โมเอิร์นกวาดสายตามองทุกคนในห้องกระทั่งสะดุดกับสายตาคมคู่หนึ่งดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นเท้าเล็กหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเบนหน้าหนีปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แล้วรีบเดินไปนั่งลงข้างผู้เป็นพ่อ
“มาแล้วหรอ” แบล็คเอ่ยขึ้นยิ้มๆ พร้อมยกท่อนแขนโอบไหล่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาไว้ด้วยความรักและเอ็นดู
“ฝีมือป๊าใช่มั้ยคะ?” เสียงหวานกระซิบถามในสิ่งที่เธอสงสัย
“ลูกดื้อกับป๊าก่อนครับ...สวัสดีปู่ไซซีก่อนสิ”
“สวัสดีค่ะปู่ไซซี” โมเอิร์นเอ่ยทักทายตามคำบอกอย่างว่าง่าย ขืนฉันยังดื้อดึงเกิดโดนยึดรถขึ้นมาคืนนี้คงไปเที่ยวลำบาก
“ไหว้พระเถอะลูก...นี่ เซนโซ่ว่าที่คู่หมั้นของหนู”
“ห๊ะ! อะไรนะคะ” ร่างบางลุกพรวดพราดร้องตะโกนด้วยความตกใจเมื่อได้ยินไซซีพูดแนะนำอย่างนั้น ‘เจอเขาที่นี่ว่าบังเอิญมากแล้ว แต่เขาดันเป็นคู่หมั้นฉันเนี่ยนะ ตายๆๆ'
“โมเบาๆสิลูก นั่งลงก่อน” แบล็คหน้าหดเหลือสองนิ้ว มือสากมีริ้วรอยตามวัยรั้งลูกสาวนั่งลงบนโซฟาเช่นเดิม ใบหน้าคมคายเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด กลัวว่าลูกสาวจะแผลงฤทธิ์ให้อีกฝ่ายได้เห็นจนไม่กล้าเกี่ยวดอง โฬมเองถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับหวังอย่างยิ่งว่าหลานสาวเพียงคนเดียวจะไม่ทำให้เสียหน้าเป็นครั้งที่สอง
“เอาน่าแบล็ค อาเข้าใจหนูโม เด็กสองคนไม่เคยเห็นหน้าคาดตากันมาก่อน เอาอย่างนี้ดีมั้ยลองให้เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันซักสองสามวันค่อยหมั้น”
“สามวัน!!” โมเอิร์นร้องตะโกนออกมาอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู อะไรกันทำไมมันเร่งรัดแบบนี้
“โมเอิร์น!หลานไม่ควรเสียมารยาทกับปู่ไซ!” โฬมเอ่ยดุ หากเขายังนั่งดูดายต่อไปคงมองหน้าเพื่อนไม่ติด
“ขอโทษค่ะ ก็โมตกใจนี่คะ”
“เอาตามนั้นไอ้ไซกูเห็นด้วย สามวันนี้ให้โมเอิร์นย้ายไปอยู่กับโซ่ได้เลย...ยังไงปู่ฝากดูแลน้องด้วยนะ” ประโยคแรกโฬมบอกเพื่อนรัก ประโยคถัดมาเอ่ยบอกว่าที่หลานเขย
“ครับ” เซนโซ่ตอบรับด้วยใบหน้าเรียบนิ่งปรายตามองหญิงสาวเล็กน้อยไม่แสดงท่าทีใดออกมา
“ป๊าฝากดูน้องด้วยนะโซ่”
“ได้ครับ”
“โมโตแล้วค่ะป๊า ดูแลตัวเองได้” ร่างบางไม่วายเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ด้วยนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจ ‘คอยดูเถอะ แม่จะเล่นงานให้รีบพามาส่งไม่ทันเลย’ โมเอิร์นคิดในใจ ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มร้ายอย่างลืมตัวเผลอคิดดังจนผู้เป็นพ่อสังเกตได้
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว ถ้ายังอยากได้บัตรเครดิตคืน” แบล็คเอ่ยคาดโทษลูกสาวราวกับล่วงรู้ความคิดของเธอ เขาฟูมฟักเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ทำไมจะดูไม่ออกว่าลูกสาวคิดจะทำอะไร
“ป๊าอ่ะ~” ร่างบางยู่หน้าให้ด้วยท่าทีเง้างอนอย่างที่ชอบทำ เรียกรอยยิ้มจากทุกคนในห้องได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่เซนโซ่เขาทำเพียงนั่งมองนิ่งๆเท่านั้น
“ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวสิ คืนนี้หนูต้องย้ายไปอยู่กับพี่เขา”
“จิ๊!” เสียงจิ๊จ๊ะดังจากปากบาง โมเอิร์นดันตัวลุกขึ้นเดินปึงปังออกจากห้องรับแขกขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้านเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวพร้อมกับปิดประตูเสียงดังปึง
“เฮ้ออ...น้องค่อนข้างดื้อ โซ่ต้องอดทนหน่อยนะ” แบล็คถอนหายใจพรืดใหญ่ ธุรกิจที่เคยมีปัญหาก็ยังไม่ทำให้เขาปวดหัวได้เท่านี้
“ไม่ต้องห่วงครับอาแบล็ค”
“อา เออ อะไรกันเรียกป๊าได้แล้ว”
“ครับป๊า”
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง โมเอิร์นก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย ก็เห็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรวมทั้งว่าที่คู่หมั้นยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
“เสร็จแล้วใช่มั้ยลูก พรุ่งนี้ป๊าจะส่งคนไปเก็บของที่คอนโดให้” แบล็คเอ่ยบอก พลางมองชุดที่ลูกสาวสวมใส่แต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรเพราะวันนี้ถือว่าเธอยังเชื่อฟังอยู่บ้าง
“ไม่ต้องค่ะป๊าโมไปเก็บเองได้...ไปกันเลยมั้ยคะ”
“ไอ้โฬมกูกลับก่อนนะ เด็กๆจะได้กลับพร้อมกันเลย”
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายร่ำลากัน ไซซีขึ้นรถโดยมีเลขาเปิดประตูให้ ส่วนเซนโซ่กับโมเอิร์นแยกไปยังรถอีกคันที่มีจิมเป็นคนขับ
“ไปไหนต่อครับนาย” จิมเอ่ยถามคนเป็นเจ้านายนั่งเบาะด้านหลัง ทันทีที่เห็นใบหน้าหญิงสาวว่าที่คู่หมั้นเจ้านาย งานสืบประวัติที่เขากลัดกลุ้มมาตลอดทั้งวันก็คลายความสงสัยลง แท้จริงแล้วเธอเป็นลูกสาวมาเฟียนี่เองไม่แปลกที่มาเฟียใหญ่อย่างแบล็ค จะเก็บงำประวัติส่วนตัวลูกสาวเอาไว้ ไม่ให้คนนอกสืบรู้เพื่อความปลอดภัย
“คลับ”
ภายในรถเกิดความเงียบขึ้นไม่มีใครพูดอะไรอีก รถคันหรูขับไปบนถนนด้วยความเร็ว โมเอิร์นเลื่อนมือบางหยิบโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมากดส่งข้อความหาใครบางคน พลางกวาดสายมองข้างทางเพื่อดูพิกัดตัวเองแล้วกดปิดหน้าจอ
“นายคงไม่คิดว่าฉันจะไปอยู่ด้วยจริงๆใช่มั้ย” เสียงหวานเอ่ยทำลายความเงียบภายในรถ ใบหน้าสวยหันมองชายหนุ่มนั่งข้างกัน
“...”
“ฉันอยู่ในที่ของฉัน ส่วนนายก็อยู่ในที่ของนายต่างคนต่างอยู่ตกลงตามนี้ จอดรถ!ฉันจะลง” โมเอิร์นร่ายยาวให้อีกฝ่ายรับรู้ความต้องการอย่างตรงไปตรงมาและไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
จิมมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังเพื่อขอความเห็น เมื่อเซนโซ่พยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ มือสากจึงเปิดไฟเลี้ยวหมุนพวงมาลัยขับรถเข้าจอดข้างทาง ห่างออกไปไม่มากนักมีรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ ทันทีที่รถจอดสนิทโมเอิร์นเปิดประตูก้าวลงจากรถเดินไปยังรถอีกคัน เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ
“รอนานมั้ย”
“ไม่นานย่ะ…ไปกันเลยนะฉันอยากดื่ม ป่านนี้ยัยนิวคงถึงแล้ว” พะแพงเอ่ยบอกด้วยท่าทีหยอกล้อ ก่อนหน้านี้โมเอิร์นส่งโลเคชั่นให้เธอมาดักรอเพื่อพาไปนั่งดื่มที่ผับหลังมหาลัย
อีกด้าน...
“นายจะปล่อยเธอไปจริงๆหรอครับ ผมเกรงว่า....”
“ไปสืบมาว่ารถใคร? ส่งคนตามดูห่างๆอย่าให้รู้ตัว”
“ครับนาย” จิมทำหน้าที่ขับรถกระทั่งถึงคลับจึงแยกตัวออกไปสืบหาตามคำสั่ง
ร่างสูงดูดีก้าวเดินผ่านประตูเข้าออกด้านหลังสำหรับผู้บริหารและคนสนิทเท่านั้น สองเท้าหนาก้าวเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวเพื่อสะสางเอกสารคั่งค้าง ตลอดทางเดินการ์ดที่ยืนปฏิบัติหน้าที่ต่างโค้งศีรษะทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน
ร่างบางจมอยู่กับความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็น เซนโซ่ลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ“โมเอิร์น”“คะ?”“แต่งงานกับพี่นะ”ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหูดับไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง สายตาทอดมองไปยังวิวเมืองยามค่ำคืน คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือให้ เป็นเวลาเดียวกับโมเอิร์นได้สติกลับคืน หันมาหาชายหนุ่มมองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว“แต่งงานกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง“เอ่อ...คือ” ร่างบางอึกอักไม่ตอบรับด้วยความสับสน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยคงต้องรอถามความเห็นผู้เป็นพ่อกับปู่เสียก่อน แต่จะว่าไปท่านทั้งสองคงไม่ขัดอะไรในเมื่อเห็นชอบให้เธอหมั้นหมายตั้งแต่แรก“ว่าไงครับ?” รอยยิ้มที่เคยมีบัดนี้จืดจางลงเพราะเริ่มไม่มั่นใจกับคำตอบของสาวเจ้า กล
ปึก!มือบางปิดแฟ้มงานกระแทกลงบนพื้นโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดกำลังก่อตัวขึ้น คิดไม่ตกหากสิ่งที่คิดเป็นความจริง“โมให้เวลาแค่คืนนี้ถ้าไม่กลับมาหรือยังติดต่อไม่ได้ เราสองคนก็ทางใครทางมัน” เสียงหวานบ่นพึมพำ พลางเก็บของบนโต๊ะ สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังห้อง เวลานี้คลับปิดให้บริการยี่สิบนาทีแล้ว โมเอิร์นจึงตัดสินใจกลับไปรอที่เพนท์เฮาส์โดยมีจิมขับรถมาส่งร่างบางระหงในชุดเดรสพอดีตัวสีแดงเลือดนกยืนมองตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้นที่ลิฟท์สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนตัวผ่านอย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงจุดหมายปลายทางประตูเปิดออกกว้าง สองเท้าเล็กก้าวเดินเข้ามาในโถง แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะไฟภายในห้องไม่เปิดอัตโนมัติเช่นเคย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยแต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ ‘ระบบไฟมีปัญหางั้นหรอ’ คิดได้อย่างนั้นมือเล็กเลื่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า“อุ้ย!ปล่อยฉัน!” โมเอิร์นสะดุ้งเฮือก จู่ๆก็มีมือปริศนาโอบกอดเอวบางจากทางด้านหลัง แต่ทว่าสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยทำให้เธอรู้ได
“แบบไหนคะ อื้อ...” ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กสงสัยนาน ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางทันที บดจูบดูดดื่มแฝงไปด้วยความเร่าร้อนชนิดที่ว่าไม่เปิดโอกาสให้คนใต้ร่างได้ตั้งตัวไม่เว้นช่วงให้หายใจ จนร่างบางร้องท้วงในลำคอปานจะขาดใจมือเล็กทุบแผงอกแกร่งราวกับกำลังร้องขอชีวิตกระทั่งคนตัวสูงยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง“แฮ่ก! แฮ่ก! พี่โซ่ โมเกือบตายแหนะ” เมื่อได้รับอิสระโมเอิร์นรีบโกยอากาศเข้าปอดด้วยอาการเหนื่อยหอบจนตัวโยน ‘ให้ตายเถอะ เขาจะฆ่ากันรึไง’“เด็กดื้อก็ต้องถูกลงโทษ ห้ามงอแงครับ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียซอกคอขาว ขบเม้มทิ้งรอยแดงสีกลีบกุหลาบเอาไว้บนเรือนร่างบางหลายต่อหลายจุดแสดงความเป็นเจ้าของ คืนนี้เขาจะลงโทษเมียเด็กให้หลาบจำ เสร็จจากบนเตียงค่อยย้ายไประเบียง โซฟา เคาน์เตอร์บนโต๊ะอาหารก็ดีไม่น้อย ต่อไปเธอจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่งเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกึกก้องทั่วทั้งเพนท์เฮาส์สุดหรูตามจังหวะตอกอัดของคนตัวสูงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ดังประสานกับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่กำลังเสพ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากโทรนัดแนะกับเพื่อนสาวทั้งสองคนรวมถึงน้องรหัสไม่ได้เจอกันนาน คืนนี้จึงถือโอกาสนัดมานั่งดื่มด้วยกัน“ทางนี้ครับพี่โมเอิร์น” เฟิร์สโบกมือเรียกเมื่อเห็นพี่รหัสเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากเข้ามา“เฟิร์สมาถึงนานรึยัง”“ไม่นานครับ นี้แก้วเหล้าพี่ มาเหนื่อยๆน่าจะคอแห้ง”“โอ้โห...ทั้งโต๊ะนั่งกันแค่สองคนรึไงยะ” พะแพงว่าด้วยท่าทีหมั่นไส้ เบะปากมองบนอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะคว้าแขนเฟิร์สกอดไว้แน่นเผื่อว่าคืนนี้เธอจะได้ชิมเด็ก เฟิร์สเองก็ไม่ได้ขัดขืน ออกจะขบขันด้วยซ้ำที่เห็นรุ่นพี่ลุกหนักขนาดนี้“น้อยๆหน่อยยัยแพงสงสารน้องมัน” นิวถึงกับส่ายหน้าให้กับความเจนจัดของเพื่อน ทำเป็นล่าเหยื่อพอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้า นี่แหละนิสัยพวกเธอ“มาๆดื่มๆ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” เป็นไปตามคำพูดโมเอิร์นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งชนแก้วถี่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครห้ามใคร กระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ทุกคนในโต๊ะเมามายไม่ต่างกันชนิดที่ว่ายืนแทบไม่อยู่“เอ่อ...คุณโมเอิร์
“พี่ว่าชุดมันสั้นมากขึ้นทุกวัน” คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ ไหนจะเสื้อนักศึกษาพอดีตัวนั่นอีก รัดจนกระดุมแทบกระเด็นไม่อึดอัดบ้างรึไง“ปกตินะคะ...”โมเอิร์นเอ่ยตอบพลางจัดแจ้งชุดให้เรียบร้อยหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัวโดยมีร่างสูงมองดูไม่ห่าง หลายวันมานี้เขาพูดเรื่องชุดทุกวันจนคนตัวเล็กชินเสียแล้ว จึงไม่ได้ตอบโต้อะไรให้มากความแต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาหึงหวงหลังจากมาส่งโมเอิร์นที่มหาลัยเซนโซ่ก็ไปทำงานเฉกเช่นทุกวันโดยมีจิมเป็นคนขับรถ“ไอ้ฟาโรเคลื่อนไหวบ้างรึเปล่า” เซนโซ่เอ่ยถามลูกน้องคนสนิททั้งที่สายตาคมยังคงจ้องมองหน้าไอแพดนั่งเอนหลังพิงเบาะท่าสบาย ช่วงเวลาเร่งด่วนบนถนนกลางกรุงการจราจรติดขัดทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติกว่าจะถึงโกดังชานเมือง“ยังส่งออกสินค้าปกติครับ ผมสืบรู้มาว่าคุณลูกตาลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟาโรแต่ไม่ได้เปิดเผยครับ ก่อนหน้านี้ที่พยายามเข้าหานายคงเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ฟาโรเสนอให้”“อืม..จับตาดูไว้” ผมคิดแล้วไม่มีผิด ผมกับลูกตาลเป็นเพื่อนกันก็
ปึก!“อ๊ะ!” หัวสมองมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ทันระวังตัว ร่างสูงข้างหน้าหยุดเดินกะทันหันทำให้โมเอิร์นชนเข้ากับแผ่นหลังหนาอย่างจัง มือบางยกขึ้นลูบจมูกปรอยๆ ยู่หน้าให้อย่างเง้างอน“หึ!เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่าม” มือหนาเชยคางเล็ก โน้มหน้ามองดูจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ ก่อนโอบไหล่เล็กให้เธอเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในโกดังที่มีอีกฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว“มาแล้วหรอ.....” ทว่า เสียงทุ้มของฟาโรต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้นเมื่อหันกลับมามองคนมาใหม่ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าโมเอิร์นคือคู่หมั้นของเซนโซ่เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพาเธอมาด้วย เขาสืบรู้มาว่าทั้งสองไม่ได้รักกันแต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะพันธสัญญาหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกำหนด ที่ผ่านมาเซนโซ่ไม่เคยเปิดตัวเธอ แม้แต่งานหมั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ครั้งแรกที่ได้เจอโมเอิร์นเขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกจึงพยายามเข้าหาเธอและส่งคนสืบประวัติจึงได้รู้ความจริงไม่เพียงแต่ฟาโรที่แปลกใจ โมเอิร์นเองก็ยืนมองอย่างอึ้งๆไม่ต่างกัน มันเก