เมื่อพูดคุยกันไปก็ดื่มกันไปจนกระทั่งยามจื่อจึงพากันแยกย้าย เหวินชางแวะมาหาซ่งจื่อเหยียนก่อนเข้านอน เขาเคาะประตูก่อนจะเอ่ยเรียก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณหนูใหญ่ข้าน้อยเหวินชางขอรับ"
"ใต้เท้าเหวินมีเรื่องอันใดหรือ นี่ดึกมากแล้ว"
"ท่านอ๋องฝากของเอาไว้ให้ท่าน ข้าน้อยเกรงว่าพรุ่งนี้อาจจะยุ่งจนลืมน่ะขอรับ"
ซ่งจื่อเหยียนเปิดประตูออกมา เห็นองครักษ์ยืนหน้าแดงเพราะฤทธิ์สุรา เหวินชางส่งกล่องไม้ให้นางก่อนที่จะเอ่ยปาก
"นี่เป็นของที่ท่านอ๋องฝากไว้ให้ท่าน เสร็จธุระแล้วข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ"
เหวินชางส่งกล่องไม้เล็กๆ ให้กับซ่งจื่อเหยียน จากนั้นเขาก็เดินเซกลับไปยังเรือนพักตนเอง ซ่งจื่อเหยียนกลับเข้าห้องปิดประตู ก่อนจะเปิดออกดู เห็นจดหมายม้วนไว้นางจึงหยิบมาอ่าน มีตั๋วเงินม้วนอยู่หยิบออกมาคลี่ดูมากเพียงนี้เชียว ใจกว้างไม่เบานะตาเฒ่านี่ จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน แต่นอนไม่หลับเท่าไหร่ เคยนอนกอดบุตรชายทุกคืนวันนี้ต้องไปฝากคนอื่นไว้นางคิดถึงลูกจริงๆ
ส่วนเย่วหลีที่ไปนอนบ้านป้าหูเพื่อช่วยลูกสะใภ้ป้าหูคอยดูแลซ่งจื่อห่าว เย่วเล่อจัดของขึ้นรถม้าเสร็จเมื่อตอนเย็นแต่นางกลับลืมเอาของสำคัญไปด้วย พอนึกได้ก็ลุกไปหยิบห่อเมล็ดพันธุ์น้องรองหรือคุณหนูของนางเพิ่งได้มาเมื่อสองวันก่อนไปไว้ที่รถม้ากันลืม ทุกคนหลับหมดแล้วนางจึงไม่ต้องเห็นหน้าคนที่นางรังเกียจ
เย่วเล่อกำลังเดินกลับเรือนอยู่ๆ ก็ถูกรวบเอวบางเย่วเล่อปะทะกับอกแกร่งของบุรุษคนหนึ่ง นางคิดดว่าเป็นทหารที่มาวันนี้เมาแล้วจะทำมิดีมิร้าย ขึงพยามดิ้นให้หลุดพ้นกำลังร้องไห้คนช่วย แต่ไม่ทันได้อ้าปากนางก็ถูกคนผู้นั้นจูบร้อนแรง เย่วเล่อทั้งทุบทั้งผลักแต่ไร้ผล หลังจากจูบนางจนพอใจแล้วเขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะกระซิบข้างหู
"ไม่คิดว่าปากจัดจ้านอย่างเจ้าก็หวานได้"
เย่วเล่อรวบรวมแรงทั้งหมดผลักเขาออกก่อนจะเช็ดปากตัวเองแรงๆ และตวาดเขาทันที
"เหวินเปียวคนโสโครก เจ้ามันสารเลว ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องล้วนสารเลวทั้งนั้น"
เย่วเล่อมองหน้าเขาอย่างอาฆาตก่อนจะเดินกลับห้อง เหวินเปียวไม่สนใจเขาเดินตามนางเข้าห้อง เย่วเล่อดันประตูปิดแต่สู้แรงเขาไม่ได้ นางชี้หน้าตวาดเขาทันที
"ออกไปนะ เจ้ามันคนเลวๆ จริงๆ "
"ชู่..จู๊ๆๆๆ ..หากเจ้าเสียงดังคงปลุกคุณหนูกับน้องสาวเจ้า และอาจจะปลุกคนทั้งเรือนก็ได้นะจางเย่วเล่อ"
"เจ้าต้องการอะไร เมาก็ไปนอนอย่ามาก่อกวน"
เย่วเล่อยอมลดเสียงลงเพราะพรุ่งนี้คุณหนูต้องขับรถม้า ไม่อาจให้นางพักผ่อนไม่เพียงพอได้ เหวินเปียวฉวยจังหวะนางเผลอเดินมาอุ้มก่อนจะวางร่างบางมาวางบนเตียงแล้วนอนกอดนางเอาไว้ เย่วเล่อดิ้นรนแต่กลับทำได้แค่ดิ้นขลุกๆ ในอ้อมกอดของเขา
"ท่านทำบ้าอะไร ปล่อยข้านะ"
"ข้าง่วงแล้วกำลังจะนอนหรือว่าเจ้าไม่อยากนอน อยู่ใกล้ข้าแล้วหวั่นไหวหรือจางเย่วเล่อ"
"หน้าด้าน ใครหวั่นไหวกับคนอย่างท่านกัน ปล่อยข้านะเหวินเปียว อื้อ"
เหวินเปียวจูบนางอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาอ่อนโยนกว่าครั้งแรก เหวินเปียวจูบนางเรียกร้องให้นางตอบสนอง เย่วเล่อพยายามที่จะดิ้นหนีแต่สุดท้ายเหวินเปียวก็หลอกล่อนางจนเย่วเล่อจูบตอบเขา แขนเรียวคล้องท้ายทอยเขาเอาไว้
เหวินเปียวพอใจมากที่คนใต้ร่างตอบสนอง เขาถอนริมฝีปากออกมาสบตากับนางก่อนจะเอ่ย
"วางใจเถอะ ข้ามิใช่บุรุษที่ข่มเหงสตรี กลับกันหากเจ้าอยากข่มเหงข้าๆ ยินดีอย่างยิ่ง"
"ใครอยากข่มเหงท่านกัน ออกไปได้แล้วข้าจะนอน"
"ข้าบอกแล้วว่าข้าจะนอนกับเจ้าที่นี่คืนนี้"
จากนั้นก็พลิกกายลงข้างๆ รั้งนางมากอดเอาไว้ ใบหน้างามซุกอยู่กับอกของเขา เย่วเล่อยกแขนขึ้นมากั้น เหวินเปียวหัวเราะก่อนจะกระซิบข้างหูเล็กๆ ของนาง
"ยิ่งดิ้นยิ่งทำให้ข้าตื่นตัวนะ แน่ใจหรือว่าจะไม่นอนเด็กดื้อ"
"ท่านกอดแน่นเกินไปข้าหายใจไม่ออก"
ใบหน้าเห่อร้อนจนรู้สึกได้ เหวินเปียวมองใบหน้างามผ่านแสงตะเกียงก่อนจะไล้แก้มนางเบาๆ
"เอาแขนออกมา อย่าดันข้าเย่วเล่อ"
"ข้า"
"กอดเอวข้าไว้ ถ้าเจ้าไม่ทำข้าจะ"
"กอดแล้วๆ ข้ากอดท่านแล้ว อย่าทำรุ่มร่ามนะข้าง่วงพรุ่งนี้ข้าต้องไปแล้ว ท่านอยากให้ท่านอ๋องกลับมาเจอพวกข้ายังอยู่หรือไง"
เย่วเล่อกอดเอวหนาของเขาไว้ก่อนจะข่มใจข่มตาหลับไป เหวินเปียวกลับนอนไม่หลับ เดิมทีแค่อยากสั่งสอนนางแต่ตอนนี้เป็นตัวเองที่ทรมาน ไม่นานเขาก็หลับตามนางไป เย่วเล่อลืมว่ามีคนนอนข้างๆ นางดิ้นเพราะมีบางอย่างๆ หนักๆ มาทาบที่หน้าท้อง จึงลืมตาเหวินเปียวให้ตายสินางลืมไปเลยว่าเขานอนด้วย นี่น่าจะยามอิ๋นแล้ว เย่วเล่อพยายามเอาแขนของเขาออกไป แต่เหวินเปียวกลับกอดนางแน่นกว่าเดิม
"จะรีบตื่นไปไหน ยังเช้าปานนี้"
"ข้าต้องไปเตรียมมื้อเช้าและเสบียงเดินทางน่ะ"
เหวินเปียวลืมตาก่อนจะพลิกกายอยู่ด้านบนมองสบตากับนาง ให้ตายเถอะอยากรังแกนางจริงๆ แต่เขาเป็นบุรุษเรื่องเลวทรามเช่นนี้เขาไม่อาจทำได้ แต่นางยั่วยวนนัก เหวินเปียวข่มอารมณ์ตนเองก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วรั้งนางมานั่งตักตนเอง
"ขอบใจนะเย่วเล่อ"
"ห๊ะ..ขะ ขอบใจข้า ท่านป่วยหรือไม่เหวินเปียว"
"เจ้าทักทายยามเช้าข้าก่อนแล้วค่อยไปห้องครัว"
"ห๊า อะไรคือทักทายท่านกัน..อื้อ"
เหวินเปียวจูบนางอีกครั้งนานจนเย่วเล่อต้องทุบเขาแรงๆ นางหายใจไม่ทัน เหวินเปียวยอมปล่อยนางไป เย่วเล่อเข้าครัวไปแล้วแต่คนตัวโตกลับนอนบนเตียงสูดกลิ่นกายของคนที่เพิ่งจากไป
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก