LOGINเหม่ยหลินสังเกตเห็นลักษณะของแผ่นหยกได้ว่าน่าจะเป็นแผ่นหยกประจำตำแหน่งประจำตระกูลหรือบ่งบอกตัวตนว่าเขาเป็นใคร นางจึงเอ่ยเสียงเบาดังเดิม “ท่านแซ่หงหรือ”
บุรุษหนุ่มที่น่าจะมีแซ่ว่าหงตามคำสงสัยของสตรีตรงหน้าเพียงหรี่ตาคมดำลงอีกนิดพลางคิดตามในใจ
อาจจะเป็นไปได้
เขาจึงหลับตาลงพยายามใช้ความคิดอย่างเยือกเย็นแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมาตามวิสัยถึงแม้ว่าในยามนี้เขาจะยังไม่เข้าใจอันใดมากนักแต่ทว่าความเป็นตัวตนของเขายังคงอยู่
เขาแซ่หง แล้วนามของเขาคืออะไร
ชายหนุ่มใช้เวลาหลับตาทำสมาธิด้วยท่าทางเคร่งขรึมอยู่ครู่ใหญ่จนหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันถึงกับต้องจ้องมองอย่างให้กำลังใจโดยไม่รู้ตัว
ความกลัวยังคงมีอยู่มากมายแต่ทว่านางพอจะดูออก
เขาจำอะไรไม่ได้
เขากำลังป่วย
เขาช่างน่าเห็นใจ
เหม่ยหลินสังเกตเห็นคิ้วเข้มคล้ายกระบี่ของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันน้อยๆ เหงื่อกาฬของเขาเริ่มผุดพรายอยู่ตามขมับตามไรผมดกดำ ริมฝีปากหยักได้รูปภายใต้จมูกคมสันของเขาเริ่มเม้มเข้าหากันจนกลายเป็นเส้นตรง
เขาคงกำลังใช้ความคิดอย่างสุดความสามารถ ดูก็รู้ว่าเขาจำสิ่งใดไม่ได้เลยจริงๆ
เหม่ยหลินนั่งสังเกตบุรุษแซ่หงอย่างพินิจและวิเคราะห์จนความหวาดกลัวเริ่มจางหายกลายเป็นความห่วงใยขึ้นมาแทนที่ และเมื่อสังเกตเห็นแล้วว่าเขาคิดการสิ่งใดไม่ออกเป็นแน่นางจึงค่อยๆ เอื้อมมือเรียวเล็กของตนไปแตะบนลำแขนของเขาเบาๆ
เมื่อลำแขนแข็งแกร่งถูกฝ่ามือเรียวเล็กนุ่มนิ่มแตะถูกแผ่วเบา บุรุษตรงหน้าจึงเริ่มลืมตาขึ้นมาแต่ทว่าสายตาคมเข้มยังคงฉายแววน่าหวาดหวั่น กลิ่นอายสังหารพลันแผ่กำจายออกมาโดยไม่รู้ตัว เพียงอึดใจเขาถึงกับสำลักโลหิตสีแดงฉานออกมาจากริมฝีปากได้รูปของเขา
เหม่ยหลินถึงกับชะงักตะลึงงันก่อนจะรีบถลาเข้าหาร่างสูงใหญ่ของเขาโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน นางรีบลูบแผ่นหลังกว้างใหญ่ให้เขาอย่างห่วงใย เขาถูกงูพิษกัดเมื่อครู่ นี่อาจจะเป็นเพราะพิษของงูตัวนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้าไม่เป็นไร” เสียงแหบห้วนสั่นพร่ากล่าวออกมาพลางยกมือใหญ่หนาปาดเลือดออกจากริมฝีปากด้วยท่าทีสงบเรียบนิ่ง สายตาคมเฉี่ยวนิ่งลึกให้ความรู้สึกทั้งน่ากลัวและเยือกเย็น
“เมื่อครู่ท่านถูกงูพิษกัด” เหม่ยหลินยังคงจับประคองช่วงไหล่ใหญ่หนาของเขาอย่างหวั่นใจฉายชัด หากแต่ความห่วงใยกลับมีมากกว่า นางกำลังโอบประคองบุรุษร่างใหญ่อย่างลืมตัว
บุรุษลึกลับเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่น่ายำเกรงเพียงปรายสายตาคมเข้มดุดันมองตอบกลับในระยะประชิดกับใบหน้าสวยหวาน ใบหน้างดงามของนางอยู่ใกล้กับใบหน้าของเขาเพียงฝ่ามือกั้น
เขาเห็นนางทั้งกลัวทั้งตกใจ นางไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากทำตัวสั่นเทา แต่นางกล้าลุกขึ้นมาจับประคองเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะยังจำสิ่งใดยังไม่ได้ แต่สัญชาตญาณภายในส่วนลึกของเขากลับบอกแก่เขาได้เป็นอย่างดี ว่าเขาเป็นบุคคลอันตรายที่สตรีไร้ค่าเช่นนางไม่ควรเข้าใกล้ หากเขาตวัดฝ่ามือเพียงนิด ไม่แน่ว่านางอาจจะไม่ทันได้กะพริบตา เรือนร่างงดงามของนางคงแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีเสียด้วยซ้ำ
เหม่ยหลินเหม่อมองสายตามืดดำของบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจอันใด นางทำได้เพียงกะพริบตากลมใสไร้เดียงสาที่เอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตาแค่เท่านั้น
ไม่ไปหาเพราะไม่อยากพูดเรื่องถอนหมั้นให้ระคายหู หรือเพราะติดใจใครอยู่กันแน่...หญิงสาวลอบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มอย่างรู้ทัน“ท่านช่วยถอนหมั้นเสียทีได้ไหม?”ไป๋เว่ยซินสกุลเฉินนับว่ามีชนชั้นที่สูงมากกว่าสกุลไป๋ดังนั้นอำนาจการตัดสินใจ สกุลไป๋ย่อมตกเป็นรอง เรื่องถอนหมั้นไป๋เว่ยซินจึงไม่อาจทำได้โดยง่ายนายท่านใหญ่เฉินมีเฉินเจียหมิงเป็นบุตรชายคนเดียว จึงทั้งรักและตามใจ การหมั้นหมายที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะบิดาของเฉินเจียหมิงทำตามความต้องการของบุตรชาย เมื่อหนึ่งปีก่อน เฉินเจียหมิงเกิดรักแรกพบกับไป๋เว่ยซิน เขาจึงบอกบิดาตามตรงอย่างไม่ปิดบังและออกปากให้บิดาไปเจรจาเกี่ยวดองเอาไว้เพื่อจับจองมิให้บุรุษอื่นหมายปองสตรีที่เขาพึงใจ ไป๋เว่ยซินต้องไม่เป็นของใครนอกจากเขาเมื่อสินสอดสกุลเฉินมาถึง สกุลไป๋ล้วนยินดีปรีดา ไป๋เว่ยซินเองก็มีใจตรงกัน นางชอบเฉินเจียหมิงเมื่อแรกเห็น ชายหญิงมีใจปฏิพัทธ์ ฐานะสูงส่งเหมาะสมคู่ควร ดุจกิ่งทองใบหยกดั่งคู่ยวนยางสวรรค์สร้าง การหมั้นหมายจึงเกิดขึ้นในปีนั้นอย่างไร้อุปสรรคท้ายที่สุดในปีนี้ การถอนหมั้นกลับมีอุปสรรคอย่างยิ่งแต่วันนี้ อุปสรรคที่ว่าคล้ายจะหายไปแล้ว เนื่องจา
สาวน้อยหันไปมองเฉินเจียหมิงเห็นเขามีสีหน้าบึ้งตึง แสดงออกว่าไม่พอใจในคำกล่าวของไป๋เว่ยซินชัดเจน ที่แท้สาเหตุที่เขาไม่ยอมไปหาคู่หมั้นตลอดหลายวัน เพราะถูกขอให้ถอนหมั้นหรอกหรือ? เขาไม่อยากถอนหมั้นปานนั้นเชียวหรือ?คำถามเกิดขึ้นในหัวใจ หลัวลี่ลี่รู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมา คำพูดเจียมเนื้อเจียมตัวที่มักพร่ำบอกล้วนไม่ใช่ความจริงหากพวกเขาถอนหมั้นกัน ตัวนางย่อมมีสิทธิ์แทนที่ ฐานะฮูหยินน้อยเป็นสิ่งที่หลัวลี่ลี่เริ่มมองเห็นรำไรนางมองเฉินเจียหมิงด้วยสองตาเปี่ยมความหวังทว่าเฉินเจียหมิงกลับเดินเข้ามาจับมือไป๋เว่ยซิน พานางเดินออกจากฝูงชน เข้าตรอกหนึ่งซึ่งเงียบสงัดกำลังดี “เจ้าหยุดพูดเรื่องถอนหมั้นเสียที ข้าบอกแล้วว่าไม่มีวัน! เราต้องแต่งงานกันเท่านั้น”ไป๋เว่ยซินพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เมื่อไม่ได้ผลนางจึงเชิดหน้าสบสายตาดุดัน“เพราะเหตุใด?”ชายหนุ่มแค่นเสียงลอดไรฟัน “เพราะข้ารักเจ้า และเจ้าก็รักข้า เรารักกัน!”หลัวลี่ลี่ที่เดินตามและยืนอยู่ใกล้ทั้งสองได้ยินชัดเจน สีหน้านางพลันไม่น่ามองไป๋เว่ยซินอยากจะหัวเราะนัก “เพราะรักข้าหรือ? รักอย่างไรถึงมีคนอื่น ข้าไม่เข้าใจท่านหรือท่านไม่เข้าใ
‘สาเหตุที่ห่างเหินเย็นชามิใคร่เข้าหาเช่นกาลก่อนเพราะนางเปลี่ยนไปหรือเขามีใครอื่นในใจตั้งแต่แรก’หญิงสาวยิ้มเย็น เป็นเช่นนี้ย่อมดีไม่น้อย...ไป๋เว่ยซินหลายวันแล้วที่เฉินเจียหมิงหายหน้าหายตาไป ไม่มาหาไป๋เว่ยซินเหมือนเฉกเดิมแน่นอนว่าความห่างเหินเช่นนี้ ไป๋เว่ยซินคนปัจจุบันไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอันใดทั้งสิ้น หากเป็นคนเก่าคงรีบทำขนมแล้วถือตะกร้าใบใหญ่ออกจากจวนไป๋ด้วยตัวเอง เพื่อไปหาเขาถึงจวนเฉินตั้งแต่เช้าในวันแรกที่คู่หมั้นหายหน้าครั้งก่อนที่ทำตัวหยาบคายและโวยวายเปิดโปงคู่หมั้น ล้วนจบลงที่นางถูกบิดามารดารุมต่อว่าต่อขานรุนแรงจนหูชาแค่นั้น หาได้พูดถึงเรื่องถอนหมั้นไม่กระนั้นการถูกต่อว่ามากมายหากเป็นคุณหนูบ้านอื่นคงเก็บตัวในเรือนของตนเพื่อสำนึกผิด หรือร้องไห้ฟูมฟายอดข้าวอดน้ำแทบตายทั้งเป็น แต่นางไม่ใช่ไป๋เว่ยซินยังคงขบคิดหาวิธีถอนหมั้นต่อไปนอกหน้าต่าง น้ำค้างพร่างพราวกระทบยอดหญ้า แสงแดดเริ่มฝ่าไอหมอกทอประกายลงมาอย่างอ่อนโยนอากาศปลายยามเหม่า[1]ค่อนข้างดีทีเดียวหลังจากรับมื้ออาหารเช้าเสร็จ ไป๋เว่ยซินจึงตัดสินใจออกจากเรือนไปเดินเที่ยว เผื่อสมองปลอดโปร่งโล่งกว่าเดิมนางไม่พาสาวใช้ไ
สาวน้อยอมยิ้มน่ารัก แอ่นกายให้เขา “ตรงนี้เจ้าค่ะ”กิริยานี้ผิดแผกจากตอนที่อยู่ข้างนอกดั่งฟ้ากับเหวชั่วขณะนี้เฉินเจียหมิงมัวแต่สนใจเพียงเนินอกขาวๆ ของหลัวลี่ลี่ และสาวน้อยก็สนใจเพียงฝ่ามือร้อนๆ ของเขา ไหนเลยจะล่วงรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าการยับยั้งชั่งใจ“พี่เจียหมิง” หลัวลี่ลี่เรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“หืม...” เขาขานเสียงนุ่ม ความร้อนรุ่มเริ่มก่อตัว“ข้าพูดจริงนะเจ้าคะ ข้ายินดีเป็นอนุของพี่เจียหมิง ไม่หวังสูงกว่านั้น ข้าจะอยู่อย่างเจียมตัวตั้งใจปรนนิบัติท่าน ข้าจะเบ่งเบาภาระพี่เว่ยซิน มอบความสุขให้ท่านทุกราตรี” วาจานางใจกว้างดุจมหาสมุทรอ่อนโยนดุจสายน้ำ จะมิให้เป็นการละลายบุรุษจนใจอ่อนยวบยาบได้อย่างไรเฉินเจียหมิงสูดลมหายใจเข้าอกลึก ซึมซับทุกวาจานี้เอาไว้พิจารณาอย่างดี ในขณะที่สายตาคมก็มิละจากเนินอกที่เริ่มพ้นสาบเสื้อจนหมิ่นเหม่เห็นความอวบอิ่มรำไร“เอาเป็นว่าข้ารู้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเกินไป รอให้ข้าแต่งงานก่อน ตกลงไหม?” เสียงเขาเริ่มทุ้มพร่าหลัวลี่ลี่ได้ฟัง ใบหน้าขาวนวลจึงประดับรอยยิ้มยินดีอย่างเอียงอาย เผยความสุขเฉกคนมักน้อยที่ทำให้คนมองต้องรู้สึกเอ็นดูในความเจียมเนื้อเจียมต
ในห้องหับส่วนตัวสาวน้อยรีบแก้ตัวด้วยสุ้มเสียงอ่อนหวานสะเทิ้นอาย“ญาติผู้พี่...เมื่อครู่นี้ ข้าเห็นบ่าวชายมองมาเจ้าค่ะ” เฉินเจียหมิงคล้ายถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง เขาก้มหน้ามองญาติผู้น้องนิ่งนาน จังหวะนั้นหลัวลี่ลี่พลันเงยหน้ามองสบตาอย่างใสซื่อ ในความไร้เดียงสาบนสีหน้ามีแววซุกซนอยู่ในประกายตา น่าค้นหาอย่างยิ่งมิรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ใบหน้าทั้งสองใกล้กันจนรับรู้ถึงลมหายที่รินรดในระยะประชิดพริบตานั้น ริมฝีปากของพวกเขาก็ค่อยๆ ประกบปิด การแนบชิดของกลีบปากเกิดขึ้นโดยมิได้นัดหมายชายหนุ่มยิ่งอึ้งงัน ไม่รู้ว่าเพราะไม่ทันผลักไสหรือร่างกายมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างเต็มใจกันแน่ หากแต่สัมผัสนุ่มลื่นจากริมฝีปากหอมหวานทำคนเคลิบเคลิ้มยากควบคุมได้อย่างแท้จริงชั่วครู่ต่อมา เฉินเจียหมิงพลันได้สติรู้ผิดชอบชั่วดี เขายกมือจับไหล่เล็กบางของหลัวลี่ลี่แล้วค่อยๆ ดันนางออกจากการจุมพิตอันแสนดูดดื่มอย่างใจกล้าอันหาได้ยากยิ่งนี้ สัมผัสวาบหวิวจึงหยุดลงก่อนความหวามไหวจะปั่นป่วนเรียกเลือดลมให้รุ่มร้อนมากไปกว่านี้“น้องลี่ เจ้าทำอะไร? อย่าทำเช่นนี้” เสียงทัดทานแหบพร่าฟังแทบไม่ออกหลัวลี่ลี่มีท่าทีกระเง้ากระงอด “ทำไ
ควรชิดใกล้หรือถอยห่าง บางอย่างในใจตีกันวุ่นวายจนสับสนปนเป แววตาคมเริ่มเข้มลึก ดวงตางามยิ่งซุกซนคนสองคนมองตากันยิ้มๆเฉินเจียหมิงจวนสกุลเฉินเฉินเจียหมิงหอบโทสะกลับบ้านมาราวพายุพัดพา อาจเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือสองเดือนให้หลังมานี้ที่เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เจอหน้าไป๋เว่ยซิน นาง...น่าเบื่อกระนั้นการถอนหมั้นกลับไม่เคยอยู่ในความคิด เพราะสำหรับเขา ไป๋เว่ยซินอ่อนหวานหยาดเยิ้มเหนือใคร นางรู้ตำราเก่งกาพย์กลอนน้ำใจงามและเหมาะสมคู่ควรกับเขาที่สุด สามารถเคียงข้างเชิดหน้าชูตาสามีได้ด้วยต้องการอยู่เงียบๆ คนเดียวเพื่อปรับอารมณ์ ชายหนุ่มจึงเลือกเดินไปยังทิศทางซึ่งเป็นมุมโปรดของตน หมายนั่งทอดอารมณ์ในศาลากลางสระน้ำ และเมื่อมาถึงจึงได้เห็นหลัวลี่ลี่กำลังอยู่ที่นั่นเช่นกัน นางกำลังให้อาหารปลา ท่วงท่ากิริยาซุกซนน่าเอ็นดูชายหนุ่มถึงขั้นมองเหม่อ รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินเข้ามาในศาลา ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของนางเสียแล้ว“วันก่อนเจ้าตกน้ำเปียกทั้งตัว หายป่วยดีแล้วหรือ?” เขาถามด้วยสุ้มเสียงทุ้มนุ่มเจือความห่วงใยหลายส่วน “ข้าขอโทษแทนเว่ยซินแล้วกัน นางไม่ควรทำเช่นนั้น”หลัวลี่ลี่หั






