LOGIN“เอ๊ะ…ผมบอกว่ามีก็มีสิ และคุณก็ต้องรอผม ไม่งั้นผมจะตามคุณไปถึงบ้านเลยเชียว” พ่อเจ้าประคุณแถไปเรื่อย เพราะยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าทำไมเขาจึงไม่อยากไปจากเธอในตอนนี้
“ชิ…คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงจะมาสั่งคนอย่างฉันได้” สาวแสบย่นจมูก และขมุบขมิบปากเข่นเขี้ยว ก่อนจะฉุนเฉียวหนักเมื่อเขาเอ่ยสำทับอีกครา
“ห้ามไปไหนนะ เพราะถ้าไม่รอ คุณจะไม่ได้รองเท้าสวยๆ คู่นี้คืน” เหตุที่หยิบยกเอารองเท้าขึ้นมาข่มขู่ เพราะเขาคิดว่าผู้หญิงทุกคนคงจะรักและบ้ารองเท้าไม่ต่างกัน
จากนั้นพ่อหนุ่มจอมโอหังที่ถือรองเท้าในมือก็กลับหลังหัน แล้วเรียกลูกน้องไปคุยถึงเรื่องของคนร้ายตรงริมถนน ซึ่งห่างจากจุดที่เธอยืนอยู่พอสมควร เดเรคไม่ลืมสั่งให้คนของตนไปจัดการลากคอไอ้ชาติชั่วที่คิดจะลูบคมเขามาสั่งสอนให้หลาบจำและรู้สำนึก ว่าอย่าบังอาจมาเล่นนอกกติกาแบบหมาหมู่กับคนอย่างเดเรค เบอร์ยาน็อฟสกี้ ตบท้ายด้วยการสั่งให้ลูกน้องไปรอที่หน้าปากซอย เพราะคิดว่าคนร้ายคงไม่หวนกลับมาอีกแล้ว
ฝ่ายอารดานั้นยอมกัดฟันสละรองเท้าคู่สวยที่เพิ่งซื้อมา แม้ว่ารู้สึกเสียดายเงินอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ไม่คิดจะรออย่างที่พ่อคนเผด็จการออกคำสั่ง เพราะสาวเชยแต่มีสมองไม่ชอบให้ใครมาบงการชีวิตอยู่แล้ว พอเขาหันไปให้ความสนใจกับลูกน้อง เธอก็จ้ำอ้าวเท่าที่สังขารจะอำนวย ด้วยเกรงว่าพ่อคนกวนประสาทจะตามมาราวีอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอเสียแล้ว
“เฮ้…จะรีบไปไหนล่ะยาหยี เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ” เดเรควิ่งตามร่างอ้อนแอ้นมาจนเกือบจะถึงท้ายซอยเลยทีเดียว ชายหนุ่มนึกแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่จริงเขาควรจะไปจากเธอตั้งนานแล้วเสียด้วยซ้ำ ทว่าหนุ่มเพลย์บอยตัวร้ายกลับอยากจะยื้อเวลาให้ได้อยู่กับอีกฝ่ายให้นานเท่านานอย่างน่าประหลาด
เมื่อไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ อารดาจึงกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน ก่อนจะจำใจหันขวับกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยท่าทางกระแทกกระทั้น ดวงหน้าหวานใสหงิกงอเป็นม้าหมากรุก
“ดีใจมากเหรอที่ผมตามมา ถึงได้ทำหน้าแบบนั้น” พ่อคนหลงตัวเองเลิกคิ้วยวนยั่ว
“ฮึ่ม!” หญิงสาวทำเสียงคำรามกลั้วลำคอระหง ในใจก็ได้แต่พยายามนับหนึ่งให้ถึงสิบ ขณะกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดนูนเด่นที่บริเวณหลังมือเกลี้ยงเกลา
“มองผมตาเป็นมันแบบนั้น นึกอยากลอง ‘ส่วนอื่น’ ของผมขึ้นมาล่ะสิ” พ่อหนุ่มมาดกวนแสร้งโฉบริมฝีปากเซ็กซี่มาเฉียดพวงแก้มสุกปลั่ง พร้อมดึงเอาบางคำในบทสนทนาก่อนหน้านี้ขึ้นมากระเซ้า ก่อนจะหลุดหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายผงะด้วยท่าทางตื่นตระหนก จากนั้นเขาก็ถือวิสาสะยึดข้อมือเรียวเล็กทั้งคู่เอาไว้ในอุ้งมือใหญ่ข้างที่ว่างจากการถือรองเท้าส้นสูงสีแดงโดนใจ
“ปล่อย!” คนถูกกระทำเค้นเสียงแข็งออกคำสั่งพลางสะบัดมือเร่าๆ
“ไม่ปล่อย”
“ไอ้คนบ้า ไอ้คนกวนประสาท ไอ้ผู้ชายเฮงซวย คุณจะยั่วโมโหฉันเกินไปแล้วนะ!” เจ้าของน้ำเสียงขุ่นคลั่กระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างหมดสิ้นความอดทน ปกติอารดาจะเป็นคนค่อนข้างสุขุมเยือกเย็น ที่สำคัญตั้งแต่เกิดยังไม่เคยด่าใครไฟแลบแบบนี้เลยสักครั้ง แต่เขากลับทำให้เธอฟิวส์ขาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเธอก็จะไม่ขอทนกับผู้ชายที่มีดีแค่หน้าตาคนนี้อีกต่อไป!
“แน่ะ…พูดไม่เพราะอีกแล้ว”
“ฉันจะพูดซะอย่าง แล้วคุณจะทำไม” คนตัวเล็กลอยหน้าสวนกลับอย่างกวนๆ
“ผมไม่ทำไมหรอกทูนหัว ก็แค่เป็นห่วง ปากจัดแบบนี้…เลยกลัวว่าคุณจะหาผู้ชายมาสอยลงจากคานไม่ได้ เพราะเกิดคุณตกนรกแล้วยมบาลถามว่าทำไมถึงตายทั้งที่ยังเวอร์จิ้น ถ้าคุณควานหาคำตอบไม่เจอ เดี๋ยวจะถูกลงโทษด้วยการไม่ให้ไปผุดไปเกิด” เสียงกลั้วหัวเราะที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้ดวงตาสีนิลแทบลุกเป็นไฟ
“ฉันทำดีมาทั้งชีวิต จะต้องได้ขึ้นสวรรค์ ไม่เหมือนกับคุณที่คงขยันทำเลวเป็นอาจิณ และ ‘คนเลว’ อย่างคุณตายไปจะต้องตกนรกเท่านั้น” ในตอนท้ายอารดาฟันธงอย่างเสร็จสรรพ
“อ้าว…คนเลวมันหน้าตาหล่อเหลาเอาการเหมือนผมเหรอทูนหัว งั้นตายไปสาวๆ ทั่วทั้งประเทศคงเสียดาย ‘ของดี’ และ ‘ลีลาเด็ด’ แย่” พ่อคนกวนประสาทยังคงลอยหน้าต่อปากต่อคำไม่เลิก ลมหายใจผ่าวระอุที่รินรดหน้าผากมนทำให้หญิงสาวไม่อาจทนนิ่งดูดายได้อีกต่อไป
“ไอ้คนหลงตัวเอง ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า หูหนวกหรือไงฮะ!” อารดาก่นด่าและดีดดิ้นให้หลุดพ้นจากอุ้งมือใหญ่สุดฤทธิ์ประหนึ่งนางม้าพยศ
“โอเค…ปล่อยก็ปล่อย” อยู่ๆ เขาก็ยอมรามือจากเธออย่างง่ายดาย ส่งผลให้แม่สาวแสบทำหน้าเหวอ สัญชาตญาณร้องเตือนให้เธอคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นหลักยึด ทว่ามันกลับสายไปเสียแล้ว
“ว้าย!” เสียงหวานหลุดอุทานออกมา ชั่วพริบตาร่างแน่งน้อยก็เสียหลักหงายหลังล้มลงไปก้นกระแทกกับพื้นถนนแข็งๆ ก่อนจะสูดปากครางลั่นด้วยความเจ็บ
“อูย…สะโพกฉัน”
“ท่าสวยดีนี่” เดเรคลอยหน้าล้อเลียนอย่างนึกขัน ก่อนที่พ่อคนโอหังแต่กวนเข้าไส้จะไล่สายตาคมกริบลงไปพบกับสิ่งที่ทำให้เขาแสนอัศจรรย์ใจ…ความเซ็กซี่ร้ายกาจที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ชุดราตรีสีพาสเทลนั่น โอ้…พระเจ้า! ไม่น่าเชื่อว่าแม่ผู้หญิงหน้าบ้านๆ นมแบนๆ คนนี้จะใส่จีสตริงสีแดง! ให้ตายสิ! มันเป็นสีที่เขาคลั่งไคล้มากซะด้วย
‘ถึงหน้าตาจะไม่เท่าไร แต่เนื้อในน่าลิ้มลองเป็นบ้า’ ความคิดของพ่อกระทิงเปลี่ยวเปลี่ยนไปทันที หลังจากที่ได้เห็นจีสตริงสีแดงชวนใจสะท้าน
“ไอ้คน…” เธอยังไม่ทันจะอ้าปากก่นด่าให้สาแก่ใจ จอมกะล่อนก็สวนขึ้นเสียก่อน
“ว้าว…ร้อนแรงหลบในซะด้วยแฮะ!” ชายหนุ่มอุทานลั่น นัยน์ตาสีเฮเซลจับจ้องที่เรือนกาย ‘ส่วนล่าง’ อันน่าดึงดูดใจของเธอไม่กะพริบ และนั่นก็ทำให้อารดาอดเบนสายตาตามไม่ได้
“เอ่อ…ไม่จ้ะ ลูกมาขอนอนด้วย” เมื่อโดนเมียรักคาดคั้นเดเรคก็สารภาพออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง เพราะกลัวแม่ยอดรักจะทำแง่งอนจนไม่ยอมให้เขานอนกอด“แล้วทำไมไม่ให้ลูกเข้ามานอนด้วยล่ะคะ เตียงเราออกจะกว้าง” คุณแม่จอมแสบทำหน้ายุ่งไม่ต่างจากลูกชายเมื่อสักครู่เท่าไร่นัก จนเขาต้องบีบจมูกรั้นอย่างมันเขี้ยว “ที่รักไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ เด็กๆ ไปนอนแล้ว ส่วนเราสองคนก็อย่ามัวแต่คุยกันอยู่เลย นอนดีกว่านะเมียจ๋า” ขาดคำเขาก็ตั้งท่าจะรวบร่างอรชรเข้าสู่อ้อมอก ทว่าเธอกลับขยับกายหนีเสียก่อน “ไม่ต้องมาทำเฉไฉเลยนะคะ บอกดาด้ามาซะดีๆ ว่าทำไมเจ้าสามแสบถึงยอมไปนอนง่ายๆ คุณแอบไปตกลงอะไรกับลูกไว้หรือเปล่า” หญิงสาวถามเสียงเรียบ พร้อมหรี่ตาอย่างจับพิรุธคุณสามี “ทำไมถึงขี้สงสัยจังนะเมียเรา” พ่อหนุ่มกะล่อนเย้าเสียงกลั้วหัวเราะ“ถ้าไม่อยากให้สงสัย ก็ไขข้อข้องใจมาสิคะ” เสียงหวานสวนกลับทันควัน“คุณอยากรู้จริงๆ เหรอทูนหัว ว่าผมไปตกลงอะไรกับลูกไว้” คนเจ้าเล่ห์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ในใจก็ได้แต่แอบกระหยิ่มยิ้มย่องเพราะเมียรักกำลังจะหลงกล เขาคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่ทำเป็นบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเล่าความจริงให้เธอฟัง และทำเป็นเหมือนไม่สลักสำค
“มารบกวนดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้อยากตายหรือไงฮะ!” ทันทีที่แง้มประตูออก เดเรคก็เค้นเสียงกระด้างลอดไรฟันด้วยความหงุดหงิดสุดฤทธิ์ ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเห็นผู้ที่กล้ามากวนใจในยามวิกาล “เรานอนไม่หลับ!” สามวายร้ายตัวจิ๋วต่างพร้อมใจกันตอบโต้ผู้เป็นพ่อด้วยประโยคเหมือนกันเปี๊ยบ สมแล้วที่เป็นฝาแฝดซึ่งคลานจากท้องแม่ในเวลาไล่เลี่ยกันไม่กี่นาที คุณพ่อลูกสี่ทำหน้าเมื่อย พร้อมพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเอือมระอา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าแฝดนรกทั้งสามบุกเข้าห้องนอนของเขากับภรรยาสุดที่รักในยามวิกาล ดีที่ลูกชายคนเล็กยังไม่ประสีประสา ไม่งั้นคงคลานลงจากเตียงมาร่วมผสมโรงกับพวกพี่ชายตัวแสบด้วย“นอนไม่หลับก็ต้องนอน เด็กไม่ควรนอนดึกรู้ไหมไอ้สามทหารเสือ” ผู้เป็นพ่อก้าวขาออกไปเผชิญหน้ากับลูกๆ แล้วค่อยๆ งับประตูลงอย่างเบามือ เพราะเกรงว่าตนกับลูกจะเป็นสาเหตุให้แม่ยอดยาหยีตื่น“เราไม่ใช่เด็ก” พี่ชายคนโตเงยหน้าเถียงคอเป็นเอ็น ก่อนที่ดีแลนและดันแคนจะผสมโรงอย่างชวนปวดหัว “ใช่ เราเป็นหนุ่มแล้ว แถมยังหล่อมากด้วย” “และที่สำคัญเราสามคนมีแฟนแล้วด้วย” ประโยคสุดท้ายนี่ถ้ามารดามาได้ยินคงแทบจะเป็นลมกับความก๋ากั่นของเจ้าลูกชา
“งั้นป้าฝากน้องด้วยนะลูก” โคลอี้กล่าวอย่างยิ้มๆ “ครับผม” ดันแคนพยักหน้ารับคำอย่างแข็งขัน ก่อนจะหันไปหานางฟ้าตัวน้อย แล้วก็ต้องฉุนกึก เมื่อแม่หนูแองจี้เดินเข้าไปกอดขาแพนเตอร์ด้วยท่าทางสนิทสนม “แพนเตอร์จ๋า อุ้มๆ” สาวน้อยเงยหน้าทำตาแป๋ว พร้อมเอื้อนเอ่ยออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน จนพ่อหนุ่มมาดขรึมอย่างแพนเตอร์ต้องใจอ่อนยวบ “ช่างอ้อนจริงๆ เลยนะเรา” เสียงห้าวที่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มเย้า ขณะเขี่ยแก้มยุ้ยของสาวน้อยอย่างมันเขี้ยว เรียกเสียงหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจจากอีกฝ่าย จากนั้นก็ย่อตัวลงอุ้มร่างจ้ำม่ำไว้ในวงแขน ส่วนอาลาเล่ก็ได้แต่ทำหน้าล้อเลียนพี่ชาย เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะหันไปทางคู่ปรับตลอดกาล “กินแห้วอีกแล้วล่ะสิ” อาลาเล่ทำหน้าเย้ยๆ ใส่ดันแคน ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับรวบมือน้อยกำเป็นหมัดแนบลำตัว ทว่าพยายามไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาทางสีหน้าและแววตา “อะไร กินแห้วอะไร แองจี้ยังไม่ได้เลือกใครเสียหน่อย” ดันแคนทำเสียงสูงกลบเกลื่อนความอับอายระคนหงุดหงิด เพราะยังไม่ทันจะเริ่มจีบก็เหมือนจะไม่สมหวังเสียแล้ว “งั้นฉันจะทำให้นายหมดหวังเร็วขึ้นก็แล้วกัน” อาลาเล่กล่าวอย่างร้ายกาจ
“พี่แพนเตอร์! พี่อาลาเล่!” สามหนุ่มพากันร้องเสียงดังลั่นด้วยความยินดี แล้ววิ่งหน้าตั้งมาหาสองพี่น้องทายาทตระกูลโบลาโกนี ส่วนแดนนี่ที่ถูกพี่ๆ ทิ้งก็เดินเตาะแตะตามหลังมา พร้อมรอยยิ้มร่าประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างจากพี่ชายทั้งสาม หลังจากทักทายแพนเตอร์ สามทหารเสือสุดแสบก็พากันกระโจนเข้าไปกอดอาลาเล่ จนเธอแทบหงายหลังล้ม แต่ยังดีที่มีพี่ชายพยุงร่างไว้เสียก่อน “หยุดกอดพี่ได้แล้ว พี่อึดอัด” เสียงหวานเอ่ยออกมาเบาๆ“นั่นสิวะ พวกนายสามคนหยุดกอดน้องสาวฉันเสียที” คนหวงน้องสาวทำเสียงเข้มติดจะห้วนออกคำสั่ง สีหน้าเรียบตึงด้วยความไม่ชอบใจ “แหม…กอดแค่นี้ทำเป็นหวงนะพี่ชาย” ดีแลนเบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้“นั่นสิ ทำหน้าดุอย่างกับว่าเราจะแย่งน้องสาวไปอย่างนั้นแหละ รู้หรอกน่าพี่ชายว่าหวงน้องสาวมากแค่ไหน” เดฟสัพยอกอย่างยิ้มๆ “อาลาเล่ ดันแคนขอจีบได้ไหม” อยู่ๆ ดันแคนก็โพล่งขึ้นกลางวงสนทนา อาลาเล่อ้าปากค้าง เพราะไม่นึกว่าคนที่ทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอมาตลอดจะมาจีบเอาซะดื้อๆ แถมยังพูดมันออกมาต่อหน้าทุกคนอีกต่างหาก “ดันแคน!” แพนเตอร์ตวาดลั่น ใบหน้าหล่อเหลาถมึงทึงด้วยความไม่สบอารมณ์สุดขีด เพร
สองปีผ่านไปวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เดเรคพาเมียรักและลูกๆ มาพักผ่อนที่เกาะส่วนตัว โดยไม่ลืมชวนครอบครัวของฟรานเชเซียสกับทวิชา และครอบครัวของแมทธิวกับโคลอี้มาร่วมปาร์ตี้บาร์บีคิวริมหาดด้วย“มาช้านะพวก มัวแต่อ้อนเมียอยู่หรือไงวะ” เจ้าบ้านเอ่ยเป็นเชิงทักทาย พร้อมสัพยอกด้วยท่าทางครื้นเครงตามประสาพ่อหนุ่มขี้เล่นผู้มากอารมณ์ขัน “ก็อยากอ้อนอยู่หรอกนะ ถ้าเมียไม่ติดงาน นี่ก็พาเข้าไปเคลียร์งานก่อนมา ขนาดวันหยุดเมียฉันยังไม่เว้นเลยว่ะ” ฟรานเชเซียสหันไปมองยังเบื้องหลัง ครั้นเห็นทวิชามัวแต่ชี้ชวนลูกดูนั่นดูนี่ เขาก็บ่นอุบเป็นเชิงนินทาเมียรัก เรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี “แล้วเมื่อไรแกจะให้เมียเลิกทำงานวะ”“จนกว่าจะเกษียณอายุโน่นแหละค่ะ นกถึงจะเลิกอาชีพตำรวจ” ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะได้อ้าปากโต้ตอบ เสียงหวานก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน ทำให้เจ้าพ่อค้าอาวุธได้แต่ยักไหล่ ราวกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่าแล้วแต่แม่เจ้าประคุณจะตัดสินใจเถอะ เพราะคนรักและเคารพเมียอย่างเขาไม่กล้าขัดใจเธออยู่แล้ว “สวัสดีครับคุณนก” เดเรคกล่าวทักทายภรรยาของเพื่อนรักด้วยท่าทางเป็นกันเอง“สวัสดีค่ะคุณเดเรค” ทวิชาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก
“ยินดีต้อนรับมาเป็นครอบครัวเดียวกันนะจ๊ะหนูดาด้า” หลังจากชื่นชมหลานชายทั้งสามจนหนำใจมาดามดาเลียก็หันมาพูดกับอารดาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “ขอบคุณมากค่ะคุณป้า” เสียงหวานกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “ว้าย! เรียกคุณป้าไม่ได้จ้ะ ต้องเรียกว่ามัม ไหนลองเรียกมัมสิลูก”“ขอบคุณมากค่ะมัม”“เรียกลุงว่าแด๊ดด้วยนะลูก” “ค่ะแด๊ด” ความว่าง่ายของสาวเจ้าทำให้คนแก่ทั้งคู่ต่างคลี่ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ“ยินดีต้อนรับเราสามคนด้วยนะหลานย่า” เจ้าของน้ำเสียงอ่อนหวานพูดกับหลานๆ ด้วยรอยยิ้มละมุนละไมที่อัดแน่นไปด้วยความอบอุ่น ขาดคำนางดาเลียก็อดที่จะก้มลงหอมแก้มหลานชายทั้งสามอีกครั้งไม่ได้ “ขอบคุณมากฮะคุณย่า ดันแคนรักคุณย่าที่สุดเลย” “ดีแลนก็รักคุณย่าที่สุดในโลก”“เดฟก็รักคุณย่ามากเหมือนกันครับ” ท่าทีแย่งกันประจบคุณย่าของเจ้าตัวแสบทั้งสามทำให้เดเรคและอารดาต่างพากันอมยิ้มด้วยความเอ็นดูระคนมันเขี้ยว “แล้วไม่รักปู่หรือไงหือ” นายแดเนียลเอ่ยเรียกร้องความสนใจจากหนุ่มน้อยทั้งสาม ครั้นได้ยินดังนั้นสามศรีพี่น้องก็ต่างแจ้นไปซบอกกว้างของคุณปู่อย่างประจบเอาใจ แล้วส่งเสียงเจื้อยแจ้วแย่งกันบอกรักผู้เป็นปู่ เรียกเ







