หยางหมิงหลงอดีตผู้ตรวจการแทนพระองค์ บัดนี้เขาอายุจะเจ็ดสิบแล้ว มักไปร่ำสุรากับสหายกันเป็นประจำ อย่างเช่นวันนี้ หยางหมิงหลงนัดกับสหายอีกสามคนไปนั่งท่องบทกวีชมจันทร์ ชมเวหาที่ป่าเหมยนอกเมือง
เซียวจ้าน อดีตใต้เท้ากรมคลัง
จาวอวี้หมิ่น อดีตหมอหลวง
ว่านผิงอัน อดีตเจ้ากรมกลาโหม
ทั้งสี่คนร่ำสุรากันจนดึกดื่น เลยยามจื่อมาจนครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่เลิกร่ายบทกวี อดีตผู้ตรวจการเริ่มเมามากแล้ว เขาหันไปหาว่านผิงอันก่อนจะเอ่ยอ้อแอ้
"เอิ่ม เอิ๊กกก นี่ๆๆๆตาแก่ว่าน หลานสาวเจ้าอายุเท่าไหร่กันเล่า"
หยางหมิงหลงเอ่ยถามว่านผิงอัน ชายชราที่ถูกถามเอ่ยน้ำเสียงอ้อแอ้ไม่ต่างกัน ก่อนจะทำท่าครุ่นคิด แล้วหันไปถามอดีตหมอหลวงที่เมาแอ๋อยู่ข้างๆ
"ชิงชิงหรือ...เอหลานสาวข้าอายุเท่าไหร่นะ ตาแก่จางเจ้าจำได้ไหม ว่าหลานสาวข้าอายุเท่าไหร่"
ว่าวผิงอันลุกเซไปเซมา เดินไม่ตรงทาง หยางหมิงหลงจึงหันไปหาจางอวี้หมิ่นแล้วถามเขาแทน
"เอิ่ม...ตาแก่จางดูเหมือนว่าอวี้ถิงหลานสาวเจ้าสิบห้าปักปิ่นไปไม่นานแล้วนี่นา หลานชายข้ารับตำแหน่งต่อจากข้าจนป่านนี้ยังไม่แต่งงาน ข้าหมั้นหลานสาวเจ้าให้หมิงเอ๋อร์เลยแล้วกัน นี่ๆหยกชิ้นนี้คือของหมั้น"
จางอี้หมิ่นที่กำลังกรึ่มๆได้ที่ก็ ยืนขึ้นก่อนจะคว้าหยกในมือหยางหมิงหลง เขาคว้าอากาศบ้างเฉียดไปมาบ้างเพราะความเมา ในที่สุดก็คว้าได้
"หมั้นแล้ว พรุ่งนี้แต่งเลย ฮ่าๆๆๆ"
ว่านผิงอันเดินเซมาหาหยางหมิงหลงก่อนจะเอ่ย
"ตาแก่หยาง ชิงชิงข้านางสิบห้าจะสิบหกแล้วน่ะ แต่ว่าตาแก่เซียวชิงตัดหน้าท่านหมั้นหลานสาวข้าก่อนท่านไปไปเมื่อเจ็ดวันก่อนแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ หยางหมิงหลงนะหยางหมิงหลง ตาเฒ่าอย่างเจ้าวันหนึ่งๆเอาแต่หาแต่หลานสะใภ้ให้หลานชายไปวันๆ งานการไม่ทำ เอิ๊กกก"
"ฮ่าๆๆๆ แล้วอย่างไรเล่าตาแก่ว่าน ตอนนี้ข้าหาได้แล้วๆ ไม่สนใจแล้วพรุ่งนี้แต่งๆ"
หยางหมิงที่ตอนนี้มาถึงแล้ว เขาลงจากรถม้าก็เห็นปู่ตนเองเมาจนยืนไม่อยู่ ท่านย่าไม่อยู่ไปไหว้พระกว่าจะกลับมาก็อีกแปดเดือนท่านปู่จึงร่ำสุราทุกวัน บิดามารดาเปิดของเขาสำนักศึกษามีทั้งบุรุษและสตรีที่มาเรียน มิค่อยได้กลับจวน ทั้งจวนจึงมีแค่เขาและท่านปู่กับบ่าวไพร่
หยางหมิงหลงเดินไปหาคารวะผู้อาวุโสทั้งสามคนก่อนจะ เอ่ยเรียกท่านปู่ของตน
"ท่านปู่ขอรับ...กลับจวนเถอะขอรับดึกมากแล้ว สุขภาพของท่านสำคัญนะขอรับ"
"ฮ่าๆๆ...หมิงเอ๋อร์หรือ มานี่ๆมาคารวะท่านปู่ของภรรยาเจ้าเสียสิ"
หยางหมิงมองหน้าท่านปู่ของตนสลับกับอดีตหมอหลวงก่อนจะเอ่ยกับปู่ตนเอง
"ท่านปู่ท่านเมามากแล้วนะขอรับ กลับเถอะขอรับ ท่านกล่าวเหลวไหลอันใดกัน คุณหนูจางนางจะเสียหายเอาได้นะขอรับ ต้องอภัยหมอหลวงจางด้วยนะ ข้าคงต้องพาท่านปู่กลับบ้านก่อนนะขอรับ อาจิ้งมาช่วยกันหน่อยหน่อย”
หลี่จิ้งองครักษ์ของหยางหมิงเดินมาช่วยเขาพยุงชายชราเพื่อขึ้นรถม้า เซียวอี้หลงเองก็มาถึงแล้ว ไป๋อวี้องครักษ์ของเขาก็มาช่วยพยุงท่านปู่ตนเองเหมือนกัน เมาจนได้เรื่องเจ็ดวันก่อนเพิ่งไปหมั้นหมายว่านชิงชิงมาให้เขา นางอายุสิบห้าย่างสิบหกเท่านั้นเอง เขาสามสิบสามแล้วนะ คนแก่พวกนี้วันๆทำอะไรกัน จากนั้นก็หันไปหาหยางหมิงสหายรุ่นน้องของตนเอ่ยกับเขา
“อาหมิงเจ้าพาปู่เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะรอว่านชิงเหอมารับท่านผู้อาวุโสว่านเอง”
“แล้วหมอหลวงจางเล่าพี่อี้หลง ข้ารู้มาว่าเขามีเพียงแค่หลานสาวคนเดียวเท่านั้น จะเอาไปส่งหรืออย่างไร จะให้ไปตามคนที่จวนก้คงไม่ได้ เหมือนกับว่าอยู่กันแค่ปู่กับหลานแล้วสาวใช้อีกหนึ่งคนเท่านั้น ที่เรือนไร้บ่าวไพร่”
“อาหมิง...เจ้าเอาเขาไปด้วยได้หรือไม่ อย่างไรจวนจางก็ทางผ่านไปจวนของเจ้าอยู่ดี”
“เช่นนั้นก็ย่อมได้ ท่านรอคนสกุลว่านมาก่อน ส่วนข้าคงต้องขอตัวก่อนขอรับ พรุ่งนี้ต้องเข้าประชุมแต่เช้า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ไปตรวจสอบเรื่องหัวข้อการสอบ”
“อืมเจ้าไปเถอะ”
หยางหมิงพาชายชราทั้งสองคนขึ้นรถม้า จางอี้หมิ่นที่ตอนนี้ละเมอเพราะความเมา
“อวี้ถิงหลานปู่ เจ้าจะได้แต่งงานแล้ว มีคนมาดูแลเจ้าปู่ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ปู่จะไปหาสมุนไพรมารักษาเจ้า”
ชายชราสองคนนอนสะลึมสะลือบนรถม้าแต่ยังคงเอ่ยวาจาอ้อแอ้ตอบโต้กันไปมา
"นี่ๆๆ ตาแก่จางหลานชายข้าดวงดีแต่เกิด รับรองแต่งกับหลานสาวเจ้าไม่มีอะไรไม่ดี บางทีอาจช่วยให้ถิงถิงหายจากโรคที่เป็นอยู่ก็ได้ ฮ่าๆ"
"อืม..เช่นนั้นก็ดีๆ"
หยางหมิงหมดคำจะกล่าวกับท่านปู่ของตนเอง วันๆท่านปู่เอาแต่หาภรรยาให้กับเขาๆยังไม่อยากแต่งงานทำไมต้องมาบังคับกันนะ ไม่นานรถม้าวิ่งมาถึงจวนจาง มีเด็กสาวสองคนยืนรออยู่ คนหนึ่งน่าจะเป็นสาวใช้ อีกคนคงเป็นหลานสาวของเขาที่ชื่อจางอวี้ถิง นางตัวเล็กบอบบางนัก แต่ใบหน้าช่างหวานละมุน ดวงตากลมโต ขนตาหนายาวเป็นแพเพียงแต่หากพิจารณาดูดีๆใบหน้าหวานนั้นกลับดูซีดเซียวราวกับคนป่วย
จางอี้ถิงกับลี่จูที่เห็นรถม้ามาจอดก็จุงมือกันออกไปดู หลี่จิ้งแบกชายชราลงมาจากรถม้า จางอวี้ถิงเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินไปหาทันที ก่อนจะเอ่ยเรียกคนชราที่เมามายไม่รู้เรื่อง จางอวี้ถิงเขย่าเขาแรงๆ
"ท่านปู่ เหตุใดเมามายเช่นนี้เจ้าคะ ท่านปู่ถึงเรือนเราแล้วเจ้าค่ะ อืม แค่กๆ"
จางอวี้หมิ่นสะลึมสะลือ เขาปรือตามามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เห็นเป็นหลานสาวตนเองก็พยายามจะลงจากตัวของหลี่จิ้งที่แบกเขาอยู่ หลี่จิ้งค่อยๆวางเขาลง จางหมิ่นเดินไปหาหลานสาวของเขาสภาพที่เดินนั้นเซไปเซมาเดินไม่ตรงทาง เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลานสาวเขาจึงเอ่ยออกไป
"เอิ๊กก ถิงถิงของปู่อ่า เด็กดีปู่หาบุรุษที่ดีพร้อมให้กับเจ้าได้แล้ว"
"ท่านปู่ ท่านเมามากแล้วเข้าเรือนเถอะเจ้าค่ะ เอ่อ ขอบคุณท่านผู้ตรวจการมากที่มาส่งเจ้าค่ะ ลี่จูพาท่านปู่เข้าเรือนกันเถอะ"
หยางหมิงเห็นจางอวี้ถิงกับสาวใช้ที่พยายามจะพยุงชายชราเข้าเรือนก็ถอนหายใจ ก่อนจะลงจากรถม้า เขาจับมือนางออกช่วยกันกับหลี่จิ้งสองคนพาอดีตหมอหลวงไปยังห้องพัก หยางหมิงหันไปหาจางอวี้ถิงก่อนจะเอ่ยถาม
"ห้องของท่านหมอจางอยู่ที่ใดหรือคุณหนูจาง"
"แค่กๆๆ ทางซ้ายเจ้าค่ะ แค่กๆๆ"
เสียงไอออกมาทำให้หยางหมิงมองหน้านาง อืมนางป่วยอยู่จริงๆเขาจึงเอ่ยกับนางว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง ไม่นานจางอวี้หมิ่นก็ถูกพามาส่งในห้อง จางอี้ถิงขอบคุณเขา หยางหมิงกำลังจะเดินไปที่รถม้าแต่กลับได้ยินเสียงชายชราด้านในเอ่ยกับหลานสาว
"ถิงถิงเอ๊ย ปู่หาบุรุษที่ดีให้เจ้าได้แล้วนะ หยางหมิงผู้ตรวจการหลานชายตาเฒ่าหยางหมิงหลงน่ะ"
"ท่านปู่ ท่านเมาแล้วนะเจ้าคะ"
"ปู่จะไปหาสมุนไรพมาให้เจ้า ปู่เชื่อว่าเจ้าต้องหาย แต่งงานกับเขาหลานจะได้มีคนคอยดูแล"
"ท่านปู่ อย่าเอาข้าไปป็นตัวถ่วงผู้อื่นเลยท่านนอนเถอะนะเจ้าค่ะ ใต้เท้าหยางอุตส่าห์มีน้ำใจมาส่ง ข้าจะออกไปส่งเขาสักหน่อย ลี่จูไปกันเถอะ"
ร่างสูงละจากความงามด้านล่างเลื่อนตัวมาหานาง ดวงตาสองคู่สบกันไปมา จางอวี้ถิงโน้มคอเขาลงมาหากระซิบเสียงรัญจวน ท่านอาหยาง ข้าอยากเรียนรู้แล้วท่านพร้อมสอนหรือไม่""จะสอนเดี๋ยวนี้ ผ่อนคลายนะอาจจะเจ็บแต่สัญญาว่านุ่มนวล""เจ้าค่ะ"คนตัวโตค่อยๆมอบความแข็งแกร่งของตนให้กับนาง เมื่อความร้อนผ่าวของคนตัวโตผ่านความอ่อนนุ่มของนางจางอวี้ถิงก็นิ่วหน้า น้ำตาไหลออกหางตาเพราะความเจ็บตึง แม้เขาจะนุ่มนวลเพราะนี่คือครั้งแรกของนาง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี หบยางหมิงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะเอ่ยปลอบโยน"เจ็บมากไหม อาหยุดก่อนดีไหม""ไม่ต้อง ข้าทนไหวเจ้าค่ะ""หยางหมิงสอบเอวหนาช้าๆไม่นานเขาก็เข้ามาอยู่ในกายนางจนหมด ร่างสูงรอให้นางคุ้นเคยกับตัวตนของเขาก่อน จางอวี้ถิงกอดแผ่นหลังเขาเอาไว้ ลูบไล้ขึ้นลงก่อนจะบอกว่านางพร้อมแล้ว"ท่านอา ข้าพร้อมแล้ว ท่านทำเถอะเจ้าค่ะ"จากนั้นหยางหมิงจึงเริ่มสอบเอวหนาช้าบ้างเร็วบ้างเพราะนี่คือครั้งแรกของนางเขาอยากให้นางประทับใจ ดูเหมือนคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์สีทองเสียงครางแสนหวานเรียกหาเขาอย่างกระเส่าบ่งบอกว่านางนั้นเสียวซ่านรัญจวนเพียงใด"อ๊า ท่านอาหยาง สามีได้โปรดข้าจะไม
ภายในห้องนอนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของเครื่องหอม หยางหมิงบรรจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย แต่คนตัวเล็กกลับยังคงคล้องคอเขาไว้แน่นด้วยแขนเรียวระหง ไม่ยอมปล่อยให้เขาผละห่างไปไหน ใบหน้าหวานซบลงกับอกของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างออดอ้อน"ถิงถิงของอา เจ้าเมาแล้ว"หยางหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม"เปล่าสักหน่อย ข้ายังจำท่านได้อยู่เลย อื้อ "จางอวี้ถิงปฏิเสธเสียงอู้อี้ ใบหน้าซุกไซร้อย่างหาที่พึ่ง"ท่านอา... ข้าหนาวจัง ท่านกอดข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบา หยางหมิงค่อยๆ วางนยางลงบนเตียงก่อนจะทอดกายลงนอนเคียงข้าง แสงตะเกียงสีส้มส่องกระทบใบหน้าหวานอย่าง กลิ่นกายของนางช่างหอมกรุ่นชวนให้ใจสั่นไหว ความต้องการในตัวนางพุ่งพล่านแต่เวลานี้นางไม่สามารถครองสติได้ แม้เขาจะเป็นสามีของนางโดยชอบธรรม เป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความปรารถนา และนางก็อยู่ตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่หยางหมิงก็รู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จะกระทำลงไปได้อย่างไร ในเมื่อนางไร้สติ ไร้ซึ่งการยินยอมพร้อมใจการฉกฉวยโอกาสเช่นนี้หาใช่สิ่งที่บุรุษเช่นเขาจะพึงกระทำ หยางหมิงทำได้เพียงข่มกลั้น
เมื่อประตูห้องปิดลงเบื้องหลัง ทั้งสองจึงก้าวเดินเคียงกันไปอย่างงดงาม.. มีเพียงชายกระโปรงที่พลิ้วไหว หยางหมิงหยุดเดินก่อนจะเอ่ยกับคนข้างๆ"อามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าตื่นเต้น หลับตาก่อนเด็กดี""ท่านอา..อย่าแกล้งข้านะ ข้าโกรธจริงๆ ด้วย""ไม่แกล้งหรอกคนงาม"จางอวี้ถิงยอมหลับตา ผ้าแพรผืนบางถูกผูกตานางเอาไว้ จางอวี้ถิงสงสัยแต่เขาก็บอกนางว่าอย่ากังวล เอ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ไม่มีอะไรหรอกเดินตามอามาเถอะ"จางอวี้ถิงเดินตามแรงจูงของฝ่ามือใหญ่ที่จับมือนางไว้มั่น แม้ดวงตาจะมืดบอดเพราะถูกผ้าผูกตาปิดไว้ แต่ความอบอุ่นจากอุ้งมือนั้นกลับชัดเจนยิ่งกว่าแสงใด ๆ"ท่านอา....ท่าจะพาข้าไปไหนกันแน่เจ้าคะ..."นางถามเสียงแผ่ว แฝงความลังเลระคนตื่นเต้น หยางหมิงไม่ตอบ เพียงกระชับมือนางแน่นขึ้นและเอ่ยเบา ๆ ข้างหู"อีกเพียงก้าวเดียว เจ้าก็จะรู้มาเถอะเด็กดี"เท้าเรียวก้ามตามขาวยาวๆของเขาไป หูพลันได้ยินเสียงดนตรีและเสียงผู้คนพูดคุยกัน จางอวี้ถิงสงสัยแต่ก็ไม่นาน เขาพานางมาหยุดก่อนเอ่ย"ถึงแล้วพร้อมหรือไม่""เจ้าค่ะ"จางอวี้ถิงสงสัยเหตุใดวันนี้เขาอ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งนัก พักนี่เขายิ้มแย้มบ่อยเหลือเกินกลิ่นหอมขอ
หยางหมิงก็เดินมาหานาง ร่างบางถูกเขาช้อนอุ้มพาเดินเข้าไปยังเรือนนอน จางอวี้ถิงหน้าแดง บ่าวไพร่มากมายเขาช่างหน้าหนายิ่งนัก เมื่อมาถึงหยางหมิงวางนางลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยถามนาง"เด็กดี วันนี้ตอนเช้าเจ้าไปแจกทานข้าวต้มเนื้อกับซาลาเปาและหมั่นโถวมาหรือ""เจ้าค่ะท่านอา วันนี้เป็นวันเกิดของข้าเจ้าค่ะข้าก็เลยอยากทำบุญ""วันนี้วันเกิดเจ้าน่าจะบอกอาสักนิด อาจะได้เตรียมของขวัญให้เจ้า""เงินทองมากมายแล้ว อยากได้อะไรก็หาซื้อ ท่านอาอย่าสิ้นเปลืองเลยเจ้าค่ะ " นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ทว่าประโยคหลังนางเอ่ยแทบจะเป็นกระซิบ" ถ้าจะให้ละก็ให้ข้าไปต่อทุนสักสามหมื่นตำลึงจะดีมาก" หยางหมิงอมยิ้ม เจ้านี่นะเรียบร้อยได้ไม่นานจริงๆแม่ตัวแสบ หยางหมิงคิดในใจอย่างเอ็นดูก่อนจะบอกว่าลี่จูกำลังกลับมา ครบสามวันที่นางแต่งงานแล้ว จางอวี้ถิงดีใจยิ่งนัก แม้ว่าชิงชิงกับซิ่วซิ่วจะคล่องแคล่วสดใสแต่หากเทียบกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างลี่จูย่อมเรียกหาสนิทใจมากกว่า"ลี่จูกำลังจะมาแล้ว อาคงต้องออกไปข้างนอกสักครู่" หยางหมิงเอ่ยกับจางอวี้ถิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหมดจดของนาง "คนงาม มื้อ
หยางหมิงรอจนอาหารย่อยเขาก็เดินมาหานางยื่นแขนกางออก จางอวี้ถิงรู้ว่าเขาจะให้ทำอะไร โตป่านนี้ยังอาบน้ำเองไม่ได้ คนอะไรก็ไม่รู้ นางอาบน้ำให้เขาจนถึงเวลาตนเอง หยางหมิงจะช่วยแต่นางไล่เขาออกไป"ท่านนี่นะอย่ามารุ่มร่าม ไม่เช่นนั้นข้ากลับเรือนเล็กนะคนบ้า""โธ่เมียจ๋าคนดีของอา อาก็แค่อยากช่วยเจ้าเท่านั้นเอง""คนบ้ามาข้ารู้ทันท่านหรอก ออกไปเลยนะ"หยางหมิงจำต้องออกมาจากห้อง กระทั่งนางจัดการตนเองเรียบร้อยก็มานั่งเช็ดผม ร่างสูงลุกมาจากนั้นก็เอาผ้าจากมือของนางมาเช็ดให้เองอย่างเบามือ"ท่านอา ข้าอยากไปเที่ยวแต่เรื่องล่าสัตว์ท่านไม่ทำได้ไหมเจ้าคะ ล่าแค่เป็นอาหารอิ่มท้องก็พอ""ปกติจะมีการแข่งขัน ทุกปีอากับท่านพี่เซียวจะได้ที่หนึ่งเสมอเพราะล่าได้มากสุด""ท่านอา แล้วล่ามากินหมดหรือไม่""ไม่หรอกเยอะเกินไป ทำไมหรือ"จางอวี้ถิงจับมือที่กำลังเช็ดผมให้นางก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขาแล้วเอ่ย"คนหนึ่งชีวิต สัตว์ก็หนึ่งชีวิต พวกเรามีเลือดเนื้อ พวกมันก็มี พวกมันล่าแค่อิ่มท้อง แต่มนุษย์ล่าเพราะสนองกิเลสตัณหา มนุษย์ชอบบอกว่าตัวเองสูงส่ง ว่าแต่ใครสูงส่งกว่าใครกันก็ไม่แน่"หยางหมิงหวีผมให้นางก่อนจะ
หลังจากจัดงานแต่งให้กับหลี่จิ้งกับลี่จูเรียบร้อยทั้งหมดก็กลับจวน อากาศกำลังดีจางอวี้ถิงจึงอยากเดินกลับ มาได้ครึ่งทางหยางหมิงก็ทนไม่ได้ที่นางเดินนานเกินไปเขาจึงอุ้มนาง หยางหมิงที่อุ้มจางอก็เดินกลับจวนไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่เขาเดินผ่าน เรื่องที่ใต้เท้าผู้ตรวจการมีฮูหยินแล้วแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ที่สำคัญทุกคนเพิ่งจะได้เห็นหน้าตาคุณหนูจางหลานสาวอดีตหมอหลวงครั้งแรกมีคำร่ำลือว่ามารดาของนางงามมากนัก คุณหนูจางเองก็งามแต่เพราะขี้โรคจึงอยู่แต่ในจวน มีหลายสกุลอยากแต่งนางเข้ามาเพราะสมบัติสกุลจางนั้นมีไม่น้อย สกุลมารดาเป็นพ่อค้าอันดับหนึ่ง หยางหมิงได้ยินเสียงชาวบ้านเอ่ยถึงเขากับจางอวี้ถิงคำพูดเหล่านั้นลอยมาเข้าหู"นี่ข้ารู้แล้วทำไมใต้เท้าหยางเพิ่งจะแต่งฮูหยิน""ทำไมหรือเจ้ารู้สาเหตุหรือ""นางงามเพียงนั้น เป็นเจ้าๆจะไม่แต่งหรือ""อืมใช่ ขนาดนางป่วยยังงามเพียงนี้ เทียบกับคุณหนูที่ผัดแป้งชาดเสียหนาเตอะยังไม่อาจดึงความงามออกมาได้เลย""ฮ่าๆๆ เจ้าได้ยินที่นางบอกไหม นางบอกใต้เท้าหยางว่ามือนางกระดูกร้าวเพราะตบคุณหนูที่ผัดแป้งหนาเท่ากำแพงเมืองคนนั้น"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หยางหมิง