Beranda / โรแมนติก / จะรักหรือจะร้าย / จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 2 | คนแบบยาหยี

Share

จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 2 | คนแบบยาหยี

Penulis: ACHICHI
last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-14 20:05:32

EPISODE 2

คนแบบ ‘ยาหยี’

โรงแรม K

งานแต่งงานใหญ่โตถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกเหรื่อกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นใครไม่รู้ที่ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และคิดว่าคนเป็นเจ้าบ่าวก็คงจะเหมือนกัน เอาง่าย ๆ ก็คือแขกที่ถูกเชิญมาในงานเป็นพวกผู้ดีมีอันจะกิน สังเกตได้จากที่แต่ละคนแทบจะใส่เครื่องเพชรทั้งหมดที่มีมา ไม่ก็เป็นคนที่คอนเน็กชันเยอะ เดินคุยกับคนนู้นคนนี้ไปทั่ว

            งานแต่งงานคนรวยก็แบบนี้… มีแต่ธุรกิจ…

            ถึงการเจอหน้ากันเมื่อเดือนก่อนจะไม่เป็นที่น่าประทับใจก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรนัก ยังไงก็เป็นหน้าที่ของพวกผู้ใหญ่ที่จะเจรจาตกลงกันเรื่องธุรกิจอยู่ดี เพราะระหว่างเราทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งกันเพราะความรักอยู่แล้ว

            ร่างสูงโปร่งดูดีออราจับในชุดทักซีโดสีขาวสะอาดตา เรือนผมสีดำถูกเซตเป็นทรงเรียบร้อย เป๊ะปังตั้งแต่หัวจรดเท้า หล่อเหลายิ่งกว่าครั้งก่อนที่ได้พบกันเป็นเท่าตัว แม้ว่าหน้าจะยังไม่รับแขกเหมือนเดิม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเขาช่างเป็นเจ้าบ่าวที่ดูราวกับหลุดออกมาจากอีกโลก หากตัดเรื่องนิสัยออกไปใคร ๆ ก็คงคิดว่าฉันโชคดีที่ได้สามีเบ้าหน้าฟ้าประทานเบอร์นี้แน่นอน

            ตลอดเวลาพิธีการเราสองคนไม่ได้เปิดปากคุยกันเลย มีก็แค่สบตากันครั้งถึงสองครั้งเท่านั้น และตอนที่ฉันพยายามปั้นหน้ายิ้มให้เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดี อีกคนกลับเบือนหน้าหนีไร้การผูกมิตรใด ๆ หรือกระทั่งยิ้มตอบสักนิดยังไม่มี

ช่างเป็นคู่แต่งงานที่ชื่นมื่นเสียจริง…

            ถึงจะเป็นงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว แต่เอาเข้าจริงแขกในงานก็มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่อย่างที่บอก ไม่มีเพื่อนสนิทมิตรสหายของเราทั้งคู่เลยสักคน ตัวฉันเองไม่ต้องการให้ใครมารู้เรื่องงานแต่งที่เกิดขึ้นเพราะต้องการหาเงินใช้หนี้มหาศาลของครอบครัว ส่วนอีกคนที่ก็ดูไม่เต็มใจจะแต่งตั้งแต่แรกอยู่แล้วเลยคงไม่อยากให้ใครรับรู้กระมัง

            แม้ว่าทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่น เวลาล่วงเลยลากยาวไปจนถึงธรรมเนียมส่งตัวเข้าห้องหอที่ก็เป็นห้องสวีตของโรงแรมที่ใช้จัดงานนั่นแหละ เราก็ยัง… ไม่ได้พูดกันเลยแม้แต่คำเดียว…

            ทันทีที่บานประตูปิดลงท่ามกลางสีหน้ายินดีปรีดาของครอบครัวเราทั้งคู่ คนที่นั่งอยู่ที่ขอบเตียงคิงไซซ์ซึ่งโรยดอกกุหลาบเป็นรูปหัวใจข้างกับฉันก็ทักทายกันเป็นครั้งแรกด้วยการถอนหายใจเสียงดัง ทิ้งแผ่นหลังลงบนเตียง สภาพหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด เฮียครามหลับตาลงราวกับเหนื่อยหนักกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาตลอดวัน

            บรรยากาศอึมครึมกดดันขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ฉันได้แต่นั่งทอดสายตามองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกประหม่าระคนตื่นเต้นที่จะได้มีสามีเป็นตัวเป็นตนเป็นครั้งแรกทั้งในทางนิตินัยรวมถึงพฤตินัย หัวใจก็เกิดจะเต้นตึกตักขึ้นมา

ก็แหม… เจ้าบ่าวหล่อขนาดนี้…

            บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเต็มใจที่จะแต่งโดยไร้ซึ่งข้อกังขาใด ๆ เหตุผลไม่เห็นต้องมี…

            ฉันเองก็ไม่เห็นจะเข้าใจไอ้พวกละครหลังข่าวเลยสักนิดเหมือนกัน เวลาโดนจับแต่งงานแบบที่ว่าบ้านพระเอกรวยโคตร ๆ อภิมหึมามหาเศรษฐี ซ้ำยังหล่อเหลาเบอร์นั้น พวกนางเอกจะคัดค้านไปเพื่ออะไร

            ชีวิตจริงถ้าไม่มีคนรัก… และมาเจอแบบนี้ เป็นใครไม่เอาบ้างถามจริง!

            อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองน่ะแหละ…

นี่คือคำพูดที่พวกผู้ใหญ่มักจะพูดกัน และฉันเองก็เห็นด้วย เลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้สึกฝืนใจอะไร…

            เวลาผ่านไปก็หลายนาทีจนเกือบจะคิดว่าเฮียครามหลับไปแล้วเพราะเอาแต่นอนนิ่ง เลยถือโอกาสก้มหน้าลงไปสังเกตดวงหน้าคมชัดราวกับเทพปั้นในระยะประชิด คนที่เกิดมาทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้… นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเหตุผลอะไรที่ยอมตกปากรับคำแต่งงานกับฉันในตอนสุดท้าย ทั้งที่ตลอดวันก็ไม่ได้แสดงท่าทียินดีปรีดาอะไรเลย

            แต่แล้วจังหวะนรกก็พลันเกิดขึ้นตอนที่ฉันยังคงตะแคงตัวนอนลอบมองเขาอยู่อย่างนั้น เปลือกตาที่ปิดสนิทมาเกือบสิบนาทีก็เปิดขึ้น นัยน์ตาคมกริบหันมามองหน้ากันด้วยอากัปกิริยานิ่งสนิท เป็นตัวฉันเองที่เกิดจะทำตัวไม่ถูกขึ้นมา เพราะตอนนี้ตัวเองคงดูเหมือนลุงหัวงูที่กำลังจ้องจะเขมือบเด็กสาวขณะหลับ

            และเฮียครามก็คงจะคิดแบบเดียวกันแน่ ๆ ถึงได้รีบผุดตัวลุกขึ้นนั่ง ทำให้ฉันต้องรีบลุกขึ้นตาม พยายามเก็บอาการน้ำลายหกของตัวเองเอาไว้ ต้องสงวนกิริยาท่าทีแบบคนเป็นกุลสตรีทั่วไปเขาทำกัน

            “เฮียจะอาบน้ำก่อนไหม?” เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันนรกมากไปกว่านี้ ท้ายที่สุดฉันก็เป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นก่อน

            “ไม่ต้อง”

และนี่คงเป็นคำแรกที่ฉันได้ยินจากปากคนเป็นสามีที่ถึงกับลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อสูทออกโยนไปทางอย่างไม่ไยดี ขายาวก้าวไปเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำดับกระหาย สายตายังคงชำเลืองมองมาอย่างไม่ไว้ใจกัน

            แหม… อาการแบบนั้นมันต้องเป็นของผู้หญิงไหมล่ะวะ!

            “แล้วเราจะทำกันทั้งอย่างนี้เลยเหรอ?”

            “ไม่ต้องทำอะไรสมจริงมากก็ได้” ร่างสูงหมุนตัวกลับมาคลายหูกระต่ายออกจากคอ พร้อมทั้งดึงกระดุมเสื้อออกด้วยท่าทางหงุดหงิด ทั้งยังทำเป็นเมินคำเชื้อเชิญจากสุภาพสตรีแบบฉันอีกต่างหาก

            “หมายความว่าไง?”

            “…”

            “วันนี้วันปลอดภัย ไม่ต้องกลัวหรอก ถึงจะไม่มีถุงยางก็ไม่เห็นต้องซี… ยังไงก็แต่งกันแล้ว” ฉันว่าพลางปลดเครื่องประดับออกบ้าง

            “ไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้ แต่งจบอยากเลิกเมื่อไรก็แยกย้าย”

            “แล้วทำไมหยีต้องทำงั้นด้วย?”

ฉันเงยหน้าขึ้นมอง อดจะทำสีหน้ากวนประสาทอย่างเสียไม่ได้ ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาเพราะนี่ก็นับได้ว่าเป็นครั้งที่สองแล้วที่เขายกเรื่องนี้มาพูด

            “…แล้วอยากแต่งนักรึไง?”

            “ก็แต่งแล้ว”

            “แต่งแล้วก็หย่าได้ ไม่ต้องให้มันสมจริงไรนัก ต่างคนต่างใช้ชีวิต…”

            “นั่นมันความคิดเฮียคนเดียว หยีไม่ได้คิดจะหย่า”

            “…”

            “คุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณป้า เขาก็ใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น ยังอยู่กันได้ไม่เห็นเลิกกัน…”

            “…”

            “หยีไม่ซี… และเฮียก็ไม่เห็นจะต้องรู้สึกเสียหายตรงไหน ตัวเองเป็นผู้ชายแท้ ๆ”

            “สรุปว่าพร้อมจะอยู่กินกันฉันผัวเมีย?”

            “ก็แต่งแล้วนี่” ฉันอึกอักไปเล็กน้อย ละสายตากลับมาพยายามปลดชุดเจ้าสาวหนักอึ้งอย่างทุลักทุเล โดยที่อีกคนไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วย

            ร่างสูงที่ยืนอยู่ห่างออกไปมีสีหน้าเคร่งเครียด เรียวคิ้วยังคงขมวดเข้าหากันอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าฉันเป็นคนประหลาดแค่ไหนที่ไม่ยอมรับข้อเสนอเรื่องหย่าบ้าบออะไรนั่น คงคิดว่าจะดีใจกระมังที่จะได้ใช้ชีวิตอิสระอีกครั้งถ้าหากว่าตอบรับออกไป

            แต่บอกแล้วไงว่าไม่…

            คนเป็นสามีออกจะหล่อรวยขนาดนี้ ใครจะโง่หย่าบ้างถามจริง ถ้าไม่ใช่ในละคร…

           

            หนึ่งชั่วโมงต่อมา

            กว่าจะถอดชุดแต่งงานเวรนั่นได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก ซ้ำพออาบน้ำแต่งตัวออกมาก็ต้องพบว่าอีกคนนอนหลับไปแล้ว แบบง่าย ๆ เลยด้วย รองเท้ายังไม่ถอดเลย

            มันชักจะหยามน้ำหน้ากันเกินไปแล้วนะเฮ้ย! เมียสวยขนาดนี้นอนหลับเข้าไปได้ยังไง?

            อาจจะดูใจกล้าบ้าบิ่นมากเกินไปหน่อยกับสิ่งที่ฉันกำลังตัดสินใจที่จะทำ แต่เพราะตั้งใจมาแล้วว่าคืนนี้จะต้องเสียตัวให้ได้ ตอนนี้ผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มเรือนร่างอยู่ก็เลยร่วงหล่นลงไปบนพื้น

            สัมผัสเย็นเยียบของเครื่องปรับอากาศตกกระทบผิวหนังจนขนกายลุกชัน แม้จะทำใจมาแล้วอย่างที่ว่า พอเอาเข้าจริงใบหน้าก็เกิดจะเห่อร้อนขึ้นมา หัวใจเต้นตูมตามไม่เป็นจังหวะ ขาสั่นหนักสองข้างคลานขึ้นบนเตียงนุ่มที่คงจะติดสปริงอย่างดี ชวนให้จินตนาการในใจเตลิดไปไกล

            คนที่นอนอยู่คงจะรู้สึกตัวเพราะการเคลื่อนไหวของฉัน ใบหน้าง่วงงุนแปรเปลี่ยนเป็นตกใจ รีบขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เฮียครามดูติดขัดไปไม่มากก็น้อยเมื่อเห็นว่าฉันคิดจะทำอะไร

            สายตาสนิทนิ่งคู่นั้นดูจะชะงักไป และแค่เราจ้องตากันแบบนี้ ฉันก็เกิดจะเขินขึ้นมา รู้สึกได้ว่าไอร้อนจากเรือนกายเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขยับเข้าไปใกล้อีก ใจก็ยิ่งเต้นแรง ถึงจะใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้ แต่ขอไม่โกหกแล้วกันว่านี่… เป็นครั้งแรกของฉันเอง

            เฮียครามลากสายตามองผ่านเรือนร่างกันอีกครั้ง แต่แล้วก็เบนสายตาไปทางอื่น หลับตาลงพร้อมทั้งยกมือขึ้นกุมขมับ น้ำเสียงเครียดหนักเอ่ยออกมา

            “ไม่ต้องทำขนาดนี้”

            “หยีไม่ได้รู้สึกฝืนอะไร”

            ฉันไม่พูดเปล่าแต่คลานเข้าไปหาจนประชิดตัว คนเป็นเจ้าบ่าวไม่ได้ขยับตัวถอยหนี แต่สีหน้าก็ไม่ได้บ่งบอกว่ามีอารมณ์ เขายังคงจ้องกันนิ่งแบบที่ก็อ่านไม่ออกเหมือนกันว่ากำลังคิดอะไร

            ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเพราะการที่จะเข้าหาผู้ชายก่อนมันต้องใช้ความกล้ามหาศาล ไม่ได้ง่ายดายเหมือนเวลาดูละคร หรืออ่านนิยายติดเรต ที่สาว ๆ ช่างกล้าแสนกล้า ยั่วผู้ชายกันเก่งราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย แต่เรื่องจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

            แต่ฉันจะทำ…

            เพียงแค่เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนถึงระยะที่สามารถจูบได้ คนตรงหน้าก็ใช้มือยันหัวของฉันไว้ คิ้วเข้มขมวดหนัก แต่ฉันกลับปัดมันทิ้งไป พยายามจะจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนอีกคนจะหมดความอดทน ผลักร่างฉันลงบนเตียง

            เฮียครามเม้มปากจนแทบจะเป็นเส้นตรงตอนที่โน้มตัวลงมาจนใกล้ หัวใจฉันกระหน่ำเต้นแรงเมื่อคิดว่าเขาคงไม่ตายด้านขนาดที่ว่าผู้หญิงอ่อยเบอร์แรงขนาดนี้แล้วยังจะเมิน

            ฝ่ามือหนาสัมผัสเข้ากับกลางกายอย่างอุกอาจแบบที่เล่นเอาฉันเบิกตาโต และวินาทีเดียวกันความอ่อนนุ่มที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาตลอดยี่สิบสองปีก็ถูกเรียวนิ้วรุกล้ำเข้ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

            ถึงจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบที่ไม่ตั้งตัว แต่ฉันก็หลับตาลงจินตนาการถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในลำดับถัดไป รู้สึกเขินหนักจนลมหายใจติดขัดตอนที่ความคับแน่นถูกเสียดสีลึกเข้าไปด้านใน แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงถอนหายใจหนักหน่วงก็ทำให้ต้องลืมตาขึ้นมอง

            เฮียครามดึงตัวเองกลับไป พร้อมทั้งถอนสัมผัสนั้นออกไปด้วย ดวงหน้าคมคายหันหนีไปทางอื่นก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัด

            “ครั้งแรกแบบนี้ เฮียไม่อยากทำ”

            “…” ฉันเบิกตาโตอย่างหมดคำจะพูด ต้องให้ผ่านผู้ชายมาสักสิบคนก่อนหรือไงถึงจะทำ!

            “เก็บไว้ให้คนรักไม่ดีกว่ารึไง… อีกอย่างระหว่างเราอาจจะไปกันไม่รอด ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น”

            “ก็บอกแล้วไงว่าหยีจะไม่หย่า” ฉันเริ่มปั้นหน้าบึ้ง รู้สึกเดือดปุด ๆ ขึ้นมาเมื่อโดนปฏิเสธซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ ความสาวความสวยที่ตัวฉันเองภูมิอกภูมิใจนักหนา อีกคนกลับไม่ได้อยากจะรับมัน

            “…”

            คนตรงหน้าหันกลับมามอง เราเล่นเกมจ้องตากันอยู่เกือบนาที ร่างกายเปล่าเปลือยของฉันเริ่มจะสั่นขึ้นมาเพราะอากาศหนาวเย็น และสิ่งที่อีกคนทำก็คือดึงผ้าห่มออกมาโยนให้ ตั้งท่าจะเดินหนี แต่ฉันรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ ใช้ความหน้าด้านทั้งหมดที่ยังพอจะหลงเหลืออยู่รั้งกายคนตัวโตล้มลงบนเตียง ก่อนจะใช้ขาสองข้างคร่อมร่างกายเขาเอาไว้

            ถึงสถานการณ์จะแปลกไปหน่อย แทนที่ผู้ชายจะเป็นฝ่ายรุกรานผู้หญิงก่อน แต่ตอนนี้ฉันผู้ซึ่งเป็นผู้หญิงต้องทำหน้าที่แทน ก็ช่างมันแล้วกัน! นี่มันสมัยไหนแล้ว! ถ้ามัวแต่รอก็ได้แห้งตายพอดี

            ทั้งฉันเองก็ยังมีผลประโยชน์สำคัญด้วยอีกต่อหนึ่งแบบที่สำคัญมากจนต้องลงมือทำอะไรที่ช่างไร้ความเป็นกุลสตรีแบบนี้ เพราะงั้น… เรื่องหน้าบางเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน

            “ลงไป”

น้ำเสียงเครียดหนักของคนใต้ร่างเอ่ยขึ้น และทำท่าจะอุ้มฉันออกจากตัว แต่ตอนนั้นเองที่ยาหยีคนนี้กลั้นใจก้มลงไปประทับจูบเข้าใส่อย่างรวดเร็ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 3

    EPISODE 50ตอนพิเศษ 3 วันต่อมา ผมตื่นแล้ว… เพราะเสียงรัวกดกริ่งดังไม่หยุดที่หน้าบ้านนั่น ให้เดาก็คงเป็นไอ้พริกกับไอ้รามนั่นแหละ แต่ต่อให้เสียงกริ่งจะดังแค่ไหนก็ดูเหมือนคนข้าง ๆ จะไม่ได้ยิน รู้อีกทีผมก็อุ้มหลานพาดบ่า ถือตะกร้าขวดนมเดินลงมาข้างล่าง สภาพสะลึมสะลือขีดสุดเพราะแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน นัยน์ตาต้องหรี่ลงเพราะแสงอาทิตย์จ้าในช่วงสายของวัน “สภาพน่ารักแบบนี้กูต้องอัดรูปใส่กรอบแล้วมั้ง” เสียงร่าเริงของไอ้ห่ารามดังขึ้น พร้อมกันมันก็รีบยกโทรศัพท์รัวถ่ายรูปยกใหญ่ “ยิ้มเป็นไงบ้าง?” พอประตูเปิด คนเป็นแม่รีบรับลูกต่อไป ท่าทางเป็นห่วง ผมส่งต่อตะกร้านมให้ไอ้ราม ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน “ขี้ทั้งคืน มึงรีบพาไปหาหมอเลย” “โถ…” “แค่นี้นะ กูจะไปนอน” “ตอนเย็นมาแดกข้าวด้วย” เสียงไอ้รามยังคงดังต่อ ผมไม่ได้สนใจเพียงแค่หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน โบกมือให้มันนิดหน่อยเท่านั้น พอขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าหยีเหมือนจะเพิ่งตื่น หัวผงกขึ้นมองเล็กน้อย นัยน์ตาใสปรือมองก่อนจะตบที่นอน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 2

    EPISODE 49ตอนพิเศษ 2 หลายชั่วโมงต่อมา “เฮียชงนมเสร็จรึยัง?” “แป๊บ” “ยิ้มร้องไม่หยุดเลยทำไงดี?” “เดี๋ยวเฮียอุ้มเอง หยีไปอาบน้ำได้แล้ว” “ไม่เอาอะ” ผมเดินกลับมาหาคนที่กำลังยืนอุ้มหนูยิ้มพาดบ่า เสียงร้องไห้โยเยดังมาได้ร่วมชั่วโมงแล้วแบบไม่มีพัก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ้มถึงได้ร้องไม่หยุดแบบนี้ แต่จะให้โทรไปบอกให้พริกก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวแม่งไม่เป็นอันทำห่าอะไรกันพอดี หยีไม่ยอมให้เอายิ้มมา กลับเดินหนีไปอีกทาง วางร่างเล็กของหลานไว้บนเตียงก่อนจะป้อนนมเข้าปากเล็กนั่น และพอได้จับขวดนม นัยน์ตาใสแป๋วที่เมื่อครู่มีน้ำตาคลอก็ชะงักเงียบไป มืออ้วนป้อมจับขวดนมถือเอง พลิกตัวไปทางเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ผมเม้มปากกลั้นยิ้ม ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ แม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำแต่เพราะสถานการณ์เมื่อครู่ทำให้แอบเหนื่อยไม่น้อย ทั้งที่ปกติหนูยิ้มเป็นเด็กที่ไม่ค่อยร้อง แต่อาจจะเป็นเพราะห่างพ่อห่างแม่ทำให้เกิดอาการร้องไม่หยุดแบบนี้ ก็เด็กนั่นแหละ แถมเป็นหลานผมด้วย จะบอกว่ารักเหมือนลูกตัวเองก็คงไม่ผิดนัก

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 1

    EPISODE 48ตอนพิเศษ 1 KRAM TALKS เวลาผ่านเลยไปก็หลายเดือน ทุกอย่างดูสงบสุขดี เว้นก็แต่… หยีไม่ยอมกินข้าวเลย เอาแต่ทำงาน ซ้ำยังไม่มีเวลาให้คนเป็นสามีแบบผมด้วย และใช่… มันน่าหงุดหงิด อยากจะจับมาฟัดสักทีสองที บรรยากาศในบ้านช่วงบ่ายอ่อน ๆ ที่แสนจะเงียบเชียบ มีเสียง ‘ต๊อกแต๊ก ๆ’ ดังอยู่เหมือนเช่นทุกวัน ต่อให้ผมเดินผ่าน หรือเปิดประตูบ้านเข้ามา คนที่กำลังนั่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ใส่แว่นตาทรงโต ในรูจมูกข้างหนึ่งมียาดมเสียบเอาไว้ ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจกันเลยแม้แต่นิด ช่วงนี้หยีจริงจังกับการเขียนนิยายมากจนผมไม่อยากจะไปกวน แต่บางทีมันก็แอบอยากอยู่ด้วย อยากชวนไปข้างนอก ไม่ก็ชวนหาอะไรทำ… เราไม่ได้เข้านอนพร้อมกันมาร่วมเดือนแล้ว และเรื่องพวกนั้นก็แทบไม่ได้ทำกันเลย เพราะน้องมันเอาแต่ทำงาน พอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับเป็นตาย ใครแม่งจะไปกล้ากวน แต่เพราะระยะนี้เจ้าตัวออกจะอาการหนักเกินไปสักหน่อย ถึงขั้นไม่กินข้าวกินปลาเหมือนตอนก่อนนู้นสมัยที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกันแรก ๆ ผมเลยตั้งใจว่าอาจจะต้องบังคับให้เมียหยุดทำงาน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 47 | ก้าวไปข้างหน้า

    EPISODE 47ก้าวไปข้างหน้า หลายเดือนต่อมา “กรี๊ด!!!!!!” “อะไร…” “เฮีย! ตื่นมาดูนี่เร็ว!” “…” คนข้าง ๆ ยกหัวขึ้นมามองในตอนที่ฉันกำลังส่องหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู มือไม้สั่นหนักจนเฮียครามต้องดึงไปดูเอาเอง คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจจนฉันต้องดึงมันกลับมาดูอีกครั้ง ส่งเสียงวี้ดว้ายไปมาอย่างหยุดไม่อยู่ “เฮีย! นิยายของหยี… ได้ขึ้นหน้าหนึ่งขายดีแล้วนะ!!!” “อืม…” “เฮียอะ!! ไม่ดีใจหน่อยเหรอ?” “ดีใจดิ” “เฮียดูสิ ๆ ๆ หยีตื่นเต้นอะ!” “ใจเย็น” คนข้าง ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหัวเราะออกมาเบา ๆ ดึงเอาตัวฉันไปกอดจูบลงบนเรือนผมกันสองสามที ถึงจะไม่ได้แสดงอาการดีอกดีใจได้มากไปกว่านี้ แต่แค่นี้สำหรับคนแบบเฮียแล้วก็ถือว่าโอเค… และใช่… หลังจากที่ฉันตั้งอกตั้งใจเขียนนิยายต่อเนื่องกันอยู่หลายเดือนแบบที่เรียกได้ว่าข้าวปลาไม่สนใจจะกิน ตอนนี้ก็ราวกับว่าความพยายามนั้นสัมฤทธิ์ผลเข้าให้แล้ว การตั้งตารอให้นิยายที่ตัวเองเขียนขึ้นหน้าขายดีของ

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 46 | งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

    EPISODE 46งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ฉันยังคงนั่งนิ่ง พยายามเก็บอาการตระหนกตกใจเอาไว้ไม่ให้ผิดสังเกต คนข้าง ๆ กำลังทำเป็นส่งยิ้มให้คนอื่น ๆ แบบที่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเฮียจะฝืนใจตัวเองทำแบบนี้ได้ลง แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเขากำลังทำ “เฮียทำไรอะ?” พอเห็นว่าอีกสามคนไม่ได้มองอยู่ ฉันก็รีบกระซิบถามทันที เฮียครามไหวไหล่เล็กน้อยราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “แค่มาอยู่เป็นเพื่อนหยีไง” “ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” “บอกแล้วไงว่าเป็นของขวัญ” “แต่…” “ไม่เป็นไร… เฮียตั้งใจจะช่วยเด็ก ๆ อยู่แล้ว” คนข้าง ๆ ยิ้มใจดี เลื่อนมือมากุมมือฉันไว้เมื่อเห็นว่าฉันผู้ซึ่งได้รับความช่วยเหลือแบบที่ว่านี้ไม่ได้ยินดีอะไรนัก ดูก็รู้ว่าเฮียคงอยากจะช่วยทำให้ฉันหายเป็นกังวลในเรื่องสังคมป่วย ๆ นี่ และใช่… ฉันไม่เห็นด้วยที่เฮียจะทำถึงขนาดนี้ แต่ถ้าเขาพูดมางั้นว่าอยากช่วยน้อง ๆ ฉันจะไปทำอะไรได้ ก็แค่… ไม่คิดว่าเฮียจะเต็มใจมาจนถึงขั้นแต่งองค์ทรงเครื่องเบอร์นี้ “เอ… จริง ๆ ยิหวาคุ้นหน้าเฮียครามมากเลยนะคะ” เสียงคนตรงหน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 45 | ครบรอบ

    EPISODE 45ครบรอบ หลายวันต่อมา ฉันกำลังแต่งตัวเตรียมไปงานเปิดตัวกระเป๋าอะไรสักอย่างนั่นของคุณส้มที่ลิลลี่พูดถึง ถึงใจจะไม่อยากไป แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะเป็นคนเดียวที่ถูกนินทาก็เลยจำใจต้องไป เฮียครามเพิ่งกลับมาจากข้างนอก กำลังถอดเสื้อเชิ้ตโยนใส่ตะกร้า เท้าสะเอวมองมาเงียบ ๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้เฮียฟังอีก ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่ชอบที่จะให้ฉันไปปั้นหน้าเข้าสังคมแบบนั้น แต่ถึงงั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่แน่นอนว่าก็ไม่ยอมไปด้วยอยู่ดี “หยีน่าจะกลับดึก ๆ หน่อย”ฉันว่าพลางใส่ต่างหูที่กลั้นใจซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่บอกว่ากลั้นใจซื้อเพราะว่าระยะหลังมานี้ฉันไม่ได้มีเงินให้ใช้ฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน ถึงสถานการณ์ที่บ้านกำลังอยู่ในช่วงที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ฉันก็ไม่อยากจะไปรบกวนอะไรให้มากนัก อีกทั้งเฮียเองก็บังคับให้ใช้เงินเขา เพราะงั้นไอ้ของฟุ่มเฟือยนี่ก็คือเงินเก็บของฉันเองที่ได้จากการขายงานนั่นแหละ“สวยไหม?”หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็หันกลับไปหมุนตัวให้คนเป็นสามีดู เฮียที่ยังคงอยู่ในสภาวะหน้านิ่งชำเลืองข

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status