Mag-log inยิ่งชายหนุ่มได้มองหญิงสาวนานเท่าไหร่ ใกล้เท่าใด ความรู้สึก ‘คิดถึง’ ยิ่งท่วมท้นล้นหัวใจหลังจากที่ตามหามานาน รอคอยตั้งแต่ชาติที่แล้วจวบจนชาตินี้ พลิกแผ่นดินตามหาทั้งทิวาและราตรีในที่สุดก็ได้เจอ...จ้าวซือหงทางเดินระหว่างห้องพักชั้นสามในโรงเตี๊ยม หลัวลี่ลี่จับมือพาเฉินเจียหมิงเดินมาอย่างร้อนรน วาจากระเง้ากระงอดโกรธกรุ่น“ข้าพยายามคุยกับพี่เว่ยซินแล้ว แต่นางไม่ฟังข้า นอกจากไม่ฟังไม่คิดเจรจายังไล่ข้าออกมาอย่างหยาบคาย จากนั้นนางก็หันไปคุยกับบุรุษผู้หนึ่ง ข้าลอบติดตามจึงแอบเห็นนางเปิดห้องเข้าไปกับบุรุษผู้นั้นเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั่วร่างของเฉินเจียหมิงเสมือนถูกความร้อนรุ่มรุมเร้า เคียดแค้นจนแสบเคืองร้อนผ่าวไปทั้งตัว“นางต้องการเอาคืนข้าด้วยวิธีต่ำช้ากระนั้นหรือ?”หลัวลี่ลี่ยกมือปาดน้ำตาที่เอ่อคลอด้วยกิริยางดงาม“ข้าไม่คิดว่าพี่เว่ยซินทำไปเพราะประชดประชันหรือเอาคืนหรอกเจ้าค่ะ เท่าที่เห็นนางกับชายคนนั้นเหมือนเป็นคู่รักกันจริงๆ อ๊ะ! ทางนี้เจ้าค่ะ ห้องนี้”หญิงสาวไม่รีรอให้พิรุธก่อเกิด หรือความคิดที่เตลิดของเฉินเจียหมิงเข้าที่เข้าทางและเริ่มไตร่ตรองจนหาเหตุผลเข้าข้างไป๋เว
ลำตัวหญิงสาวชาวาบ นึกแค้นที่ตัวเองใจดีเกินไป หลัวลี่ลี่เลวกว่าที่นางคิดเอาไว้ สตรีที่คบชู้ สตรีที่ถูกย่ำยี จะมีชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไร อย่าว่าแต่ในยุคโบราณเลย ยุคศตวรรษที่21 ก็ใช่ว่าจะง่าย มันคือฝันร้าย คือคนหนึ่งคนต้องตายทั้งเป็นตลอดไปจังหวะชายกักขฬะเริ่มโน้มกายทำท่าคร่อมตัวลงมา ไป๋เว่ยซินรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย ม้วนตัวพลิกไปอีกด้านของเตียงนอน ก่อนวิ่งไปเปิดประตูหลังห้องออกไปที่ระเบียงนางคงต้องทิ้งตัวลงไปจากตรงนี้ มิเช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะหนีรอดเงื้อมมือปีศาจราคะทว่าความคิดนั้นพลันต้องหยุดลง เมื่อระเบียงตรงนี้คือชั้นสาม ก้มหน้ามองลงไป คาดว่าหากกระโดดคงไม่พ้นกระดูกหักตาย หญิงสาวเกาะรั้วระเบียงแน่น เหงื่อแตกพลั่ก“โอ้! ฤทธิ์เยอะเสียด้วย หึหึ! ข้าชอบแบบนี้” ชายกักขฬะยกมือลูบปากเดินย่างสามขุมมาหา มั่นใจว่าคนงามหนีไม่รอดแน่นอน ใครจะกล้ากระโดดกันเล่าเสี้ยวเวลานั้น ไป๋เว่ยซินไม่คิดอะไรแล้ว นางกัดฟัน เค้นพลังทั้งหมดปีนระเบียงข้ามไปอีกห้องหนึ่งที่ติดกันทันที“เฮ้ย! เจ้า! บัดซบนัก!” ไป๋เว่ยซินได้ยินชายผู้นั้นสบถ ต่อด้วยคำด่าทอรุนแรง ซึ่งนางไม่เสียเวลาฟัง เมื่อข้ามระเบียงมาได้สำเร็จ
สาวน้อยไม่เถียง เพียงก้มหน้าน้อยๆ อมยิ้มเอียงอาย ซึ่งหมายความว่ายอมรับนั่นล่ะ ยอมรับแบบไร้ยางอาย...แน่ล่ะ ผู้หญิงที่คิดฉกฉวยแย่งชิงผู้ชายจากผู้อื่นล้วนเป็นเช่นนี้ ไป๋เว่ยซินนึกอยากให้เฉินเจียหมิงมาเห็นอีกด้านของสาวน้อยบัวขาวดอกนี้จริงๆ แต่นางไม่ใจดีขนาดนั้น บุรุษอย่างเฉินเจียหมิงเหมาะสมยิ่งนักกับหลัวลี่ลี่ไป๋เว่ยซินคนเก่านับว่าหมดเคราะห์อย่างแท้จริง“ข้าขอถาม เจ้ากับเขาถึงขั้นไหนกันแล้ว” ไป๋เว่ยซินเอ่ยถามอย่างใจเย็น “ข้าแค่อยากรู้เท่านั้น เจ้าไม่ต้องคิดมาก ตอบตามตรงได้เลย”หลัวลี่ลี่ยกมือจิ้มปลายคางทำท่าทางซุกซนน่ารัก กิริยาเช่นนี้ล่ะที่ถูกใจเฉินเจียหมิง ซึ่งแตกต่างจากไป๋เว่ยซินที่นุ่มนวลอ่อนโยนและเรียบร้อยอ่อนหวานไม่เท่าทันใครหลัวลี่ลี่เอ่ยโอ้อวด “แค่จูบแล้วก็อย่างที่เห็นเจ้าค่ะ” นางยกมือลูบไล้ลำคอตนว่าต่อ “เกินเลยกว่านั้นยังไม่เคย แต่หากเขากับพี่สาวถอนหมั้นกัน ข้าจะยอมให้เขาทำมากขึ้น เพื่อให้ได้แต่งงานกับเขาเจ้าค่ะ” นางอมยิ้มขวยเขิน “เพราะเป็นพี่เว่ยซินข้าถึงบอก ไม่คิดปิดบังให้ท่านต้องโง่เขลานานเกินไป”ไป๋เว่ยซินพยักหน้า “ดี...นับว่าเจ้ายังฉลาดอยู่มาก”นี่คือการสนทนาแบบเปิดอกระ
ไม่ไปหาเพราะไม่อยากพูดเรื่องถอนหมั้นให้ระคายหู หรือเพราะติดใจใครอยู่กันแน่...หญิงสาวลอบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มอย่างรู้ทัน“ท่านช่วยถอนหมั้นเสียทีได้ไหม?”ไป๋เว่ยซินสกุลเฉินนับว่ามีชนชั้นที่สูงมากกว่าสกุลไป๋ดังนั้นอำนาจการตัดสินใจ สกุลไป๋ย่อมตกเป็นรอง เรื่องถอนหมั้นไป๋เว่ยซินจึงไม่อาจทำได้โดยง่ายนายท่านใหญ่เฉินมีเฉินเจียหมิงเป็นบุตรชายคนเดียว จึงทั้งรักและตามใจ การหมั้นหมายที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะบิดาของเฉินเจียหมิงทำตามความต้องการของบุตรชาย เมื่อหนึ่งปีก่อน เฉินเจียหมิงเกิดรักแรกพบกับไป๋เว่ยซิน เขาจึงบอกบิดาตามตรงอย่างไม่ปิดบังและออกปากให้บิดาไปเจรจาเกี่ยวดองเอาไว้เพื่อจับจองมิให้บุรุษอื่นหมายปองสตรีที่เขาพึงใจ ไป๋เว่ยซินต้องไม่เป็นของใครนอกจากเขาเมื่อสินสอดสกุลเฉินมาถึง สกุลไป๋ล้วนยินดีปรีดา ไป๋เว่ยซินเองก็มีใจตรงกัน นางชอบเฉินเจียหมิงเมื่อแรกเห็น ชายหญิงมีใจปฏิพัทธ์ ฐานะสูงส่งเหมาะสมคู่ควร ดุจกิ่งทองใบหยกดั่งคู่ยวนยางสวรรค์สร้าง การหมั้นหมายจึงเกิดขึ้นในปีนั้นอย่างไร้อุปสรรคท้ายที่สุดในปีนี้ การถอนหมั้นกลับมีอุปสรรคอย่างยิ่งแต่วันนี้ อุปสรรคที่ว่าคล้ายจะหายไปแล้ว เนื่องจา
สาวน้อยหันไปมองเฉินเจียหมิงเห็นเขามีสีหน้าบึ้งตึง แสดงออกว่าไม่พอใจในคำกล่าวของไป๋เว่ยซินชัดเจน ที่แท้สาเหตุที่เขาไม่ยอมไปหาคู่หมั้นตลอดหลายวัน เพราะถูกขอให้ถอนหมั้นหรอกหรือ? เขาไม่อยากถอนหมั้นปานนั้นเชียวหรือ?คำถามเกิดขึ้นในหัวใจ หลัวลี่ลี่รู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมา คำพูดเจียมเนื้อเจียมตัวที่มักพร่ำบอกล้วนไม่ใช่ความจริงหากพวกเขาถอนหมั้นกัน ตัวนางย่อมมีสิทธิ์แทนที่ ฐานะฮูหยินน้อยเป็นสิ่งที่หลัวลี่ลี่เริ่มมองเห็นรำไรนางมองเฉินเจียหมิงด้วยสองตาเปี่ยมความหวังทว่าเฉินเจียหมิงกลับเดินเข้ามาจับมือไป๋เว่ยซิน พานางเดินออกจากฝูงชน เข้าตรอกหนึ่งซึ่งเงียบสงัดกำลังดี “เจ้าหยุดพูดเรื่องถอนหมั้นเสียที ข้าบอกแล้วว่าไม่มีวัน! เราต้องแต่งงานกันเท่านั้น”ไป๋เว่ยซินพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เมื่อไม่ได้ผลนางจึงเชิดหน้าสบสายตาดุดัน“เพราะเหตุใด?”ชายหนุ่มแค่นเสียงลอดไรฟัน “เพราะข้ารักเจ้า และเจ้าก็รักข้า เรารักกัน!”หลัวลี่ลี่ที่เดินตามและยืนอยู่ใกล้ทั้งสองได้ยินชัดเจน สีหน้านางพลันไม่น่ามองไป๋เว่ยซินอยากจะหัวเราะนัก “เพราะรักข้าหรือ? รักอย่างไรถึงมีคนอื่น ข้าไม่เข้าใจท่านหรือท่านไม่เข้าใ
‘สาเหตุที่ห่างเหินเย็นชามิใคร่เข้าหาเช่นกาลก่อนเพราะนางเปลี่ยนไปหรือเขามีใครอื่นในใจตั้งแต่แรก’หญิงสาวยิ้มเย็น เป็นเช่นนี้ย่อมดีไม่น้อย...ไป๋เว่ยซินหลายวันแล้วที่เฉินเจียหมิงหายหน้าหายตาไป ไม่มาหาไป๋เว่ยซินเหมือนเฉกเดิมแน่นอนว่าความห่างเหินเช่นนี้ ไป๋เว่ยซินคนปัจจุบันไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอันใดทั้งสิ้น หากเป็นคนเก่าคงรีบทำขนมแล้วถือตะกร้าใบใหญ่ออกจากจวนไป๋ด้วยตัวเอง เพื่อไปหาเขาถึงจวนเฉินตั้งแต่เช้าในวันแรกที่คู่หมั้นหายหน้าครั้งก่อนที่ทำตัวหยาบคายและโวยวายเปิดโปงคู่หมั้น ล้วนจบลงที่นางถูกบิดามารดารุมต่อว่าต่อขานรุนแรงจนหูชาแค่นั้น หาได้พูดถึงเรื่องถอนหมั้นไม่กระนั้นการถูกต่อว่ามากมายหากเป็นคุณหนูบ้านอื่นคงเก็บตัวในเรือนของตนเพื่อสำนึกผิด หรือร้องไห้ฟูมฟายอดข้าวอดน้ำแทบตายทั้งเป็น แต่นางไม่ใช่ไป๋เว่ยซินยังคงขบคิดหาวิธีถอนหมั้นต่อไปนอกหน้าต่าง น้ำค้างพร่างพราวกระทบยอดหญ้า แสงแดดเริ่มฝ่าไอหมอกทอประกายลงมาอย่างอ่อนโยนอากาศปลายยามเหม่า[1]ค่อนข้างดีทีเดียวหลังจากรับมื้ออาหารเช้าเสร็จ ไป๋เว่ยซินจึงตัดสินใจออกจากเรือนไปเดินเที่ยว เผื่อสมองปลอดโปร่งโล่งกว่าเดิมนางไม่พาสาวใช้ไ







