับข้อความตอบกลับนัดสัมภาษณ์งานกับบริษัทที่เธอแนะนำ “แค่นัดสัมภาษณ์เอง ไม่ได้รับเข้าทำงาน” “นัดสัมภาษณ์ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งละไหม”ฮันน่ากระตุกยิ้ม ถึงจะแค่นัดสัมภาษณ์แต่เธอเชื่อว่าเพื่อนของเธอต้องผ่านแน่นอน เพราะอันดาได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยแหละ “แต่อีกใจฉันก็อยากจะทำงานกับพ่อนะ แต่ใจก็อยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ”เธอตักเค้กเข้าปากคำโต ลังเลเป็นวัยทองสองใจ ก่อนจะหยิบหลอดส่งเข้าปาก อันดาชอบทำอะไรตามใจตัวเอง แต่เธอเป็นคนที่มุ่งมั่นกับสิ่งที่เธอจะทำ ถึงแม้พ่อของเธอจะชอบมองว่าเธอเป็นเด็กตลอดเวลา แต่อย่าลืมว่าเด็กคนนี้ตอนอยู่กับแม่ เธอก็ใจสู้ไม่แพ้ใคร “อ้าว!! ฮันน่ามาทำอะไรที่นี่” ศรันเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องในตระกูลเดียวกันกับเขา ก่อนจะชะงักหันไปเล่นหูเล่นตาใส่สาวสวยที่นั่งอยู่ข้างๆฮันน่า “สวย เพื่อนหรอสวยนะเนี่ย มีแฟนยังจ๊ะ”ศรันยิ้มเจ้าเล่ห์ แซวอันดาตามประสาหนุ่มเจ้าชู้หูไวตาไว “…” อันดาคลี่ยิ้มให้ศรันตามมารยาท “ฮ่าๆ หยุดๆ ๆ เลยนะคะพี่รัน คนนี้ห้ามยุ่งเลยนะคะ”ฮันน่ายกนิ้วชี้ส่ายไปส่ายมาเป็นเชิงว่าไม่ให้ยุ่ง “ว่าแต่พี่รันมาทำไรแถวนี้นะคะ อะไรหอบพี่รันมา ปกติเห็นไปเที่ยวแต่ร้านเหล้า”สาวน้อยยกคิ้วถามศรันอีกครั้ง “นี่แหน่!! นัดกับเด็กไว้ ไม่ต้องยุ่งเลย”ศรันใช้นิ้วดีดหน้าผากฮันน่าเบา ๆ กลั้นแกล้ง จากนั้นก็เดินไปสั่งเมนูของหวานที่เคาน์เตอร์กับพนักงานในร้าน “นี่ ๆ คนนี้พี่ศรัน เป็นหมอ แต่เจ้าชู้มาก ลูกชายป้าฉันเอง วันนั้นที่งานประมูลอ่ะเห็นไหม ที่นั่งอยู่ข้างคนหล่อคนนั้น ที่ประมูลบ้านไปได้อ่ะ”ฮันน่าพูดตามที่เห็น กลัวเพื่อนจะตกหลุมพลางคำหวานของศรัน แต่ก็ใช่ว่าอันดาจะมองใครง่าย ๆ จนคนในคณะก็ต่างคิดว่าฮันน่ากับอันดาคบกันซะเอง “อ่อ ๆ จำได้ คนที่ฉันบอกว่า เจ้าชู้เงียบ” @ร้านอาหารกึ่งบาร์ ครั้งแรกที่อันดาตัดสินใจมาฉลองตามคำชวนของฮันน่าและแพรว กลุ่มเพื่อนร่วมคณะ เนื่องในโอกาสพิเศษ จบการศึกษาเลยมาเลี้ยงส่งกัน “เจอกันอีกแล้วนะคนสวย”ศรันเดินถือแก้วเหล้าเดินเข้ามาปาดหน้าสาวสวยอย่างอันดาพร้อมกับมาร์วินที่ทำหน้าตาเก๊กไม่พูดไม่จา อันดาพยักหน้ารับแล้วคลี่ยิ้มหวานส่งให้ศรัน ทำเอาอีกฝ่ายเสียหลักไม่เป็นท่า “ชุดนี้บาดใจพี่ยิ่งนัก ต่างกับที่เจออยู่คาเฟ่” อันดาไม่พูดอะไรต่อ เธอเดินงุนไปที่โต๊ะอาหารหากลุ่มเพื่อน มองบรรยากาศรอบ ๆ แล้วที่นี่น่าจะเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ พอถึงโต๊ะกลุ่มเพื่อน แพรวก็จัดการสั่งอาหารไว้รอแล้วเรียบร้อย แทบไม่ต้องสั่งอะไรมาเพิ่มอีกเลย “อ้าวอันดา มาแล้วหรอ ฮันน่าละ”แพรวเงยหน้ามองเพื่อนเริ่มคณะที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะ “น่าจะกำลังตามมานะ เห็นบอกรถติดหนะ” “มาแล้ว มาแล้ว นี่ลงจากรถป๊าละจ้างพี่วินแว้นมาเลยนะ กลัวเมาไม่ทันเพื่อน”ฮันน่าเดินรี่มาที่โต๊ะ “เห้ย นั่น พี่รันหนิ เจอทุกวันเลยช่วงนี้” ใบหน้าพริ้มเพราเงยขึ้น แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้สบตากับใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์บาร์ ก่อนเธอจะหลบสายตาเบนมองไปทางอื่นทำเป็นไม่สนใจ @ด้านมาร์วิน “สวยอ่ะดิ”ศรันยิ้มยกมุมปากพูดขึ้นลอย ๆ เมื่อเห็นมาร์วินเอาแต่จ้องมองไปทางโต๊ะกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ “อยากมีหมาเด็กเป็นของตัวเองป่าวค้าบ” “ไร้สาระ เด็กจบใหม่จะสู้ไซด์ไลน์ได้ไง”@อิตาลีภายในสวนจัดเลี้ยงวิวทะเลสาบหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในโลก “วันนี้เพื่อนฉันสวยที่สุด”ฮันน่าจับไหล่อันดาที่นั่งอยู่หน้ากระจกจากด้านหลัง อันดาสวยจนเธออดชมเพื่อนไม่ได้ เพราะชุดที่อันดาสวมใส่คือชุดเดรสเกาะอกสีขาว แต่งผ้าฉลุยลายดอกไม้ กระโปรงบอลกราวด์ฟูฟ่องราวกับเจ้าหญิง พร้อมกับที่ติดผมยองใยยาวระพื้น“ถึงเวลาแล้วค่ะคุณอันดา”เสียงสตาฟงานเดินเข้ามาพูดกับอันดา ก่อนเธอจะถอยเก้าอี้ยันกายลุกขึ้น แล้วเดินออกไปหน้าห้องแต่งตัวจับแขนชายมีอายุสูทเทาอ่อน ที่รักเธอดั่งแก้วตาดวงใจ“ลูกสาวพ่อ สวยมาก”วสุพูดเสียงสั่นน้ำตอคลอปราบปลื้ม กว่าลูกสาวจะมีวันนี้ได้ก็ผ่านความเจ็บช้ำมาไม่รู้กี่ครั้ง“ขอบคุณค่ะพ่อ วันนี้พ่อเท่มาก ๆ เลยค่ะ อันว่าตอนนี้แม่คงมองอันอยู่บนฟ้า”อันดาก้มลงมองสร้อยคอสีทองห้อยจี้ล็อกเกตรูปมณฑาแม่ของเธอที่เสียไป ก่อนน้ำตาจะไหลคลอเบ้า“ไม่ร้องนะ ถ้าแม่ยังอยู่แม่คงไม่อยากให้อันร้อง”วสุยื่นมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาลูกสาวแล้วพาอันดาเดินเข้าไปภายในงานจัดเลี้ยงเพลงบรรเลงในงานดังขึ้น สองขาเรียวก้าวเดินเข้าไปภายในงานมองมุมขวามีโต๊ะต้อนรับและถูกปูทับด้วยผ้าเนื้อดีสีขาวสะอาด ประดับประดาด้วยดอก
“พรุ่งนี้เช้าพ่อมีสัมมนากับคู่ค้า พ่ออยากให้อันดาไปด้วย ไปทั้งครอบครัวเราเลย จะถือโอกาสไปพักผ่อน”“อ่อ พ่อมีเรื่องจะคุยกับมาร์วินพอดี วันนี้ถ้ามาร์วินมาถึง อันบอกมาร์วินไปหาพ่อที่ห้องทำงานด้วยนะ”วสุบอกกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ก่อนจะเดินสาวเท้าไปที่ห้องทำงานชั้นสองของคฤหาสน์ริมทะเลสาบ สีหน้าท่าตาดูจริงจัง เธอไม่รู้หรอกว่าพ่อของเธอจะคุยอะไรกับมาร์วิน แต่ดูจากสีหน้าแล้วน่าจะเป็นเรื่องงานและธุระกิจของทางบ้าน“น้าเคทว่า พ่อจะคุยอะไรกับพี่มาร์วินคะ”อันดาเอ่ยถามเคทเสียงใส สองมือจับแป้งคุกกี้ใส่กระดาษไขรอเข้าเตาอบ“ทำไมละ เป็นห่วงมาร์วินหรอ”เคทคลี่ยิ้มมองหน้าลูกเลี้ยง พลางคิดในใจว่าลูกสาวคงจะเริ่มใจอ่อนให้มาร์วินบ้างแล้ว“ป่าวค่ะ อันแค่อยากรู้”คนปากไม่ตรงกับใจยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง“แม่ว่ามาร์วินเขาก็รักอันนะ แม่ว่าใจอ่อนให้เขาได้แล้วมั้ง ถือซะว่าทำเพื่อเจ้าตัวเล็ก”“จะเสียเชิงไหมละคะน้าเคท”“โถเอ๊ย อันดา”“ความรัก มันไม่มีใครเสียหน้าหรอกนะลูกอัน ถ้าเรายังอยากมีกันและกันต่อ ง้อก่อนไม่ได้แปลว่าเสียหน้า ไม่ได้แปลว่าเสียศักดิ์ศรีนะลูก ถ้าเรายังอยากมีกันและกันในชีวิตเราก็ต้องยอมลดอีโก้
“มาได้ยังไง รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน”มาร์วินขมวดคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่พาอันดาออกมาหน้าตึกร้าง เขาอดห่วงไม่ได้เลย เพราะตอนนี้คนที่เขารักสุดหัวใจกำลังร่วมอยู่ในอันตรายกับเขา“ทำไมไม่ออกอันแต่แรก ว่าทำไปเพราะอัน”เธอคิ้วขมวดจ้องหน้ามาร์วิน ขาเรียวสวยสาวก้าวตามร่างสูงแทบไม่ทัน“มึงจะหนีไปไหน”ธีร์เดินตามมาด้วยความเร็วแสง ดวงคมกริบตวัดหันไปมองแล้วใช้แขนแกร่งโอบร่างบางเอาไว้แล้วใช้เท้าถีบเต็มแรง“อย่าอยู่เลยมึงสองคน เอ๊ะ ไม่สิ สามคน”ธีร์แสยะยิ้ม ชี้ปลายปืนใส่ช่องท้องของอันดา“อย่าทำอะไรอันดานะ ถ้าแกจะทำ ทำฉันคนเดียว เธอไม่เกี่ยว”มาร์วินใช้มือประครองอันดาหลบไปด้านหลังแก่นกายของเขาแล้วพูดกับธีร์“อย่าทำอะไรมาร์วิน”นัยน์ตาใสแต่ดูดุร้ายของสาวสวย เธอไม่เพียงแค่พูด แต่เธอกลับดันแก่นกายมาร์วินให้หลบจากกระบอกปืน“ฮ่า ฮ่า ฮ่า รักกันดีจริง”ธีร์ตะเบ็งเสียงหัวเราะออกมาสุดเสียง แต่ทว่า อยู่ ๆ กลับมีแสงไฟอะไรบางอย่างส่องหน้าเขารถโรลส์รอยซ์สีแดงคันงามสองคันราคาราวสามสิบสองดอลลลาร์ แล่นเข้ามาด้วยความเร็วจอดหน้าตึกร้างสูงราวสิบชั้นของนักธุรกิจโรงแรมอย่างธีร์ ทันทีที่รถโรลส์รอยซ์สีแดงจอดสนิ
เวลาผ่านไปเกือบบ่ายโมงอันดาเตรียมตัวกลับบ้านเพราะอาการอ่อนเพลียดีขึ้นมากแล้ว“อันพอเดินไหวค่ะ”เธอคลี่ยิ้มน้อย ๆ ให้โอเว่นที่คอยพยุงเธอลุกขึ้นจากเตียง“คุณอาวสุติดประชุด พี่เลยอาสาพาอันดากลับบ้าน อันดาคงไม่ติดอะไรนะ”โอเว่นมองหน้าร่างบาง“อือ จริง ๆ อันให้ฮันน่าไปส่งก็ได้นะคะ อันเกรงใจ”“อ่อ ละนี่ฮันน่ายังไม่กลับมาอีกหรอ”โอเว่นเปลี่ยนประเด็นพูดเรื่องอื่น เขาก็ไม่ได้โง่พอที่จะมองไม่ออกว่าอันดารู้สึกยังไงกับเขา แต่ก็ยังพยายามต่อแกรก… ตึก!! เสียงฮันน่าเปิดประตูเข้ามาท่าทางรีบรน“อัน ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกแก”ฮันน่าเดินรี่เข้ามาหาร่างบางที่นั่งอยู่บนรถนั่ง เตรียมตัวกลับบ้าน“พรุ่งนี้ห้าโมงเย็น นาเดียร์มันนัดพี่มาร์วินไปเอาหลักฐานอะไรบางอย่าง แต่ฉันได้ยินมันคุยโทรศัพท์ ฉันว่ามันต้องมีแผนอะไรบางอย่าง”“หรือมันจะฆ่าพี่มาร์วิน”“แล้วทำไมเราต้องสนใจคนแบบนั้นด้วย จะเป็นจะตายก็เรื่องของเขา”“อัน แกอย่าทำเป็นหูหนวกตาบอดได้ไหม ฉันรู้นะว่าแกรักพี่เขาอยู่”“แล้วแกไม่คิดว่าฉันจะเจ็บแล้วจำบ้างหรอ”“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ กันก่อน อันไม่สนใจก็คือไม่สนใจไหมฮันน่า พี่ว่าไม่ต้องพูดถึงมันแล้วจะดีกว่า”
อันดานั่งมองถ้วยข้าวต้มกุ้งที่มาร์วินฝากกับมาร์ตินมาให้ที่โรงพยาบาลอยู่นานก่อนจะผินหน้าหันไปมองวิวตึกสูงของโรงพยาบาล พลางเอามือลูบหน้าท้องด้วยความอ่อนโยน“อันดา แล้วถ้าพี่เขาไม่ยอมหย่าแกจะทำยังไง”“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมกลายเป็นแบบนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนขอหย่าฉันเอง”อันดาคิ้วขมวดหันขวับไปพูดกับฮันน่า เธอส่งทนายของพ่อเธอไปทำเรื่องหย่าหลังจากขนของออกจากบ้านมาร์วินได้สองวัน แต่มาร์วินเองกลับเป็นฝ่ายที่ยังไม่ยอมเซ็นใบหย่ากับเธอ“ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าพี่เขายังมีสิทธิ์ในตัวลูกของแกนะ”“สาว ๆ ทำอะไรอยู่ครับ”โอเว่นเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับทักทายสองสาวในห้อง ในมือก็ถือของเปรี้ยวติดมือมาสองอย่าง“มาอีกละ งานการไม่ทำรึไง”ฮันน่าจิ๊ปากอย่างรำคาญเมื่อเห็นโอเว่นเปิดประตูเข้ามา“มะม่วงหรอคะ ขออันชิมได้ไหม”อันดามองถุงมะม่วงในมือโอเว่นกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนโอเว่นจะเดินไปจัดมะม่วงเปรี้ยวใส่จานมาให้“อร่อยไหม”เขาคลี่ยิ้มมองอันดาด้วยสายตาน่าเอ็นดูเมื่อเห็นเธอก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย“อร่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ”เธอคลี่ยิ้มน้อย ๆ ให้โอเว่น จริง ๆ แล้วโอเว่นก็นิสัยดีนะ แต่เพียงแค่ออกตัวแรงไปหน่อยฮ
“กรี๊ดด!! ช่วยพี่ด้วยค่ะ น้องอันดาเป็นลม” รินดากรี๊ดลั่นหน้าโต๊ะทำงานเมื่อเห็นอันดาทิ้งตัวล้มลงกับพื้น“โทรเรียกรถโรงบาลให้พี่ที ใครก็ได้ ตาย ๆ ทำไงดีเนี่ย”“อันดาเป็นอะไรครับพี่รินดา”“คุณโอเว่น คุณมาร์ติน น้องอันเป็นลมค่ะ หน้าซีดไปหมด”รินดามือไม้สั่น พูดไปรนไป มืิอค้นกระเป๋าหายาดมมาให้อันดาดมรอรถโรงพยาบาล ส่วนโอเว่นและมาร์ตินรีบอุ้มร่างบางไปส่งโรงพยาบาล วินาทีนี้ไม่มีใครมีใจรอรถโรงพยาบาลแล้ว“อันดาเป็นไงยังไงบ้าง เดี๋ยวแม่ต้องโทรหาคุณเคท”มัลลิกามาถึงหน้าห้องฉุกเฉินเอ่ยถามมาร์ตินหน้าตาตื่น“อันเป็นอะไรครับแม่”เสียงของมาร์วินถามมัลลิกา“มีสิทธิ์อะไรมาห่วง จะหย่าแล้วไม่ใช่หรอ”โอเว่นหันไปมองหน้าพี่ชายเอาเรื่องเหมือนกัน“จะหย่า แต่ยังไม่ได้หย่า”มาร์วินพูดสวนควันน้องชายคนเล็ก“ญาติคุณอันดาเชิญด้านนี่ค่ะ”เสียงพยาบาลห้องฉุกเฉินเดินออกมาเรียกญาติเข้าไปพบหมอเจ้าของไข้ภายในห้องฉุกเฉิน โอเว่นและมาร์วินรีบก้าวเดินเบียดกันจะเข้าห้องฉุกเฉิน“ไม่ต้องไปทั้งคู่ แม่เข้าไปเอง กัดกันได้ตลอด”มัลลิกาพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาลูกชายทั้งสองคนต้องหยุดกัดกัน “แม่ให้ผมไปด้วย”มาร์วินรีบเดินตามมัลลิกาเ