ร่างสูงสะดุ้งตื่นในตอนบ่ายคล้อยหันมองรอบกายข้าวต้มเย็นชืดบนโต๊ะไม้ไผ่ ร่างเล็กของซูเหยาฟุบหน้าลงข้างๆ
“อ๋อ พี่ชายท่านฟื้นแล้ว”
“เจ้า”
“ซูเหยาไปอุ่นข้าวต้มให้ใหม่กินเสียหน่อยคงหิวแย่แล้ว” สายตาหวาดระแวงยังไม่หายไป
เพียงครู่เดียวข้าวต้มควันฉุยก็ถูกยกเข้ามา
“ข้าวต้มปลา ข้าตกปลาข้างๆ แพเมื่อตอนเช้า แล่แล้วต้มข้าวต้มที่นี่ปลาอุดมสมบูรณ์ขาดแต่ฟืนที่ต้องพายเรือขึ้นบกไปเก็บมาเหมือนที่เมื่อวานข้าเจอพี่ชายตอนกำลังเก็บฟืน”ซีซวนจ้องมองริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มขยับขึ้นลง ใบหน้าของใครบางคนซ้อนทับ ริมฝีปากสีแดงสด ร่างอ้อนแอ้นท่าทีอ่อนหวานริมฝีปากสีแดงถูกเขาบดเบียด
“อิงฝาน”เปล่งเสียงเบาๆ ซูเหยายิ้ม
“ข้าซูเหยา อ๋อท่านแม่บอกว่าความทรงจำของท่านจะหายไปชั่วขณะแต่อีกไม่นานจะดีขึ้นแค่หมั่นกินยาที่ท่านแม่เจียดให้ไม่นานท่านแม่ของข้าเก่งที่สุดแต่เดิมเคยเป็นหมอหญิงในวังหลวงเชียวนะ แต่ตอนนี้ท่านแม่ปลดระวางพาข้าเร้นกายในเรือนแพ แสนสงบ”ซูเหยาเจื้อยแจ้วไม่สนใจว่าซีซวนจะฟังหรือไม่
ตักข้าวตัมปลาขึ้นเป่าไปด้วยพูดไปด้วยคนไปด้วยจนข้าวต้มอุ่นๆ ก็ตักจ่อที่ริมฝีปากให้ซีซวน
“รสชาติดีที่สุด”ซีซวนได้กลิ่นปลาที่เขาไ่เคยกินมาก่อนด้วยความไม่ชอบกลิ่นคาวอีกทั้งห้องเครื่องในวังหลวงรู้ดีว่าฝ่าบาทไม่โปรดเสวยเนื้อปลา หดคอหนีห่าง
“ลองชิมแล้วจะติดใจนี่เป็นสูตรเฉพาะเชียวท่านแม่ยังเอ่ยปากชมว่าข้าทำข้าวต้มปลาเก่งที่สุด อร่อยที่สุด”สายตาวิงวอน ใสซื่อ ซีซวน ถอนหายใจก่อนจะอ้าปากงับเอา ข้าวต้มปลา รสชาติดีไม่น้อย เนื้อปลานุ่มเวลาสัมผัสอีกทั้งเครื่องหอมที่ใส่เข้าไปดับกลิ่นคาว เนื้อปลาที่สดใหม่ มีรสหวานในแบบของมัน ซูเหยายิ้มเมื่อเห็นว่าซีซวนอ้าปากรอรับข้าวต้ม
“อร่อยหรือไม่”
“มาก”
“เห็นไหมเล่าท่านอยู่ที่นี่จนหายก็จะได้กินข้าวต้มปลาในทุกเช้าที่นี่เรามีของให้เลือกกินไม่มากนัก นานๆ ท่านแม่ถึงจะไปตลาดเสียทีนำปลาแห้งไปขายแล้วจึงจะซื้อไก่มากินสักตัว ส่วนข้า ก็เพียงแต่ทำปลาแห้งไว้มากหน่อยทั้งเก็บไว้กินและนำไปขาย เราสองคนแม่ลูก จึงไม่ต้องดิ้นรนมากนัก”ซีซวนขำกับ การพูดไม่หยุดของซูเหยาบ่งบอกถึงความช่างเจรจาน่ารักสดใสของซูเหยา ข้าวต้มหมดชามไปแล้ว ซูเหยายกชามยามาตรงหน้า
“ยานี่ขมไปนิดหนึ่งข้าลองชิมดูแล้ว”
“ข้าไม่กินของรสขม”ซูเหยาทำสีหน้าดุดุ
“ไม่ได้ ท่านไม่อยากหายหรือไร”
“ข้าไม่ชอบของรสขมแล้วก็ไม่มีใครบังคับข้าได้”ซูเหยา ทิ้งตัวลงบนแคร่ไม้ไผ่ ที่ซีซวนนอนอยู่เอื้อมมือกอดรอบลำคอก่อนจะจรดถ้วยยาที่ปากซีซวนตกใจกับ สิ่งที่ซูเหยาทำแบบถึงเนื้อถึงตัว เหลือบตามองใบหน้างามที่อยู่ใกล้แต่เอื้อมอย่างลืมตัว อยู่ๆ ก็รู้สึกใจเต้นตึกตัก เผลออ้าปากกลืนยาขมๆ ลงไปง่ายดาย ซูเหยายิ้มปล่อยมือที่กอดรอบลำคอไว้
“ในที่สุด และในไม่ช้าท่านก็จะหายดีว่าแต่ท่านชื่อแซ่ว่าอะไรกันแล้วทำไมถึงถูกทหารหลวงตามจับตัว”ซีซวน เลิกคิ้วสูงพยายามนึกว่าตัวเองเป็นใครชื่ออะไรแต่ก็ไม่อาจจำอะไรได้ในตอนนี้
ก่อนหน้านั้นซีซวนนั่งบนบัลลังก์มังกร
“ฝ่าบาทโปรดอภัยข้าน้อย มิได้ตั้งใจทำผิดโปรดอภัยข้าน้อยด้วย”
“ข้าใจดีละเว้นโทษตาย แต่โทษเป็นยังคงอยู่”
“ฝ่าบาทโทษเพียงน้อยนิดข้าพระองค์ยักยอกเงินหลวงไม่กี่อีแปะ ฝ่าบาทถึงกับสั่งให้ริบทรัพย์แล้วยังส่งไปใช้แรงงานที่ชายแดน”
“เจ้าทำผิด ยังบอกว่าผิดน้อยผิดมาก ลองไปใช้แรงงานจะได้รู้ว่าชาวบ้านกว่าจะ หาเงินมาจ่ายภาษีแต่ละอีแปะยากลำบากแค่ไหน ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงานไปเท่าไหร่แต่เจ้ากับ ยักยอกเงินภาษีไปใช้จ่ายส่วนตัวอย่างสบายเช่นนั้นจึงให้ได้รับความลำบากดูบ้าง”
แววตาเคียดแค้น หลากหลายดวงตาของแต่ละคนที่ล้วนแต่ถูกลงทัณฑ์ อย่างที่ไม่เคยจะปรานีแม้แต่น้อย ดีแต่ไม่เคย ถึงตายจึงเหมือนดังคล้ายตีงูแค่เพียงหลังหักก็เท่านั้น
“ข้าชื่ออะไร”
“ใช่ท่านชื่ออะไร”
“ข้านึกไม่ออก”ซูเหยาเลิกคิ้วสูงอ้าปากค้าง ทำสีหน้าครุ่นคิดวันนี้มารดาออกไปตลาด จะถามใครได้แต่คาดว่าต้องเป็นอาการที่กระทบมาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะนั่นเอง
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าเรียกท่านว่า ...ว่า..ข้าวต้มปลา”รอยยิ้มสดใสซีซวน รู้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นรอยยิ้มของซูเหยา
วังหลวง
“ฮองเฮาข้าน้อยตามหา ฝ่าบาทจนทั่วไม่พบไม่ว่าจะเป็นหรือตายน่าแปลกที่พวกทหารเองก็ไม่พบ”ตงฟางชิงองครักษ์ประจำกายของซีซวนที่บัดนี้กลายเป็นองครักษ์ของอิงฝาน ประสานมือบอกเล่าเรื่องที่ได้รับบัญชา
“ฝ่าบาทต้องยังชีวิตอยู่แต่อาจเร้นกายที่ไหนสักแห่ง รอให้ทุกอย่าง หายไปดังสายน้ำจึงจะกลับมาทวงความเป็นธรรมและบัลลังก์คืน”
“ขุนนางนราชสำนักส่วนใหญ่สวามิภักดิ์กับซีซานจนสิ้น”
“ยังเหลือท่านพ่อและแปดกองธงที่ทำทีเป็นสวามิภักดิ์แต่ใจจริงแล้วยังไม่เชื่อว่าฝ่าบาทจะตายจึงยังรีรอ ที่จะให้ฝ่าบาทกลับมาเพียงเราพบตัวฝ่าบาท คนที่ยังภักดีก็จะพร้อมสู้
“ฮองเฮาโปรดวางพระทัยหม่อมฉัน จะพลิกแผ่นดินจนเจอฝ่าบาทให้จนได้แม้จะต้องบุกน้ำลุยไฟก็ตาม”
ซีซวน นั่งห้อยขาแช่น้ำ เฝ้ามองปลาที่กำลังกินเบ็ดในมือ
“พี่ชายข้าวต้มปลาเห็นไหมปลาของข้าตัวใหญ่กว่าท่าน"ซูเหยาวิ่งถือคันเบ็ดวิ่งจากท้ายแพ ร่างเล็กแม้จะชำนาญทว่า แพกับโยกเยกร่างเล็กล้มลงแต่ด้วยความเสียดายปลาจึงไม่ยอมปล่อยคันเบ็ด ซีซวนเกรงว่าซูเหยาจะตกน้ำ ถลาเข้ารับร่างบางไว้ในอ้อมแขน พลิกคว่ำพลิกหงายแต่ยังกอดรัดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนแน่นตากลมของซูเหยาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของซีซวนที่ เผลอยิ้มด้วยความพึงใจไม่ยอมปล่อยอ้อมกอด
“ระวังหน่อย”เอ่ยปากด้วยเสียงอ่อนโยน ซูเหยาขยับตัวลุกขึ้นจากตัวของซีซวนที่อยู่ด้านล่างแต่ถูกอ้อมแขนแข็งแรงรั้งเอวบางให้แนบชิด
“คราวหลังข้าจะระวังตอนนี้พี่ชายข้าวต้มปลาปล่อยข้าได้แล้ว”จ้องมองตากลมที่มีแววเขินอาย ภาพซ้อนทับเป็นแววตาเชิญชวนของอิงฝาน ลอยเด่นตรงหน้า
“อิงฝาน” ซีซวนพลิกร่างเล็กลงใต้ร่างเขาบดริมฝีปากกับปากอวบอิ่ม ซูเหยาตกใจดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนและร่างสูงที่ทาบทับแต่ไม่สำเร็จรสจูบหวานจนฉ่ำเยิ้ม โหยหาอ่อนหวานจนซูเหยาที่ยังไม่เคยต้องมือชายตัวอ่อนปวกเปียก
“ปล่อยข้า”เสียงสั่น พร้อมกับร่างที่สั่นเทิ่ม
ซีซวน ถอนริมฝีปากออกยกมือขึ้นกุมขมับอาการปวดศีรษะเริ่มกัดกินเขาอีกแล้ว
“ข้าขอโทษ ข้ามองผิดไป”ซูเหยาได้แต่ยิ้มเศร้าๆ อยากถามเหลือเกินว่าผู้ใดกันคืออิงฝานคนนั้น
ตำหนักชิงหนิงกง“ฝ่าบาท ยังอยู่กับกุ้ยเหรินอย่างนั้นหรือ”“เจ้าค่ะ” ดวงตาเหม่อลอย“ฝ่าบาทตรัสหรือไม่ว่าจะมาหาข้าในตอนไหน”“เอ่อ เอ่อ”“จริงสิฝ่าบาทมีสนมนางในตั้งมากมายก็คงต้องแวะเวียนไปหาพวกนางบ้างเป็นธรรมดาใช่ไหมหรือไม่”“ฮองเฮา ฝ่าบาททรงสั่งปลดพวกนางให้เงินทุนและส่งนางกลับไปยังตระกูลจนสิ้น ไม่เหลือใครไว้แม้แต่คนเดียวตอนนี้ฝ่าบาทใช้เวลาส่วนใหญ่กับซูเหยากุ้ยเหริน” อิงฝานยิ้มขมขื่น“เจ้าออกไปเถอะไปคอยดูว่าฝ่าบาท จะ่หาข้าเมื่อไหร่”ท้องพระโรง อิงฝานนุ่งขาวห่มขาวย่อกายลงเบื้องหน้าบัลลังก์สูง“ฝ่าบาทอิงฝานขอประทานอนุญาตจากฝ่าบาทออกบวชที่วัดบนเขาต่อจากนี้และคืนตำแหน่งฮองเฮา” ซีซวนขมวดคิ้ว“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”“ฝ่าบาททรงพระเมตตายิ่งแล้วอิงฝานซาบซึ้งเหลือเกินในตอนนี้อยากจะทำในสิ่งที่คิดว่าทำให้จิตใจสงบในเมื่อฝ่าบาทมีคนคอยปรนนิบัติแล้วอิงฝานจึงไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีกต่อไป กุ้ยเหรินจึงจะได้รั้งตำแหน่งฮองเฮา เสียที”“ขอบใจเจ้ามากอิงฝาน” อิงฝานยิ้มบางๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากท้องพระโรงไปอย่างไม่ลังเล“อุ๊แว๊ อุ๊แว้ๆๆๆๆๆ ” เสียงเล็ดลอดออกมาจากห้องบรรทมของฮองเฮา ซีซวนถลาเข้าไปในทันที“ฝ่าบาท ฮองเฮา
“เสด็จแม่ซูเหยา กอดเจี้ยนหยาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย”“ต้องไปแล้ว ซูเหยาของแม่จะต้องเข้มแข็งซีซวนจะปกป้องเจ้าเอง”“ซีซวนสัญญาจะปกป้องซูหยาดังชีวิต”“ข้าอยากจะตามไป ทว่าไม่ทันได้เตรียมการซูซานเหลี่ยง เอ่ยขึ้น”“ฝ่าบาทตามลูกไปเช่นไรซูเหยาจึงจะกล้าเผชิญทุกอย่างด้วยตัวเอง ในเมื่อตอนนี้ฝ่าบาทมอบซูเหยาให้ซีซวนฮ่องเต้คอยปกป้องดูแลนางแทนเราแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามีที่จะต้องคอยปกป้อง.. เมียของตัวเอง”“หากข้าได้ข่าวว่าองค์หญิงน้อยซูเหยาของข้าต้องพบกับความลำบากใจอีกข้าจะถึงแคว้นหานทันที” เป่ยเปยยิ้ม“ฝ่าบาท องค์หญิงเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้า หากนางต้องลำบากใจ...ข้าจะรีบ...ส่งข่าวทันที”“ดี..เช่นนั้นจึงวางใจ”ซีซวน คว้ามือซูเหยามากำไว้ก่อนจะ ส่งตัวซูเหยาขึ้นไปบนหลังม้าตัวเขากระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าทันที เจี้ยนหยาโบกมือน้อยๆม้าสีขาวเหยาะย่างตามทางเดินทอดยาวออกจากวังหลวง ซีซวนใช้คางเกยไปบนไล่เนียน“กลัวหรือไม่”“กลัว”“ข้าสัญญา ไม่มีทางให้เจ้าพบกับอันตราย” มือข้างที่ว่างกอดรวบเอวบางแนบลำตัวแน่นด้วยความรักสุดหัวใจ“กลัวหรือไม่ซูเหยาก็ต้องไปกับฝ่าบาทอยู่ดี เพราะ..เสด็จพ่อยกซูเหยาให้กับฝ่าบาทแล้ว”“นั่
“ฝ่าบาท ซูเหยา ซูเหยา” ปากอวบอิ่มถูกปิดลงเสียก่อนที่จะได้พูดอะไร มืออุ่นลูบไล้ทั่วผิวเนียนหยุดอยู่ที่หน้าท้องป่องนูน“พ่อกับแม่ยังไม่ทันได้อุ่นเตียงกันเท่าไหร่ ลูกตัวน้อยของข้าก็กำลังจะออกมาดูโลก ว่าแต่เจ้าข้าวต้มปลาช่างไวไฟเสียจริง อุ่นเตียงกับเจ้าเพียงครั้งเดียวก็ให้กำเนิดทายาท เช่นนั้นเห็นจะต้องอุ่นเตียงบ่อยๆ ให้ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”“ไม่พูดอีกแล้ว สงสัยจะให้ทำเสียมากกว่าไม่อยากพูดกับข้าก็ไม่เป็นไรให้ความจริงใจของข้าแสดงออกทางกาย” โน้มร่างบางลงบนแท่นนอนกดริมฝีปากปิดปากอวบอิ่มบดเบียดนุ่มนวล อาภรณ์ถือถอดกองไว้ที่ปลายเท้า โถมร่างใหญ่เข้าใส่ ซูเหยายกมือดันอกกว้าง“ฝ่าบาทเอาเปรียบซูเหยา”“เช่นไรกัน”“ก็เอาเปรียบที่มาถึงก็ไม่พูดพล่าม ตั้งใจรังแกซูเหยาเพียงอย่างเดียว”“รักเจ้าเพียงนี้อุตส่าห์ตั้งใจชดเชยให้รู้ไหมที่ผ่านมามีบางอย่างบอกข้าว่า… หญิงงามนามซูเหยา น่าฟัดที่สุด วนเวียนไปมาเหมือนกับอยากจะได้เจ้ามาครอบครองแม้จะจำอะไรไม่ได้แต่ความรู้สึกในใจลึกๆ บอกข้าว่าซูเหยาคนนี้ หากได้ทาบทับไว้เช่นนี้คงเป็นสุขไม่น้อย แล้วความคิดของข้าหาผิดไม่อาจเป็นเพราะข้ายัง ไม่อิ่มหนำกับรสสวาทกับเจ้าในตอนน
“องค์หญิงลงไปด้านล่างเสียหน่อยเห็นหรือยังว่าใครกันที่ชนะการประลอง” ซูซานเหลี่ยง เอ่ยปากก่อนหน้านั้น“ซีซวนฮ่องเต้ ถวายพระพรฝ่าบาท” ซีซวนเข้าไปในตำหนักฮ่องเต้ ส่วนเป่ยเปยไปที่ตำหนักของซูเหยาในคืนวันนั้น“ซีซวนอ่องเต้ฮ่องเต้แคว้นหาน มีเรื่องใดกันถึงได้กล้าเข้ามาพบข้าเพียงลำพัง”“ข้าน้อยซีซวน มาแสดงความจริงใจ”“อย่าบอกนะว่าเจ้าคือ คนที่ทำห้องค์หญิงน้อยซูเหยาของข้าเสียใจ”“เป็นข้าเอง เชิญฝ่าบาทกล่าวโทษลงทัณฑ์ซีซวนได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งและร้องขอใดใด” ก้มหน้าประสานมือ“ลงทัณฑ์เจ้าคิดว่าลงทัณฑ์เช่นไรจึงจะสาสม”“แล้วแต่พระกรุณาของฝ่าบาทซีซวนจะไม่มีทางที่จะโอดครวญหรือโต้แย้งใดใด” นั่งลงคุกเข่าตรงหน้าประสานมือไว้มั่น ซูซานเหลี่ยงยิ้ม“ดี ในเมื่อกล้าที่จะยอมรับผิดข้าพร้อมที่จะอภัยให้ แต่ถึงข้าจะอภัยให้เจ้าทว่าเจี้ยนหยาและซูเหยาข้าไม่อาจคาดเดาความคิดของสองแม่ลูก หากเจ้าสามารถเอาชนะใจเจี้ยนหยาและซูเหยาได้ข้าก็คงไม่ต้องกังวลข้าชอบยิ่งนักบุรุษที่กล้ายอมรับผิด”“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซูซานเหลี่ยงยิ้มไม่หุบเมื่อพบหน้าซีซวน บุรุษผู้นี้ท่าทีองอาจอีกทั้งยังพูดจาฉะฉานกล้าทำกล้ารับ และกล้ามาพบเขาแม้จะต้องมาเพ
“ใครกันเจ้าข้าวต้มปลา” ซูซานเหลี่ยงถามขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เจี้ยนหยาพูดกับซูเหยาชัดเจน“เจ้าข้าวต้มปลา ผู้นั้นฝ่าบาททรงสังเกตเห็นคนผู้นั้นหรือไม่ ร่างสูงใบหน้าองอาจ ผึ่งผาย ที่ยืนอยู่ในอาภรณ์สีฟ้าขาวสะดุดผู้นั้น คือผู้เข้าประลองกิตติมศักดิ์ที่เป็นถึงฮ่องเต้แคว้นหาน”“เอาเปรียบผู้อื่นเพียงนั้นทั้งรูปร่างหน้าตา และยังถือโอกาสนำคนมาคุ้มกัน เช่นนี้สมควรปรับให้ออกจากการประลอง” ซูซานเหลี่ยงพูดขึ้นเบาๆ“เสด็จพ่อ” ซูเหยารีบท้วงไว้ เจี้ยนหยาอมยิ้ม“ทำไม หรือเจ้าอยากให้เขาชนะ”“เสด็จพ่อลูกๆๆ ” “555 องค์หญิงของพ่อยอมใจอ่อนให้เขาเกรงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บจึงเห็นใจเขา ยอมให้ทำผิดกฎ ในเมื่อองค์หญิงมีใจให้เขาเพียงนี้ พ่อจะใจร้ายได้อย่างไรกัน” พูดยิ้มๆ“ฝ่าบาท เขาเอาเปรียบผู้อื่น”“เจี้ยนหยา เจ้าลองสังเกตให้ดี เหล่าองค์ชายจากแคว้นต่างๆ หรือบรรดาลูกขุนนางล้วนแต่มีลูกคู่หรือคู่หูมา พร้อมเพรียงถ้าสังเกตดีดี จะเห็นว่าแต่ละคนพร้อมปกป้องคนของตัวเองอย่างถึงที่สุด ข้าจึงบัญชาให้ไม่มีการมุ่งเน้นไปที่ร่างกายและชีวิตเพื่อให้ไม่ต้องมีใครมาได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย” เจี้ยนหยายิ้ม"ฝ่าบาททรงรอบคอบไม่น้อยเจี้ยน
“คุณชายเป่ยเปย”“ว้า หมดสนุกเลย องค์หญิงจำเป่ยเปยได้เสียแล้ว” ซูเหยาเลิกคิ้วสูงอมยิ้มแก้มปริ“ก็งามออกขนาดนี้ทำไมจะจำไม่ได้”“กำลัง คิดว่าองค์หญิงช่าง ชาญฉลาด”“ไม่มีนางกำนัลคนไหน เอ่ยชื่อตัวเองออกมาหรอก ทำทีสนิทสนมเพียงนี้ แปลกมากย่อมเป็นที่สังเกต”“ว้า อุตส่าห์ปลอมตัวเร้นกายถูกจับได้ง่ายดาย”“อย่างน้อยก็งดงามจน...เหล่าองครักษ์หน้าห้อง ไม่ทันได้สังเกตว่ามิใช่ผู้หญิง”“องค์หญิง สบายดีหรือไม่” เหลือบตามองท้องที่ป่องออกมาจนมองเห็นได้ชัด“สบายดี ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องห่วง ห่วงแค่..เรื่อง” ลูบท้องเบาๆ“จะไม่ถามเป่ยเปยหรือไรว่ามาถึงนี้เพราะเหตุใด”“คุณชายก็คง คิดถึงเราสองคนแม่ลูกหรือบังเอิญผ่านมา”“องค์หญิง เป่ยเปยมากับคนผู้หนึ่ง อือไม่สิ สองคนทายสิว่าใคร” ซูเหยายิ้มเศร้าๆ“ท่าน องครักษ์ตงฟางชิง ใช่หรือไม่”“อีกคนเล่า”“ซูเหยาไม่อาจคาดเดา”“องค์หญิงฝ่าบาททรงออกตามหาองค์หญิง แทบพลิกแผ่นดินจนมาถึงนี่”“ซูเหยาไม่ควรค่าให้ตามหา อีกอย่างพรุ่งนี้เสด็จพ่อบัญชาให้มีการจัดการประลองเพื่อเลือกคู่”“องค์หญิง ตั้งใจจะใช้ชีวิตกับผู้อื่นได้หรือไร” ซูเหยาก้มมองมือตัวเอง“หากจะต้องแย่งชิง ซูเหยาก็ไม่อยากแย่งช