หลังจากที่ซ่งจื่อเหยียนให้เย่วหลีลักลอบออกไปส่งสัญญาณให้ทางบ้านป้าหูเรียบร้อยนางก็เริ่มทยอยเก็บข้าวของ ดีที่รถม้าคันใหม่นั้นใหญ่กว่าคันเดิมถึงสองเท่า นางไม่ได้อยากขนข้าวของอันใดไปมาก ซ่งจื่อเหยียนเก็บข้าวของบุตรชายเอาไว้ในห่อผ้าอย่างดี ห่อหลายๆ ชั้นเพื่อไม่ให้พวกเขาจับได้ ก่อนจะซุกห่อผ้าบุตรชายไว้ใต้ล่างของไหผักดอง
นางเตรียมของเรียบร้อยก็นำใส่รถม้าตนเองทันที เว่ยเซียวหยางยืนมองสตรีที่กำลังเก็บข้าวของอย่างแคลงใจ หากเป็นสตรีคนอื่นคงร้องไห้อ้อนวอนเขาแล้ว แต่ซ่งจื่อเหยียนทำเหมือนต้องการจะไปอยู่แล้วนางดูไม่เหมือนคนอ่อนแอเช่นเมื่อสองปีก่อนสักนิด
เว่ยเซียวหยางยืนมองร่างบางระหงที่กำลังขนข้าวของใส่รถ นางงามจริงๆ มิน่าน้องสาวถึงได้ริษยาจนวางแผนชั่วร้าย เหมือนนางจะงามกว่าเก่าอีกด้วย เขากำลังสังเกตคนตรงหน้าอยู่ๆ ก็มีองครักษ์เงาของฝ่าบาทมาหา จากนั้นเว่ยเซียวหยางก็เรียกหาเหวินชาง
“เหวินชางเจ้าจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย ข้าจะเข้าวังฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าด่วน ให้คนดูแลความปลอดภัยส่งนางให้ถึงอี้โจว"
เหิวนชางรับคำสั่งก่อนจะไปทำตาม เว่ยเซียวหยางควบม้ากลับเข้าเมืองพร้อมองครักษ์ทันที เหวินเปียวดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ท่านอ๋องจะไม่กลับมาในคืนนี้ พรุ่งนี้ต้องส่งสามคนนั้นไปอี้จูพ่อบ้านปิงจะเดินทางมารับพวกนางตอนยามอู่
เย่วหลีกลับมาจากบ้านป้าหูก็รีบมาหาซ่งจื่อเหยียนก่อนจะกระซิบเบาๆ ซ่งจื่อเหยียนพยักหน้ารับรู้จากนั้นทำตัวปกติ ในเมื่อพวกเขาอยากยึดที่นี่ก็ยึดไป ไม่นานรถม้าของบ้านป้าหูก็มาจอดที่หน้าจวน เหวินชางออกมาดูก่อนจะเอ่ยถาม
"ท่านลุงหู...พวกเราได้เจอกันอีกครั้ง มิทราบว่าท่านมาที่นี่ต้องการอันใดหรือขอรับ"
"มิได้ต้องการอันใดหรอกท่านขุนนาง พอดีอาซ้อซ่งให้ข้ามาขนสุราที่นางหมักเอาไว้สามสิบไห นางบอกว่านางจะไม่อยู่สักพักจึงให้ข้าไปขนมาเพราะเจ้าของจวนกลับมาแล้ว นางเกรงว่าเจ้าของจวนจะไม่พอใจเอาได้"
"อ้อ ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้คนช่วยยกให้ท่าน อาเย่วเราเจอกันอีกแล้ว"
เหวินชางเอ่ยทักทายสาวน้อยที่สะดุดตาเขาแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่เย่วหลีไม่มองหน้าเขาสักนิดนางเมินแล้วเดินนำหน้าลุงหูไปขนสุรา
เหวินชางแปลกใจ เขาไปทำอะไรให้เจ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ซ่งจื่อเหยียนพิจารณาดูแล้วเหวินชางนับว่ามีคุณธรรมและน้ำใจมากที่สุด นางจึงเอ่ยกับเขา
"องครักษ์เหวิน ข้าเหลือสุราหมักไว้ห้าไห พวกท่านแบ่งกันดื่มเถอะหลังจากฝนมากนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่หลายๆ เมือง ตอนนี้ก็เริ่มเขาฤดูเหมันต์แล้ว อีกอย่างจวนนี้ติดเขากลางคืนอากาศเย็นมากนัก พวกท่านดื่มให้ร่างกายอบอุ่นสักหน่อยก็ดี เมื่อตอนที่ข้ามาอยู่ใหม่ๆ ต้องเอาโต๊ะเก้าอีกในเรือนมาเผาไฟให้ความอบอุ่นในยามค่ำคืน"
เหวินชางกับเหวินเปียวที่ได้ยินก็ต่างมองหน้ากัน เอาเครื่องเรือนราคาหลายร้อยตำลึงมาเผาแทนฟืน เหตุใดนางไม่ไปเก็บฟืนมาใช้กันเล่า คุณหนูซ่งคนนี้สิ้นเปลืองโดยแท้ ที่ซ่งจื่อเหยียนกล่าวมาไม่มีสิ่งใดผิดเลย มีโต๊ะพังๆ หลายตัวและนางเห็นว่ามันเกะกะจึงขี้เกียจซ่อม อีกอย่างไม่คิดจะรั้งอยู่นานจึงไม่สนใจ อย่าว่าแต่เอามาเผาให้ความอบอุ่นเลย เอามาทำฟืนหุงข้าวก็หลายตัวแล้ว
ยามซวีทุกคนเริ่มพักผ่อน บรรดาทหารกับองครักษ์ต่างก็ติดใจสุราที่ซ่งจื่อเหยียนหมักให้ พวกเขาดื่มกันจนเริ่มเมาแล้วพูดจาเรื่อยเปื่อยกันออกมา
"คุณหนูใหญ่งามจริงๆนะ เหตใดท่านอ๋องกลับไม่ชายตามองเป็นข้านะนางงามเพียงนี้ข้าจะวางอคติทิ้งทั้งหมดเลย"
"ท่านอ๋องมีความหลังกับสตรีหรือเปล่า ใต้เท้าเหวิน"
"เคยได้ยินว่าตอนไปทำศึกที่ชายแดนกับแม่ทัพมู่ เจอสตรีนางหนึ่งบาดเจ็บร้องไห้ ท่านอ๋องสงสารคิดว่านางคงเป็นเหยื่อสงครามจึงให้พักที่ค่าย ตามหาครอบครัวให้นาง แต่ใครจะรู้ว่านาวงคือสายลับแคว้นหมิง ทรงไปลาดตระเวนศัตรูกลับมาถึงค่ายทหารกว่าแปดร้อยคนถูกสังหารจนหมด"
"มิน่าหรือว่านี่เป็นสาเหตุให้พระองค์รังเกียจสตรีหรือ"
"ที่จริงท่านอ๋องมิได้รังเกียจสตรีหรอก เฮ้อ"
เหวินชางเอ่ยออกมากลางวงสุรา ก่อนจะถอนหายใจดังๆ
"ถ้าเช่นนั้นใต้เท้าเหวินท่านเล่าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้น"
"อืม..วันนั้นเราช่วยสตรีมาสามคน พวกนางแต่กายเป็นชาวจงหยวน ภาษาพูดก็เป็นสำเนียงจงหยวนไม่มีอะไรผิดปกติ ท่านอ๋องเห็นหนึ่งในนั้นบาดเจ็บ จึงรับไว้ พวกนางบอกว่าทั้งครอบครัวกำลังหนีสงครามทำให้พลัดหลงกัน ท่านอ๋องจึงช่วยเหลือ แต่ที่ค่ายมิอาจให้สตรีพำนักอยู่จึงได้ให้ไปพักในเมือง"
"แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ"
"ท่านอ๋องทรงกลับมาที่ค่ายเพื่ออยู่เป็นขวัญกำลังใจทหาร ยามเช้าต้องเข้าเมืองเพื่อไปรับเสบียงปรากฏว่าคลังเสบียงถูกเผา ชาวบ้านในเมืองถูกฆ่าตายไม่เว้นแม้แต่เด็กแรกเกิด นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องร้องไห้ มีคนรอดที่ยังไม่ตายชีวิตอยู่สามคนพวกเขาบอกว่าสตรีสามคนนั้นเป็นคนที่ศัตรูส่งมา ยามดึกพวงนางแอบเปิดประตูเมืองให้ข้าศึกเข้ามาปล้นเสบียงและเข่นฆ่าชาวบ้าน จากนั้นก็ทรงรู้สึกผิดมาตลอดทรงโทษว่าตนเองเป็นสาเหตุทำให้คนทั้งเมืองถูกฆ่าตาย เพราะความใจอ่อน"
"เฮ้อ..แคว้นหมิงช่างใช้วิธีการต่ำช้าเสียจริงๆ "
"อืม..เดิมทีพวกเขาต้องการใช้แผนสาวงาม แต่ท่านอ๋องมิได้หวั่นไหว สุดท้ายชาวบ้านก็มาสังเวยชีวิตแทน"
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก