LOGINเวลาผ่านไปเกือบสามเค่อ[1]
เหม่ยหลินและชิงชิงเดินเข้ามาถึงอาณาเขตภายในวัด น่าแปลกใจที่วัดแห่งนี้คล้ายกับวัดร้าง ไร้ผู้คนให้ได้เห็น ผิดจากเมื่อกาลก่อนมากนัก
แต่ทว่า...พระพุทธรูปองค์ใหญ่ยังคงตั้งสถิตอยู่ที่เดิม เหม่ยหลินจึงสั่งให้ชิงชิงยืนรอนางอยู่ด้านนอก นางเพียงต้องการอยู่ลำพังแค่ผู้เดียวอย่างสงบ เพื่อนั่งทำสมาธิให้นานสักหน่อย หวังเพียงสวดมนต์ถึงมารดาผู้ล่วงลับยังดินแดนอันห่างไกลที่ซึ่งไปได้แค่จิตวิญญาณ
ภายในห้องสวดมนต์ ตรงหน้าพระพุทธรูปปางสมาธิ รอบด้านที่เงียบสงบ มีเพียงลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาตามการสวดภาวนาของเหม่ยหลิน นางกลับรู้สึกได้ถึงการมีตัวตนของใครบางคนอยู่ตรงหลังรูปปั้นพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์องค์ใหญ่ที่นางกำลังนั่งสวดมนต์อยู่
บางทีอาจจะเป็นสัตว์ที่กำลังได้รับบาดเจ็บแล้วเข้ามาหลบภัยอยู่ภายในนี้...
นั่นคือสิ่งที่เหม่ยหลินคิด
หญิงสาวมักจะเป็นเช่นนี้ นางมักจะมองโลกในแง่ดีเสมอ ถึงแม้ว่านางจะเป็นถึงองค์หญิงแห่งวังหลวงที่มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นมากมาย หากแต่นางก็อยู่มาได้ แม้จะไร้ตัวตนเต็มที
หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังด้านหลังของพระพุทธรูปองค์นั้นในทันที เมื่อคิดได้ว่านางควรจะช่วยเหลือสัตว์น้อยที่กำลังบาดเจ็บ
และสิ่งที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น
เมื่อสิ่งที่เหม่ยหลินได้เห็น มิใช่สัตว์น้อยผู้น่าสงสาร แต่กลับกลายเป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนอนหลับใหลไร้สติอยู่ตรงหลังรูปปั้นแห่งนี้
หญิงสาวถึงกับตกตะลึงตาโตพลางเมียงมองสำรวจตรวจตราอย่างระแวดระวัง
บุรุษแปลกหน้าผู้นี้ มีรูปร่างที่สูงใหญ่และงามสง่า ท่าทางของเขาช่างน่าเกรงขามทรงพลัง ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังหลับใหลคล้ายไร้สติ แต่ความน่ายำเกรงกลับแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่ว
ใบหน้าของเขาได้รูปคมเข้มคมคาย แต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำสนิท ที่เอวของเขาแขวนป้ายหยกหน้าตาประหลาด รูปมังกรก็มิใช่พยัคฆ์ก็ไม่เชิง หากแต่มีทั้งกรงเล็บและคมเขี้ยวอยู่ในนั้น บนแผ่นหยกสลักคำว่า หง
เหม่ยหลินยืนสำรวจบุรุษผู้นี้อย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง นางสังเกตได้ว่าบุคคลผู้นี้ดูจะไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังหลับตาอยู่
แต่ทว่า...เขากลับแผ่กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นน่ายำเกรงออกมาจากร่างกำยำของเขาได้อย่างเข้มข้นจนน่าตกใจ
เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นจึงทำท่าจะผละกายวิ่งหนีให้ห่างออกไปจากชายหนุ่มปริศนาผู้นี้ แต่ยังมิทันที่หญิงสาวจะได้ก้าวเท้าผละจาก สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นงูพิษตัวหนึ่ง
งูพิษตัวนั้นกำลังเลื้อยเข้าไปยังทิศทางที่บุรุษผู้นี้นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่
อา...ทำอย่างไรดี?
เหม่ยหลินเริ่มคิดหนัก หากปล่อยเอาไว้ ชายผู้นี้อาจจะถูกงูพิษกัดเอาได้
หญิงสาวเริ่มลังเล แต่ถ้าหากว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วคิดร้ายกับนางล่ะ
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเหม่ยหลินจึงหันซ้ายแลขวามิรู้ว่าควรทำอย่างไรดี นางจึงล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของตน หยิบเอามีดสั้นขึ้นมาถือเอาไว้ ไม่ว่างูพิษหรือบุรุษผู้นี้ก็น่าจะอันตรายทั้งคู่ นางจึงต้องเตรียมพร้อมเอาไว้
ไม่ไปหาเพราะไม่อยากพูดเรื่องถอนหมั้นให้ระคายหู หรือเพราะติดใจใครอยู่กันแน่...หญิงสาวลอบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มอย่างรู้ทัน“ท่านช่วยถอนหมั้นเสียทีได้ไหม?”ไป๋เว่ยซินสกุลเฉินนับว่ามีชนชั้นที่สูงมากกว่าสกุลไป๋ดังนั้นอำนาจการตัดสินใจ สกุลไป๋ย่อมตกเป็นรอง เรื่องถอนหมั้นไป๋เว่ยซินจึงไม่อาจทำได้โดยง่ายนายท่านใหญ่เฉินมีเฉินเจียหมิงเป็นบุตรชายคนเดียว จึงทั้งรักและตามใจ การหมั้นหมายที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะบิดาของเฉินเจียหมิงทำตามความต้องการของบุตรชาย เมื่อหนึ่งปีก่อน เฉินเจียหมิงเกิดรักแรกพบกับไป๋เว่ยซิน เขาจึงบอกบิดาตามตรงอย่างไม่ปิดบังและออกปากให้บิดาไปเจรจาเกี่ยวดองเอาไว้เพื่อจับจองมิให้บุรุษอื่นหมายปองสตรีที่เขาพึงใจ ไป๋เว่ยซินต้องไม่เป็นของใครนอกจากเขาเมื่อสินสอดสกุลเฉินมาถึง สกุลไป๋ล้วนยินดีปรีดา ไป๋เว่ยซินเองก็มีใจตรงกัน นางชอบเฉินเจียหมิงเมื่อแรกเห็น ชายหญิงมีใจปฏิพัทธ์ ฐานะสูงส่งเหมาะสมคู่ควร ดุจกิ่งทองใบหยกดั่งคู่ยวนยางสวรรค์สร้าง การหมั้นหมายจึงเกิดขึ้นในปีนั้นอย่างไร้อุปสรรคท้ายที่สุดในปีนี้ การถอนหมั้นกลับมีอุปสรรคอย่างยิ่งแต่วันนี้ อุปสรรคที่ว่าคล้ายจะหายไปแล้ว เนื่องจา
สาวน้อยหันไปมองเฉินเจียหมิงเห็นเขามีสีหน้าบึ้งตึง แสดงออกว่าไม่พอใจในคำกล่าวของไป๋เว่ยซินชัดเจน ที่แท้สาเหตุที่เขาไม่ยอมไปหาคู่หมั้นตลอดหลายวัน เพราะถูกขอให้ถอนหมั้นหรอกหรือ? เขาไม่อยากถอนหมั้นปานนั้นเชียวหรือ?คำถามเกิดขึ้นในหัวใจ หลัวลี่ลี่รู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมา คำพูดเจียมเนื้อเจียมตัวที่มักพร่ำบอกล้วนไม่ใช่ความจริงหากพวกเขาถอนหมั้นกัน ตัวนางย่อมมีสิทธิ์แทนที่ ฐานะฮูหยินน้อยเป็นสิ่งที่หลัวลี่ลี่เริ่มมองเห็นรำไรนางมองเฉินเจียหมิงด้วยสองตาเปี่ยมความหวังทว่าเฉินเจียหมิงกลับเดินเข้ามาจับมือไป๋เว่ยซิน พานางเดินออกจากฝูงชน เข้าตรอกหนึ่งซึ่งเงียบสงัดกำลังดี “เจ้าหยุดพูดเรื่องถอนหมั้นเสียที ข้าบอกแล้วว่าไม่มีวัน! เราต้องแต่งงานกันเท่านั้น”ไป๋เว่ยซินพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เมื่อไม่ได้ผลนางจึงเชิดหน้าสบสายตาดุดัน“เพราะเหตุใด?”ชายหนุ่มแค่นเสียงลอดไรฟัน “เพราะข้ารักเจ้า และเจ้าก็รักข้า เรารักกัน!”หลัวลี่ลี่ที่เดินตามและยืนอยู่ใกล้ทั้งสองได้ยินชัดเจน สีหน้านางพลันไม่น่ามองไป๋เว่ยซินอยากจะหัวเราะนัก “เพราะรักข้าหรือ? รักอย่างไรถึงมีคนอื่น ข้าไม่เข้าใจท่านหรือท่านไม่เข้าใ
‘สาเหตุที่ห่างเหินเย็นชามิใคร่เข้าหาเช่นกาลก่อนเพราะนางเปลี่ยนไปหรือเขามีใครอื่นในใจตั้งแต่แรก’หญิงสาวยิ้มเย็น เป็นเช่นนี้ย่อมดีไม่น้อย...ไป๋เว่ยซินหลายวันแล้วที่เฉินเจียหมิงหายหน้าหายตาไป ไม่มาหาไป๋เว่ยซินเหมือนเฉกเดิมแน่นอนว่าความห่างเหินเช่นนี้ ไป๋เว่ยซินคนปัจจุบันไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอันใดทั้งสิ้น หากเป็นคนเก่าคงรีบทำขนมแล้วถือตะกร้าใบใหญ่ออกจากจวนไป๋ด้วยตัวเอง เพื่อไปหาเขาถึงจวนเฉินตั้งแต่เช้าในวันแรกที่คู่หมั้นหายหน้าครั้งก่อนที่ทำตัวหยาบคายและโวยวายเปิดโปงคู่หมั้น ล้วนจบลงที่นางถูกบิดามารดารุมต่อว่าต่อขานรุนแรงจนหูชาแค่นั้น หาได้พูดถึงเรื่องถอนหมั้นไม่กระนั้นการถูกต่อว่ามากมายหากเป็นคุณหนูบ้านอื่นคงเก็บตัวในเรือนของตนเพื่อสำนึกผิด หรือร้องไห้ฟูมฟายอดข้าวอดน้ำแทบตายทั้งเป็น แต่นางไม่ใช่ไป๋เว่ยซินยังคงขบคิดหาวิธีถอนหมั้นต่อไปนอกหน้าต่าง น้ำค้างพร่างพราวกระทบยอดหญ้า แสงแดดเริ่มฝ่าไอหมอกทอประกายลงมาอย่างอ่อนโยนอากาศปลายยามเหม่า[1]ค่อนข้างดีทีเดียวหลังจากรับมื้ออาหารเช้าเสร็จ ไป๋เว่ยซินจึงตัดสินใจออกจากเรือนไปเดินเที่ยว เผื่อสมองปลอดโปร่งโล่งกว่าเดิมนางไม่พาสาวใช้ไ
สาวน้อยอมยิ้มน่ารัก แอ่นกายให้เขา “ตรงนี้เจ้าค่ะ”กิริยานี้ผิดแผกจากตอนที่อยู่ข้างนอกดั่งฟ้ากับเหวชั่วขณะนี้เฉินเจียหมิงมัวแต่สนใจเพียงเนินอกขาวๆ ของหลัวลี่ลี่ และสาวน้อยก็สนใจเพียงฝ่ามือร้อนๆ ของเขา ไหนเลยจะล่วงรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าการยับยั้งชั่งใจ“พี่เจียหมิง” หลัวลี่ลี่เรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“หืม...” เขาขานเสียงนุ่ม ความร้อนรุ่มเริ่มก่อตัว“ข้าพูดจริงนะเจ้าคะ ข้ายินดีเป็นอนุของพี่เจียหมิง ไม่หวังสูงกว่านั้น ข้าจะอยู่อย่างเจียมตัวตั้งใจปรนนิบัติท่าน ข้าจะเบ่งเบาภาระพี่เว่ยซิน มอบความสุขให้ท่านทุกราตรี” วาจานางใจกว้างดุจมหาสมุทรอ่อนโยนดุจสายน้ำ จะมิให้เป็นการละลายบุรุษจนใจอ่อนยวบยาบได้อย่างไรเฉินเจียหมิงสูดลมหายใจเข้าอกลึก ซึมซับทุกวาจานี้เอาไว้พิจารณาอย่างดี ในขณะที่สายตาคมก็มิละจากเนินอกที่เริ่มพ้นสาบเสื้อจนหมิ่นเหม่เห็นความอวบอิ่มรำไร“เอาเป็นว่าข้ารู้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเกินไป รอให้ข้าแต่งงานก่อน ตกลงไหม?” เสียงเขาเริ่มทุ้มพร่าหลัวลี่ลี่ได้ฟัง ใบหน้าขาวนวลจึงประดับรอยยิ้มยินดีอย่างเอียงอาย เผยความสุขเฉกคนมักน้อยที่ทำให้คนมองต้องรู้สึกเอ็นดูในความเจียมเนื้อเจียมต
ในห้องหับส่วนตัวสาวน้อยรีบแก้ตัวด้วยสุ้มเสียงอ่อนหวานสะเทิ้นอาย“ญาติผู้พี่...เมื่อครู่นี้ ข้าเห็นบ่าวชายมองมาเจ้าค่ะ” เฉินเจียหมิงคล้ายถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง เขาก้มหน้ามองญาติผู้น้องนิ่งนาน จังหวะนั้นหลัวลี่ลี่พลันเงยหน้ามองสบตาอย่างใสซื่อ ในความไร้เดียงสาบนสีหน้ามีแววซุกซนอยู่ในประกายตา น่าค้นหาอย่างยิ่งมิรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ใบหน้าทั้งสองใกล้กันจนรับรู้ถึงลมหายที่รินรดในระยะประชิดพริบตานั้น ริมฝีปากของพวกเขาก็ค่อยๆ ประกบปิด การแนบชิดของกลีบปากเกิดขึ้นโดยมิได้นัดหมายชายหนุ่มยิ่งอึ้งงัน ไม่รู้ว่าเพราะไม่ทันผลักไสหรือร่างกายมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างเต็มใจกันแน่ หากแต่สัมผัสนุ่มลื่นจากริมฝีปากหอมหวานทำคนเคลิบเคลิ้มยากควบคุมได้อย่างแท้จริงชั่วครู่ต่อมา เฉินเจียหมิงพลันได้สติรู้ผิดชอบชั่วดี เขายกมือจับไหล่เล็กบางของหลัวลี่ลี่แล้วค่อยๆ ดันนางออกจากการจุมพิตอันแสนดูดดื่มอย่างใจกล้าอันหาได้ยากยิ่งนี้ สัมผัสวาบหวิวจึงหยุดลงก่อนความหวามไหวจะปั่นป่วนเรียกเลือดลมให้รุ่มร้อนมากไปกว่านี้“น้องลี่ เจ้าทำอะไร? อย่าทำเช่นนี้” เสียงทัดทานแหบพร่าฟังแทบไม่ออกหลัวลี่ลี่มีท่าทีกระเง้ากระงอด “ทำไ
ควรชิดใกล้หรือถอยห่าง บางอย่างในใจตีกันวุ่นวายจนสับสนปนเป แววตาคมเริ่มเข้มลึก ดวงตางามยิ่งซุกซนคนสองคนมองตากันยิ้มๆเฉินเจียหมิงจวนสกุลเฉินเฉินเจียหมิงหอบโทสะกลับบ้านมาราวพายุพัดพา อาจเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือสองเดือนให้หลังมานี้ที่เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เจอหน้าไป๋เว่ยซิน นาง...น่าเบื่อกระนั้นการถอนหมั้นกลับไม่เคยอยู่ในความคิด เพราะสำหรับเขา ไป๋เว่ยซินอ่อนหวานหยาดเยิ้มเหนือใคร นางรู้ตำราเก่งกาพย์กลอนน้ำใจงามและเหมาะสมคู่ควรกับเขาที่สุด สามารถเคียงข้างเชิดหน้าชูตาสามีได้ด้วยต้องการอยู่เงียบๆ คนเดียวเพื่อปรับอารมณ์ ชายหนุ่มจึงเลือกเดินไปยังทิศทางซึ่งเป็นมุมโปรดของตน หมายนั่งทอดอารมณ์ในศาลากลางสระน้ำ และเมื่อมาถึงจึงได้เห็นหลัวลี่ลี่กำลังอยู่ที่นั่นเช่นกัน นางกำลังให้อาหารปลา ท่วงท่ากิริยาซุกซนน่าเอ็นดูชายหนุ่มถึงขั้นมองเหม่อ รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินเข้ามาในศาลา ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของนางเสียแล้ว“วันก่อนเจ้าตกน้ำเปียกทั้งตัว หายป่วยดีแล้วหรือ?” เขาถามด้วยสุ้มเสียงทุ้มนุ่มเจือความห่วงใยหลายส่วน “ข้าขอโทษแทนเว่ยซินแล้วกัน นางไม่ควรทำเช่นนั้น”หลัวลี่ลี่หั




![จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


