จางอวี้ถิงเดินออกมาแล้ว หยางหมิงที่เห็นนางก็ถอนหายใจ เขายังไม่ต้องการแต่งงานสักหน่อย ท่านปู่ไปทำเรื่องขายหน้าอันใดอีกเล่า
"ใต้เท้า..ขออภัยแทนท่านปู่ของข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ สร่างเมาแล้วคงลืมเองท่านอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลยนะเจ้าคะ"
"อืม อาจิ้งกลับเถอะ"
หยางหมิงกลับขึ้นรถม้าทันที หยางหมิงหลงที่ลืมตาขึ้นมาก็เปิดหน้าต่างรถม้าเห็นจางอวี้ถิงยืนอยู่ก็เอ่ยเรียกเสียงดัง
"หลานสะใภ้เจ้าเองหรือ พรุ่งนี้เจ้าก็จะเป็นหลานสะใภ้ของข้าแล้วฮ่าๆๆๆ ไปๆกลับบ้านๆ ข้าจะไปเตรียมของขวัญรับขวัญหลานสะใภ้ของข้า นี่ๆเรียกท่านปู่สิเร็วเข้า"
"อาจิ้งไป คุณหนูจางเจ้าเองก็อย่าถือสาเล่า ท่านปู่ของข้าก็เมาเช่นกัน"
หยางหมิงสั่งคนของตนน้ำเสียงดุดันก่อนจะหันไปบอกกับจางอวี้ถิง น้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่พอใจที่เอ่ยออกมานั้น จางอวี้ถิงรู้ดีว่าเขากำลังไม่พอใจมากๆ หลี่จิ้งที่รู้ว่าจ้านายอารมณ์เริ่มไม่ดีแล้วจึงรีบควบม้ากลับจวนทันที เมื่อมาถึงจวนก็ให้บ่าวช่วยกันพยุงชายชราลงมาพาไปยังเรือนนอน หยางหมิงนึกถึงใบหน้าหวานที่ซีดเซียว อดีตหมอหลวงจางบอกว่าจะหายามารักษาหลานสาวหรือ นางป่วยร้ายแรงหรืออย่างไรกัน
หยางหมิงถอนหายใจไม่สนใจเรื่องนี้อีก นางกับเขาให้แต่งงานกันหรือไม่มีทางหรอก เขาสามสิบสองแล้วนะถ้าจำไม่ผิดเด็กนี้เพิ่งจะปักปิ่นไปเมื่อไม่นานนี้เอง หยางหมิงเตรียยมรายงานต่างๆที่พรุ่งนี้ต้องถวายรายงานเขามีประชุมในท้องพระโรงแต่เช้า และเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าหลังจากประชุมเช้าเรียบร้อย เมื่อมาถึงจวน ตัวเองจะมีเมียมานั่งรออยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว
ทางด้านเซียวอวี้หลงที่ตอนนี้รอคนของจวนว่านมารับอดีตเจ้ากรมกลาโหมว่านผิงอันอยู่ นี่ก็เลยมาเกือบครึ่งชั่วยามว่านชิงเหอหลานชายของเขาเหตุใดยังไม่มา มิห่วงใจผู้อาวุโสของบ้านเลยหรืออย่างไร ไม่นานเซียวอี้หลงก็เห็นรถม้าสกุลว่านเคลื่อนเข้ามาก่อนจะมาจอดตรงหน้าเขาไม่ไกล
ม่านเปิดออกก็เห็นดรุณีน้อยนางหนึ่งลงมาจากรถม้า ที่แท้ก็แม่คู่หมั้นวัยกระเตาะของเขานั่นเอง ว่านชิงชิงที่เห็นหน้าคู่หมั้นเฒ่าก็เบ้ปากทันที ท่านปู่นะท่านปูที่ควรหาให้หลานสาวเช่นข้าคือหาสามีดีๆรูปงามหล่อเหลาอีกทั้งยังเยาว์วัยสิ กลับยกนางให้กับตาแก่เซียวอี้หลงคนนี้ ท่านจะหาพ่อบุญธรรมมาให้ข้าหรืออย่างไรกันแก่หงำเหงือกขนาดนี้เอามาให้เป็นภาระข้าหรือ
ว่านชิงชิงเดินไปหาเซียวอี้หลงพยายามเก็บสีหน้าไม่พอใจเอาไว้ แต่ไม่ทันเสียแล้ว ราชครูหนุ่มเห็นทุกอย่างที่เขียนอยู่บนใบหน้างามนั้น สีหน้าแววตาของนางแสดงออกตั้งแต่ก้าวเท้าลงมาจากรถม้าและเห็นเขาแล้ว ว่านชิงชิงเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานที่ขัดกับบุคลิกนางมากนัก เซียวอี้หลงที่เห็นอาการไม่พอใจเขาแต่แรก แต่เปลี่ยนสีหน้าท่าทางอีกทั้งยังเอื้อนเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวานออกมาได้เขาก็แค่นในใจ
"ท่านราชครู ลำบากท่านต้องมารอข้าน้อยต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ พอดีพี่ใหญ่ไม่อยู่ข้าจึงต้องมารับท่านปู่เอง อาจล่าช้าไปบ้างทำให้ท่านคอยนาน ข้ามาถึงแล้วเชิญท่านกลับได้เจ้าค่ะ"
"ว่านชิงชิงแม่ตัวดี เจ้าแสดงเก่งเสียกว่าคณะละครเร่เสียอีก"
เซียวอี้หลงยิ้มเยาะก่อนจะตอบกลับนาง
"ไม่เอ่ยขอบคุณสักคำแต่กลับเอ่ยวาจาผลักไส คู่หมั้นข้านี่ช่างมารยาทงามนักเชียว"
ว่านชิงชิงที่หมันใส้เขานักหนา ข้าให้เจ้าอยู่รอหรืออย่างไร ท่านปู่มาที่นี่ประจำ นางมารับก็ปกติทุกที เพียงแค่วันนี้ดึกกว่าเดิมเท่านั้น จำเป็นต้องค่อนขอดกันไหมตาเฒ่า จากนั้นนางจึงฝืนใจเอ่ยขอบคุณ
"อ้อ..ข้าน้อยลืมไปได้อย่างไรเสียมารยาทจริงๆคงเพราะมัวแต่ห่วงท่านปู่ ว่านชิงชิงขอบคุณท่านราชครูที่อยู่เป็นเพื่อนท่านปู่ของข้าน้อยท่านราชครูกลับดีๆนะเจ้าคะ ท่านลุงเถียนพาท่านปู่ขึ้นรถม้าเถอะ"
ว่านชิงชิงเอ่ยขอบคุณเขาพร้อมกับเอ่ยลาในประโยคเดียว เซียวอี้หลงสะอึกทันที นี่นะภรรยาในอนาคตช่างเป็นสตรีไร้กาลเทศะเสียจริงๆ ท่านปู่ไปหมั้นหมายนางมาให้เขาได้อย่างไรกัน เขาจะยกเลิกงานแต่งนี้ เซียวอี้หลงจึงตัดสินใจเอ่ยกับคนตัวเล็กตรงหน้า
"คุณหนูว่าน เรื่องระหว่างเราเป็นความประสงค์ของผู้ใหญ่ ข้าเองก็มิได้เต็มใจส่วนตัวเจ้าเล่ามีความเห็นเช่นไรกัน"
ข้ารออยู่ตาแก่ ใครอยากได้เจ้ากัน ไม่อยากแต่งก็ถอนหมั้นสิ เหอะ จากนั้นก็ตอบกลับไป
"ท่านราชครู...ก็มิเห็นได้ยากเย็นอะไร ท่านก็ถอนหมั้นข้าสิเจ้าคะ ข้าเองก็อยากได้สามีรูปงามเยาว์วัยสักคนมาเป็นคู่ชีวิต มิอยากได้บิดาบุญธรรมสักหน่อย"
เซียวอี้หลงถึงกับหน้าชา เด็กคนนี้ปากร้ายเพียงนี้หรือ พ่อบุญธรรมหรือใครอยากได้บุตรสาวไร้มารยาทหย่อนยานการอบรมเช่นเจ้ากัน เดิมทีตั้งใจจะคุยกับนางดีๆ ได้ๆๆว่านชิงชิงในเมื่อเจ้ารังเกียจข้าถึงเพียงนี้ เช่นนั้นสามีดีๆที่เจ้าอยากได้ก็อย่าหวังว่าจะได้เลย แม่ตัวดีข้านี่แหละจะแต่งกับเจ้าเอง หึ
"คุณหนูเรียบร้อยแล้วขอรับ"
เถียนเป้าพ่อบ้านของจวนว่านรายงานนางเมื่อเอาท่านปู่ของนางขึ้นรถม้าแล้วเรียบร้อย ว่านชิงชิงจึงหันหลังให้เซียวอี้หลง นางก้าวขึ้นรถม้าไม่สนใจเขาอีกเลยไม่มีกระทั่งคำกล่าวลา ผู้อาวุโสเซียวหลับไม่รู้เรื่องนางจึงไม่จำเป็นต้องคารวะผู้ใด รถม้าเคลื่อนออกไปแล้วแต่เซียวอี้หลงยังยืนมองรถม้าสกุลว่านจนลับสายตา
"ว่านชิงชิง....เจ้าก็แค่ลูกแกะตัวน้อย คิดว่าตัวเองเป็นหมาป่าเช่นนั้นหรือ ได้ข้านี่แหละที่จะลอกคราบหนังหมาป่าที่เจ้าห่มอยู่เองแม่ตัวดี"
จากนั้นเซียวอี้หลงก้าวขึ้นรถม้าก่อนจะกลับจวนราชครู ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะมีเมียแบบกระทันหัน เขากับหยางหมิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที
ร่างสูงละจากความงามด้านล่างเลื่อนตัวมาหานาง ดวงตาสองคู่สบกันไปมา จางอวี้ถิงโน้มคอเขาลงมาหากระซิบเสียงรัญจวน ท่านอาหยาง ข้าอยากเรียนรู้แล้วท่านพร้อมสอนหรือไม่""จะสอนเดี๋ยวนี้ ผ่อนคลายนะอาจจะเจ็บแต่สัญญาว่านุ่มนวล""เจ้าค่ะ"คนตัวโตค่อยๆมอบความแข็งแกร่งของตนให้กับนาง เมื่อความร้อนผ่าวของคนตัวโตผ่านความอ่อนนุ่มของนางจางอวี้ถิงก็นิ่วหน้า น้ำตาไหลออกหางตาเพราะความเจ็บตึง แม้เขาจะนุ่มนวลเพราะนี่คือครั้งแรกของนาง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี หบยางหมิงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะเอ่ยปลอบโยน"เจ็บมากไหม อาหยุดก่อนดีไหม""ไม่ต้อง ข้าทนไหวเจ้าค่ะ""หยางหมิงสอบเอวหนาช้าๆไม่นานเขาก็เข้ามาอยู่ในกายนางจนหมด ร่างสูงรอให้นางคุ้นเคยกับตัวตนของเขาก่อน จางอวี้ถิงกอดแผ่นหลังเขาเอาไว้ ลูบไล้ขึ้นลงก่อนจะบอกว่านางพร้อมแล้ว"ท่านอา ข้าพร้อมแล้ว ท่านทำเถอะเจ้าค่ะ"จากนั้นหยางหมิงจึงเริ่มสอบเอวหนาช้าบ้างเร็วบ้างเพราะนี่คือครั้งแรกของนางเขาอยากให้นางประทับใจ ดูเหมือนคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์สีทองเสียงครางแสนหวานเรียกหาเขาอย่างกระเส่าบ่งบอกว่านางนั้นเสียวซ่านรัญจวนเพียงใด"อ๊า ท่านอาหยาง สามีได้โปรดข้าจะไม
ภายในห้องนอนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของเครื่องหอม หยางหมิงบรรจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย แต่คนตัวเล็กกลับยังคงคล้องคอเขาไว้แน่นด้วยแขนเรียวระหง ไม่ยอมปล่อยให้เขาผละห่างไปไหน ใบหน้าหวานซบลงกับอกของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างออดอ้อน"ถิงถิงของอา เจ้าเมาแล้ว"หยางหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม"เปล่าสักหน่อย ข้ายังจำท่านได้อยู่เลย อื้อ "จางอวี้ถิงปฏิเสธเสียงอู้อี้ ใบหน้าซุกไซร้อย่างหาที่พึ่ง"ท่านอา... ข้าหนาวจัง ท่านกอดข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบา หยางหมิงค่อยๆ วางนยางลงบนเตียงก่อนจะทอดกายลงนอนเคียงข้าง แสงตะเกียงสีส้มส่องกระทบใบหน้าหวานอย่าง กลิ่นกายของนางช่างหอมกรุ่นชวนให้ใจสั่นไหว ความต้องการในตัวนางพุ่งพล่านแต่เวลานี้นางไม่สามารถครองสติได้ แม้เขาจะเป็นสามีของนางโดยชอบธรรม เป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความปรารถนา และนางก็อยู่ตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่หยางหมิงก็รู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จะกระทำลงไปได้อย่างไร ในเมื่อนางไร้สติ ไร้ซึ่งการยินยอมพร้อมใจการฉกฉวยโอกาสเช่นนี้หาใช่สิ่งที่บุรุษเช่นเขาจะพึงกระทำ หยางหมิงทำได้เพียงข่มกลั้น
เมื่อประตูห้องปิดลงเบื้องหลัง ทั้งสองจึงก้าวเดินเคียงกันไปอย่างงดงาม.. มีเพียงชายกระโปรงที่พลิ้วไหว หยางหมิงหยุดเดินก่อนจะเอ่ยกับคนข้างๆ"อามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าตื่นเต้น หลับตาก่อนเด็กดี""ท่านอา..อย่าแกล้งข้านะ ข้าโกรธจริงๆ ด้วย""ไม่แกล้งหรอกคนงาม"จางอวี้ถิงยอมหลับตา ผ้าแพรผืนบางถูกผูกตานางเอาไว้ จางอวี้ถิงสงสัยแต่เขาก็บอกนางว่าอย่ากังวล เอ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ไม่มีอะไรหรอกเดินตามอามาเถอะ"จางอวี้ถิงเดินตามแรงจูงของฝ่ามือใหญ่ที่จับมือนางไว้มั่น แม้ดวงตาจะมืดบอดเพราะถูกผ้าผูกตาปิดไว้ แต่ความอบอุ่นจากอุ้งมือนั้นกลับชัดเจนยิ่งกว่าแสงใด ๆ"ท่านอา....ท่าจะพาข้าไปไหนกันแน่เจ้าคะ..."นางถามเสียงแผ่ว แฝงความลังเลระคนตื่นเต้น หยางหมิงไม่ตอบ เพียงกระชับมือนางแน่นขึ้นและเอ่ยเบา ๆ ข้างหู"อีกเพียงก้าวเดียว เจ้าก็จะรู้มาเถอะเด็กดี"เท้าเรียวก้ามตามขาวยาวๆของเขาไป หูพลันได้ยินเสียงดนตรีและเสียงผู้คนพูดคุยกัน จางอวี้ถิงสงสัยแต่ก็ไม่นาน เขาพานางมาหยุดก่อนเอ่ย"ถึงแล้วพร้อมหรือไม่""เจ้าค่ะ"จางอวี้ถิงสงสัยเหตุใดวันนี้เขาอ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งนัก พักนี่เขายิ้มแย้มบ่อยเหลือเกินกลิ่นหอมขอ
หยางหมิงก็เดินมาหานาง ร่างบางถูกเขาช้อนอุ้มพาเดินเข้าไปยังเรือนนอน จางอวี้ถิงหน้าแดง บ่าวไพร่มากมายเขาช่างหน้าหนายิ่งนัก เมื่อมาถึงหยางหมิงวางนางลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยถามนาง"เด็กดี วันนี้ตอนเช้าเจ้าไปแจกทานข้าวต้มเนื้อกับซาลาเปาและหมั่นโถวมาหรือ""เจ้าค่ะท่านอา วันนี้เป็นวันเกิดของข้าเจ้าค่ะข้าก็เลยอยากทำบุญ""วันนี้วันเกิดเจ้าน่าจะบอกอาสักนิด อาจะได้เตรียมของขวัญให้เจ้า""เงินทองมากมายแล้ว อยากได้อะไรก็หาซื้อ ท่านอาอย่าสิ้นเปลืองเลยเจ้าค่ะ " นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ทว่าประโยคหลังนางเอ่ยแทบจะเป็นกระซิบ" ถ้าจะให้ละก็ให้ข้าไปต่อทุนสักสามหมื่นตำลึงจะดีมาก" หยางหมิงอมยิ้ม เจ้านี่นะเรียบร้อยได้ไม่นานจริงๆแม่ตัวแสบ หยางหมิงคิดในใจอย่างเอ็นดูก่อนจะบอกว่าลี่จูกำลังกลับมา ครบสามวันที่นางแต่งงานแล้ว จางอวี้ถิงดีใจยิ่งนัก แม้ว่าชิงชิงกับซิ่วซิ่วจะคล่องแคล่วสดใสแต่หากเทียบกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างลี่จูย่อมเรียกหาสนิทใจมากกว่า"ลี่จูกำลังจะมาแล้ว อาคงต้องออกไปข้างนอกสักครู่" หยางหมิงเอ่ยกับจางอวี้ถิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหมดจดของนาง "คนงาม มื้อ
หยางหมิงรอจนอาหารย่อยเขาก็เดินมาหานางยื่นแขนกางออก จางอวี้ถิงรู้ว่าเขาจะให้ทำอะไร โตป่านนี้ยังอาบน้ำเองไม่ได้ คนอะไรก็ไม่รู้ นางอาบน้ำให้เขาจนถึงเวลาตนเอง หยางหมิงจะช่วยแต่นางไล่เขาออกไป"ท่านนี่นะอย่ามารุ่มร่าม ไม่เช่นนั้นข้ากลับเรือนเล็กนะคนบ้า""โธ่เมียจ๋าคนดีของอา อาก็แค่อยากช่วยเจ้าเท่านั้นเอง""คนบ้ามาข้ารู้ทันท่านหรอก ออกไปเลยนะ"หยางหมิงจำต้องออกมาจากห้อง กระทั่งนางจัดการตนเองเรียบร้อยก็มานั่งเช็ดผม ร่างสูงลุกมาจากนั้นก็เอาผ้าจากมือของนางมาเช็ดให้เองอย่างเบามือ"ท่านอา ข้าอยากไปเที่ยวแต่เรื่องล่าสัตว์ท่านไม่ทำได้ไหมเจ้าคะ ล่าแค่เป็นอาหารอิ่มท้องก็พอ""ปกติจะมีการแข่งขัน ทุกปีอากับท่านพี่เซียวจะได้ที่หนึ่งเสมอเพราะล่าได้มากสุด""ท่านอา แล้วล่ามากินหมดหรือไม่""ไม่หรอกเยอะเกินไป ทำไมหรือ"จางอวี้ถิงจับมือที่กำลังเช็ดผมให้นางก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขาแล้วเอ่ย"คนหนึ่งชีวิต สัตว์ก็หนึ่งชีวิต พวกเรามีเลือดเนื้อ พวกมันก็มี พวกมันล่าแค่อิ่มท้อง แต่มนุษย์ล่าเพราะสนองกิเลสตัณหา มนุษย์ชอบบอกว่าตัวเองสูงส่ง ว่าแต่ใครสูงส่งกว่าใครกันก็ไม่แน่"หยางหมิงหวีผมให้นางก่อนจะ
หลังจากจัดงานแต่งให้กับหลี่จิ้งกับลี่จูเรียบร้อยทั้งหมดก็กลับจวน อากาศกำลังดีจางอวี้ถิงจึงอยากเดินกลับ มาได้ครึ่งทางหยางหมิงก็ทนไม่ได้ที่นางเดินนานเกินไปเขาจึงอุ้มนาง หยางหมิงที่อุ้มจางอก็เดินกลับจวนไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่เขาเดินผ่าน เรื่องที่ใต้เท้าผู้ตรวจการมีฮูหยินแล้วแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ที่สำคัญทุกคนเพิ่งจะได้เห็นหน้าตาคุณหนูจางหลานสาวอดีตหมอหลวงครั้งแรกมีคำร่ำลือว่ามารดาของนางงามมากนัก คุณหนูจางเองก็งามแต่เพราะขี้โรคจึงอยู่แต่ในจวน มีหลายสกุลอยากแต่งนางเข้ามาเพราะสมบัติสกุลจางนั้นมีไม่น้อย สกุลมารดาเป็นพ่อค้าอันดับหนึ่ง หยางหมิงได้ยินเสียงชาวบ้านเอ่ยถึงเขากับจางอวี้ถิงคำพูดเหล่านั้นลอยมาเข้าหู"นี่ข้ารู้แล้วทำไมใต้เท้าหยางเพิ่งจะแต่งฮูหยิน""ทำไมหรือเจ้ารู้สาเหตุหรือ""นางงามเพียงนั้น เป็นเจ้าๆจะไม่แต่งหรือ""อืมใช่ ขนาดนางป่วยยังงามเพียงนี้ เทียบกับคุณหนูที่ผัดแป้งชาดเสียหนาเตอะยังไม่อาจดึงความงามออกมาได้เลย""ฮ่าๆๆ เจ้าได้ยินที่นางบอกไหม นางบอกใต้เท้าหยางว่ามือนางกระดูกร้าวเพราะตบคุณหนูที่ผัดแป้งหนาเท่ากำแพงเมืองคนนั้น"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หยางหมิง