ร่างสูงสะดุ้งตื่นในตอนบ่ายคล้อยหันมองรอบกายข้าวต้มเย็นชืดบนโต๊ะไม้ไผ่ ร่างเล็กของซูเหยาฟุบหน้าลงข้างๆ
“อ๋อ พี่ชายท่านฟื้นแล้ว”
“เจ้า”
“ซูเหยาไปอุ่นข้าวต้มให้ใหม่กินเสียหน่อยคงหิวแย่แล้ว” สายตาหวาดระแวงยังไม่หายไป
เพียงครู่เดียวข้าวต้มควันฉุยก็ถูกยกเข้ามา
“ข้าวต้มปลา ข้าตกปลาข้างๆ แพเมื่อตอนเช้า แล่แล้วต้มข้าวต้มที่นี่ปลาอุดมสมบูรณ์ขาดแต่ฟืนที่ต้องพายเรือขึ้นบกไปเก็บมาเหมือนที่เมื่อวานข้าเจอพี่ชายตอนกำลังเก็บฟืน”ซีซวนจ้องมองริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มขยับขึ้นลง ใบหน้าของใครบางคนซ้อนทับ ริมฝีปากสีแดงสด ร่างอ้อนแอ้นท่าทีอ่อนหวานริมฝีปากสีแดงถูกเขาบดเบียด
“อิงฝาน”เปล่งเสียงเบาๆ ซูเหยายิ้ม
“ข้าซูเหยา อ๋อท่านแม่บอกว่าความทรงจำของท่านจะหายไปชั่วขณะแต่อีกไม่นานจะดีขึ้นแค่หมั่นกินยาที่ท่านแม่เจียดให้ไม่นานท่านแม่ของข้าเก่งที่สุดแต่เดิมเคยเป็นหมอหญิงในวังหลวงเชียวนะ แต่ตอนนี้ท่านแม่ปลดระวางพาข้าเร้นกายในเรือนแพ แสนสงบ”ซูเหยาเจื้อยแจ้วไม่สนใจว่าซีซวนจะฟังหรือไม่
ตักข้าวตัมปลาขึ้นเป่าไปด้วยพูดไปด้วยคนไปด้วยจนข้าวต้มอุ่นๆ ก็ตักจ่อที่ริมฝีปากให้ซีซวน
“รสชาติดีที่สุด”ซีซวนได้กลิ่นปลาที่เขาไ่เคยกินมาก่อนด้วยความไม่ชอบกลิ่นคาวอีกทั้งห้องเครื่องในวังหลวงรู้ดีว่าฝ่าบาทไม่โปรดเสวยเนื้อปลา หดคอหนีห่าง
“ลองชิมแล้วจะติดใจนี่เป็นสูตรเฉพาะเชียวท่านแม่ยังเอ่ยปากชมว่าข้าทำข้าวต้มปลาเก่งที่สุด อร่อยที่สุด”สายตาวิงวอน ใสซื่อ ซีซวน ถอนหายใจก่อนจะอ้าปากงับเอา ข้าวต้มปลา รสชาติดีไม่น้อย เนื้อปลานุ่มเวลาสัมผัสอีกทั้งเครื่องหอมที่ใส่เข้าไปดับกลิ่นคาว เนื้อปลาที่สดใหม่ มีรสหวานในแบบของมัน ซูเหยายิ้มเมื่อเห็นว่าซีซวนอ้าปากรอรับข้าวต้ม
“อร่อยหรือไม่”
“มาก”
“เห็นไหมเล่าท่านอยู่ที่นี่จนหายก็จะได้กินข้าวต้มปลาในทุกเช้าที่นี่เรามีของให้เลือกกินไม่มากนัก นานๆ ท่านแม่ถึงจะไปตลาดเสียทีนำปลาแห้งไปขายแล้วจึงจะซื้อไก่มากินสักตัว ส่วนข้า ก็เพียงแต่ทำปลาแห้งไว้มากหน่อยทั้งเก็บไว้กินและนำไปขาย เราสองคนแม่ลูก จึงไม่ต้องดิ้นรนมากนัก”ซีซวนขำกับ การพูดไม่หยุดของซูเหยาบ่งบอกถึงความช่างเจรจาน่ารักสดใสของซูเหยา ข้าวต้มหมดชามไปแล้ว ซูเหยายกชามยามาตรงหน้า
“ยานี่ขมไปนิดหนึ่งข้าลองชิมดูแล้ว”
“ข้าไม่กินของรสขม”ซูเหยาทำสีหน้าดุดุ
“ไม่ได้ ท่านไม่อยากหายหรือไร”
“ข้าไม่ชอบของรสขมแล้วก็ไม่มีใครบังคับข้าได้”ซูเหยา ทิ้งตัวลงบนแคร่ไม้ไผ่ ที่ซีซวนนอนอยู่เอื้อมมือกอดรอบลำคอก่อนจะจรดถ้วยยาที่ปากซีซวนตกใจกับ สิ่งที่ซูเหยาทำแบบถึงเนื้อถึงตัว เหลือบตามองใบหน้างามที่อยู่ใกล้แต่เอื้อมอย่างลืมตัว อยู่ๆ ก็รู้สึกใจเต้นตึกตัก เผลออ้าปากกลืนยาขมๆ ลงไปง่ายดาย ซูเหยายิ้มปล่อยมือที่กอดรอบลำคอไว้
“ในที่สุด และในไม่ช้าท่านก็จะหายดีว่าแต่ท่านชื่อแซ่ว่าอะไรกันแล้วทำไมถึงถูกทหารหลวงตามจับตัว”ซีซวน เลิกคิ้วสูงพยายามนึกว่าตัวเองเป็นใครชื่ออะไรแต่ก็ไม่อาจจำอะไรได้ในตอนนี้
ก่อนหน้านั้นซีซวนนั่งบนบัลลังก์มังกร
“ฝ่าบาทโปรดอภัยข้าน้อย มิได้ตั้งใจทำผิดโปรดอภัยข้าน้อยด้วย”
“ข้าใจดีละเว้นโทษตาย แต่โทษเป็นยังคงอยู่”
“ฝ่าบาทโทษเพียงน้อยนิดข้าพระองค์ยักยอกเงินหลวงไม่กี่อีแปะ ฝ่าบาทถึงกับสั่งให้ริบทรัพย์แล้วยังส่งไปใช้แรงงานที่ชายแดน”
“เจ้าทำผิด ยังบอกว่าผิดน้อยผิดมาก ลองไปใช้แรงงานจะได้รู้ว่าชาวบ้านกว่าจะ หาเงินมาจ่ายภาษีแต่ละอีแปะยากลำบากแค่ไหน ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงานไปเท่าไหร่แต่เจ้ากับ ยักยอกเงินภาษีไปใช้จ่ายส่วนตัวอย่างสบายเช่นนั้นจึงให้ได้รับความลำบากดูบ้าง”
แววตาเคียดแค้น หลากหลายดวงตาของแต่ละคนที่ล้วนแต่ถูกลงทัณฑ์ อย่างที่ไม่เคยจะปรานีแม้แต่น้อย ดีแต่ไม่เคย ถึงตายจึงเหมือนดังคล้ายตีงูแค่เพียงหลังหักก็เท่านั้น
“ข้าชื่ออะไร”
“ใช่ท่านชื่ออะไร”
“ข้านึกไม่ออก”ซูเหยาเลิกคิ้วสูงอ้าปากค้าง ทำสีหน้าครุ่นคิดวันนี้มารดาออกไปตลาด จะถามใครได้แต่คาดว่าต้องเป็นอาการที่กระทบมาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะนั่นเอง
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าเรียกท่านว่า ...ว่า..ข้าวต้มปลา”รอยยิ้มสดใสซีซวน รู้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นรอยยิ้มของซูเหยา
วังหลวง
“ฮองเฮาข้าน้อยตามหา ฝ่าบาทจนทั่วไม่พบไม่ว่าจะเป็นหรือตายน่าแปลกที่พวกทหารเองก็ไม่พบ”ตงฟางชิงองครักษ์ประจำกายของซีซวนที่บัดนี้กลายเป็นองครักษ์ของอิงฝาน ประสานมือบอกเล่าเรื่องที่ได้รับบัญชา
“ฝ่าบาทต้องยังชีวิตอยู่แต่อาจเร้นกายที่ไหนสักแห่ง รอให้ทุกอย่าง หายไปดังสายน้ำจึงจะกลับมาทวงความเป็นธรรมและบัลลังก์คืน”
“ขุนนางนราชสำนักส่วนใหญ่สวามิภักดิ์กับซีซานจนสิ้น”
“ยังเหลือท่านพ่อและแปดกองธงที่ทำทีเป็นสวามิภักดิ์แต่ใจจริงแล้วยังไม่เชื่อว่าฝ่าบาทจะตายจึงยังรีรอ ที่จะให้ฝ่าบาทกลับมาเพียงเราพบตัวฝ่าบาท คนที่ยังภักดีก็จะพร้อมสู้
“ฮองเฮาโปรดวางพระทัยหม่อมฉัน จะพลิกแผ่นดินจนเจอฝ่าบาทให้จนได้แม้จะต้องบุกน้ำลุยไฟก็ตาม”
ซีซวน นั่งห้อยขาแช่น้ำ เฝ้ามองปลาที่กำลังกินเบ็ดในมือ
“พี่ชายข้าวต้มปลาเห็นไหมปลาของข้าตัวใหญ่กว่าท่าน"ซูเหยาวิ่งถือคันเบ็ดวิ่งจากท้ายแพ ร่างเล็กแม้จะชำนาญทว่า แพกับโยกเยกร่างเล็กล้มลงแต่ด้วยความเสียดายปลาจึงไม่ยอมปล่อยคันเบ็ด ซีซวนเกรงว่าซูเหยาจะตกน้ำ ถลาเข้ารับร่างบางไว้ในอ้อมแขน พลิกคว่ำพลิกหงายแต่ยังกอดรัดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนแน่นตากลมของซูเหยาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของซีซวนที่ เผลอยิ้มด้วยความพึงใจไม่ยอมปล่อยอ้อมกอด
“ระวังหน่อย”เอ่ยปากด้วยเสียงอ่อนโยน ซูเหยาขยับตัวลุกขึ้นจากตัวของซีซวนที่อยู่ด้านล่างแต่ถูกอ้อมแขนแข็งแรงรั้งเอวบางให้แนบชิด
“คราวหลังข้าจะระวังตอนนี้พี่ชายข้าวต้มปลาปล่อยข้าได้แล้ว”จ้องมองตากลมที่มีแววเขินอาย ภาพซ้อนทับเป็นแววตาเชิญชวนของอิงฝาน ลอยเด่นตรงหน้า
“อิงฝาน” ซีซวนพลิกร่างเล็กลงใต้ร่างเขาบดริมฝีปากกับปากอวบอิ่ม ซูเหยาตกใจดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนและร่างสูงที่ทาบทับแต่ไม่สำเร็จรสจูบหวานจนฉ่ำเยิ้ม โหยหาอ่อนหวานจนซูเหยาที่ยังไม่เคยต้องมือชายตัวอ่อนปวกเปียก
“ปล่อยข้า”เสียงสั่น พร้อมกับร่างที่สั่นเทิ่ม
ซีซวน ถอนริมฝีปากออกยกมือขึ้นกุมขมับอาการปวดศีรษะเริ่มกัดกินเขาอีกแล้ว
“ข้าขอโทษ ข้ามองผิดไป”ซูเหยาได้แต่ยิ้มเศร้าๆ อยากถามเหลือเกินว่าผู้ใดกันคืออิงฝานคนนั้น
“อย่าร้องไห้ซูเหยาแม่จะช่วยเจ้าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”“ท่านแม่เขาลืมข้าแล้วใช่ไหม” ถามซ้ำๆ ดวงตาเหม่อลอยเศร้าหมอง“หากเขารักเจ้าจริง จะต้องจำเจ้าได้อย่างแน่นอน” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ไม่รู้สึกมั่นใจในคำพูดของตัวเองหลายวันต่อมา“ใต้เท้า เว่ย” เจี้ยนหยาประสานมือตรงหน้า“อ่า ท่านหมอเจี้ยนหยาท่านนั่นเองไม่ได้พบกันเสียนานลมอะไรถึงหอบเอาท่านหมอเทวดามาถึงนี่”“ใต้เท้า หากไม่มีเรื่องรบกวนท่านคงไม่อาจพบหน้าข้าเดิม ข้าตั้งใจเร้นกายห่างหายจากวังหลวง แต่มาวันนี้มีบางเรื่องรบกวนท่าน”“คราวนั้นหากไม่ได้ ท่านหมอเจี้ยนหยา บุตรชายของข้าเป่ยเปยคง ไม่อาจมีชีวิตรอด คราวนี้ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟขอให้ท่านหมอเอ่ยปากเว่ยกงฉียินดีแบ่งเบา” เจี้ยนหยายิ้มบางๆเจี้ยนหยาจากไป พร้อมกับความสมหวังใต้เท้าเว่ยรับปากมั่นเหมาะ“ท่านพ่อรับน้องบุญธรรมเช่นนั้นหรือ ข้าไม่เห็นว่าจะจำเป็น” เว่ยเป่ยเปยก้าวออกมาจากด้านหลังของห้องแอบฟังสิ่งที่เจี้ยนหยากับบิดาพูดคุยกันได้ยินในตอนท้ายของความประสงค์“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากคนไม่เอาไหนเช่นเจ้าเป่ยเปย”“เช่นนั้นข้าก็ไม่รับนางในเมื่อข้าไม่เห็นด้วย”“ต้องดีต่อนางในเมื่อน
งานเฉลิมฉลองจัดขึ้นหลายวันผ่านไปราษฎรล้วนมีสุขถ้วนหน้าเจี้ยนหยาเก็บ กระจาดปลาที่ขายจนหมด ก่อนจะแวะไปที่ร้านขายไก่“ป้าเจี้ยน วันนี้ที่หน้าประตูวังเวลาเย็นมีการแจกจ่ายอาหารที่อร่อยระดับเดียวกับเครื่องเสวย แล้วยังมีการโปรยเหรียญทองกับเหรียญเงินอย่างละแสนตำลึง ข้าเห็นว่าป้าเจี้ยน เป็นคนกันเองนะถึงบอก ข้านี้จะรีบขายรีบปิดร้านไปกันทั้งบ้าน”“งานอะไรหรือเถ้าแก่ตง”“ฝ่าบาท กลับมานั่งบัลลังก์หลังจากที่ถูกพวกกบฏ ลอบสังหารบัดนี้ ทวงบัลลังก์คืนได้แล้วอีกอย่างว่ากันว่าเป็นข่าวดีที่สุดฮองเฮาทรงพระครรภ์ ฝ่าบาทจึงดีใจจัดงานเฉลิมฉลอง แล้วยังงดภาษีอีกตั้งสามปีงานนี้เพราะพระบารมีจริงๆ เดิมถูกทำการกบฏมีเสียงร่ำลือว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์มาครั้งนี้นับว่าเป็นข่าวดีถึงสามต่อ555อย่าลืมไปนะป้าเจี้ยน” เจี้ยนหยาพยักหน้าน้อยๆ คิดถึงซูเหยาที่ไม่ได้กินของดีดีนานแล้วหากได้ลิ้มรสอาหารดีดีเทียบเท่าเครื่องเสวยคงดีไม่น้อยอยู่บนเรือนแพกินแต่ปลาเช้าข้าวต้มปลาเย็นก็ปลาแห้ง จ่ายเงินซื้อไก่แล้วรีบไปที่เรือที่จอดไว้ตั้งใจไปรับซูเหยา ให้มางานเฉลิมฉลองเพื่อซูเหยาจะได้มีรอยยิ้มบ้างหลายวันมานี้ซูบผอมจนน่าใจหายแม้จะซื้อยาบำรุงครรภ์ไ
ซูเหยาขยับกายลุกขึ้นจากแท่นนอนยากเย็นเจ็บระบมไปทั่วตัวโดยเฉพาะจุดนั้น รอยหยดเลือดยังเปรอะอยู่ที่แท่นนอนไม้ไผ่ อมยิ้ม เมื่อคิดถึงบทรักหวานละมุนเมื่อคืน เขินอายกับเสียงกรีดร้องของตัวเองยามที่ซีซวนเร่งจังหวะกระแทกกระทั้น สวมใส่อาภรณ์เดินออกจากห้อง ไม่พบแม้เงาของซีซวน“ท่านแม่ ท่านพี่ข้าวต้มปลา”“เขาไปแล้ว”“ไม่จริง ไม่จริงเขาไม่มทางทิ้งข้าไป”ซูเหยาวิ่งเข้าไปในห้อง มองสำรวจจนไปทั่ว สิ่งที่พบคือป้ายหยก ลวดลายสวยงามที่เคยเห็นซีซวนแขวนไว้ข้างเอวเก็บมันขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาไหลรินสะอื้นไห้อย่างหนักเจี้ยนหยา เขามาสวมกอดลูกสาว“ท่านแม่เขาทิ้งข้าไปแล้ว”"ร้องออกมาเสียให้พอซูเหยาต่อไปจะได้ไม่ต้องร้องอีก”“ท่านแม่ซูเหยา...ซูเหยา เป็นของเขาแล้ว”มือใหญ่ลูบหัวให้เบาๆ“สักวันเขาจะกลับมา เจ้ารักเขามิใช่หรือก็ถูกแล้วที่จะเป็นของเขา”ซูเหยาซบหน้าลงบนอกมารดาสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวดในหัวใจวังหลวงอิงฝานในอาภรณ์บางเบา นั่งอยู่บนตักของซีซวน ที่กอดรัดไม่ห่าง“คิดถึงเจ้าที่สุด….”อิงฝานยิ้ม“ฝ่าบาท กลับมาครั้งนี้ได้เวลาคัดตัวนางในพอดีปีนี้อิงฝานตั้งใจคัดนางในที่งดงาม ไว้คอยปรนนิบัติฝ่าบาทเยอะหน่อย”กดร่า
เสียงปลาน้อยกระโดดเล่นน้ำจ๋อมแจ๋ม ซีซวนดึงอ้อมแขนออกช้าๆจุมพิตที่แก้วเนียน แผ่วเบา เหลือบตามองหยดเลือดที่เปรอะเปื้อนบนแท่นนอนไม้ไผ่ เผลอยิ้ม“แล้วข้าจะกลับมาซูเหยา”ลุกขึ้นแต่งกายอย่างเร่งรีบ ไม่อยากจากไปยามที่ซูเหยาตื่นลืมตาเขาคงไม่อาจ จากซูเหยาได้ในเมื่อตอนนี้ใจเขาอยู่ที่นางเสียหมดแล้ว จากลาไม่ต้องเอ่ยคำลา เพราะสัญญาว่าจะกลับมาอีกหน ปลดป้ายหยกที่ห้อยข้างเอวลงวางในมือของซูเหยา ก้มลงจุมพิตหน้าผากอีกครั้ง“พี่ชายข้าวต้มปลา”เสียงซูเหยาละเมอแผ่วเบา หันหลังจากไปไม่หันหลังกลับมามองพาเรือล่องลอยออกจากเรือนแพไป ฟ้าเริ่มสางเมื่อเรือมาถึงฝั่งพอดี ผูกเรือไว้ที่เคยผูกไว้กับซูเหยา“พี่ชายข้าวต้มปลา”เสียงซูเหยาลอยมาตามลมซีซวนยิ้มเศร้าๆ แค่เพียงห่างกันไม่ถึงชั่วยามเขายังคิดถึงซูเหยาเพียงนี้ก้าวเท้าขึ้นไปบนฝั่ง ตงฟางชิง ก้มลงประสานมือตรงหน้า“ฝ่าบาท”ซีซวนเบิกตากว้าง ใบหน้าคุ้นเคยของตงฟางชิง“เจ้าเป็นใคร”“ฝ่าบาท ตงฟางชิง องครักษ์เสื้อแพร”“เจ้าเรียกข้าว่าฝ่าบาท”"ฝ่าบาทก็คือฝ่าบาทไม่มีทางเป็นอื่น”ซีซวนเงยหน้าขึ้นช้าๆ อาการปวดหัวรุมเร้าทว่าภาพความทรงจำในหัวแล่นเข้ามาเป็นสาย“ซินอ๋อง สมควรตายอย่างยิ่
“ข้าส่งข่าวบอกท่านพ่อตงฟางชิงท่านเองก็ระวังตัวด้วย”“ฮองเฮาโปรดวางพระทัยข้าน้อยเร้นกายในค่ำคืนนี้ตั้งใจพบฝ่าบาทโดยเร็ว”ประสานมือจากไปเรือนแพ ซูเหยานั่งเหม่อมองจันทราที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าซีซวนทรุดกายลงข้างๆ“พี่ชายข้าวต้มปลา ท่านคิดว่าข้าจะคิดถึงท่านไหมหากท่านจากไป”“ข้าไม่อาจรู้ใจเจ้า รอให้อาวุโสกลับมาข้าจึงจะลองขออาวุโสให้เจ้าตามไปด้วย จะดีไหม”คิดถึงท่าทีดีใจของซูเหยาเมื่อรู้ว่าเขารอเพียงคำอนุญาตจากเจี้ยนหยา“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว อยากอยู่กับท่านแม่ท่านแม่ชรามากแล้วหากจากไปเกรงว่าท่านแม่คงลำบากไม่น้อย ข้ามมีท่านแม่เพียงคนเดียวหากข้าไป ท่านแม่ไปขายปลาที่ตลาดกลับมืดค่ำใครกันจะทำกับข้าวไว้รอ”ซีซวนยิ้มบางๆ“เจ้าคงคิดถึงข้าแค่เพียงไม่นานแล้วก็ลืมเลือนไป”“แล้วท่านจะคิดถึงข้าไหม”“ข้าคิดถึงข้าวต้มปลาของเจ้าแต่เดิมข้าไม่เคยลิ้มรส... เนื้อปลา”“ท่านก็แวะเวียนกลับมาเยี่ยมเราข้ากับท่านแม่ยินดีต้อนรับเสมอ”“เจ้าไม่อยากไปจากที่นี่แล้วหรือ”“อยากไปแต่ ข้าคิดว่าคงทำให้ท่านพี่ข้าวต้มปลาอึดอัดใจในเมื่อท่านไม่อยากให้ข้าไปด้วย”จะบอกได้อย่างไรว่าเขา ไม่เคยรังเกียจซูเหยาแต่เพราะเขาคิดว่า เขาไม่อาจทำร้ายซูเหยา
“คุณชาย ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายอีกทั้งยังไปมาลำบาก หากคนที่ตามหาท่าน ต้องการตามตัวเห็นทีจะหาไม่พบ เหมาะแก่การเร้นกายรอให้พวกที่ไล่ล่า เลิกสนใจเสียก่อนจึงดีไม่น้อย”“อาวุโสไม่กลัวว่าข้าเป็นคนไม่ดีหรือไร”“ดีหรือไม่ข้าเจี้ยนหยาหาสนใจไม่ทุกวันนี้เราสองคนแม่ลูกก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครโลกภายนอกวุ่นวายวกวน ผู้คนล้วนสวมหน้ากากเข้าหากัน หากว่าท่าน ในตอนนี้ แม้แต่ชื่อตัวยังจำไม่ได้ มิสู้เร้นกายให้หายดีแล้วค่อยจากไป”“ข้า ไม่อยากรบกวนอาวุโสกับซูเหยาการกินอยู่ที่นี่ลำบากท่านทั้งสองยังต้องคอย ทำเผื่อข้า”เจี้ยนหยายิ้ม“ซูเหยาตั้งแต่เกิดก็อยู่ในเรือนแพตลอดมา แทบจะไม่เคยข้องแวะกลับใครนางจึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนข้างนอก”“อาวุโส ข้าตั้งจว่าหากบาดแผลหายดีจะกลับไปบนฝั่งเพื่อไปรื้อฟื้นความจำของตัวเอง”“ข้ากับซุเหยาคงเหงาไม่น้อย คุณชายอยู่ที่นี่เรือนแพจึงมีชีวิตชีวา”ซีซวนรู้สึกใจหายไม่น้อยแต่หากอยู่ที่นี่นานไปเกรงว่า เขาอาจเผลอทำลายซูเหยาโดยไม่รู้ตัว สาวน้อยสดใสเช่นซูเหยา มีบางอย่างที่ซีซวนแม้จะไร้ความทรงจำแต่เขากลับรู้สึกว่าเขาไม่เหมาะกับเด็กสาวผู้บริสุทธิ์คนนี้แม้แต่น้อย แต่จะเป็นด้วยอะไรซีซวนไม่อาจทราบได้
ร่างสูงสะดุ้งตื่นในตอนบ่ายคล้อยหันมองรอบกายข้าวต้มเย็นชืดบนโต๊ะไม้ไผ่ ร่างเล็กของซูเหยาฟุบหน้าลงข้างๆ“อ๋อ พี่ชายท่านฟื้นแล้ว”“เจ้า”“ซูเหยาไปอุ่นข้าวต้มให้ใหม่กินเสียหน่อยคงหิวแย่แล้ว” สายตาหวาดระแวงยังไม่หายไปเพียงครู่เดียวข้าวต้มควันฉุยก็ถูกยกเข้ามา“ข้าวต้มปลา ข้าตกปลาข้างๆ แพเมื่อตอนเช้า แล่แล้วต้มข้าวต้มที่นี่ปลาอุดมสมบูรณ์ขาดแต่ฟืนที่ต้องพายเรือขึ้นบกไปเก็บมาเหมือนที่เมื่อวานข้าเจอพี่ชายตอนกำลังเก็บฟืน”ซีซวนจ้องมองริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มขยับขึ้นลง ใบหน้าของใครบางคนซ้อนทับ ริมฝีปากสีแดงสด ร่างอ้อนแอ้นท่าทีอ่อนหวานริมฝีปากสีแดงถูกเขาบดเบียด“อิงฝาน”เปล่งเสียงเบาๆ ซูเหยายิ้ม“ข้าซูเหยา อ๋อท่านแม่บอกว่าความทรงจำของท่านจะหายไปชั่วขณะแต่อีกไม่นานจะดีขึ้นแค่หมั่นกินยาที่ท่านแม่เจียดให้ไม่นานท่านแม่ของข้าเก่งที่สุดแต่เดิมเคยเป็นหมอหญิงในวังหลวงเชียวนะ แต่ตอนนี้ท่านแม่ปลดระวางพาข้าเร้นกายในเรือนแพ แสนสงบ”ซูเหยาเจื้อยแจ้วไม่สนใจว่าซีซวนจะฟังหรือไม่ตักข้าวตัมปลาขึ้นเป่าไปด้วยพูดไปด้วยคนไปด้วยจนข้าวต้มอุ่นๆ ก็ตักจ่อที่ริมฝีปากให้ซีซวน“รสชาติดีที่สุด”ซีซวนได้กลิ่นปลาที่เขาไ่เคยกินมาก่อนด้
ร่างสูงของใครบางคนทรุดกายลงเบื้องหน้าหวังซูเหยา อาภรณ์สีดำเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดไหลนอง ซูเหยาถลาเข้าจับชีพจร วางฟืนในมือลงข้างลำตัวทั้งลากทั้งดึงร่างใหญ่ให้ไปที่ร่มไม้ เสียงฝีเท้าม้าควบวิ่งวนวุ่นวายไปหมด“ค้นให้ทั่ว”เสียงคำรามจากร่างใหญ่ของบางคนตะโกนก้อง ทหารหายนายต่างแยกย้ายกันค้นหาซูเหยาลากร่างสูงเข้าไปหลบในร่มไม้ยกศีรษะให้นอนหนุนตัก รอจนกระทั่งหทารเสื้อเกราะพวกนั้นกลับไป จึงเดินออกไปตัดไม้มาทำแพไม้เพื่อจะลาก คนเจ็บ เพราะร่างเล็กของซุเหยาคงไม่อาจแบกเขาขึ้นบ่าได้ ลากร่างใหญ่อย่างทุลักทุเล ไปยังแม่น้ำกว้างใหญ่ ดึงอาภรณ์บริเวณ ไหล่หนาทั้งสองข้างให้ขึ้นไปบนเรือหยิบฟื้นวางในลำเรือก่อนจะใช้ไม้ค้ำถ่อดันเรือด้วยความชำนาญกลับไปยังเรือนแพกลางน้ำร่างสูงนอนเหยียดยาวซูเหยาพิศมองบหน้าหล่อเหลา คนผู้นี้เป็นใครกันเหตุใด ทหารต้องตามล่าเขาด้วย ใบหน้าหล่อกระสับกระส่ายไปมาด้วยพิษบาดแผล ซูเหยาเร่งมือให้ถึงเรือนแพโดยเร็ว“ท่านแม่”หวังเจี้ยนหยา โผล่หน้าออกมาจากเรือนแพกลางน้ำ ชะโงกมองเมื่อเห็นว่าซูเหยานำคนผู้หนึ่งมาด้วยในสภาพไร้สติก็รีบรุดไปช่วยดึงเรือมาผูกไว้กับเรือนแพ“คนผู้นี้เป็นใครกัน”ซูเหยาส่ายหน้าไป