เขานอนไม่หลับมานานแล้ว เนื่องจากวรยุทธที่เขาฝึกฝนทำให้เขากลายเป็นคนนอนยาก บางวันสามคืนไม่หลับก็มี แต่เมื่อคืนเขาหลับสนิท เป็นเพราะนางหรือเพราะห้องนี้กันแน่ที่ทำให้เขานอนหลับได้สนิทในรอบหลายปี นางไม่อยู่เขาจะนอนห้องนี้บางทีสาเหตุการที่เขานอนหลับอาจมาจากห้องนี้ก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นเขาจะขอท่านอ๋องย้ายมาพักที่นี่ถาวร
ซ่งจื่อเหยียนตื่นมาทำมื้อเช้าช่วยกันกับเย่วเล่อ นางทำขนมหลายอย่างที่สามารถกินกับน้ำชาตอนเดินทางได้ บุตรชายยังเล็กการเข้าพักโรงเตี๊ยมบ่อยๆ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนางจึงจะหาเช่าบ้านนอนระหว่างเดินทาง
เมื่อทำอาหารเสร็จก็ปลายยามเฉิน สองคนนายบ่าวพากันขึ้นรถม้าเดินทางไปรับซ่งจื่อห่าว กับเย่วหลีที่บ้านป้าหูทันที เมื่อคืนพวกเขาเมากันหนักมาก อีกอย่างวันนี้ต้องรอคำสั่งท่านอ๋องก่อนจึงได้ตื่นสาย เหวินชางกับเหวินเปียวได้รับคำสั่งจึงออกเดินทางเข้าเมืองหลวงแต่เช้าแล้ว จึงไม่รู้ว่าซ่งจื่อเหยียนกับสาวใช้ส่วนตัวของนางออกเดินทางไปแล้ว
เมื่อมาถึงบ้านป้าหูก็รีบลงไปรับบุตรชายทันที ป้าหูไม่ได้ถามว่าพวกนางจะไปไหน เพราะปกติถ้าสินค้าขายดีก็จะไปกันทั้งบ้าน ลูกสะใภ้ป้าหูอุ้มซ่งจื่อห่าวมาส่ง ซ่งจื่อเหยียนรับบุตรชายมาแล้วส่งถุงเงินให้ป้าหู
"ทานป้า ท่านรับไว้นะเจ้าคะ เอาไปรักษาอาการบาดเจ็บบุตรชายด้วย วันนี้ข้าซ่งจื่อเหยียนต้องไปก่อน หวังว่าจะได้พบกันอีกเจ้าค่ะ"
"อาซ้อกล่าวอันใดกัน เจ้าพูดเหมือนจะไปที่อื่นอย่างไรอย่างนั้น อ้อบุตรชายของเจ้าอาห่าวเหมือนจะไม่สบาย อย่างไรพาไปหาท่านหมอหยวนตรวจดูสักหน่อยเถอะนะอาซ้อ ส่วนน้ำใจของเจ้าข้าขอบคุณมาก"
ป้าหูเอ่ยน้ำเสียงไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่ก็รับถุงเงินมาแม้เงินจะไม่มากแต่ก็เป็นน้ำใจของนาง ซ่งจื่อเหยีนรับบุตรชายมาก่อนจะหอมด้วยความคิดถึง จากนั้นก็ส่งให้เย่วเล่ออุ้ม เย่วหลีเดินมาพร้อมกับขนมที่ป้าหูทำให้ จากนั้นทุกคนก็เอ่ยร่ำลากัน
ซ่งจื่อเหยียนควบม้าออกไปทันที นางไม่ได้เอ่ยร่ำลาอันใดกับป้าหูอีก ถึงแม้นว่าที่ผ่านมาป้าหูจะดีกับนางมากนัก แต่เว่ยเซียวหยางเป็นคนที่น่ากลัวไม่น้อย นางไม่อยากให้ป้าหูรู้อะไรมากเกินไป หากเขาให้คนมาสอบถามเค้นความจริงเกรงว่าป้าหูจะปิดไม่อยู่ สุราเหล่านั้นเมื่อถึงเวลากรองออกมาขายคงได้แปดหรือเก้าร้อยตำลึง
ซ่งจื่อเหยียนควบม้าอย่างเร็วนางต้องการเข้าเมืองก่อนตะวันตกดิน ดูเหมือนอาห่าวจะมีไข้ ดีที่นางติดสุราที่กรองแล้วหลายไหเล็กมาด้วยจึงให้เย่วเล่อนำมาเช็ดตัวให้ซ่งจื่อห่าว เกือบยามโหย่วสามคนจึงได้บ้านเช่าในตำบลฮวากู่ ห่างจากเมืองหลวงสามร้อยลี้
ซ่งจื่อเหยียนพากันเข้าไปในบ้าน นางไหว้วานให้หลานชายเจ้าของบ้านไปเกี่ยวหญ้าให้ม้าของนางจากนั้นก็เริ่มทำมื้อเย็น ซ่งจื่อเหยีนเดินไปยังบ้านท่านป้าเจ้าของบ้านก่อนจะเอ่ยถามหาร้านหมอในตำบล ปรากฏว่าเขาแซ่โม่ชื่อโม่หยุน
ซ่งจื่อเหยียนพาบุตรชายไปหาท่านหมอ เมื่อตรวจเรียบร้อยเด็กน้อยน่าจะเป็นหวัดเพราะอากาศเปลี่ยนซ่งจื่อเหยียนจ่ายค่าหมอและค่ายาก่อนจะพาบุตรชายกลับบ้าน นางไม่อยากรั้งอยู่นานนางอยากไปให้พ้นๆ
ซ่งจื่อเหยียนพาบุตรชายเข้านอน แต่นางนอนไม่หลับหลังจากที่ซ่งจื่อห่าวหลับไปแล้วนางก็หยิบกล่องไม้ออกมาเพื่ออ่านจดหมายอีกรอบ
(คุณหนูซ่ง..เรื่องระหว่างเราเกิดจากคนวางแผนให้ร้าย แม้ว่าฝ่าบาทจะมีรับสั่งให้ข้ารับเจ้าเข้าจวน แต่ก็มิได้ทรงบังคับให้เราแต่งงานกัน เงินสองแสนตำลึงนี้ถือว่าข้าชดเชยที่ทำให้เจ้ามีมลทิน ข้ามิใช่คนใจร้ายถึงขั้นเห็นแก่ตัว เจ้ามาอยู่ที่นี่เกือบสองปีเดิมทีข้าคิดว่าเจ้าคงจากไปนานแล้ว ในเมื่อรั้งอยู่อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าเกรงกลัวข้าเช่นนั้นจงไปเถิด จงไปใช้ชีวิตใหม่ ที่อี้โจวเป็นเขตดูแลของตระกูลเว่ยไม่มีใครทำร้ายพวกเจ้าสามคนได้หวังว่าเจ้าจะเข้าใจความหวังดีของข้า เว่ยเซียวหยาง)
ซ่งจื่อเย่วเก็บจดหมายไว้ในกล่องไม้ตามเดิม ข้าจะใช้ชีวิตให้ดีสมกับที่เจ้าให้โอกาสลาก่อนนะเว่ยเซียวหยาง แต่ตระกูลซ่งกับข้ายังมีเรื่องให้สะสาง รอข้าก่อนเถิดตระกูลซ่ง ซ่งจื่อเหยียนความแค้นของเจ้าข้าจะสะสางให้เอง ส่วนบุตรชายของเจ้านับจากนี้ข้าจะเลี้ยงดูเขาให้เป็นยอดคน
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก